Chapter 8 อีกาเหมันต์โจมตี.
ในวันที่สามนั้น เสื้อผ้าของเหล่าเยว่จื่อจงเป็นรอยฉีกขาดชำรุดไปทั่วร่าง ทว่าเขาก็ยังคงมุ่งมั่นเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไป.
เวลานี้เขายืนอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งกวาดตามองไปรอบ ๆ ที่ด้านซ้ายของเทือกเขานั้น มีฝูงยุงพิษกลุ่มหนึ่งที่ขวางทางอยู่ มากมายน่าหวาดกลัวกว่าเหล่าสัตว์ร้ายซะอีก.
ส่วนทางด้านขวานั้น มีแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ เป็นสายน้ำขนาดมหึมาที่งดงามอยู่ไม่น้อย.
"ฟูๆ."(หอบ หอบ)
เสียงหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง พร้อมกับจ้องมองไปยังแผนที่ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่ ที่เข้ามีนี้ละก็ เขาน่าจะไปถึงสำนักไคหยางได้ในเวลาสองเดือน.
สายตาของเขาที่มุ่งมั่นจ้องมองออกไปด้านหน้าไกลออกไป เหล่าเยว่จื่อจงที่กระโดดข้ามเนินพร้อมกับเตรียมตัวมุ่งไปยังด้านเหนือ ทว่า เพียงแค่ลงมาถึงเชิงเขา เหล่าเยว่จื่อจงก็ต้องหยุดก้าวไปในทันที.
"เอ๊ะ นี่มัน!!"เหล่าเยว่จื่อจงที่ขมวดคิ้วจ้องมองไปรอบ ๆ.
ต้นไม้ที่หักโค่น? เนินหญ้าที่บี้แบน? ไม่ใช่ว่ามีการต่อสู้ใหญ่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้หรอกเหรอ? แล้วนี่ ยังเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงเป็นอย่างมากอีกด้วย.
เหล่าเยว่จื่อจงที่ค่อยๆสำรวจพื้นที่รอบๆ พื้นที่ที่มีการต่อสู้อย่างรุนแรง ก่อนที่จะเห็นที่ด้านหน้านั้นมีซากศพร่างหนึ่งนอนอยู่.
หมาป่าที่ตายแล้ว.
นี่มันหมาป่าเมื่อวานนี้ไม่ใช่รึ? เหล่าเยว่จื่อจงที่ตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นร่างของมัน ดูเหมือนว่าร่างกายของมันจะไม่มีบาดแผลใด ๆ จากคมอาวุธ ดูเหมือนว่าร่างกายของมันนั้นถูกแช่แข็งไปทั่วร่าง?
ถูกแช่แข็ง?
เหล่าเยว่จื่อจงที่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฤดูร้อนแต่อย่างใด ทว่าดวงตะวันก็ยังส่องแสงลงมาถึง แล้วมันจะถูกแช่แข็งได้อย่างไร?
เขาที่เพิ่งพิศจ้องมองไปรอบ ๆ ขณะที่เห็นรอยดาบสั้นของเขาบนร่างของมัน เหล่าเยว่จื่อจงก็ยิ่งมั่นใจว่านี้คือหมาป่าเงินที่พยายามจะกินเข้าเมื่อวานนี้.
หมาป่าเงินตายแล้ว? ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังกว่าสังหารมัน? เป็นไปได้ว่าหมอกกำหนัดหงหลวนนั้นจะทำให้มั่นงุ่นง่านจนถูกสัตว์อสูรตัวอื่นสังหารไปอย่างง่ายดายหรือไม่?
เขาที่คิดใคร่ครวญความเป็นไปได้ต่าง ๆ เหล่าเยว่จื่อจงจ้องมองไปยังศพของมันอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนที่จะใช้มีดสั้นชำแหละแทงเข้าไปยังช่องท้องของหมาป่า.
มีดสั้นแม้จะมีขนาดเล็กกว่าดาบสั้น ทว่ากลับมีความคมกว่ามาก.
หมาป่าเงินแม้ว่าหนังของมันจะค่อนข้างหนา ทว่าในเวลานี้มันได้ตายไปแล้วไม่มีปราณอสูรคุ้มกายอีกแล้ว ทำให้มีดธรรมดาก็สามารถทะลวงเข้าไปยังศพของมันได้ เพียงแค่เวลาไม่นานเหล่าเยว่จื่อจงก็ผ่าท้องของมันได้.
