Chapter 6 เคล็ดวิชาสวรรค์หงหลวนเทียน.
ตะวันสาดแสงในวันถัดมา.
เหล่าเยว่จื่อจงที่กำลังนอนหลับอยู่บนกองใบไม้หนาในป่าแห่งหนึ่ง กระบี่ยาวที่กำลังสั่นชี้ไปยังคอของเขา เจ้าของกระบี่ก็คือเทพธิดาจื่อซวินนั่นเอง.
ในตอนเช้า เทพธิดาจื่อซวินที่ตื่นขึ้นมาก่อน นางพบว่านางอยู่ในอ้อมกอดของชายชรา พร้อมกับรู้สึกเจ็บปวดที่ส่วนล่างของร่างกาย นางที่เร่งรีบแต่งกายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกกระบี่ขึ้นมา ชี้ไปที่ลำของของชายแปลกหน้าด้านหน้า.
จวบจนถึงตอนนี้ เทพธิดาจื่อซวินยังไม่รู้ชื่อของชายผู้นี้ด้วยซ้ำ
น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากตาของนาง ขณะที่นางกัดริมฝีปากแน่น ความตื่นตกใจในตอนแรกได้หายไปหมดแล้วและนางที่ลังเล นางควรที่จะแทงกระบี่ไปยังร่างชายชราคนนี้ไหม?
จ้องมองโลหิตของนางที่ชโลมไปทั่วร่างกายของชายชรา เทพธิดาจื่อซวินก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะปลิดชีวิตเขา นางที่เพ่งพิศไปยังชายคนดังกล่าว คนผู้นี้มีพื้นฐานพลังที่อ่อนแอ และไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตได้ บางทีอีกไม่นานเขาก็ต้องตาย ควรที่จะปล่อยให้เขาตายไปเองดีกว่า ชีวิตของปุถุชนนั้นช่างแสนสั้น มีชีวิตไม่นานก็ตายแล้ว ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้ช่วยเหลือนาง.
เทพธิดาจื่อซวินถอนหายใจพร้อมกับกวาดตามองชายชราอีกครั้ง ก่อนที่จะกระทืบเท้าบนพื้น สร้างเมฆสีม่วงก่อนที่จะพานางเหินขึ้นฟ้าจากไป.
ทว่าจู่ ๆ นางก็ชะโงกหันหลังกลับมามอง พร้อมกับโบกมือ เสื้อผ้าของเหล่าเยว่จื่อจงลอยขึ้นไปคลุมร่างกายเขาไว้ในทันที เหล่าก้อนกรวดมากมายถูกเคลื่อนที่ลอยประจำตำแหน่งรอบ ๆ ร่างกายของเขา พร้อมกับกลายเป็นค่ายกลป้องกันเหล่าแมลงพิษและยุงพิษทันที เทพธิดาจื่อซวินไม่เข้าใจทำไมถึงต้องทำเช่นนั้นด้วย ภายในความทรงจำนั้นนางไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน นางกลับกลายเป็นว่าไม่ต้องการให้เขาตกตายไปด้วยแมลงหรือสัตว์มีพิษอย่างงั้นรึ? ทำไม? นางถึงต้องช่วยเขาด้วยล่ะ?
ความรู้สึกมากมายผสมปนเป พริบตาเดียวเทพธิดาจื่อซวินก็หายไปกับหมู่มวลเมฆา.
เหล่าเยว่จื่อจงที่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลยจนกระทั่งถึงตอนบ่าย ขณะที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าร่างกายที่เปลือยเปล่าถึงกับตะลึงงัน เร่งรีบสวมชุดในทันที เขาขมวดคิ้วกวาดตามองโลหิตที่โชลมไปทั่วร่างและทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ในทันที.
เทพธิดาจื่อซวิน?
นางได้จากไปนานแล้ว เหล่าเยว่จื่อจงที่เต็มไปด้วยความคิดมากมาย ภายในใจของเขา เต็มไปด้วยความอยากรู้ในตัวของเทพธิดาจื่อซวิน สำนักไคหยาง ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้กัน?
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เขาก็หยิบไม้เท้ามังกรซึ่งโชคดีที่ยังคงอยู่ ซึ่งที่ด้านบนของไม้เท้ามังกรนั้น มีสมบัติวิเศษของเขาอยู่ เป็นมุกสีแดงบนไม้เท้ามังกรนั่นเอง.
