Chapter 73 จงใจใช่ไหม?
ทว่าความเดือดดาลของเทียนชาก็ค่อย ๆ เบาลงเมื่อเขาสังเกตเห็นเทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ข้าง ๆ เป่ยชิงซือ เช่นกัน เช่นนั้นเป็นเพราะเป่ยชิงซือออกไปรับเทียนหลิงเอ๋อนั่นเอง ไม่น่าประหลาดใจ! แต่สายตาของนางจ้องมองจงซานเหมือนแมลงหรือไม่?
เทียนชาที่ล้างความคิดทุกอย่างออกไป ก่อนที่จะหันไปหาเป่ยชิงซือ พยายามไม่สนใจจงซานอีกต่อไป อย่างไรก็ตามในส่วนลึกเขาก็รู้สึกระแวงชายผู้นี้อยู่เหมือนกัน.
พวกเขาไม่ได้เคลื่อนที่เร็วนัก ในเมื่อจงซานรอหยิงหลาน ขณะที่เป่ยชิงซือและเทียนหลิงเอ๋อรอจงซานอีกที อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงยอดเขาที่เทียนชาอยู่.
เทียนชาจ้องมองไปยังพวกเขาที่ใกล้เข้ามา เขาไม่สามารถบอกได้ว่าหญิงสาวในชุดดำคือใคร อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วแล้วดูเหมือนว่านางจะยังก้าวไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน ดังนั้นนางจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ทว่า ทำไมเทียนหลิงเอ๋อถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
"ศิษย์พี่ใหญ่."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวทักทายเขาด้วยท่าทางดีใจ.
แม้ว่าเทียนชาจะไม่ได้สำคัญกับนางมากมายเหมือนเมื่อก่อน ทว่าเทียนหลิงเอ๋อก็ยังคงทักทายเขาด้วยความชื่นชม เมื่อนางเห็นเทียนชา ก็อดไม่ได้ที่จะยังรู้สึกตื่นเต้นและมีใจอยู่.
เทียนชาชำเลืองมองเป่ยชิงซือ จากนั้นก็จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อและกล่าวว่า"หลิงเอ๋อ ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ล่ะ?"
"ข้าได้ยินมาว่ามีคนจากสำนักไคหยางมีคนล้มตาย ข้ารู้สึกเป็นกังวลเลยขอให้จงซานพาข้ามาที่นี่"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวด้วยท่าทางประหม่าเหมือนกัน นางที่นึกถึงเรื่องที่นางประสบกับเมียวเซียนเหรินผ่านอันตรายหลายอย่าง แต่อย่างไรสุดท้ายก็มาถึงที่นี่จนได้.
"หลิงเอ๋อ คงจะเป็นห่วงศิษย์พี่ใหญ่นะ."หยุนเฉียนที่กล่าวล้อออกมาทันที.
แม้ว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่นของหยุนเฉียน ทว่า ภายในใจของเทียนหลิงเอ๋อก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ใบหน้าของนางที่แดงระเรื่อ และชำเลืองมองออกไปด้วยท่าทางเขินอายเช่นกัน.
เป่ยชิงซือที่เห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อ จากนั้นก็จ้องมองไปยังเทียนชาราวกับว่านางจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้เช่นกัน.
เห็นท่าทางของเป่ยชิงซือ ทันใดนั้นเทียนชารู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะตำหนิหยุนเฉียน "ยังเล่นอยู่อีก คนเหล่านั้นตายไปแล้ว ยังไม่ไปค้นหาของวิเศษจากร่างพวกเขาอีก?"
"ทราบแล้ว เอาล่ะ กำไลเก็บของประมุขสำนักกระบี่โลหิตจะต้องมีศิลามิติมากมายอย่างแน่นอน รีบไปเร็วเข้า."หยุนเฉียนที่สั่งการเหล่าศิษย์น้องในทันที.
เหล่าศิษย์ของสำนักไคหยางก็พุ่งออกไปยังร่างที่นอนเกลื่อนอยู่เช่นกัน.
จงซานที่เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเทียนหลิงเอ๋อ จึงคิดอะไรบางอย่างได้ ดังนั้นจึงกล่าวเสริมออกไปในทันที "หลิงเอ๋อพอรู้ว่ามีคนจากสำนักไคหยางเสียชีวิต ภายในใจของนางนั้นก็เป็นห่วงอาจารย์อาเป็นอย่างมาก ทุก ๆ คนต่างก็รู้ดีว่าหลิงเอ๋อนั้นประทับใจอาจารย์อาขนาดใหน หวังว่าอาจารย์อาจะรับความรู้สึกของนางไป และมองเห็นถึงความรู้สึกของนางได้."
