Chapter 69 หนอนไหมมังกรเก้าสี.
หยิงหลานที่อยู่กับจงซานตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงผลของหมอกหงหลวน หลังจากที่นางปล่อยลูกศรออกไปแล้ว นางก็เร่งรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว.
จงซานที่กระโดดออกมาพร้อมกับดาบใหญ่ในมือ เมียวเซียนเหรินที่อยู่ในภาวะอ่อนแอจนถึงขีดสุด เขาได้ปะทับฝ่ามือกับเจียงซือทองและได้รับพิษมาก่อนแล้ว แขนซ้ายขาด แขนขวาก็อ่อนแรง ขาอีกข้างยังมาขาดอีก กระบี่เหินก็ถูกผ้าไหมแดงรั้งไว้.
อย่างไรก็ตาม จงซานนั้นไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย เขาที่ใช้วิชากายาเทพอสูรระดับสองตั้งแต่แรกเพิ่มพลังเป็นสามเท่า จิตสังหารที่รุนแรงหนักหน่วง พุ่งตรงไปยังเมียวเซียนเหริน.
เมียวเซียนเหรินที่เบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความเสียใจ เขาหดหู่ที่เขาเชื่อจงซานง่ายเกินไป เขาไม่เกิดคำถามเลยว่าทำไมจงซานจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เห็นจงซานที่เข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาสาดประกายด้วยความเกลียดชัง กัดฟันแน่น กระตุ้นจุดปราณทั่วร่างปลดปล่อยปราณกระบี่ออกไปในทันที พุ่งตรงไปยังจงซานอย่างรวดเร็ว.
ด้วยการกระตุ้นปล่อยปราณกระบี่ออกมาจากจุดชีพจร พิษซากศพราวกับว่ามันแพร่ไปทั่วร่างของเขาเร็วกว่าเดิม ใบหน้าของเขาได้กลายเป็นสีดำคล้ำ.
ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า จงซานไม่ได้หวาดกลัวปราณกระบี่สิบสายเลยแม้แต่น้อย เทียบกับปราณกระบี่ที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ พลังของมันอ่อนแอลงมาก.
จงซานตวัดดาบยักษ์สร้างคลื่นที่ทรงพลังออกไป กระแทกเข้ากับปราณกระบี่เสียงดังสนั่น ในเวลาเดียวกัน เขาก็พุ่งเข้าไปด้วยหน้าอย่างรวดเร็วและรุนแรง.
หากการพุ่งเข้าใจตีครั้งนี้ เมียวเซียนเหรินยังรอด ดาบของเขาคงไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้แล้ว ซ้ำจงซานอาจจะต้องตายสะเอง.
"ตูมมม ตูมมม...."
เสียงระเบิดดังติด ๆ กัน ปราณกระบี่ของเมียวเซียนเหรินที่ถูกจงซานทำลายไปในทันที ดาบยักษ์ของเขาที่พุ่งตรงมาแล้ว เมียวเซียนเหรินที่รู้สึกหวาดผวา แม้ว่าคนที่เขาเผชิญหน้าตอนนี้จะอยู่ในระดับเซียนเทียนก็ตาม แต่กับสร้างความน่าหวั่นเกรงหวาดกลัวให้กับเขาเป็นอย่างมาก สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง ขาขวาที่ถูกทำลาย เหลือแค่เพียงแค่ขาซ้ายของเขาที่เตะออกไปยังจงซานอย่างรุนแรง ปราณกระบี่ไม่สามารถใช้ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่สังหารจงซานไม่ได้ เขาอาจจะตายไปด้วยพิษซากศพในทันทีเลยก็ได้ กระบี่เหินของเขาที่อยู่ไกลออกไปตอนนี้กำลังส่องประกายแสง สะบัดหลุดจากผ้าแพรไหมก่อนที่จะพุ่งตรงมายังจงซานด้วยความเร็ว.
ตอนนี้ เขาต้องเดิมพันกับเวลาแล้ว.
ดวงตาของจงซานที่เบิกกว้าง ทุ่มพลังทั้งหมดที่มีออกไป.
"ย๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ "
พร้อมกับเสียงคำรามลั่น ดาบยักษ์ของเขาที่ฟันออกไปยังจากบนลงล่าง ลงบนไหล่ซ้ายของเมียวเซียนเหริน.
"ตูมมมมมมมมม!"
เมียวเซียนเหรินถูกตัดสะพายแล่งขาดครึ่งอย่างคาดไม่ถึง กระบี่สีชมพูทันใดนั้นก็หมดซึ่งพลังแห่งการควบคุมล่วงหล่นลงบนพื้น พลาดเป้าจากจงซาน ปักจมลงพื้นดิน.
