Chapter 75 ค่ายกลสถิตและค่ายกลสงคราม.
คำอธิบายของหยิงหลานที่กล่าวออกมานั้นเป็นรูปแบบของค่ายกลแปดประตูกุญแจทองที่ใช้กันในโลกปุถุชน อย่างไรก็ตามคำพูดของนางเองก็ทำไห้กงจู่เฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงสนใจเช่นกัน.
ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองแน่นอนว่ามันซับซ้อนล้ำลึกยิ่งกว่าที่หยิงหลานกล่าวมา ทว่านางก็สามารถที่จะเอ่ยถึงพื้นฐานค่ายกล สรุปออกมาได้อย่างพอดิบพอดี.
ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพใดต่างก็ต้องศึกษาค่ายกลสงครามเป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องรู้ ทว่าไม่มีใครรู้ว่ามันทำงานจริง ๆ อย่างไร ในสิบเอ็ดคนในสำนักไคหยางมีเพียงคนเดียวที่กล่าวออกมา คือหญิงสาวในชุดคลุมดำ ที่สามารถอธิบายออกมาได้.
เทียนชารู้สึกแปลกใจที่ได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากนางขณะที่ชายหนุ่มกู่หลินก็ขมวดคิ้วไปมาเช่นกัน.
คำตอบของนางนั้นทำให้ดวงตาตองกงจู่เฉียนโหยวเปล่งประกาย วิธีทำลายค่ายกลที่นางกล่าวมานั้นคล้ายดั่งที่เซียนเซิงสุ่ยจิงบอกนางก่อนหน้านี้ แม้ว่า สิ่งที่นางกล่าวออกมานั้นจะเป็นเพียงพื้นฐาน แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถอธิบายออกมาได้.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่พยักหน้าหน้าให้ ด้วยท่าทางพอใจ สิ่งที่นางกล่าวจะทำให้คำพูดของเขามีน้ำหนักมากขึ้น หากว่ามีคนอื่นจากอีกฝั่งได้อธิบายออกไปก่อน.
"ทุก ๆ คน จะต้องแบ่งทีมออกไปเพื่อทะลวงเข้าไปในประตูชีวิต(生) ประตูบาดเจ็บ(伤) พร้อม ๆ กัน แล้วรู้หรือไม่ว่าจะเข้าไปยังดวงตามังกรได้อย่างไร?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดไปมาพร้อมกับเผยยิ้มออกมา.
ดวงตาของจงซานที่หรี่ตาลงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเซียนเซิงสุ่ยจิง เขาไม่ได้ยืนยันคำอธิบายของหยิงหลาน ทว่าจากน้ำเสียงของเขานั้น ได้แนะนำเกี่ยวกับทิศทางที่ทุกคนต้องผ่าน?เหมือนกับว่าทุกคนจะต้องก้าวไปตามตำแหน่งเหมือนกับหุ่นเชิดให้เขาเป็นคนเชิดอย่างงั้นรึ?
เขาสามารถที่จะควบคุมทุกคนด้วยตัวคนเดียวอย่างงั้นรึ?
จงซานไม่ได้เผยสีหน้าออกมาทว่าภายในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ คนผู้นี้มีความสามารถที่โดดเด่นขนาดนั้นเลยรึ?
"เช่นนั้นใครจะเป็นคนไปยังประตูบาดเจ็บ(伤)" เทียนชาที่ขมวดคิ้วและสอบถามออกมา.
เกี่ยวกับวิธีในการทะลวงค่ายกลนั้น กลุ่มคนกลุ่มแรกที่ไปถึงประตูบาดเจ็บ(伤) จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ไปถึงดวงตามังกร.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่จ้องมองไปยังเทียนชาพร้อมกับรอยยิ้ม "มีคนสามคนในกลุ่มพวกเจ้าที่ยังไปไม่ถึงระดับแกนทอง มันคงจะปลอดภัยกว่าหากว่าพวกเขาเดินทางไปประตูบาดเจ็บ(伤) นอกจากนี้เจ้าสามารถเลือกคนอีกหนึ่งคนเดินทางไปกับกงจูเพื่อผ่านเข้าไปยังประตูบาดเจ็บ(伤)ได้ ซึ่งต้องใช้คนไม่กี่คนเท่านั้นผ่านเข้าไปยังประตูบาดเจ็บ(伤) "
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่เลือกเทียนหลิงเอ๋อ จงซาน และหยิงหลานเพื่อผ่านเข้าไปยังประตูบาดเจ็บ(伤)
ประตูบาดเจ็บ(伤)คือตำแหน่งที่ดีที่สุด การที่ให้สำนักไคหยางได้สิทธิ์นี้ด้วย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องเหมาะสมที่สุด.
"ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะผ่านเข้าไปในประตูบาดเจ็บ(伤)ด้วย."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาในทันที.
นางรู้ดีว่าที่ตำแหน่งดังกล่าวนั้นจะไปถึงดวงตามังกรเป็นตำแหน่งแรก และจะทำให้นางมีโอกาสหาหลักฐานได้ก่อน นางจึงต้องการไปถึงที่นั่นเป็นกลุ่มแรก.
เทียนชาที่รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยิน นี่นับเป็นครั้งแรกเลยไม่ใช่รึ ที่เป่ยชิงซือขอร้องเขา?
"ตกลงเช่นนั้น ชิงซือ เจ้าไปยังประตูบาดเจ็บ(伤) กับพวกเขา ข้าและเหล่าศิษย์น้องจะไปประตูชีวิต(生)เอง"เทียนชาที่ตอบรับในทันที.
"เช่นนั้นตอนนี้ก็ไปพักก่อน เมื่อข้าเตรียมแผนการเสร็จสิ้นแล้วจะไปแจ้ง หลังจากนี้สามวัน เมื่อถึงคืนจันทร์เพ็ญ เมื่อแสงจันทร์ปกคลุมทั่วท้องฟ้า พวกเราจะทะลวงค่ายกลกัน."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวออกมา.
"ตกลง."เทียนชาที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาที่พาทุกคนแยกออกมาจากกลุ่มของกงจูเฉียนโหยว.
แม้เทียนชาแม้จะรู้ว่ากงจูเฉียนโหยวนั้นเป็นอาวุโสของสำนักพันธมิตร ทว่าเขาก็ยังเฝ้าระวังความปลอดภัยอยู่ ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริงกับกลุ่มอื่น ดังนั้นพวกเขาเองก็จำเป็นต้องระมัดระวังให้มากแม้แต่อยู่ในค่ายกล.
เซียนเซิงสุ่ยจิงหลังจากที่ตงลงพันธะกิจกับพวกเขาแล้ว เขาก็เดินกลับมายังกลุ่มของเขา เขาไม่จำเป็นต้องสานสัมพันใด ๆ กับกลุ่มของสำนักไคหยางต่อไป ในเมื่อการพบกันครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้.
"อะไรคือค่ายกสงครามอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามเป่ยชิงซือที่อยู่ข้าง ๆ เขา.
เทียนชาและคนอื่น ๆ ต่างก็นั่งบำเพ็ญกันอยู่ไม่สนใจนัก พวกเขาคิดว่าจงซานคงจะรู้เพียงแค่ผิวเผินเลยต้องการถาม ท่าทีของเทียนหลิงเอ๋อและหยิงหลานเองก็จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือด้วยท่าทางสนใจเช่นกัน.
เป่ยชิงซือเองก็ประหลาดใจที่สาวชุดดำเองก็จ้องมองมาที่นาง ไม่รู้ว่านางรู้จักค่ายกลแปดประตูกุญแจทองขนาดใหน? ไม่ใช่ว่านางเองก็เคยสร้างค่ายกลมาบ้างแล้วหรอกรึ?
อย่างไรก็ตาม เป่ยชิงซือก็ค่อยอธิบายออกมา"ค่ายกลฟ้าดินในโลกนี้มีอยู่สองประเภท อย่างแรกคือ ค่ายกลสถิต เหมือนกับค่ายกลคุ้มสำนักของสำนักไคหยางหรือค่ายกลธวัชที่เห่าซานสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเขาเอง ค่ายกลสถิตนั้นสร้างขึ้นมาจากของวิเศษและยังต้องอยู่ในภูมิประเทศที่ไม่ธรรมดาด้วย สร้างขึ้นมาคุ้มกันสถานที่แห่งนั้น ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือค่ายกลสงคราม สร้างขึ้นมาด้วยการใช้กำลังคน และยังมีการใช้ของวิเศษช่วยด้วย และหัวใจของค่ายกลชนิดนี้คือกำลังคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อที่จะให้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งต่าง ๆ ไปยังจุดที่แตกต่างกัน เป็นค่ายกลที่สามารถนำมาใช้ในการทำสงครามในสนามรบได้."
หยิงหลานที่รู้สึกสนใจเป็นอย่างมากที่เป่ยชิงซืออธิบาย.
"มีค่ายกลสถิตมากมายหลากหลายแบบ ทว่าค่ายกลสงครามนั้นมีไม่กี่แบบแต่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ทุกค่ายกลสงครามนั้นแตกต่างกันออกไปและยังควบคุมได้ยากมาก การสร้างขึ้นมานั้นหากแตกต่างกันเพียงนิด ทว่าพลังของมันกลับแตกต่างกันอย่างมหาศาล พลังของค่ายกลจึงขึ้นอยู่กับผู้ควบคุมมันนั่นเอง ยิ่งผู้ควบคุมทรงพลังเท่าไหร่ค่ายกลสงครามก็จะยิ่งทรงพลังเท่านั้น.นอกจากนี้ ค่ายกลที่สร้างขึ้นมานี้ คนที่สามารถควบคุมมันได้จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณค่ายกลเท่านั้น."นางที่ทำการอธิบาย.