ได้ยินคำพูดของจงซาน ภายในใจของเทียนหลิงเอ๋อถึงกับรัดตึงแน่นทีเดียว จงซานต้องการอธิบายเพื่อนางอย่างงั้นรึ?
คำพูดที่จงซานกล่าวออกมานั้น เทียนหลิงเอ๋อต้องการให้ใครสักคนพูดกับพี่ใหญ่ให้ มาโดยตลอด และนางเองก็เขินอายเกินไปที่จะขอให้ใครกล่าวออกมาแทน ท้ายที่สุดกลับเป็นจงซานที่กล่าวเรื่องนี้ออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าทำไมนางกับไม่ต้องการให้เป็นจงซานที่เป็นคนบอกเรื่องนี้กับเทียนชา จะเป็นใครก็ได้ทุกคน แต่ต้องไม่ใช่จงซาน นางไม่ต้องการให้จงซานได้รับรู้ว่านางนั้นแอบชื่นชมเทียนชาอยู่.
ความเจริงเรื่องนี้ทำให้นางหดหู่อยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามสายตาของนางยังคงจ้องมองไปยังเทียนชาอย่างมั่นคงไม่ได้หันไปทางอื่น.
หลายต่อหลายครั้งที่เทียนหลิงเอ๋อฝันที่จะสารภาพความรู้สึกต่อเทียนชา นางที่รอคอยอย่างใจจดจ่อกับคำตอบของเขา ทว่าตอนนี้เมื่อช่วงเวลานั้นมาถึงจริง ๆ นางกลับไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนกันในจินตนาการของนาง ใจหนึ่งเวลานี้นางคาดหวังให้เทียนชาพยักหน้าตอบรับ ทว่าอีกความรู้สึกหนึ่งก็ปรารถนาให้เขาส่ายหน้าอยู่ด้วย.
เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังเทียนชาด้วยอารมณ์มากมายหลากหลาย.
เทียนชารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปยังจงซาน นี่คิดว่าเขาไม่รู้รึอย่างไรว่าเทียนหลิงเอ๋อนั้นชื่นชมเขา? อย่างไรก็ตาม เขามีแผนการของตัวเองแล้ว เป้าหมายของเขาคือเป่ยชิงซือ หากว่าอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่าง เทียนชาสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมให้เทียนหลิงเอ๋อให้นางหยุดความรักแบบเด็ก ๆ นั่นไปได้ ทว่าในเวลานี้........
"อืม ทุกคนในสำนักไคหยางต่างก็รู้ถึงความรู้สึกของเทียนหลิงเอ๋อได้."เป่ยชิงซือราวกับว่านางก็เอ่ยปากออกมาสนับสนุนด้วยเช่นกัน ราวกับว่านางต้องการให้พวกเขากลายเป็นคู่รักกันในวันนี้เลย.
ยิ่งคำพูดของเป่ยชิงซือที่เหมือนกับราดน้ำมันลงบนเปลวเพลิง ยิ่งทำให้เทียนชารู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิม.
เทียนชาที่ส่ายหน้าไปมา "ชิงซือ เจ้ากล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร? พวกเราต่างก็เห็นหลิงเอ๋อมาตั้งแต่แบเบาะ ข้าจะไปมีความรู้สึกเช่นนั้นกับนางได้อย่างไรกัน? นางยังเด็กและยังไม่โตพอที่จะรับรู้เรื่องเช่นนี้ เมื่อนางโตขึ้น นางจะสามารถหาใครสักคนที่ดีกว่าข้านับร้อยเท่าอย่างแน่นอน."
ด้วยคำพูดของเทียนชากล่าวออกมาเช่นนี้ ไม่ว่าเป่ยชิงซือจะมีเหตุผลใดก็ใช้ไม่ได้แล้ว นางจึงทำได้แค่พยักหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก.
สำหรับเทียนหลิงเอ๋อ คำพูดของเทียนชานั้นกลับกลายเป็นเหมือนกับมีดที่กำลังทะลวงเข้ามายังหัวใจของนาง ความเชื่อมั่นมากมายที่พังครืนดังสนั่นหวั่นไหว มันได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความสิ้นหวังไร้ที่สิ้นสุดทันที.
หยาดน้ำตาที่หลั่งไหลอาบแก้มงาม ดวงตากลายเป็นสีแดง ใบหน้าที่เขินอายกลายเป็นขาวซีด ความงามสง่าของนางเวลานี้ ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ภายในหัวใจของนางได้ปรากฏปิศาจร้ายกำลังแทะหัวใจของนางอยู่.
