Chapter 81 ไท่ซูจื่อ.
"ทุก ๆ ท่าน เชิญได้เลย."กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.
กู่หลิน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจ นางกำลังทำอะไรกัน? ทำไมถึงได้เชิญชวนให้คนอื่นมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์?
ดวงตาของจงซานถึงกับเป็นประกาย หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่ฉลาดมาก!
"จงซาน พวกเราก็ลงไปหาจิตวิญญาณค่ายกลกันเถอะ."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.
"อืม."จงซานพยักหน้าให้กับเทียนหลิงเอ๋อ จากนั้นก็หันหน้าไปยังหยิงหลาน หยิงหลานที่ราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างกับสัญญาณที่จงซานส่งให้.
จงซานพบว่าเป่ยชิงซือกำลังเพ่งพิศคิดอะไรบางอย่างราวกับว่านางได้คำนวณอะไรอยู่ในใจ มีทั้งความดีใจและเป็นกังวลพร้อม ๆ กัน.
สองวันก่อนหน้านั้น จงซานที่ได้รับรู้บางสิ่งมา หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับเป่ยชิงซือ กับสิ่งที่เป่ยชิงซือรู้ นางยังไม่ได้หลักฐานอะไรเลย ทว่าเป่ยชิงซือก็ยังต้องการหลักฐานเพื่อไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบิดา ซึ่งจำเป็นต้องทะลวงค่ายกลแห่งนี้เข้าไปให้ได้ ซึ่งตามข้อมูลแล้วหลักฐานชิ้นแรกนั้นอยู่กับผู้ควบคุมค่ายกล ไท่ซูจื่อนั่นเอง.
นอกจากนี้ จากสายตาของเป่ยชิงซือแล้ว จงซานเชื่อว่านางสามารถค้นหาประตูที่ตั้งของไทซูจื่อได้.
"พวกเจ้าไม่ไปอย่างงั้นรึ?"กงจู่เฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังกลุ่มของจงซาน.
จงซานที่กล่าวออกมาในทันที "อืม ชิงซือ พาพวกเราไปตรงนั้นที."
เป่ยชิงซือที่จ้องมองมายังจงซาน สายตาของนางที่แสดงท่าทางขอบคุณ ทว่าใบหน้าของนางยังคงสุขุมอยู่.
"อืม."เป่ยชิงซือพยักหน้า.
นางที่นำกระบี่เหินสีขาวออกมา จงซานที่นำหยิงหลานก้าวขึ้นไปบนกระบี่เหิน เทียนหลิงเอ๋อที่ขึ้นผ้าแพรไหมแดงของนางตามจงซานไป.
หุบเขาแห่งนี้มีพื้นที่กว้างเป็นอย่างมาก คนหลายร้อยคนก่อนหน้านี้ที่ลงไปด้านล่างได้เลือกเข้าไปยังประตูต่าง ๆ แล้ว.
จงซานที่อยู่บนกระบี่เหิน สังเกตเห็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด หลาย ๆ คนที่เข้าในประตู จากนั้นชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาก็โผล่ออกมาอีกประตูหนึ่ง ทั้ง 80,000 ประตูนั้นดูเหมือนว่าจะมีการเชื่อมต่อกันอยู่อย่างแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าเมื่อเข้าไปข้างใน พวกเขาก็จะโผล่ออกมายังอีกประตูหนึ่งได้.
จงซานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดด้านล่าง.
อย่างไรก็ตาม จงซานก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาที่ให้เป่ยชิงซือพุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง จงซานเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรเป่ยชิงซือย่อมพาเขาไปยังทิศที่ไท่ซูจื่ออยู่ได้อย่างแน่นอน.
ขณะที่พวกเขาลอยอยู่บนอากาศ มีสายตาสามคู่ที่จับจ้องมองมายังจงซาน.
คนแรกเป็น กงจูเฉียนโหยว นางค่อนข้างชื่นชมกับความสามารถของจงซาน แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในขั้นแรกของการฝึกฝน แต่ก็มีความสามารถมากมาย นางต้องการที่จะรับจงซานมาทำงานให้กับนางอยู่ด้วยเหมือนกัน.
ส่วนอีกฝั่ง ชายในชุดสีขาวสองคน คนหนึ่งเป็นผู้เยาว์และชายวัยกลางคนอีกผู้หนึ่ง.
"ฉู่จิว เจ้าคิดว่าพวกเราสามารถหาจิตวิญญาณค่ายกลได้อย่างงั้นรึ?"ชายหนุ่มหัวเราะออกมา.
"เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ กงจื่อแล้ว."ชายวันกลางคนกล่าว.