"จิตวิญญาณค่ายกล? อะไรคือจิตวิญญาณค่ายกลกัน?"จงซานสอบถาม.
"มันเป็นเรื่องยากที่จะสร้างค่ายกลสงคราม ในรอบพันปีมานี้แทบจะไม่เคยเห็นเลย และใครก็ตามที่สามารถสร้างค่ายกลสงครามขึ้นได้ ก็จะนับได้ว่าเป็นคนที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ที่หายากที่สวรรค์ประทานมา ดังนั้นค่ายกลสงครามจึงไม่ง่ายนักที่จะพบเห็น ยิ่งสามารถสร้างขึ้นมาด้วยตัวคนเดียวก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ผู้ที่สามารถผสานตัวเองเข้ากับค่ายกลสงครามได้นั้นจะสามารสร้างจิตวิญญาณย่อยขึ้นมาได้ และสามารถที่จะส่งจิตวิญญาณย่อยเหล่านั้นออกไปควบคุมส่วนต่าง ๆ อย่างไรก็ตามจะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่เป็นอมตะ?การสร้างจิตวิญญาณย่อยออกไปก็เหมือนกับการแบ่งบางส่วนของวิญญาณออกไปยังค่ายกลส่วนต่าง ๆ นั่นเอง เพื่อที่จะใช้ในการควบคุมและเปลี่ยนแปลงกระบวนพายุหะของค่ายกล ซึ่งจิตวิญญาณที่สามารถแบ่งจากร่างต้นออกไปได้นั้นเราอาจจะเรียกมันว่าจิตวิญญาณค่ายกล การแบ่งจิตวิญญาณออกเป็นส่วนนั้น ๆ โดยหลัก ๆ จิตวิญญาณที่แบ่งออกไปจากร่างหลักนั้นจะไม่มีความสามารถเทียบเท่ากับร่างต้น ยิ่งแบ่งออกเป็นหลายส่วนก็ยิ่งมีความสามารถลดลง ทว่าจิตวิญญาณที่แบ่งตัวออกไปนั้นจะเกิดการเรียนรู้ได้ ซึ่งจะมีการเรียนรู้ในแต่ละศาสตร์ต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน และจิตวิญญาณค่ายกลเองก็เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของจิตวิญญาณย่อยที่ได้เรียบรู้เกี่ยวกับค่ายกลจนชำนาญแล้ว ยิ่งเป็นจิตวิญญาณกลายเป็นจิตวิญญาณค่ายกลด้วยแล้วก็จะถูกนับว่าเป็นจิตวิญญาณระดับสูงที่ยากจะหาเจอ และมันจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่า ตลอดจนยิ่งมีประสบการณ์ความรู้สูง ยิ่งกลายเป็นของวิเศษที่ทุกคนต้องการ และหากว่าจิตวิญญาณร่างต้นหายไปมันก็จะหายไปด้วยเช่นกัน."เป่ยชิงซือกล่าว.
"เช่นนั้น จิตวิญญาณค่ายกล คือจิตวิญญาณย่อยที่ร่างหลักแบ่งออกมาก่อนที่จะตายอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่า มีจิตวิญญาณค่ายกลจำนวนไม่น้อยเลยไม่ใช่รึ?"จงซานที่สอบถามออกครั้ง.
"ไม่ มีแค่เพียงแค่ตัวผู้สร้างเท่านั้น จิตวิญญาณกลไม่ใช่สิ่งธรรมดาทั่วไป เมื่อรวมกับร่างของใครคนใดแล้ว มันจะถูกบันทึกเอาไว้ในดวงวิญญาณของคนผู้นั้น หากไม่ใช่จิตวิญญาณค่ายกลหลักแล้วจิตวิญญาณค่ายกลย่อยนั้นไม่สามารถผสานกลับร่างอื่น ๆ ได้ การจะได้รับมันมามีเพียงแค่ผู้สร้างเป็นคนมอบมันออกมาให้เท่านั้น."เป่ยชิงซือที่ส่ายหน้าไปมา.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
อีกฝั่งหนึ่ง "เฉียนโหยว เจ้าผ่านเข้าไปในประตูบาดเจ็บ(伤)และสุ่ยจิงเข้าไปยังประตูชีวิต(生) เช่นนั้นข้าล่ะ?"กู่หลิงที่สอบถามออกไปจ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว.