เทียนหลิงเอ๋อที่ได้รับคำตอบกลับมานั้น ทำให้นางถึงกับทรุด ราวกับว่าโลกรอบ ๆ กายของนางนั้น ได้กลายเป็นดำมืด นางที่ดวงตาพร่ามัวราวกับว่าจะล้มทั้งยืน ความสิ้นหวังที่ไร้ขอบเขตกลืนกินนางไปในทันที.
อย่างไรก็ตามในขณะที่ความสิ้นหวังที่กำลังถาโถมกระหน่ำร่างนางอยู่นั้น ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ถูกจุดขึ้นที่มือขวาของนาง เป็นความอบอุ่นที่แผ่แทรกเข้ามาพร้อมกระจายละลายร่างที่เย็นยะเยือบของนางได้.
ขณะที่ร่างกายของนางกำลังจะพังทะลาย อาการวิงเวียนของเทียนหลิงเอ๋อก็หายไป พื้นที่รอบ ๆ กลับมามีแสงสว่างเหมือนเดิม.
นางที่หันหน้าออกไปเห็นจงซานที่อยู่ข้าง ๆ ชำเลืองมองนางออกมาด้วยความเป็นห่วง.
เพียงแค่เห็นเขาก็สามารถสลายความโศกเศร้าของนางไปได้ แม้ว่าปฐพีจะหายไป ท้องฟ้าจะแตกสลาย ทว่าดวงตะวันก็ยังคงส่องแสง ทุก ๆ อย่างก็ยังเหมือนเดิม ถึงจะไม่มีศิษย์พี่ใหญ่ นางก็ยังเป็นนาง นางยังมีจงซาน เตี่ยของนาง และยังมีเสี่ยวหนานจื่อ.
ขณะที่เทียนชากล่าว จงซานที่รับรู้ได้ในทันทีว่าเทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่สามารถที่จะแบกรับมันเอาไว้ได้.
ที่จริง ขณะที่น้ำตาเทียนหลิงเอ๋อหลั่งไหลออกมา ร่างกายที่สั่นเทิ้ม ดูเหมือนว่านางจะประคองสติไม่ได้ จงซานก็เข้าไปในทันที พร้อมกับกุมมือนางเอาไว้แน่น มันเหมือนกับว่า ทำให้นางมีแรงกลับคืนมาอีกครั้ง เป็นความจริง เทียนหลิงเอ๋อรู้สึกดีขึ้นในทันที ขณะที่ใบหน้าได้กลายเป็นขาวซีดนั้น ในเวลานี้ค่อย ๆ กลับมามีสีเหมือนเดิม ดวงตาที่แดงเต็มไปด้วยน้ำตาเอง ก็ค่อย ๆ คืนกลับมา แม้ว่าจะยังมีคาบน้ำตาอยู่ หากแต่เมื่อมือของจงซานกุมมือนางไว้ ทุก ๆ อย่าง ราวกับว่าดีขึ้นทันตาเห็น ดูเหมือนว่ามันจะมีผลเป็นอย่างมาก จงซานยังคงกุมมือประสานนิ้วของนางแน่น มันได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนาง ทุกคนอาจจะมองไม่เห็น พลังที่ไม่สามารถเห็นได้นี้ มันได้ก่อตัวขึ้นมาเป็นแหล่งพลังที่ล้ำลึกสามารถที่จะโอบอุ้มหัวใจของเทียนหลิงเอ๋อไปได้ตลอดกาล.
หลังจากเทียนชากล่าวกับเป่ยชิงซือจบ เขาก็เห็นน้ำตาที่อาบแก้มของเทียนหลิงเอ๋อ เขาเองก็รู้สึกเศร้าใจกับคำพูดของเขาเช่นกัน ทว่าเขาไม่สามารถที่จะปล่อยให้มันคลุมเครือได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับนาง ทว่าเขามีแผนการที่ใหญ่กว่านั้นเขาไม่สามารถที่จะเอาใจนางได้ ลึกลงไปนั้นเขาเองก็รู้สึกปวดใจอยู่เหมือนกัน.
เมื่อเห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อที่กำลังล่มสลาย ดูราวกับจะล้มทั้งยืน เทียนชาก็รับรู้ว่าเขานั้น ทำเกินไป อย่างไรก็ตาม เขาจะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ทันใดนั้นจงซานที่อยู่ใกล้ก็ก้าวเข้ามากุมมือนางเอาไว้ เพียงแค่เขากุมมือนางไว้ ก็ดูเหมือนว่าเทียนหลิงเอ๋อจะสามารถตั้งสติได้และกลับคืนมาเหมือนเดิม และดูเหมือนว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้เลยรึ?
