Chapter 65 ปราณเกราะกระบี่.
หยิงหลานทิ้งเครื่องหมายที่จะมีเพียงจงซานรับรู้ได้เอาไว้ที่บ้านของเมียวเซียนเหริน จากนั้นก็พาเทียนหลิงเอ๋อรีบเร่งจากไปในทันที พวกนางไม่มีเวลามากนัก จำต้องเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ก่อนที่จะรอคอยเมียวเซียนเหรินที่บาดเจ็บกลับคืนมา.
ไม่ไกลออกไปมากนัก หยิงหลานพบสถานที่เหมาะต่อแผนการเป็นอย่างมาก มันอยู่บนเชิงเขาสูง ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่.
นางตรวจสอบสิ่งที่จงซานส่งเข้ามาในกำลังเก็บของของนาง มีหน้าไม้แปดแรงวัวที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษและยังมีหอกลูกศรขนาดใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก.
"มันคืออะไรอย่างงั้นรึ?"
"นี่คือเครื่องยิงลูกศรหอกที่พวกเราใช้ต่อสู้ก่อนหน้านี้ที่คฤหาสน์จง."หยิงหลานอธิบาย.
"ลูกศรยักษ์เหล่านี้เพียงพอที่จะจัดการกับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน ทว่าสำหรับคนที่อยู่ในระดับแกนทอง มันยังไม่เพียงพอ คนที่อยู่ในระดับแกนทองนั้นมีแก่นแท้ที่ทรงพลังมาก พวกเขาสามารถที่จะสร้างปราณเกราะกระบี่ขึ้นมาได้ ลูกศรยักษ์ไม่มีทางแม้แต่ผ่านปราณเกราะของพวกเขาไปได้ "เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความเป็นกังวล.
"ใช้แล้ว เกราะปราณกระบี่นั่นแข็งแกร่งมาก ทว่ากู่เหยี่ยเหยี่ยจะต้องทำให้มันอ่อนแอลงได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าเจี่ยเจียมีหยกอักขระอีกสองชิ้นรึ?"หยิงหลานที่สอบถามออกไป.
"แม้ว่าจะมีหยกอักขระทว่ามันอาจจะใช้จัดการกับเจียงซือได้ ทว่ากับคนชั่วร้ายนั่นไม่ธรรมดาเหมือนกับเจียงซือ บางทีหยกอักขระสองอันอาจจะไม่พอ."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวล.
"ไม่ ๆ เมื่อเมียวเซียนเหรินกลับมานั้น เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บกลับมาแน่ และนั่นก็จะเป็นโอกาสของพวกเรา."หยิงหลานตอบกลับ.
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อทำได้แค่เพียงพยักหน้าเห็นด้วย.
หยิงหลานทำการติดตั้งหน้าแม้แปดแรงวัว ด้วยการได้รับการช่วยเหลือจากเทียนหลิงเอ๋อ จึงทำให้สามารถเหนี่ยวสายลูกศรยักษ์เหล่านั้นได้ในที่สุด.
จงซานยืนอยู่บนกระบี่เหินของเมียวเซียนเหรินขณะที่พวกเขามุ่งตรงไปยังทิศทางของเจียงซือ.
เมียวเซียนเหรินนั้นไม่ได้เร่งรีบอะไรนัก ในเมื่อสองสาวนั่นถูกเขาติดตั้งจิตวิญญาณติดตามเอาไว้แล้ว พวกนางไม่มีทางหนีไปใหนได้.
เมียวเซียนเหรินที่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายจ้องมองไปยังศิษย์น้องด้านหน้าของเขา สมบัติวิเศษเหรอ? เจ้าต่างหากที่เป็นสมบัติวิเศษตั้งแต่เริ่มแล้ว.
จงซานที่สามารถสัมผัสได้ว่าเมียวเซียนเหรินที่กำลังจับจ้องมองเขาที่ด้านหลัง ด้วยประสบการหลายปีทำให้เขามีจิตใจที่มั่นคงไม่สะทกสะท้านกับการเผชิญหน้ากับอันตราย.
"ตรงนั่น ศิษย์พี่ พวกเราควรที่จะลงจอดตรงนั้นและเดินเข้าไปเพื่อไม่ให้พวกมันรู้ตัว นอกจากนี้ข้ายังอยู่ในระดับเซียนเทียน ยังต้องปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกายสักหน่อย ท่านช่วยรอข้าสักพักได้หรือไม่?."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเขินอาย.
รอชั่วครู่?เพื่ออะไร? ไปห้องน้ำอย่างงั้นเหรอ เมียวเซียนเหรินที่เห็นจงซานแสดงท่าทางเขินอายก่อนที่จะพยักหน้าให้และนำกระบี่เหินร่อนลงพื้น.
