Chapter 61 เจียงซือ.
แปดวันหลังจากนั้น ก่อนเช้าตู่ ที่เมืองเล็ก ๆ ทิศตะวันออกของรัฐต้าคุน ลานที่พักแห่งหนึ่ง จงซานได้รับข้อมูลมาจากคนของเขาว่า มีคนมารวมตัวกันที่พื้นที่แห่งนี้ เป็นจำนวนมาก ดูเหมือนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่กำลังจะเดินทางมุ่งไปยังทิศตะวันออก.
"จงซาน เจ้าตื่นรึยัง?เร็วเข้า พวกเราจะเดินทางตอนใหน?"เทียนหลิงเอ๋อที่ร้องเรียกออกมาจากนอกห้อง.
"กู่เหยี่ยเยี่ยปรกติไม่ค่อยได้นอน เจี่ยเจียให้เขาได้นอนอีกหน่อยเถอะ."หยิงหลานที่กล่าวต่อเทียนหลิงเอ๋อด้านนอก.
姐姐 Jiejie พี่สาว
"หึ เดียวก็สันหลังยาวเหมือนหมูหรอก."เทียนหลิงเอ๋อบ่นพึมพำด้านนอก.
แก๊ก ๆ ๆ .
จงซานที่เปิดประตูออกมาและเห็นหญิงสาวทั้งสองที่รออยู่ "เอาล่ะ เดินทางไปภูเขากันเลย."
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อพยักหน้า ดวงตาเปล่งประกาย หยิงหลานที่พยักหน้าให้จงซานพร้อมรอยยิ้ม.
บนเทือกเขาทางทิศตะวันออกนั้นอันตรายมาก และเส้นทางขรุขระ ม้าไม่สามารถเดินทางได้ หากไม่ใช่ผู้ฝึกวิชาแล้วล่ะก็คงไม่มีใครสามารถเดินทางไป เพราะว่าด้านในนั้นมีสัตว์อสูรอยู่ด้วย.
ลึกเขาไปในทิศตะวันออกนั้นเป็นพื้นที่ผิดปกติสุดจะหยั่งได้ ความจริงเป็นเรื่องที่ประหลาดมากในป่านั้นกลับมีพายุทรายที่รุนแรงเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ.
และนี่คือพื้นที่เป้าหมายที่จงซานต้องการเดินทางไป ภูเขาป้าเหมิน.
ทิศเหนือของภูเขาป้าเหมิน มีคนยี่สิบคนกำลังยืนซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา.
กลุ่มคนเหล่านี้นำมาโดยกงจู่เฉียนโหยว กู่หลิน และเซียนเซิงสุ่ยจิง.
กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองพื้นที่รอบ ๆ ซึ่งมีพายุทรายจากทิศใต้พัดผ่าน ก่อนที่นางจะถามเซียนเซิงสุ่ยจิงที่อยู่ข้าง ๆ นาง "เซียนเซิง สุ่ยจิง ที่แห่งนี้มีจิตวิญญาณค่ายกลหรือไม่?"
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมาจ้องมองไปยังพายุทราย."เจ็ดหรือแปด ในสิบส่วน."
ก่อนหน้านี้ เขาที่คาดการณ์ว่ามีแค่เพียงหนึ่งในสิบส่วนที่จะพบจิตวิญญาณค่ายกล หลังจากที่เห็นพื้นที่ทั้งหมดแล้ว ราวกับว่าเพิ่มขึ้นมามายมหาศาล กลายเป็น เจ็ดหรือแปดส่วนที่จะมีจิตวิญญาณค่ายกล.
"ข้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลเช่นนี้เลย ครั้งนี้คงจะต้องอาศัยเซียนเซิงสุ่ยจิงแล้ว."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"ยิ่งมีคนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีเส้นทางเปิดออกมาแน่ แล้วข้าจะเข้าไปเอาจิตวิญญาณค่ายกลมามอบให้เจ้าทันทีเลย เฉียนโหยว."กู่หลินที่เร่งรีบเสนอความคิดเห็น.
"หุบปาก."เฉียนโหยวที่ชำเลืองมองกู่หลินด้วยความรำคาญ.