"เจ้านะรึ?"เฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังกู่หลินพร้อมกับขมวดคิ้ว.
"เจ้าเข้าประตูประตูบาดเจ็บ(伤)พร้อมกับข้า."นางที่กล่าวออกมา.
"เยี่ยมเลย."กู่หลินที่ตอบกลับและแสดงท่าทางดีใจขึ้นมาในทันที.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ยิ้มอย่างขม ๆ จ้องมองไปยังกงจู่เฉียนโหยวด้วยท่าทางซาบซึ้ง การที่เฉียนโหยวนำกู่หลิงไปด้วยนั้นเพราะว่านางสามารถที่จะปรามเขาได้ หากว่าปล่อยกู่หลินไปกับเซียนเซิงสุ่ยจิง เขาอาจจะไปสร้างความวุ่นวายจนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับแผนการครั้งนี้ได้.
บนยอดเขาที่ห่างออกไปนั้น ฉู่จิวที่เฝ้ามองกลุ่มของจงซานและเซียนเซิงสุ่ยจิงที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมากับชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าของเขา "กงจื่อ คนเหล่านั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา."
"โอ้ว?เจ้าเห็นว่าอย่างไร?"ชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับสอบถามออกไป.
"กลุ่มคนดังกล่าวนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนจากราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว."ฉู่จิวกล่าว.
"ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวอย่างงั้นรึ?"ชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งเสี่ยงเลยดีกว่า ไว้รอคอยโอกาสก่อน."
"อืม."ชายหนุ่มพยักหน้า.
ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีการประกาศโดยการสลักลงไปภูเขารอบ ๆ ชายขอบค่ายกล.
"ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองไม่ใช่ค่ายกลที่จะสามารถทะลวงผ่านเข้าไปได้ด้วยตัวคนเดียว สามวันหลังจากนี้เมื่อดวงจันทร์เต็มดวง เมื่อแสงจันทราปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า จะทำให้พลังของค่ายกลลดลง และนั่นจึงเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดจะเข้าไปในค่ายกล."
ทุก ๆ คนที่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นอักษรสลักบนภูเขา ถึงกับส่งเสียงอื้ออึง ในเวลาเดียวกันพวกเขาที่กำลังคิดใคร่ครวญถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาควรจะได้รับ.
ทุกคนต้องร่วมมือกันในการทะลวงค่ายกลอย่างงั้นรึ?
ค่ายกลแห่งนี้ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย หลายวันมานี้มีกลุ่มอิทธิพลหลายกลุ่มที่ลองทะลวงค่ายกล ทว่าก็ไม่มีใครทำสำเร็จ ทว่าก็ไม่มีใครคิดที่จะหันหลังกลับ จิตวิญญาณค่ายกลเป็นอะไรที่พิเศษและล้ำค่าเป็นอย่างมาก.
ท้ายที่สุดในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ประจำการรอคอยให้คืนวันเพ็ญมาถึง.
จงซานและสองสาวที่อยู่ข้าง ๆ กันอย่างเงียบ ๆ ไม่กล่าวอะไรออกมา พร้อมกับรอคอยเวลา.
ในตอนเย็นของวันที่สาม ทันใดนั้นจงซานก็เห็นคนผู้หนึ่ง เป็นคนที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้.
เป็นคนที่เมียวเซียนเหรินพยายามที่จะสังหารก่อนหน้านี้นั่นเอง เซียนเซิงซือ.
เซียนเซิงซือที่ยืนอยู่บนกระบี่เหินและมีคนอีกแปดคนก้าวเหยียบอยู่บนสายลม ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังติดตามเซียนเซิงซืออยู่.
คนทั้งแปดนั้นต่างก็อยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณ สร้างความสนใจกับทุกคนที่พบเห็น.
คนทั้งเก้านั้นไม่ได้สนใจคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อยพวกเขาที่บินตรงไปก่อนที่จะร่อนลงที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของค่ายกล พวกเขาอยู่บนยอดเขาซึ่งเป็นหนึ่งในทิศทางที่จะเข้าไปในประตูความตาย(死).
จงซานที่จ้องมองไปยังกลุ่มคนดังกล่าว ร่างเงาของเขาก่อนหน้านี้ต่างก็ได้ยินว่าพวกเขาไม่ได้มองหาจิตวิญญาณค่ายกลทว่าพวกเขาต้องการจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์.
จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์? พวกเขารู้ว่าจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์อยู่ที่ใหน? ร่างแยกเงาก่อนหน้านี้เองก็ได้ยินคำพูดของเซียนเซิงซือที่เอ่ยกับคน ๆ หนึ่งในกลุ่มว่า เหนือหัว ดังนั้นเขาคนนั้นกำลังที่จะสร้างราชวงศ์สวรรค์ขึ้นมาหรือไม่?