"แฮก แฮก........"จงซานที่หายใจลึกเข้าอีกหลายครั้ง นับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เกือบไปแล้ว เขาเกือบจะตายไปด้วยกระบี่เหินของเมียวเซียนเหรินเช่นกัน.
ร่างของเมียวเซียนเหรินที่ก้าวไปถึงแกนทอง?เหนียวแน่นและทรงพลังมาก.
แผนการการที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าจะมีโชคอยู่ด้วยไม่น้อยเลย.
เขาที่เก็บดาบยักษ์และจากนั้นก็ทำการดูดซับหมอกสีแดงที่กระจายอยู่รอบ ๆ นั้นเข้ามารวมกันบนฝ่ามือของเขา จากนั้นก็ทำการเปลี่ยนเป็นพลังจิตเก็บเข้าไปไว้ในเพลิงหงหลวนกลางหน้าผากของเขา.
เขาจ้องมองไปยังเมียวเซียนเหรินด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
หยิงหลานและเทียนหลิงเอ๋อหลังจากเก็บหน้าไม้แปดแรงวัวแล้ว พวกนางก็ออกมาหาจงซานพร้อมกับเอ่ยปากชม.
จงซาน สามารถตัดร่างของผู้ฝึกตนระดับแกนทองขาดครึ่งเลยรึ?
"จงซาน เจ้าร้ายกาจมากเลย."เทียนหลิงเอ๋อที่อดไม่ได้อุทานออกมาเสียงดัง ผู้เชี่ยวชาญแกนทอง นอกจากนี้ยังเป็นแกนทองระดับกลาง แม้ว่าจะมีโชคบ้าง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจงซานจะใช้แค่กระบวนท่าเดียว สามารถที่จะปลิดชีวิตเขาได้ หากเล่าให้คนอื่นฟังแล้วละก็ คงไม่มีใครเชื่อนางอย่างแน่นอน.
"แน่นอน ๆ กู่เหยี่ยเยี่ยของข้ายอดเยี่ยมที่สุดเลย."หยิงหลานที่กล่าวเสริมด้วยความตื่นเต้น.
"อืม."จงซานพยักหน้าและเข้าไปตรวจสอบศพของเมียวเซียนเหริน.
ซึ่งมีเพียงกำไลเก็บของและกระบี่เหินของเขา จงซานที่ทำลายกำไลเก็บของ พร้อมกับแบ่งศิลามิติออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งใช้เพิ่มขนาดของกำไลเก็บของตัวเอง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น เขาได้วางแผนมอบให้กับร่างแยกเงาเพื่อเพิ่มขนาดกำไลเก็บของอีกฝ่ายเช่นกัน.
"กระบี่นั่นเป็นของวิเศษระดับสาม."เทียนหลิงเอ๋อที่อธิบาย.
ระดับสามอย่างงั้นรึ?หลังจากที่เมียวเซียนเหรินตายไป กระบี่นี้จะยังคงอยู่และเป็นของวิเศษระดับสามต่อไปหรือไม่? แม้จะสงสัยเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม จงซานก็ต้องเก็บมันเอาไว้ก่อน.
"ไปกันเถอะ."จงซานที่เก็บร่างของเมียวเซียนเหรินกลับไปด้วย.
"จงซาน เจ้าจะเอาศพของเจ้าคนเลวนี้ไปทำไม?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกไปในทันที.
จงซานที่ไม่ตอบแต่อย่างใด เขาที่นำสองสาวกลับมายังที่พำนักของเมียวเซียนเหริน เขาโยนร่างของเมียวเซียนเหรินลงไปยังบ่อปลาใต้น้ำตก ซึ่งมันก็ผุดขึ้นมาแทะร่างกายของเมียวเซียนเหริน จนท้ายที่สุดก็เหลือแต่กระดูก.
เทียนหลิงเอ๋อที่ถอนหายใจยาว นางยังจำได้ถึงการกระทำของเมียวเซียนเหรินที่กระทำกับหญิงสาวทั้งสอง ตอนนี้เจ้าปิศาจนั่นได้รับผลเหมือนกันแล้ว.
"จงซาน ในโลกใบนี้มีคนเลวเช่นนี้มากมายเท่าไหร่กัน?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา.
"คนชั่วรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปด้วยรอยยิ้ม.
"เขาไม่ใช่คนชั่วรึ?เขาคือคนที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกเลย."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวแย้ง.
"เขาไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
เทียนหลิงเอ๋อถึงกับอ้าปากหวอ ในโลกใบนี้ยังมีคนที่ชั่วกว่าเมียวเซียนเหรินอยู่อีกอย่างงั้นรึ?
"อย่าได้ใส่ใจเลย พวกเราเข้าไปดูของวิเศษของเมียวเซียนเหรินที่ซ่อนเอาไว้กันเถอะ เมื่อเสี่ยงชีวิตไปแล้วควรจะได้อะไรกลับมาบ้าง."จงซานกล่าว.
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อพยักหน้า.
คนทั้งสามก็เดินเข้าไปในที่พักของเมียวเซียนเหริน.
ขณะที่พวกเขาเข้าไปด้านในนั้น มีคนสองคนที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่จากบนยอดเขาที่ไกลออกมา.
หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเหมือนว่าเขาจะเป็นบ่าวรับใช้ คนทั้งคู่นั้นสวมชุดขาวล้วน ที่ด้านหลังนั้นต่างก็มีกระบี่ยาวเหน็บเอาไว้.
ชายหนุ่มด้านหน้านั้น เหมือนกับปุถุชนที่มีอายุยี่สิบปี ใบหน้าที่หล่อเหลาโดดเด่น ทว่ากิริยาท่าทางนั้นกลับดูเหมือนกับผู้ใหญ่มีอายุแล้ว.
ชายหนุ่มที่สอบถามออกมาหลังจากที่จงซานเข้าไปในที่พำนักด้านในแล้ว."ฉู่จิว เจ้าบอกว่าชายคนนั้นอยู่ในระดับสี่เซียนเทียนอย่างงั้นรึ?"
"ขอรับ กงจื่อ เหมือนกับท่าน เขามีระดับสี่เซียนเทียน มีความเป็นไปได้ว่าเขามีวิชาลับที่สามารถช่วยเพิ่มพลังของตัวเองเป็นสามเท่า หากว่าเขาต่อสู้กับนายน้อยแล้วล่ะก็ น่าจะสูสี."ชายวันกลางคนที่กล่าวอย่างเคารพ.
[公子Gōngzǐ young nobleman คุณชาย นายน้อย]
"ช่างหาได้ยากนักที่จะหาคนมีจะมีฝีมือพอมาทดสอบความสามารถของข้า ทว่าหากว่าเขามีวิชาลับจริง จากนี้เขาคงจะกลายเป็นอ่อนแอเพราะผลข้างเคียง มันคงน่าเบื่อแย่หากว่าเขาพ่ายแพ้ข้าตอนนี้ ไว้รอโอกาสหน้าก็แล้วกัน."ชายหนุ่มที่ขมวดคิ้ว.
"บางทีอาจจะไม่มีครั้งหน้าก็เป็นได้ ในโลกนี้จะมีใครมีพรสวรรค์เทียบเท่ากงจื่อกัน? ไม่ว่าจะเป็นกงจื่อคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเทียบท่านได้ ชายหนุ่มที่พวกเราเห็นนี้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง ทว่าในอนาคตข้างหน้านั้นคงจะยากที่จะไล่ตามท่านได้แล้ว."ฉู่จิวที่กล่าวออกมาอย่างแข็งขัน.
"พวกเขาอย่างงั้นรึ? พวกเขาจะเป็นหินหยั่งเท้าให้กับข้า เพื่อเพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นข้าจะต้องพัฒนามันขึ้นมาด้วยตัวข้าเอง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบข้าได้ ข้าจะท่องไปทั่วโลกใบนี้ เพื่อพัฒนาวิชาที่เป็นของข้าเอง และจะโค่นล้มผู้แข็งแกร่งทุกคนที่มีอยู่ในโลกใบนี้."ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา ทว่ากลับเต็มไปด้วยน้ำหนักและความอหังการเป็นอย่างมาก.
"กงจื่อ ท่านที่ก้าวเข้าสู่วิถีกระบี่ตั้งแต่เกิด ท่านจะเป็นมือกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด และมีเพลงกระบี่เป็นของตัวเองในอนาคต เพลงกระบี่ของท่านจะต้องสั่นคลอนทวีปศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน ฉู่จิวผู้นี้ได้รับใช้กงจื่อ ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก."ฉู่จิวกล่าวออกมาอย่างเคารพ.
"อืม ในเมื่อเขาไม่สามารถประลองได้ชั่วคราว ก็ไม่จำเป็นต้องจับตาดูเขาอีกแล้ว พวกเราไปยังภูเขาป้าเหมินได้เลย."ชายชุดขาวกล่าวต่อชายวัยกลางคน.
