Chapter 63 เมียวเซียนเหริน.
จงซานตัดสินใจที่จะเดินทางต่อ ทว่าต้องอ้อมไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงเจียงซือกลุ่มนั้น มันอันตรายจนเกินไปเพียงแค่ตัวเดียวก็ทำให้พวกเขาลำบากแล้ว นี่ยังมีอีก 24 เจียงซือและยังมีชายชุดดำที่ลึกลับนั่นอีก มันไม่ปลอดภัยแน่หากว่าทั้งหมดลงมือโจมตีพวกเขา.
เจียงซานรู้ว่าชายชุดดำดังกล่าวนั้นเพียงแค่ส่งเจียงซือออกมาเพียงตัวเดียว เพราะว่าเขานั้นมีพิธีกรรมบางอย่างที่ไม่สามารถจากไปจากที่ตรงนั่นได้ ทำให้พวกเขาสามารถหนีรอดได้ในที่สุดนั่นเอง.
พวกเขาที่เดินทางมุ่งไปยังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งห่างออกมาจากหุบเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จงซานที่คอยสำรวจสภาพภูมิประเทศต่าง ๆ จากบนยอดเขาแทน และเขายังห้ามไม่ให้เทียนหลิงเอ๋อบินบนอากาศด้วยเกรงว่าจะสร้างจุดสังเกตมากเกินไป อาจจะล่อลวงผู้มีพลังเหมือนกับชายชุดดำที่ซ่อนอยู่ในป่าได้.
สองชั่วโมงหลังจากนั้นพวกเขาที่เข้าไปในป่าแห่งหนึ่งได้พบกับปัญหาบางอย่าง เป็นฝูงของสัตว์อสูรฝูงหนึ่ง.
ผู้นำของสัตว์อสูรกลุ่มนี้คือแมวภูเขาสูงสี่เมตร และยังมีแมวภูเขาผู้ติดตามขนาด 2-3 เมตรกว่ายี่สิบตัว.
จงซานที่ประเมินความสามารถของแมวภูเขาอย่างรวดเร็ว ผู้นำของมันนั้นเทียบได้กับเทียนหลิงเอ๋อ หรืออาจจะเท่ากับเจียงซือก่อนหน้านี้ ส่วนแมวภูเขาตนอื่น ๆ นั้นเทียบได้กับเขาที่ใช้วิชากายาเทพอสูร อย่างไรก็ตาม มันกลับมีมากจนเกินไปและเขาต้องปกป้องหยิงหานไปด้วย ซึ่งนับว่าตึงมือทีเดียว.
แม้จะพบกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทว่าจงซานก็ยังคงสุขุม เพราะว่าจงซานนั้นยังมั่นใจว่าจะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ ด้วยสามารถสร้างหมอกหงหลวน ระดับสาม การจะจัดการแมวภูเขาในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ก่อนหน้านี้พวกเขาพบกับเจียงซือนั้น วิชาดังกล่าวนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย เจียงซือนั่นไม่มีชีวิต เป็นอมตะ ถึงแม้ว่าจะได้รับพิษใด ๆ เข้าไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม สำหรับแมวภูเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.
เทียนหลิงเอ๋อที่ดูตื่นตระหนกกระวนกระวายใจ แม้แต่หยิงหลานก็ไม่ต่างกัน ทว่าเมื่อพวกนางจ้องมองไปยังจงซาน ที่ดูสุขุมไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวอะไรออกมา ทำให้พวกนางผ่อนคลายลงบ้าง.
จงซานที่สะบัดมือก่อนที่จะสร้างหมอกสีแดงขึ้นมารวมตัวกันบนฝ่ามือ ขณะที่จะปล่อยมันออกไป ดวงตาก็เบิกกว้างและสลายมันไปในทันที.
ที่จริงมีหมอกหงหลวนสีแดงที่ได้กระจายไปทั่วบริเวณก่อนแล้ว จงซานบอกได้ว่าหมอกที่กระจายออกมานี้คือหมอกหงหลวนแน่นอน ทว่าเขายังไม่ได้ปล่อยออกมาเลย หากไม่ใช่มาจากเขา เช่นนั้นมาจากที่ใดกัน?