"เซียนเซิงสุ่ยจิง เหมือนดั่งที่ข้าได้กล่าวต่อท่านก่อนหน้านี้ว่าข้าจะแบ่งจิตวิญญาณค่ายกลกับท่าน หากว่ามันมีเพียงแค่ชิ้นเดียวเช่นนั้นก็มอบให้ท่านก็แล้วกัน "กงจู่เฉียนโหยวที่หันหน้ากลับมากล่าวต่อเซียนเซิงสุ่ยจิง.
"ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น กงจู่ ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองนั้นไม่เพียงแต่ยากที่จะปรากฏออกมา ที่นี่ บางทีคงมีไม่ได้มากเกินกว่าหนึ่งจิตวิญญาณ ค่ายกลการรบ ที่มีจิตวิญญาณค่ายกลติดตั้งนั้น หากว่าได้ทำการสร้างขึ้นมาแล้ว ไม่มีทางที่จะมีจุดอ่อนง่าย ๆ ข้าเองก็ไม่กล้าที่กล้าเอ่ยได้ว่าจะสามารถสร้างเส้นทางเข้าไปได้ ทว่า หากมีไท่ซูจื่อคนเดียวเป็นแกนกลางของที่นี่ เช่นนั้น ค่ายกลแห่งนี้ก็ไม่ยากที่จะทำลาย ข้าสามารถบอกได้เลยว่าว่ามีโอกาสถึงครึ่งหนึ่งที่จะได้รับจิตวิญญาณค่ายกลกลับมา."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่โบกสะบัดพัดไปมาและเผยยิ้ม.
"เช่นนั้นก็ทำเลย จะช้าอยู่ทำไม."กู่หลินตะโกนออกมาเสียงดัง.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ขมวดคิ้วไปมากับท่าทางของกู่หลิน ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา.
"เซียนเซิงสุ่ยจิง มีปัญหาอะไรอย่างงั้นรึ?"กงจู่เฉียนโหยวที่สอบถามออกมาในทันที.
"ลำพังเพียงจำนวนของพวกเรา คงยังไม่พอ กงจู่โปรดมองดูสัญญาณบางอย่างที่อยู่บนทองฟ้าก่อนหน้านี้?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมาขณะพูด.
" บาดเจ็บ(伤) มีอักษรที่เขียนไว้ว่า "บาดเจ็บ" "กู่หลินที่นึกขึ้นมาได้.
"ถูกแล้ว นั่นคือ ประตูบาดเจ็บ(伤) เป็นหนึ่งในประตูทั้งแปด ประตูทำลาย(休) ประตูชีวิต(生) ประตูบาดเจ็บ(伤) ประตูอุปสรรค(杜) ประตูทางออก(景) ประตูความตาย(死) ประตูความตื่นตระหนก(惊) และประตูเปิด(开) หากว่าใช้กับการแปรกระบวนพยุหะของกองทัพแล้วล่ะก็ จะสามารถสร้างค่ายกลที่ไร้ขีดจำกัดขึ้นมาได้ ทว่าตอนนี้มีเพียง ไทซูจื่อเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามพวกเราจำเป็นต้องมีกลุ่มคนเข้าไปบังคับเปิดประตูชีวิต(生) ประตูทางออก(景)ก็จะเปิดออกมา ระหว่างนั้น ค่ายกลขนาดใหญ่จะต้องสั่นสะเทือน และจะอ่อนแอลง ในเวลานั้น ตราบเท่าที่พวกเราสามารถเปิดประตูบาดเจ็บ(伤)ได้ ก็จะสามารถเข้าไปในยังดวงตามังกร ซึ่งเป็นที่อยู่ของไท่ซูจื่อ."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวอธิบายอย่างมั่นใจ.
"สถานที่ที่ไท่ซูจื่อยู่มีจิตวิญญาณค่ายกลอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่ขมวดคิ้วไปมาขณะกล่าว.