"เจ้าน่าจะเห็น คนผู้นั้นจัดการทหารต้นหญ้าได้อย่างง่ายดาย เขามีความข้าใจที่ยอดเยี่ยมในเพลงกระบี่ และความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับข้า เช่นนั้นข้าต้องการประลองกับเขา เจ้าไปหาประตูสักบานและปกป้องพื้นที่นั้นเอาไว้ ข้าจะประลองกับเขา."ชายหนุ่มที่กล่าวอย่างขึงขังราวกับว่าเขามีความสุขที่สุดหากว่าได้ต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่ง.
"รับทราบ."ชายวัยกลางคนที่ตอบรับในทันที.
ที่บนยอดเขานั้น กู่หลินรู้สึกร้อนรนที่เห็นคนอื่น ๆ กำลังเริ่มค้นหาสำรวจประตูต่าง ๆ .
"เฉียนโยว พวกเราไม่ไปอย่างงั้นรึ?ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการจิตวิญญาณค่ายกลหรอกเหรอ?พวกเราต้องลงทุนลงแรงไปเท่าไหร่ก่อนหน้านี้?"กู่หลินที่สอบถามออกมาด้วยท่าทางกระวนกระวาย.
กงจูเฉียนโหยวที่ชำเลืองมองไปยังกู่หลินและทอดถอนใจ."มันจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักในการผสานร่างเข้ากับจิตวิญญาณค่ายกล นอกจากนี้อาเอ้อได้ทำการบันทึกความทรงจำทุกอย่าง ที่เขาเห็นอยู่ คนเหล่านี้เข้าไปประตูหนึ่งแล้วออกไปประตูหนึ่ง พวกเราจำเป็นต้องตัดประตูที่ไม่ใช่ออกไป หากว่ามีประตูที่แท้จริงเมื่อพวกเขาไม่ทะลวงผ่านไปยังประตูอื่นขึ้นมาล่ะก็ เช่นนั้นก็จะพบไทซูจื่อที่แห่งนั้นได้.”
"เช่นนั้นพวกเราก็จะรีบไปยังประตูดังกล่าวเลยอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่อุทานออกมาท้ายที่สุดเขาก็เข้าใจ.
กงจูเฉียนโหยวที่ตอบกลับออกมาด้วยท่าทางรำคาญ."อืม."
"จงซาน พวกเราจะเข้าไปประตูบานใหนอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่บินตามเป่ยชิงซือและสอบถาม.
จงซานที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือและตอบกลับมาว่า."พวกเราแค่ตามอาจารย์อาไป ก็จะพบไทซูจื่อได้."
"หืม?"เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่อยากเชื่อเท่าใดนัก.
เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังจงซานอย่างไม่ได้ตั้งใจ มีประกายแสงที่ไม่อยากเชื่อปรากฏขึ้นภายในดวงตาของนาง มีความประหลาดใจมากมายที่เกิดขึ้นในใจนาง.
ไม่นานหลังจากนั้นคนทั้งสี่ก็ร่อนลงไปยังหุบเขา ที่ด้านหน้านั้นมีประตูบานหนึ่ง.
"ไปกันเถอะ."เป่ยชิงซือกล่าว.
"อืม "จงซานพยักหน้าและนำหยิงหลาน เทียนหลิงเอ๋อตามนางไป และเวลาเดียวกันร่างแยกเงาของเขาก็กลับมาถึงร่างต้นพร้อมกับผสานเข้าเป็นหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าไป.
คนทั้งสี่ที่ก้าวเข้าไปในประตูบานหนึ่ง.
ทันใดนั้นพื้นที่รอบ ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด.
พื้นเหยียบที่โปร่งใส ด้านล่างเป็นเหวลึกสุดหยั่ง ทว่าพวกเขาไม่หล่นลงไปด้านล่าง บรรยากาศรอบ ๆ ที่ดูแปลกประหลาดมีจอภาพปรากฏอยู่เต็มไปหมดที่นี่คือศูนย์กลางของค่ายกลแปดประตูกุญแจทองอย่างงั้นรึ? ดูเหมือนว่าจะสามารถมองเห็นภาพทุกพื้นที่ราวกับว่าสามารถมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ในค่ายกลได้เลย.
มีภาพที่ปรากฏเป็นคนมากมายที่เข้าไปในประตูที่แตกต่างกัน เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายกล เทียนชาและสุ่ยจิงยังมีภาพของพวกเขาด้วย.
ที่แห่งนี้คือใจกลางของค่ายกล ดวงตามังกร.
ที่ใจกลางของพื้นที่นั้น มีชายชราที่กำลังนั่งสมาธิอยู่.
ชายชราในชุดสีเหลือง ทว่ารอบ ๆ ร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ผมของเขาเองก็เปรอะเปื้อนด้วยเช่นกัน ตำแหน่งตรงรักแร้เองก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกโชก.