จงซานที่ตื่นตะหนก พร้อมกับกุมมือของทั้งสองสาวไว้ในทันที.
คนที่สร้างหมอกหงหลวนออกมาได้เช่นนี้? มารเฒ่าหงหลวนตายไปแล้วไม่ใช่รึ?
พื้นที่รอบ ๆ นี้ถูกกลืนไปด้วยหมอกหงหลวน จงซานที่กุมมือสองสาวเอาไว้แน่น พร้อมกับปลดปล่อยพลังจิตออกมาเพื่อป้องกันหมอกหงหลวนเข้าสู่ร่างของพวกนาง เขาสามารถป้องกันมันไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ อย่างไรก็ตามเขาสังเกตเห็นวาหมอกดังกล่าวนี้ดูเจือจางกว่าของเขามาก.
แมวภูเขาตอนนี้เริ่มได้รับผลแล้ว เมื่อหมอกดังกล่าวคลุมไปทั่วร่างของพวกมัน แม้แต่จ่าฝูงยังรู้สึกผิดปกติตอนนี้มันเริ่มสั่นสะท้านไปทั่วร่างแล้ว.
"ฮี่ ฮี่ ฮี่ พวกเจ้าสองคนช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่เคยเห็นสาวงามเช่นนี้ ข้ามันช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ข้าเหมียวเซียนเหริน กำลังจะพาพวกเจ้ากลับบ้าน ข้าถึงกับออกมาต้อนรับพวกเจ้าด้วยตัวเองเลยนะ."เสียงแหลมเล็กก้องกังวานดังขึ้นรอบ ๆ พวกเขา.
หัวใจของจงซานถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาได้พบเข้ากับเรื่องที่อันตรายกว่าการพบเจียงซือก่อนหน้านี้ซะอีก เพราะว่าเขาได้พบเข้ากับผู้ใช้หมอกหงหลวนเข้าแล้ว.
เทียนหลิงเอ๋อ ที่อยู่ด้านข้าง เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมจะระเบิดมันออกมา ทว่านางที่รู้สึกได้ว่าจงซานกำลังบีบมือของนางแน่น นางที่หันหน้าจ้องมองมายังจงซาน.
"เชื่อข้า ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง."จงซานที่กระซิบไปยังนาง.
เทียนหลิงเอ๋อที่ขมวดคิ้วไปมาก่อนที่จะยั้งคำพูดเอาไว้ หยิงหลานเองก็สามารถรับรู้สถานการณ์ได้นางที่รอคอยให้จงซานสั่งการอยู่.
"ฟิ้ว......"
จากบนฟ้า ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่งที่สะบัดเสื้อเหินลงมา เสื้อคลุมลายดอกไม้เหมือนกับผ้าคลุมอาบน้ำ ดูหรูหราเป็นอย่างมาก เส้นผมที่เป็นมันเงารวบเป็นหางม้า เข็มขัดที่ดูล้ำค่ามีราคา บนมือของเขาที่มีพัดรูปกระดูก สายตาที่จับจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อและหยิงหลานด้วยความหื่นกระหาย.
ท่าทางที่สบายใจเป็นอย่างมากราวกับว่าป่าแห่งนี้เป็นสนามหลังบ้านของเขา เขาที่ยังคงโบกสะบัดพัดไปมาแสดงท่าทางพึงพอใจหญิงสาวทั้งสอง ส่วนจงซานที่ยืนอยู่ระหว่างหยิงสาวทั้งสอง เขาไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง.
จงซานพบว่ามีร่องรอยหมอกหงหลวนจากชายคนนี้ แน่นอนเขาจะต้องเป็นคนปล่อยหมอกหงหลวนอย่างแน่นอน.
เมียวเซียนเหริน? เขาบอกว่าเขามีนามว่าเมียวเซียนเหรินอย่างงั้นรึ?