"ใช่แล้ว เกี่ยวกับข้อมูลล่าสุดที่ข้าได้รับมา มีคนเห็นไท่ซูจื่อ เขาที่สวมเสื้อผ้าสกปรกขาดรุ่งริ่ง นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าเขากำลังจะตาย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทะลวงผ่านระดับไปยังขั้นต่อไปได้ ดังนั้นจึงทำให้ทุกคนสังเกตเห็นเหมือนศิลาวิญญาณเกิดขึ้นรอบ ๆ พื้นที่แห่งนี้ นี่เป็นโอกาสที่เขาใช้ในการค้นหาศิษย์ เขาทำการสร้างค่ายกลแปดประตูกุญแจทองขึ้นมาเพื่อที่จะค้นหาว่าใครที่สามารถผ่านค่ายกลนี้เข้าไปได้ คนผู้นั้นก็จะได้รับจิตวิญญาณค่ายกล."องค์หญิงเฉียนโหยวที่กล่าวอย่างมั่นใจ.
"เฉียนโหยว เจ้าฉลาดมากเลย เจ้ารู้ได้อย่างไร?"กู่หลินที่กล่าวชมนางในทันที.
เขาที่ชำเลืองมองไปยังกู่หลิน กงจูเฉียนโหยวได้แต่ถอนหายใจ เห็นได้อย่างทนโท่ คงมีเพียงกู่หลินที่ดูไม่ออก.
"เช่นนี้ พวกเราควรที่จะรออย่างงั้นรึ?"เฉียนโหยวที่สอบถามเซียนเซิงสุ่ยจิง.
"ถูกแล้ว รอ พวกเราจะต้องรอจนมีคนมากมายเดินทางมารวมกันที่นี่."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่เผยยิ้มออกมาพร้อมกับสะบัดพัดขนนกของเขา.
......
เป็นวันที่สามแล้วที่จงซานเข้ามาในเทือกเขาตะวันออก.
ผ้าแพรไหมของเทียนหลิงเอ๋อฟื้นฟูกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว ทำให้นางสามารถเหินไปบนฟ้าได้ หยิงหลานเป็นคนที่มีพลังต่ำสุด ทว่าด้วยการได้รับรองเท้าขับวายุมา นางจึงสามารถตามจงซานได้ คนทั้งสามที่เดินทางลึกเข้าไปในเทือกเขาเรื่อย ๆ .
มีเส้นทางที่ชัดเจน ทว่ากลับไม่มีทิศทางที่แน่นอน หยิงหลานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านแกะรอย นางเคยนำทัพสู่สงคราม เพื่อความอยู่รอดแล้ว เรื่องพื้นฐานเช่นนี้นางย่อมรู้ดี พวกเขาที่หาร่องรอยของคนอื่น ๆ ที่ผ่านทางมา จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องยาก.
"กู่เหยี่ยเยี่ย มีร่องรอยผ่านทางสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนอีกกลุ่มไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ พวกเราจะไปทางใหนดี?"หยิงหลานสอบถาม.
จงซานเองก็เห็นต้นหญ้าที่ล้มแบ่งแยกเป็นสองทิศทาง เขาที่ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับมองขึ้นไปสอบถามเทียนหลิงเอ๋อที่อยู่บนอากาศ."หลิงเอ๋อ เจ้าเห็นใครบ้างไหม?"
"ไม่เลย."เทียนหลิงเอ่อที่มองไปรอบ ๆ .
"ทิศตะวันออกเจ้าเห็นอะไรบ้าง?"จงซานสอบถาม.
เทียนหลิงเอ๋อที่ลอยตรงไปยังทิศดังกล่าวก่อนที่จะวนกลับมา "มีภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่งและมีแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลไปทางทิศตะวันออก.
ได้ยินคำพูดของเทียนหลิงเอ๋อ จงซานและหยิงหลานพยักหน้าตอบรับ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาคาดการณ์ได้ถูกต้อง การตรงไปยังทิศตะวันออกตรง ๆ นั้น อาจจะมีสัตว์อสูรที่น่าพรั่นพรึงขวางอยู่ การจะข้ามผ่านเส้นทางดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยยิ่งเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนยิ่งต้องระวัง.
"เช่นนั้นเส้นทางสองเส้นนี้ก็ปลอดภัย พวกเราสามารถเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งได้."หยิงหลานที่กล่าวออกมาหลังจากครุ่นคิด.