ชายชราที่เผยยิ้มออกมาให้กับกลุ่มของพวกเขา เป่ยชิงซือที่เดินตรงไปอย่างช้า ๆ จงซานที่นำสองสาวเดินตาไปด้วยเช่นกัน.
"เหม็นจัง."เทียนหลิงเอ๋อที่โพล่งออกมาพร้อมกับเอามือบีบจมูก.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า."ชายชราที่หัวเราะออกเสียงดังในทันที.
"หลิงเอ๋อ "จงซานที่ขมวดคิ้วและกล่าวออกมา.
เห็นจงซานขมวดคิ้วไปมา เทียนหลิงเอ๋อที่แลบลิ้นเล็ก ๆ ด้วยท่าทางทะเล้น.
"สาวน้อยนั่น กล่าวความจริง เหม็นจริง ๆ ข้าเองก็เหม็นมากด้วยเช่นกัน."
"อาวุโส หลิงเอ๋อยังเด็กและกล่าวออกไปอย่างไม่คิด ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัย."จงซานที่กล่าวขอโทษแทนนาง จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาก่อนหน้านี้สองวัน จงซานรู้ได้ว่าไท่ซูจื่อนั้นกำลังจะตาย นี่คือสัญญาณของผู้ฝึกตนที่กำลังจะตายนั่นเอง อย่างไรก็ตาม คนที่กำลังจะตายนั้นอารมณ์จะรุนแรง บางคนอาจจะดูสุขุม บางคนก็โมโหร้าย จงซานไม่สามารถบอกได้เลยว่าไท่ซูจื่อผู้นี้เป็นคนเช่นใด ดังนั้นการอ่อนน้อมจึงนับว่าจะทำให้พวกเขาปลอดภัย.
"ข้าหาได้ใสใจ ข้ารู้สึกประหลาดใจที่เห็นพวกเจ้ามายังที่แห่งนี้ อย่าได้กังวล ข้าเองก็ต้องการจะหาใครบางคนเพื่อส่งต่อจิตวิญญาณค่ายกลและพวกเจ้าจะสามารถช่วยข้าบรรลุความต้องการได้ จิตวิญญาณค่ายกลนั้นจะต้องถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อไป .หนึ่งในพวกเจ้าทั้งสี่ใครต้องการจิตวิญญาณค่ายกลอย่างงั้นรึ?"ชายชราจ้องมองไปยังคนทั้งสี่ด้วยรอยยิ้ม.
จงซานยังคงเงียบ.
"อาวุโส ข้ามาที่นี่ไม่ได้ต้องการจิตวิญญาณค่ายกล ข้ามาที่นี่เพื่อหาของบางอย่างที่มีอยู่กับท่าน."เป่ยชิงซือกล่าวออกมาทันที.
"โอ้ว?"ชายชราที่หันหน้าจ้องมองไปยังเป่ยชิงซือด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"ข้ามีนามว่าเป่ยชิงซือ บิดาของข้าคือเป่ยชิงเฟิง ถูกคนชั่วร้ายใส่ร้าย เขาได้นำสิ่งของบางอย่างฝากไว้กับท่าน โปรดช่วย มอบสิ่งของดังกล่าวเพื่อนำมาใช้กู้ชื่อเสียงของบิดาข้าด้วยเถอะ."เป่ยชิงซือกล่าว.
"เจ้าคือบุตรสาวของเป่ยชิงเฟิงอย่างงั้นรึ?ใช่ ถูกแล้ว ผมสีขาว คิ้วสีขาวนั่น ไม่คิดเลยว่าสายโลหิตตระกูลเป่ยยังคงมีชีวิตเหลืออยู่อีก ช่างน่าเศร้าแทนบิดาเจ้านัก โอ้ว เขาได้จากไปก่อนข้าซะแล้ว."ชายชราที่ค่อนข้างตื่นเต้นและเสียใจไปพร้อม ๆ กันขณะพูด.
เขาสะบัดฝ่ามือหนึ่งครั้ง ปรากฏตำราสีม่วงอยู่ในมือของเขา.
"ข้าเองก็ต้องการหาคนนำบันทึกนี้ไปให้กับเจ้าเช่นกัน ตอนนี้เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง เจ้ารับมันไปเถอะ ข้ายังจำได้ดีวันที่ข้าและชิงเฟิงต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหมือนกัน มันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำยิ่งนัก อย่างไรก็ตามข้าช่างไร้วาสนาที่ไม่ได้มีทายาทเช่นเขา."ไท่ซูจื่อที่ยืนตำราดังกล่าวออกมาพลางทอดถอนใจ.
เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังบันทึกสีม่วง น้ำตาที่ไหลรินลงมาพร้อม ๆ กัน.
"ขอบคุณอาวุโสยิ่งนัก."เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังบันทึกดังกล่าวและกล่าวออกมาด้วยความอัดอั้น เสียงสั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย.
"บิดาของเจ้าและข้าก็เหมือนกับพี่น้องกัน เจ้าเรียกข้าว่าต้าโป๋ได้."ไท่ซูจื่อที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ.
"ต้าโป๋."เป่ยชิงซือเรียกเขา.
大伯 Dàbó ลุง
"ดี ดีมาก ยอดเยี่ยม ก่อนที่ข้าจะตาย ยังได้พบกับหลานสาว สวรรค์ยังคงเมตตาข้าอยู่."ไท่ซือจู่ที่แสดงท่าทางตื่นเต้น.
"อ๋า?"เทียนหลิงเอ๋อที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.
จงซานที่หันหน้ากลับไปเห็นนางที่ชี้ไปยังภาพ ๆ หนึ่งด้วยความตื่นเต้น ภาพดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ด้านนอกของค่ายกล.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เอ่ยถามด้วยเสียงเบา ๆ .
"ข้าจำสถานะที่แห่งนั้นได้."เทียนหลิงเอ๋อที่กระซิบบอกเขา.
ส่วนอีกด้านหนึ่ง.
"ตอนแรกข้าต้องการหาใครสักคนเพื่อส่งมอบจิตวิญญาณค่ายกล ตอนนี้ในเมื่อหลานสาวข้าอยู่ที่นี่แล้ว จิตวิญญาณค่ายกลก็เป็นของเจ้า."ไท่ซูจื่อกล่าว.
"ไม่ ต้าโป๋ ข้าไม่ต้องการใช้จิตวิญญาณค่ายกลแต่อย่างใด มอบมันให้กับจงซานเถอะ."เป่ยชิงซือที่เก็บบันทึกและส่ายหน้าไปมา.
"จงซาน?"ไทซูจื่อหันหน้ากลับไปมองจงซาน.
เห็นชัดเจนว่าเป็นชื่อบุรุษ ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะบอกว่าเป็นใคร.
ไท่ซูจื่อที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางประหลาดใจ หลังจากเพ่งพิศอยู่ชั่วขณะก็กล่าวออกมาว่า"เขามีพรสวรรค์ทางร่างกายที่แย่มาก เซียนเทียนระดับสี่เองอย่างงั้นรึ? แปลกมาก แปลกจริง ๆ ."
จงซานที่รู้ว่าพรสวรรค์ของเขานั้นแย่มาก ทว่าเขาก็ไม่จำเป็นที่จะกล่าวแย้งอะไรออกมา.
"จื๋อนวี่ เจ้ามั่นใจนะว่าต้องการมอบให้กับเขา?"ไท่ซูจื่อที่หันหน้ามามองเป่ยชิงซือด้วยสายตาที่ประหลาดใจ.
侄女(zhínǚ/จื๋อนวี่)หลานสาว(ลูกของพี่ชายหรือน้องชาย)
ทันใดนั้นใบหน้าของเป่ยชิงซือเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อนับว่าเป็นครั้งแรกของนางเลยก็ว่าได้.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า."ไท่ซูจื่อราวกับว่าเข้าใจได้ในทันทีก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็หันหน้าไปมองจงซานอีกครั้ง.
"ได้ เสี่ยวจื่อ ข้าจะมอบจิตวิญญาณค่ายกลนี้ให้กับเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ทรยศหลานสาวของข้า."ไท่ซูจื่อกล่าว.
小子Xiǎozi ไอ้หนู เด็กน้อย.หนุ่มน้อย.
"หืม?"จงซานที่สีไปที่จมูกตัวเองไปมา.
"ต้าโป๋ ท่านกล่าวกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านเข้าใจผิดแล้ว จงซานนั้นเป็นคนส่งข่าวที่ทำให้ข้ามาที่นี่ได้ ข้าติดหนี้เขา นอกจากนี้ข้าเองก็ไม่สนใจเกี่ยวกับการสงครามแต่อย่างใด ข้าเองไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้มันเลย."เป่ยชิงซือเร่งรีบอธิบายออกมาทันที.
"หืม? ดี."ไท่ซูจื่อที่พยักหน้าไปมา.
"อาวุโส."จงซานที่เอ่ยต่อไท่ซูจื่อทันที.
หลังจากที่แก้ไขความเข้าใจผิด ไท่ซูจื่อก็จ้องมองจงซานอีกครั้ง.
"จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะส่งมอบให้กับนาง?"จงซานที่ชี้ไปยังหยิงหลาน.