เป็นป่าขนาดเล็กและเมียวเซียนเหรินเห็นทุกอย่างรอบ ๆ ได้อย่างชัดเจน จงซานที่เร่งรีบวิ่งเข้าป่าไป.
"อายอะไรกัน?เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย."เมียวเซียนเหรินแค่นเสียง.
"ข้ากลัวว่ากลิ่นของข้ามันจะไปแปดเปื้อนศิษย์พี่เข้า."จงซานกล่าวขณะที่วิ่งเข้าป่าไป.
เมียวเซียนเหริ่นที่หรี่ตามองเห็นจงซานที่วิ่งเข้าไปหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่ เขาพยายามจะหนีอย่างงั้นรึ?ชิ เขาไม่มีความสามารถพอที่จะหนีแน่นอน.
ด้วยการเงี่ยหูฟัง เขาสามารถได้ยินเสียงน้ำกระฉูดที่หลังต้นไม้ได้.
หลังจากนั้นไม่นาน จงซานก็ออกมาจากหลังต้นไม้ด้วยรอยยิ้ม.
"ศิษย์พี่ พวกเราข้ามภูเขาไปอีกลูกก็จะเห็นแล้ว "จงซานที่กล่าวออกมาต่อเมียวเซียนเหรินที่รออยู่.
เมียวเซียนเหรินพยักหน้า แม้ว่าเขาจะมีท่าทางสงสัยอยู่เล็กน้อย ทว่าในเมื่อจงซานกลับมาแล้ว เขาก็คลายความสงสัยทั้งหมดทิ้งไป.
ด้วยการนำทางของจงซาน เมียวเซียนเหรินก็ถูกนำพาตรงขึ้นไปบนยอดเขา เพียงแค่ไม่นานพวกเขาก็ขึ้นไปบนยอดเขาและหายไปลับตา.
กลับมายังเชิงเขาที่สองคนอยู่ก่อนหน้านี้อยู่ ป่าที่จงซานได้เข้าห้องน้ำก่อนหน้า จงซานอีกร่าง ก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่.
หากว่าเมียวเซียนเหรินยังอยู่ ดวงตาเขาคงจะเบิกกว้างแทบถลนออกมาด้วยความตื่นตะลึงแน่.
จงซาน ยังมีจงซานอีกคนอย่างงั้นรึ?มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
แน่นอนว่านี่คือจงซานอีกร่าง และเป็นร่างหลักที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่นั่น ขณะที่ร่างแยกเงานั้นได้พาเมียวเซียนเหรินตรงไปยังหุบเขาที่มีเจียงซืออยู่.
ร่างจริงของจงซานที่ชำเลืองมองไปยังทิศทางที่เมียวเซียนเหรินจากไปพร้อมกับร่างเงา จากนั้นเขาก็เร่งรีบกลับไปยังทิศก่อนหน้าในทันที.
ร่างเงานั้นมีทักษะพิเศษมากมายหลายอย่างสามารถหลีกหนีจากอันตรายได้ดีกว่าร่างต้น.
ร่างแยกเงาที่ไปหยุดอยู่ที่ด้านนอกหุบเขาและชี้ไปยังใจกลางบอกเมียวเซียนเหริน.
ชายในชุดดำที่ยังคงถือหัวใจในมือและบริกรรมคาถาบางอย่างอยู่เหมือนเดิม มีเจียงซือทองแดงจำนวน 24 ตนอยู่รอบ ๆ ร่างกายของเขา.
อักษรรูนมากมายที่กำลังหมุนวนพลุ้งพล่านสว่างจ้า กระจายตัวไปรอบ ๆ ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก.
เมียวเซียนเหรินที่จ้องมองจากที่ไกลออกไปดวงตาเบิกกว้างเป็นประกาย จับจ้องมองไปยังหัวใจดังกล่าวนั่น.
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นกัน ทว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปิศาจที่มากมายแม้ว่าจะอยู่ไกลออกมาขนาดนี้ เมียวเซียนเหรินเกิดความต้องการจะเอาหัวใจนั่นมาเป็นของตนให้ได้.
แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าจะโลภอยากได้เป็นอย่างมาก ทว่าเมียวเซียนเหรินก็ไม่วู่วาม เขายังคงวิเคราะห์สถานการณ์อย่างละเอียด คนผู้นี้เป็นใคร? ทำไมถึงมีของวิเศษนั่นในมือ? เขามีพลังฝึกตนระดับใด? เขาจะสามารถแย่งชิงมาได้หรือไม่?