ดูเหมือนว่าความเย็นนั้นจะกัดกินเข้าไปถึงด้านใน เหล่าเยว่จื่อจงจ้องมองไปรอบ ๆ ท้ายที่สุดก็พบกับลูกปัดสีเงินขนาดเท่ากับหัวแม่โป้ง.
แกนอสูร มันคือแกนอสูรของหมาป่าเงิน นี่คือความแตกต่างระหว่างสัตว์ร้ายกับสัตว์อสูร สัตว์อสูรทุกตัวนั้นจะมีแกนอสูร ส่วนสัตว์ร้ายนั้นไม่มี.
[内丹 Nèi dān inner core แก่นอสูร.]
แกนอสูรของสัตว์อสูรนั้นได้ดูดซับพลังวิญญาณของสรรพสิ่ง แก่นของสุริยันจันทรา อัดแน่นเข้าไปในแกนอสูรนี้ สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว แกนของอสูรกระจอก ๆ นี้ไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาแน่ ทว่าสำหรับเหล่าเยว่จื่อจงตอนนี้ นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่า.
เขาที่เก็บมันเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่จะเดินทางต่อไป.
"กาๆๆ.."
ทันใดนั้น เหล่าเยว่จื่อจงที่ได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านหลัง.
ด้วยความตกใจจึงเร่งรีบจ้องมองไปยังเสียงดังกล่าวทันที อีกา? ไม่ๆ อีกาสีขาว อีกาเหมันต์? ปีกของมันสยายออกมาได้กว่าสองเมตรเลยไม่ใช่เหรอ.
อีกาเหมันต์? สัตว์อสูร?
อีกาเหมันต์จับจ้องมองมายังเหล่าเยว่จื่อจง ดวงตาของมันกลายเป็นสีแดงโลหิต เห็นเหล่าเยว่จื่อจงเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรง.
เหล่าเยว่จื่อจงที่เห็นเห็นท่าทางของมันแล้ว เขาตระหนักได้ว่า ภัยได้มาเยือนแล้ว อีกาเหมันต์? อาคมเยือกแข็ง? หมาป่าเงินถูกแช่แข็ง? เป็นฝีมือของมันหรือไม่?
"กาๆๆ"
อีกาเหมันต์ที่สร้างคลื่นควันสีขาวขึ้นมาพร้อมพ่นตรงมายังร่างของเหล่าเยว่จื่อจง.
เหล่าเยว่จื่อจงที่พลิกตัวหลบตามสัญชาตญาณ คลื่นสีขาวที่พุ่งเข้ามาพลาดเป้า ปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นต้นไม้ใหญ่กลายเป็นน้ำแข็ง ถูกแช่แข็งเลยอย่างงั้นรึ?
หนี! วิ่งให้เร็วที่สุด!
ดาบสั้นที่กวัดแกว่งไปข้างหน้า ตวัดแหวกต้นไม้ที่หนา วิ่งรุดเข้าไปในป่าเพื่อที่จะหาที่ซ่อนตัว.
เหล่าเยว่จื่อจงนั้นวิ่งเร็วเป็นอย่างมาก ทว่าอีกาเหมันต์ก็ยังตามเขาไปทุกที ต้นไม้ ใบหญ้าที่ถูกแช่แข็งตลอดทาง ไล่หลังเหล่าเยว่จื่อจงที่หลบได้อย่างหวุดหวิดแทบจะทุกครั้ง.
หลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าเขาจะหลบอาคมเยือกแข็งได้อย่างฉิวเฉียดทว่าไอเย็นที่แพร่ออกมานั้นไม่สามารถที่จะหลบได้เลย แขนขาของเขาในเวลานี้เริ่มชาไปแล้ว.
สถานการณ์เวลานี้ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เขาจะต้องตายในทันทีหากว่าเขาหมดแรง ตอนนี้เหล่าเยว่จื่อจงวิ่งมาตลอดสองชั่วโมงแล้ว อีกาเหมันต์ตามเขาไม่ห่างเลย ขณะที่เขากำลังกระวนกระวายหนีอย่างทุลักทุเลอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ปรากฏอีกาเหมันต์อีกตัวปรากฏขึ้นมา พร้อมกับร่วมมือกันไล่ตามเขาอีก อีกาเหมันต์สองตัวอย่างงั้นรึ?