"จงซานที่ตรงนั้น ที่หุบเขาด้านหน้ามีคนอยู่ด้วย"ทันในนั้น เทียนหลิงเอ๋อก็ทำการชี้ไปยังหุบเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ.
"คนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้ว.
"ใช่แล้ว ไปที่นั่นเพื่อถามทิศทางจากพวกเขาดีใหม่ มันน่าจะดีกว่าที่พวกเรากำลังเดินทางไปอย่างไร้ทิศทางเช่นนี้."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.
"อืม พวกเราไปกัน."จงซานพยักหน้า.
เทียนหลิงเอ๋อที่นำทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือในทันที.
สองชั่วโมงต่อมา ก่อนตะวันตกดิน จงซานและหยิงหลานถูกขวางเอาไว้ด้วยหน้าผา.
อีกฝั่งของหน้าผ่านั้นลึกลงไป 500 เมตร ไม่ต้องเอ่ยถึงจงซานเลย แม้แต่ผู้ฝึกตนแกนทองก็ไม่สามารถกระโดดลงไปได้.
"เร็วเข้า ๆ ข้ามหน้าผานั้นมา ข้ามภูเขาอีกสองลูกก็เห็นคนแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่ลอยอยู่บนอากาศกล่าวออกมา.
จงซานถึงกับพูดไม่ออก เทียนหลิงเอ๋อที่นำพวกเขามา เป็นเส้นตรง โดยไม่คิดเลยว่า พวกเขาจะผ่านไปได้หรือไม่.
จงซานและหยิงหลานที่อ้อมไปยังอีกฝั่งของหุบเขา ครั้งนี้มาเจอหน้าผาสูง 1500 เมตร อันตรายเป็นอย่างมาก.
"จงซาน คนเหล่านั้นไม่ขยับเลย ผ่านมาตั้งนานไม่เห็นเดินเลย พวกเขายืนอยู่กับที่ไม่ไปใหนแม้แต่นิดเดียว."เทียนหลิงเอ๋อขมวดคิ้ว.
"เจ้าลงมาก่อนเร็วเข้า."จงซานที่บอกกับนาง.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ก้าวลงมาจากผ้าแพรไหมสีแดงและสอบถามด้วยความสงสัย.
"เจ้าบอกว่าพวกเขาไม่ขยับสักนิดเดียวตลอดสองชั่วโมงอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปด้วยความสงสัย.
"ใช่แล้ว พวกเขาไม่ขยับยืนอยู่กับที่ตลอดเวลา."เทียนหลิงเอ๋อตอบ.
หยิงหลานและจงซานที่จ้องมองหน้ากันและกัน.
"พวกเราไปดูด้วยกัน ห้ามพูด ระวังตัวด้วย ที่นั่นอาจมีอันตรายซ่อนอยู่."จงซานที่กล่าวเตือนอย่างหนักแน่น.
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน.
เทียนหลิงเอ๋อที่นำพวกเขาผ่านไปบนภูเขาสูง ซึ่งพวกเขายืนอยู่ในป่าแห่งหนึ่งไกลออกมาจากคนเหล่านั้น ซึ่งสถานที่แห่งนี้สามารถมองเห็นคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน จงซานที่ตื่นตะลึง หัวใจรัดแน่น ห้ามคนทั้งสองเข้าไปใกล้.
คนรึ?คนเหล่านั้นเป็นคนอย่างงั้นรึ?
หุบเขาดังกล่าวนั้นมีต้นไม้อยู่มากมาย ที่ใจกลางนั้นต้นไม้ถูกตัดออกไปจนหมด จนเห็นพื้นที่ดังกล่าวได้ชัดเจน มีคนที่มีใบหน้าสีเขียวเข้มยืนอยู่ 25 คนล้อมรอบเป็นวงกลม.
ใบหน้าสีเขียวนั่นดูไร้ซึ่งอารมณ์ ทั่วร่างของพวกเขายังมีปราณสีดำหมุนวนรอบ ๆ แขนสองข้างที่ยกขึ้นชี้ไปด้านหน้าเป็นเส้นตรง ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย.