เขาที่คิดใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะหันไปหาจงซาน ราวกับว่าเขาต้องการที่จะสอบถามเกี่ยวกับความแข็งแกร่งคนผู้นี้กับจงซาน.
จงซานที่รอคอยอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาก็สอบถามออกมาในทันที "ศิษย์พี่ ท่านคิดว่า เจียงซือทองแดงนี้แข็งแกร่งหรือไม่?"
"เจียงซือทองแดง?"เมียวเซียนเหรินที่จ้องมองไปยังเจียงซือทั้ง 24 ตนก่อนที่จะขมวดคิ้วไปมา.
"ใช่แล้ว ศิษย์พี่สามารถที่จะจัดการเจียงซือเหล่านั้นได้หรือไม่?"จงซานกล่าว.
"ไร้สาระ เจียงซือกระจอก ๆ ถึงพวกมันจะมีผิวหนังและกระดูกเป็นทองแดง แต่ก็ไม่มีอะไรสำหรับข้า สิ่งที่ข้าต้องการรู้คือความแข็งแกรงของชายชุดดำนั่น เจ้าเคยเห็นเขาโจมตีออกมาหรือไม่?"เมียวเซียนเหรินที่สอบถามออกมาด้วยเสียงที่จริงจัง.
"ข้าไม่รู้ความแข็งแกร่งของชายชุดดำ อย่างไรก็ตามข้าได้สังเกตและวิเคราะห์ชายคนนี้มาสักพักแล้ว."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"โอ้ว?"
"ข้ามั่นใจว่าชายคนนั้นกำลังฝึกฝนวิชาหรือทำพิธีกรรมบางอย่างที่เฉพาะเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถออกไปจากแท่นบูชานั่นได้ ผ่านมาหลายชั่วโมงจนข้ากลับมา เขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปใหน หรือจะบอกได้ว่า ในเวลานี้เขาอยู่ในสภาวะอ่อนแอไม่สามารถขยับได้นั่นเอง."จงซานกล่าว.
"อืม."เมียวเซียนเหรินพยักหน้า.
"นอกจากนี้ เขามีเพียงแค่ 24 เจียงซือที่เขาสามารถควบคุมได้ เช่นนั้นความแข็งแกร่งของเขา..."จงซานที่แสดงเหตุผลและหยุด.
"เช่นนั้นความแข็งแกร่งของเขาน่าจะเหนือกว่าเจียงซือทองแดงเล็กน้อย."เมียวเซียนเหรินที่กล่าวออกมากับความคิดเห็นที่จงซานไม่ได้กล่าว.
"ศิษย์พี่ช่างเปี่ยมด้วยปัญญา ความแข็งแกร่งของเขานั้นจะต้องน้อยกว่าศิษย์พี่ นอกจากนี้ เขายังขยับไปใหนไม่ได้ ศิษย์พี่ พวกเราควรจะเอาหัวใจปิศาจนั่นมาหรือไม่?"จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความกระตือรือร้น.
เมียวเซียนเหรินที่กลืนน้ำลายช้า ๆ จ้องมองไปยังชายชุดดำ เขายังคงไม่สามารถตัดสินใจ เขาเชื่อว่าถึงแม้ว่าเขาจะยังไปไม่ถึงระดับสูงสุดของขั้นแกนทอง ทว่าเขาก็ยังทรงพลังกว่าทุกคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นก่อตั้งวิญญาณเพราะว่าเขารู้วิชาหงหลวน อย่างไรก็ตาม การต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่รู้จักนั้น เขาจึงจำเป็นต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก.
จงซานที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง เขาขมวดคิ้วไปมา คาดไม่ถึงเลยว่าเมียวเซียนเหรินจะระวังตัวขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเพิ่มโอกาสให้กับเขาสักหน่อย.
"ศิษย์พี่ แม้ว่าข้าจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับท่าน ทว่าข้ายินดีที่จะออกไปหยั่งเชิงพวกมันเพื่อท่าน."จงซานที่เสนอความคิดออกมาทันที.
"เจ้านะรึ?"เมียวเซียนเหรินจ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางประหลาดใจ.
เมียวเซียนเหรินนั้นสามารถบอกถึงความแข็งแกร่งของจงซานได้ เขายังก้าวไปไม่ถึงระดับเซียนเทียนขั้นสุดท้ายด้วยซ้ำ เขาต้องการออกไปจริง ๆ รึ? มันก็ไม่ต่างจากการที่เขาขอออกไปโดนสังหาร? กับสิ่งที่จงซานเสนอตัวเช่นนี้สร้างความงงงวยต่อเมียวเซียนเหรินเป็นอย่างมาก.