อีกาเหมันต์สองตัวที่ไล่ล่าเหล่าเยว่จื่อจง.
ด้วยแขนที่ด้านชา เหล่าเยว่จื่อจงไม่รู้ว่าเขาได้ทำดาบสั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่และเขาไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจมันด้วย ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวต้องหนี แต่ เขาจะหนีอีกาเหมันต์ได้อย่างไร? ตอนนี้มันมีอยู่ด้วยกันถึงสองตัว.
กับสถานการณ์ที่หนักอึ้ง ยากที่จะตัดสินใจอะไรได้ ขณะที่เขาวิ่งสุดแรงนั้น ขณะที่วิ่งมือขวาของเขาที่ชาจนขยับไม่ได้ ไร้ซึ่งลังเลมือซ้ายที่ล้วงเข้าไปในถุงนำเม็ดยาสีดำออกมา.
เม็ดยาไป่จ้าง เป็นเม็ดยาต่อต้านยุงพิษ!
หลังจากที่กินยาไปแล้วก็เปลี่ยนเส้นทาง วิ่งตรงไปยังพื้นที่ฝูงยุงพิษทันที.
เหล่าเยว่จื่อจงนั้นนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ซึ่งเป็นความสามารถที่เกินกว่ามนุษย์ปุถุชนทั่วไปจะสามารถทำได้.
เม็ดยาไป่จ้างนั้นสามารถที่จะป้องกันพิษยุงได้ทุกชนิด ทว่าไม่มั่นใจเหมือนกันว่าพิษยุงในป่าลึกนี้ จะได้ผลหรือไม่?
หากแต่ไม่วิธีอื่นแล้ว หากเขาไม่ลองล่ะก็ อีกาเหมันต์สองตนนี้จะต้องสังหารเขาให้ตายในไม่ช้านี้แน่.
เหล่าเยว่จื่อจงพุ่งตรงไปยังพื้นที่ยุงพิษ เท้าของเขาเวลานี้เริ่มมีน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมด.
"หึ่งๆๆๆ.."
เขาที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ยุงพิษแล้ว.
"กา กา กา กา".....
สัตว์อสูรดูเหมือนว่าพวกมันจะมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง อีกาเหมันต์ไม่กล้าเข้ามาในพื้นทีของอาณาเขตยุงพิษ พวกมันยังคงร้องลั่นบินชะงักอยู่นอกพื้นที่.
ปลอดภัย ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วจริง ๆ รึ?
เหล่าเยว่จื่อจงที่ปาดเหงื่อบนหน้าผากและใช้ปราณแท้พยายามขับไล่ความหนาวเย็นออกจากแขนและขา ซึ่งตอนนี้มันอาบไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง เหล่าเยว่จื่อจงยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย เทือกเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยอันตรายจริงๆ หากว่าเขาไม่ได้ก้าวไปถึงระดับเซียนเทียน คงตายไปแล้ว.
ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าเยว่จื่อจงรู้สึกวิงเวียนหน้ามืดขึ้นมาทันใด.
หน้ามืด? เม็ดยาไป๋จ้างไม่ได้ผลอย่างงั้นรึ?
เหล่าเยว่จื่อจงที่ตื่นตกใจและขวัญผวาขึ้นมาทันที นี่เขาถูกพิษ พิษของยุงพิษที่เข้ามาภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว แขนของเขาที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้าๆ.
ขณะที่จ้องมองไปยังแขนทั้งสองข้างที่กำลังเปลี่ยนแปลง เหล่าเยว่จื่อจงกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขาจะทำอย่างไรดี ที่นอกเขตแดนก็มีอีกาเหมันต์สองตัวเฝ้าอยู่?
เขาที่พยายามโคจรพลังภายในอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับช่วยอะไรได้ไม่มาก พิษมาเลเลียกำลังเข้ามาในร่างของเขาแล้ว.
แต่ถึงกระนั้น เหล่าเยวจื่อพบว่าแม้ว่าแขนทั้งสองจะเริ่มชาไปแล้วทว่าเขากับรู้สึกวิงเวียนเท่านั้น เขาในเวลานี้ยังคงมีสติสมบูรณ์.
มีสติสมบูรณ์อย่างงั้นรึ?