"ขอรับ."ฉู่จิวที่ตอบกลับในทันที.
.........
มีห้องแปดห้องในที่พำนักของเมียวเซียนเหริน บางทีเขาอาจจะเก็บสิ่งของสำคัญเอาไว้ในกำไลเก็บของก็ได้ สิ่งที่มีอยู่ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรที่ดูมีค่ามากมายนัก.
ในห้องหนึ่งนั้น จงซานที่พบกับเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถปกปิดร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ เขาให้หญิงสาวทั้งสอง คนละตัวเพื่อที่จะใช้ปกปิดความงามของพวกนางเอาไว้ เพื่อลดปัญหาที่อาจตามมาเหมือนในครั้งนี้.
พวกเขาที่ตรวจสอบห้องทั้งแปดทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตามจงซานยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาอยู่แล้ว เขายังค้นหาไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดก็สามารถพบเข้ากับห้องลับได้.
เมื่อพวกเขาเปิดห้องลับออกมา พลังวิญญาณมากมายที่พวยพุ่ง จงซานและสองสาวที่จ้องหน้ากันด้วยท่าทางประหลาดใจ.
ด้วยความระมัดระวังจงซานที่ไม่ได้เร่งรีบตรงลงไปยังห้องดังกล่าว เขารอคอยอย่างอดทนด้านนอก ก่อนที่จะค่อย ๆ โยนสิ่งของออกไปตรวจสอบ ค่อย ๆ ก้าวลงไปอย่างระมัดระวังยังห้องลับใต้ดินด้านล่างจนเขามั่นใจได้ว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ซ่อนอยู่ จึงเริ่มตรวจสอบ.
ที่ด้านในห้องนั้น ดวงตาของจงซานที่เบิกกว้างเลยทีเดียว นี่นับว่าเป็นโชคใหญ่ก็ว่าได้.
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีของวิเศษมากมายซ่อนเอาไว้ที่นี่.
บนกำแพงด้านในนั้น มีชั้นวางของที่มีศิลาวิญญาณมากมาย ทั้งศิลาหยินและศิลาหยางวิญญาณ มีมากมายหลายหมื่นก้อน ทำให้พื้นที่แห่งนี้อุดมไปด้วยพลังวิญญาณ ซึ่งเกิดจากศิลาวิญญาณเหล่านี้นั่นเอง ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้เป็นห้องลับที่พิเศษมาก ที่สามารถเก็บพลังวิญญาณได้อย่างมิดชิด.
ที่มุมห้องแห่งหนึ่งในทิศตะวันตก ดูเหมือนว่าจะมีมุกคงหลิงมากกว่าห้าสิบลูกทีเดียว นับเป็นโชคลาภที่ยากจะหาพบได้.
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความสนใจให้กับจงซานที่สุดนั้นไม่ใช่ของวิเศษเหล่านั้น แต่เป็นสิ่งมีชีวิตสองตัวที่อยู่ตรงกลางห้องต่างหาก.
หนอนไหม? ไม่ใช่ มันไม่ใช่หนอนไหมธรรมดา ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนหนอนไหม ทว่าทั้งสองตัวนี้มันกับมีหลากสีเป็นแถบลากยาวบนร่างของมัน เป็นหนอนไหมที่มีลวดลาย และมันยังมีเขาสองข้างที่บนหัวของพวกมันด้วย.
หนอนไหมหลากสีเหล่านี้กำลังชักใยสร้างเป็นรังไหมแล้ว ดูเหมือนว่าอีกไม่นานรังไหมก็จะคลุมไปร่างของมันทั้งหมดและจะใหญ่ขึ้นและก็ใหญ่ขึ้น.
"มันคืออะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่เฝ้าดูสิ่งมีชีวิตทั้งสองด้วยท่าทางประหลาดใจและดูหวิว ๆ เล็กน้อย.
สิ่งนี้คืออะไร?แม้ว่าจงซานจะเป็นผู้ฝึกตนได้ไม่นาน ทว่าเขากลับรู้จักสิ่งนี้ สิ่งนี้คือส่วนสำคัญที่"แปลนศาลสวรรค์"ได้กล่าวถึง เหมือนกับจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์ เพื่อช่วยในการสร้างราชวงศ์ขึ้นมา ต้องมีสิ่งของคู่กัน อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นก็คือ "หนอนไหมมังกรเก้าสี"
เมื่อหนอนไหมมังกรเสร็จสิ้นการสร้างรังไหมแล้ว พวกมันก็จะฟักออกมากลายเป็นมังกร.