"เจ้าทั้งสองคนช่างงดงามต้องตาข้าจริง ๆ พวกเจ้าจะได้รับการดูแลแตกต่างจากคนอื่น ๆ ข้าจะเก็บพวกเจ้าเข้ามาเป็นของสะสมของข้า ความงามของพวกเจ้านี้ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ จงมาเป็นทาสของข้าซะ."เมียวเซียนเหรินที่หัวเราะพร้อมกับสะบัดพัดปรบกับมือของเขา.
ความโกรธเกรี้ยวที่ปะทุขึ้นบนใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อที่กลายเป็นสีแดงซ่านราวกับว่ามันสามารถระเบิดได้ทุกที ส่วนหยิงหลานนั้นใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ ทว่าสายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ.
เหล่าฝูงแมวภูเขาตอนนี้กลายเป็นวุ่นวายเมื่อพวกมันต่างก็พุ่งเข้าสานสัมพันธ์กันอย่างบ้าคลั่ง.
ภัยคุกคามจากแมวภูเขาตอนนี้ได้หายไปแล้ว ทว่าภัยคุกคามจากเมียวเซียนเหรินนั้นกับมากมายยิ่งกว่าแมวภูเขาซะอีก.
เขาที่ใช้สายตาโลมเลียไปทั่วร่างของหญิงสาวทั้งสองอย่างหยาบโลน ทันใดนั้นใบหน้าที่ชั่วร้ายของเมียวเซียนเหรินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาพบกว่าคนทั้งสามนั้นไม่ได้รับผลจากหมอกของเขาเลย.
ในเวลาเดียวกัน หนึ่งในแมวภูเขาที่พุ่งตรงเข้ามาโจมตีเมียวเซียนเหริน.
เมียวเซียนเหรินที่สะบัดพัดออกไปเบา ๆ ปราณกระบี่สีแดงหลายร้อยสายก็ถูกปล่อยออกไป.
ปราณกระบี่ดังกล่าวนั้นตัดหั่นร่างของแมวภูเขาเป็นชิ้น ๆ ทีเดียว.
"ซี่ ๆ ซี่ ๆ ซี่...."
โลหิตที่ไหลทะลังพุ่งกระฉูดเต็มพื้นไปหมด ร่างของแมวภูเขาถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ เพียงแค่การโจมตีเดียวอย่างงั้นรึ?
สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งดูย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก.
มีโลหิตบางหยดที่กระเซ็นมาติดบนใบหน้าของเมียวเซียนเหริน สายตาที่กระหายโลหิตของเขาลุกโชน ก่อนที่จะใช้ลิ้นตวัดเลียโลหิตดังกล่าวด้วยท่าทางที่ชั่วราย ก่อนที่จะหันหน้ามายังคนทั้งสาม.
"ปราณกระบี่ลับตัดชีพจร ระดับแกนทองอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่อุทานออกมา.
ปราณกระบี่ลับตัดชีพจร? จงซานที่ขมวดคิ้ว ระดับแกนทอง? ชายคนนี้ทรงพลังและน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเจียงซือระดับแกนทองซะอีก จากที่เขาเห็นแมวภูเขาถูกหั่น เมื่อเห็นวิธีการสังหารของชายคนนี้แล้ว บอกได้อย่างแน่นอนว่าเขาเป็นคนที่ชั่วร้ายมาก.
ทันทีที่ชายคนนี้ปรากฏขึ้นมา จงซานก็เต็มไปด้วยความระวังจนถึงขีดสุด เขาตระหนักได้ว่าชายคนนี้อันตราย ไม่มีทางที่เขาจะต่อกรได้เลย ชายคนนี้ทรงพลังยิ่งกว่าพวกเขารวมกันหลายเท่า หนำซ้ำเขายังสนใจหญิงสาวทั้งสอง และไม่สนใจว่าจงซานจะเป็นหรือจะตายด้วยซ้ำ.
จงซานที่ตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหันเหความสนใจของเขา.
"ไม่เลว ๆ สาวน้อย พวกเจ้านี้ช่างงามจริง ๆ เจ้าจะต้องเป็นทาสชั้นเยี่ยมของข้าแน่ ๆ ."เมียวเซียนเหรินที่ยังกล่าวต่อ.
สายตาของเขายังคงโลมเลียไปทั่วร่างเทียนหลิงเอ๋อก่อนที่จะไปหยุดที่มือของนางที่มีมือของจงซานกุมมือไว้แน่น สายตาแห่งความเย็นชาที่ลุกโชนขึ้นในทันที.
จงซานรับรู้ทันทีว่าชายคนนี้ตัดสินใจที่จะสังหารเขาแล้ว เขาไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป.
"ศิษย์พี่."จงซานที่แสร้งตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ศิษย์พี่รึ?
เป็นไปตามคาด เมียวเซียนเหรินที่ชะงักงันจ้องมองไปยังจงซานด้วยความสงสัย แม้แต่เทียนหลิงเอ๋อและหยิงหลานเองก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเหมือน ๆ กัน.
สองสาวรู้ดีว่าพวกนางนั้นกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤติ และเชื่อว่าจงซานกำลังคิดแผนบางอย่างเพื่อแก้ปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตามคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสร้างเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ขึ้นมาได้.
เมียวเซียนเหรินนั้นขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเย็นชา ศิษย์น้องรึ?เขาไม่เคยมีศิษย์น้องใด ๆ .
จงซานรู้ดีว่าเมียวเซียนเหรินนั้นไม่เชื่อเขาง่าย ๆ แน่ เขาจึงได้สะบัดมือสร้างหมอกหงหลวนขึ้นมาที่ฝ่ามือของเขา.
เมียวเซียนเหรินที่ประหลาดใจสุด นี่คือหมอกหงหลวน เขาสามารถใช้หมอกหงหลวนได้อย่างไร?
สองสาวจำได้ก่อนหน้านี้ที่จงซานได้กล่าวบางอย่างกับนาง และตอนนี้ทำให้พวกนางอยากรู้เป็นอย่างมากว่าเขากำลังจะทำอะไร.
"ศิษย์พี่ เมื่อครั้งอาจารย์สอนวิชาให้กับข้านั้น ถึงเขาไม่ได้เอ่ยว่าข้ามีศิษย์พี่ เป็นไปได้ว่าเขาน่าจะลืมบอกข้าแน่ ๆ อย่างไรก็ตามด้วยคนที่รู้วิชานี้ได้นั้น เช่นนั้นท่านจะต้องเป็นศิษย์พี่ของข้าแน่นอน."จงซานที่จ้องมองออกไปอย่างรอบคอบขณะพูด.
"เจ้าหมายถึงเหล่าตงซือ...หมายถึงอาจารย์อย่างงั้นรึ?"เมียวเซียนเหรินที่พูดได้ครึ่งคำก่อนที่จะเปลี่ยนในทันที.
老东西 เหล่าตงซือ 'ไอ้แก่'
จงซานสามารถบอกได้เลยว่าเมียวเซียนเหรินนั้นได้พลิกลิ้นในทันทีเขาไม่ใช่ศิษย์ของมารเฒ่าหงหลวนแน่นอน จงซานสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาเริ่มแผนนี้แล้วก็จำเป็นต้องแสดงมันต่อไป.
เขาจำเป็นต้องเล่นแผนการทางจิตวิทยาเพื่อที่จะหลอกล่อเบี่ยงความต้องการสังหารของเขาออกไป.
"ใช่แล้ว ศิษย์พี่ หมอกหงหลวนของท่านดูเหมือนว่ามันจะมีบางส่วนที่ขาดหายไปนะ มันดูแตกต่างจากที่อาจารย์สอนข้าอยู่เหมือนกัน."จงซานที่แสร้งกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
ดวงตาของเมียวเซียนเหรินที่หรี่เล็กเปล่งประกายหลังจากที่ได้ยินคำพูดของจงซานและจิตสังหารของเขาก็ลดลงในทันที.