ทันใดนั้นเหล่าเยว่จื่อจงก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา เขาเริ่มใช้วิชาหลงหลวนเทียน เมื่อใช้ทักษะพลังดังกล่าว พลังสีชมพูก็ปรากฏเป็นโล่ป้องกันร่างกายของเขาเอาไว้ แม้ว่าโล่นี้จะไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้ ทว่าดูเหมือนว่ามันกลับสามารถป้องกันพิษมาลาเลียได้หรือไม่?
หมอกหงหลวน?หมอกหงหลวนสามารถใช้เป็นโล่ป้องกันพิษมาลาเลียได้?
หลังจากตระหนักได้ว่ามันได้ผล เหล่าเยว่จื่อจงก็รู้สึกตื่นเต้น พร้อมกับใช้พลังจิตผสมเข้ากับปราณแท้สร้างหมอกหงหลวนพร้อมกับผลักดันพิษมาลาเลียออกจากร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง.
ผ่านไปเพียงชั่วขณะเท่านั้น เขาก็สามารถขับพิษออกจากร่างกายได้ทั้งหมด.
ที่ด้านนอก อีกาเหมันต์สองตนไม่กล้าเข้ามา ทำอย่างไรดี? ถึงแม้ว่าจะเป็นทักษะหงหลวนเทียนขั้นแรก ทว่าก็ใช่ว่าเขาจะใช้ทักษะดังกล่าวนี้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด.
ไม่ ยังไงเขาก็ต้องออกไปจากพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุด พื้นที่ด้านหน้านั้นมีเนินเขาขนาดเล็ก ๆ อยู่ ภูเขานั่นน่าจะสามารถใช้เป็นที่หลบการเฝ้ามองของอีกาเหมันต์ได้ และนั่นก็เป็นโอกาสให้เขาจะใช้หลบหนีได้.
เหล่าเยว่จื่อจงเร่งรีบตรงไปยังทิศเหนือในทันที.
ขณะที่เขามาถึงเนินเขานั้น กำลังที่จะขึ้นไปบนเนินเขา เพื่อที่จะหาสถานที่หลบการจับจ้องของอีกาเหมันต์.
ขณะที่ปีนอยู่นั้น คาดไม่ถึงเลยว่าเหล่าเยว่จื่อจงจะได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง.
เสียงที่ดังผ่านมาจากอีกฝั่งของเนินเขาอย่างงั้นรึ? เหล่าเยว่จื่อจงที่ค่อยขยับขึ้นไปช้า ๆ กวาดสายตาจ้องมองอย่างระมัดระวัง หลายสิบปีมานี้เขาที่สามารถสร้างธุรกิจระดับอาณาจักรขึ้นมาได้นั้น เขาได้เรียนรู้ทักษะเล็ก ๆ น้อยในการเอาตัวรอดมากมาย วิธีการแอบมองของเขานั้นไม่ธรรมดาเลย ยากที่จะมีใครสามารถรับรู้ตัวตนของเขาได้ แน่นอนยิ่งสามารถแอบมองเห็นเรื่องต่าง ๆ โดยที่คนอื่น ๆ ไม่รู้ตัวได้ ยิ่งสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับเขา ถึงบางครั้งมันจะไม่ได้อะไรกลับมา ทว่าก็ไม่มีอะไรเสียหายเช่นกัน.
ดูเหมือนว่าเนินเขาแห่งนี้ ไม่ได้สูงใหญ่มากนัก เป็นไปได้ว่ามีคนสร้างมันขึ้นมา เพราะว่าศิลามากมายที่ซ้อนกันไปมานั้นกลายเป็นชั้นดินที่มั่นคง ทว่าชั้นดินกลับอยู่ด้านล่างบนเนินเขานี้ ไม่มีดินแทรกอยู่เลย และยังเป็นศิลาที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.
เห็นเหตุการณ์ที่ผิดปรกติเช่นนี้ เหล่าเยว่จื่อจงยิ่งอดสงสัยไม่ได้เลย แม้ว่าวิชาหงหลวนเทียนจะอยู่ได้ไม่นาน ทว่าเขาก็ยังต้องการที่จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าเยว่จื่อจงที่ค่อย ๆ ขยับขึ้นไป ก็พบว่ามีถ้ำลับซ่อนอยู่.