เทียนชาที่รู้สึกหงุดหงิดกับจงซานมากกว่าเดิมอีก มันดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขา มันราวกับว่ากำลังค่อย ๆ ลอยหายไปโดยที่จะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้ว.
"หลิงเอ๋อ."เทียนชาที่กล่าวอย่างเป็นห่วงจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ.
เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่จงซานได้เข้ามาปลอบนางแบบเงียบ ๆ นางที่ใช้แกนแท้ของนางสลายคาบน้ำตาให้หายไป.
นอกจากเรื่องนี้ นางยังมีประสบการหลายอย่างทั้งประสบความเป็นความตายก่อนหน้านี้ นางเวลานี้ราวกับว่าได้เกิดใหม่แล้วและเติบโตขึ้นมาอีกระดับ นางจ้องมองไปยังเทียนชาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้นางเองก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากมายเหมือนเมื่อก่อน และไม่ได้สิ้นหวังอย่างที่ควรจะเป็น ดูเหมือนว่านางจะตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางเห็นทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เขาก็ยังเป็นศิษย์พี่ใหญ่เป็นศิษย์หลัก เตี่ยของนาง เทียนชา.
"ข้าไม่เป็นไร ศิษย์พี่ใหญ่ ขอบคุณท่าน."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่เฉิดฉายในทันที.
ขอบคุณ?เทียนชาที่จ้องมองเทียนหลิงเอ๋อพลางขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจเลยทำไมเทียนหลิงเอ๋อถึงได้เปลี่ยนไปรวดเร็วขนาดนี้ เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ นั้น ราวกับว่านางจะเปลี่ยนเป็นคนอีกคนหนึ่งไปเลย.
อีกด้านหนึ่ง จงซานที่อยู่ข้าง ๆ เหมือนจะโล่งใจได้เหมือนกัน เขาสามารถบอกได้ว่าเทียนหลิงเอ๋อเวลานี้เข็มแข็งขึ้นแล้ว และนางสามารถที่จะปล่อยวางได้อย่างแท้จริง.
จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล ส่วนเทียนหลิงเอ๋อก็เผยยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน และจงซานจึงได้ค่อย ๆ ปล่อยมือจากเทียนหลิงเอ๋อช้า ๆ .
หัวใจของเทียนหลิงเอ๋อที่เต้นไปมาขณะที่จงซานกำลังจะปล่อยมือ นางรู้สึกราวกับว่ามีส่วนหนึ่งของร่างกายกำลังจะหลุดหายไป ทำให้นางไม่ยอมปล่อยมือ นางที่ขยับเลื่อนไปกุมมือจงซานไว้แน่น ไม่ยอมให้เขาปล่อย.
จงซานเองก็ตกใจกับท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อเช่นกัน นางที่จ้องมองไปยังมือของนางที่กุมมือจงซานเอาไว้ ใบหน้าได้กลายเป็นแดงระเรื่อเช่นกันเมื่อนางตระหนักได้ว่ามีสายตามากมายกำลังจ้องมองอยู่ แต่นางก็ไม่ยินยอมที่จะปล่อยมือจงซานตอนนี้เช่นกัน.
เทียนชาที่จ้องมองเทียนหลิงเอ๋อที่กุมมือจงซานแน่นพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา เขาจ้องมองจงซานด้วยความประหลาดใจเช่นกัน.
เทียนชารู้สึกราวกับว่าตัวเองพ่ายแพ้จงซาน มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้?เขาที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับสลัดความคิดดังกล่าวทิ้งไปทันที.
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานจงซานก็นำมือออกมา พร้อมกับถอยหลังออกมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามที่ด้านหลังเขาเป็นหยิงหลานในชุดคลุมสีดำ ทันใดนั้นนางก็ยืนมือคว้าไปยังมือซ้ายของจงซาน.
จงซานที่รู้สึกงงงวยจ้องมองไปยังหยิงหลาน.
หยิงหลานเขียนอักษรบนมือของเขา ตอนนี้จงซานรู้สึกงงงวยขึ้นมาทันที หยิงหลานมีอะไรอย่างงั้นรึ?เขาที่จ้องมองไปยังใบหน้าของนางที่ซ่อนอยู่ในฮูดด้วยท่าทางประหลาดใจ.
"จงใจใช่ใหม?"
อักษรสี่ตัวที่ถูกเขียนลงบนฝ่ามือของจงซาน.