เมียวเซียนเหรินที่จ้องมองอย่างสงสัย จงซานที่เติมเต็มความปรารถนาของเขา เขาที่ก้าวผ่านตรงเข้าไปในหุบเขา.
เพียงแค่เขาก้าวเข้าไปเพียงแค่สองก้าวเท่านั้น ชายที่ถือหัวใจอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาในทันที จิตสังหารที่หนักหน่วงกำลังแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา.
ชายคนดังกล่าวนี้จดจำจงซานได้ในทันที รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เจียงซือไม่ได้สังหารเขาไปอย่างงั้นรึ?
จงซานสามารถมองเห็นประกายแสงสีเขียวของปิศาจที่กระพริบไปมาจากระยะไกล เขากำลังพยายามจะทำอะไรกัน?
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม จงซานก็ไม่มีทางเลือกแล้วมีแต่ต้องมุ่งตรงไปยังด้านหน้าเท่านั้น.
ชายชุดดำที่บริกรรมคาถาอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเจียงซือทองแดงห้าตนเร่งรีบพุ่งตรงไปหาจงซานทันที ก่อนที่ชายชุดดำจะหันหน้ามามองเมียวเซียนเหริน.
เมื่อเขาเห็นเมียวเซียนเหริน ชายชุดดำที่ขมวดคิ้วแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันที.
เมียวเซียนเหรินคาดไม่ถึงเลยว่าจงซานจะพุ่งออกไปเช่นนั้น เขาคิดว่าจงซานกำลังจะฆ่าตัวตายชัด ๆ อย่างไรก็ตามเขาจะปล่อยให้จงซานตายไปอย่างงั้นรึ?เป็นไปไม่ได้.
เมียวเซียนเหรินที่ไม่สามารถมองเห็นจงซานตายได้ ในชั่วพริบตา ที่ห้าเจียงซือพุ่งเข้ามาหาจงซาน.
แขนสิบข้างของพวกมันพร้อมจะฉีกจงซานไปนั้น.
"ฟิ้ว ฟิ้ว..."
แทบจะในเวลาเดียวกัน ปราณกระบี่นับร้อยก็พุ่งออกไปยังเจียงซือทั้งห้าตนที่กระโดดมายังจงซาน.
"ตูมมม ตูมมม ตูมมมม....."
ปราณกระบี่ที่กระแทกเข้าไปยังร่างของเจียงซือทำให้พวกมันชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่พวกมันจะเปลี่ยนทิศทางตรงไปยังทิศของเมียวเซียนเหริน.
จงซานที่ขยับและหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว.
ห้าเจียงซือที่พุ่งตรงมายังเมียวเซียนเหริน เมียวเซียนเหรินเวลานี้ได้ปล่อยปราณกระบี่สีชมพู ซึ่งเป็นปราณกระบี่แผ่กระจายออกไปรอบ ๆ ก่อนที่จะรวมตัวเป็นกระบี่ที่มีความยาวมากกว่าสิบจ้าง.
มีความยาวสิบจั้งเลยรึ? จงซานที่จ้องมองอยู่ข้าง ๆ ไม่ ๆ นั่นไม่ใช่กระบี่ แต่เป็นพลังปราณที่มีรูปร่างเหมือนกับกระบี่ยาว ปราณเกราะกระบี่!
จงซานที่เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง เขาเองก็เป็นผู้ใช้ทักษะดาบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นดาบหรือกระบี่ เมื่อผสานปราณแท้ลงไปในอาวุธ จะสามารถสร้างปราณพลังงานออกมาได้ อาจจะเรียกได้ว่าภูติกระบี่ก็ได้ ซึ่งในระดับโหวเทียนนั้นไม่สามารถทำได้ จะทำได้เมื่อก้าวไปถึงระดับเซียนเทียน เมื่อสามารถสร้างปราณแท้ขึ้นมาเท่านั้น ทว่าการจะสร้างมันขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างจนแยกออกมาได้นั้น ต้องหลังจากที่สามารถสร้างแกนแท้ได้ ปราณกระบี่ถึงจะสามารถแยกออกมาเป็นภูติกระบี่ได้ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือการสร้างรูปลักษณ์ของปราณกระบี่จำเป็นต้องมีแกนแท้นั่นเอง.
ทว่าสำหรับระดับแกนทองแล้ว นอกจากจะสร้างปราณเกราะกระบี่ขึ้นมาได้ ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมัน หนำซ้ำยังเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก เป็นพลังที่แข็งแกร่งทรงพลัง และยิ่งสำหรับผู้ฝึกตนที่ทรงพลังมาก ๆ แล้วนั้นสามารถสร้างปราณเกราะกระบี่ได้ถึงร้อยจ้างได้เลย.