แม้ว่าจงซานจะไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่าเขาสามารถบอกได้ในทันทีว่าพวกมันคือเจียงซือ 25 เจียงซืออย่างงั้นรึ?
[僵尸Jiāngshī ผีดิบจีน ผีจีนกองกอย]
ดูเหมือนว่าในขณะที่พวกเขามาถึง เจียงซือตนหนึ่งจะรับรู้อะไรบางอย่าง แขนของมันขยับ.
จงซานที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาที่ใช้แขนทั้งสองข้างกอดคอพวกนางใช้ฝ่ามืออ้อมไปยังใบหน้า ปิดปากและจมูกของคนทั้งสองในทันที.
หญิงสาวทั้งสองถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตะลึง หลังจากที่จ้องมองไปยังจงซาน เขาที่ต้องการปิดการหายใจของทั้งคู่ พวกนางก็เข้าใจได้ในทันที.
หยิงหลานและเทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้า.
การปิดกั้นลมหายใจนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับปุถุชน ทว่าสำหรับผู้ฝึกตนแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก หยิงหลานรู้วิชาลมหายใจเต่าส่วนเทียนหลิงเอ๋อที่หายใจภายในทันที.
แม้ว่าทั้งสองสาวจะเข้าใจเหตุผล ทว่าจงซานยังไม่ได้ปล่อยมือของเขาออก เขายังคงเพ่งพิศจ้องมองออกไป.
เทียนหลิงเอ๋อปรกติก็ไม่เคยขัดขืนเมื่อนางอยู่ในอ้อมแขนของจงซาน บางครั้งนางก็รู้สึกหน้าแดง หัวใจพองโตอย่างแปลกประหลาด หยิงหลานตอนนี้เองก็มีอาการเหมือน ๆ กัน.
จงซานที่จับจ้องมองไปยังเจียงซือ เขาไม่รู้เลยว่าเจียงซือเหล่านั้นแข็งแกร่งขนาดใหน เขาเองก็ไม่ต้องการเข้าไปยุแหย่พวกมันด้วย นอกจากนี้ เขายังพบกับความจริงที่ทำให้เขาต้องตื่นตะลึง เจียงซือเหล่านั้นถูกควบคุมด้วยคน ๆ เดียว.
25 เจียงซือที่ยืนล้อมรอบเป็นวงกลม ที่กลางวงกลมนั่น มีแท่นบูชาที่แปลกประหลาด มีอักษรรูนที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก อักษรรูนสีดำ ที่ราวกับว่ามันค่อย ๆ บิดเกลียวไปมา ทว่ามองอีกรอบ กลับดูเหมือนว่าไม่เคลื่อนไหว เป็นอะไรที่แปลกมาก.
บนแท่นบูชานั้นมีชายคนหนึ่งที่สวมชุดนักพรตสีดำที่แขนเสื้อมีแถบสีขาว ใบหน้าของชายผู้นี้ดูซีดขาว ที่คางของเขามีเคราแพะอยู่กำหนึ่ง เขานั่งสมาธิปิดตา พร้อมกับบริกรรมคาถาอยู่ ราวกับว่ากำลังทำพิธีบางอย่าง.
มือขวายกขึ้นมาบนหน้าอกพนมมือข้างเดียว ส่วนมือซ้ายถือวัตถุที่แปลกประหลาดอยู่ กล่าวได้ว่าวัตถุดังกล่าวนี้มันส่องประกายแสงสีแดงส่องพลังปิศาจออกมา ไม่ไกลออกไปจากร่างของเขานั้น จงซานสัมผัสได้ถึงพลังปิศาจที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก มันมีรูปร่างที่แปลกประหลาดมาก ทันทีที่จงซานมองเห็นหัวใจในมือของเขาถึงกับสะดุ้งขึ้นมาในทันที.
หัวใจ ที่มือซ้ายของชายคนนั้น เป็นสิ่งที่เปล่งพลังปิศาจที่หนักหน่วงออกมา มันคือหัวใจของมนุษย์คนหนึ่งอย่างงั้นรึ?