หลังจากที่เก็บมันเสร็จแล้ว เหล่าเยว่จื่อจงที่มองไปรอบ ๆ ที่ห่างออกไปนั้นปรากฏเศษชิ้นส่วนที่แตกหักของดาบสั้นวิเศษเล่มหนึ่งไม่ไกลออกไป.
เศษดาบวิเศษอย่างงั้นรึ?เหล่าเยว่จื่อจงที่เดินตรงไป ดูเหมือนว่าเทพธิดาจื่อซวินนั้นจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะว่ามันเป็นเพียงอาวุธที่แตกหักรึอย่างไร.
เพลิงเทียนเหล่ยที่สามารถเผาไหม้มารเฒ่าหงหลวนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ทว่ากลับไม่สามารถเผ่ามีดอาคมนี้ได้อย่างงั้นรึ?
เหล่าเยว่จื่อจงเริ่มพิจารณาสิ่งของดังกล่าว เข้าไม่เชื่อว่ามีดอาคมนี่ เป็นของตกทอดมาหลายรุ่น จะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ดูต่างหน้าเท่านั้น.
เป็นความจริงที่มันสามารถทนเพลิงเทียนเหล่ยได้ แสดงว่าต้องสร้างมาจากวัตถุดิบที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดังนั้น อาจจะเป็นอาวุธวิเศษ ทว่าเหล่าเยว่จื่อจงไม่รู้ว่าการที่มันสามารถทนเพลิงเทียนเหล่ยได้นั้นเป็นเพราะว่ามัน มีอะไรผสมอยู่ด้านในหรือไม่ ทว่ามีดเล่มนี้อาจจะมีวิธีใช้งานอยู่.
ก่อนที่จะทำการตรวจสอบมีดดังกล่าวทุกตางรางนิ้ว ขณะที่ทำการตรวจสอบนั้น ด้ามที่หุ้มด้วยหนังสัตว์นั้น บนหนังสัตว์มีอักษรที่สลักเอาไว้อย่างสวยงามว่า"หงหลวน"
เหล่าเยว่จื่อจงที่เริ่มแกะเลาะที่หุ้มของมันออกมาอย่างระมัดระวัง ด้วยมีดเล็กในกระเป๋า สำนักหงหลวน ที่เห็นมันเป็นของสืบทอดจากบรรพชน จะเป็นใครคงจะไม่กล้าที่จะทำลายมันเช่นนี้เหมือนกับที่เหล่าเยว่จื่อจงทำ?
จากนั้นไม่นานนัก สายตาของเหล่าเยว่จื่อจงต้องเผยความประหลาดใจออกมา มีดดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีดธรรมดาเลย นี่คือสมบัติล้ำค่า ทว่าเพียงแต่ไม่มีคนคิดที่จะตัดที่หุ้มของมันออกมาหรือไม่?
เหล่าเย่วจื่อจงที่ค่อย ๆ แกะทุกสิ่งทุกอย่างออกไป หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง ท้ายที่สุดก็สามารถตัดหนังสัตว์ออกมาได้.
ที่ด้านในนั้น ถูกหุ้มด้วยผ้าไหมผืนเล็กๆ.
ผ้าเช็ดหน้า? เหล่าเยว่จื่อจงที่รู้สึกดีใจขึ้นมาในทันที เขาได้พบเข้ากับสมบัติล้ำค่าเข้าแล้ว.
เขาที่แกะผ้าเช็ดหน้านั้นออกมาในทันที ที่ด้านในนั้นมีตัวอักษรขนาดเล็กมากมายบรรจุอยู่.
จวบจนถึงวันนี้ เหล่าเยว่จื่อเองก็ศึกษาเรียนรู้ทั้งภาษาอ่านเขียนต่าง ๆ มากมาย แน่นอนว่าเขาจะต้องสามารถอ่านพวกมันได้.
เคล็ดวิชาหงหลวนเทียน.
เคล็ดวิชาหงหลวนเทียน?
เพียงแค่อ่านอักษรสี่ตัวแรกเท่านั้นก็ทำให้เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ซึ่งยังมีอักษรต่าง ๆ อีกกว่าแปดหมื่นตัว.
เห็นเช่นนี้แล้ว ทำให้ภายในใจของเหล่าเยว่จื่อจงเต้นระส่ำ เคล็ดวิชาลับ นี่คือเคล็ดวิชาลับ ในอดีตเขาพยายามที่จะหาซื้อมันมาให้ได้สักวิชาหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้กลับพบเข้าโดยบังเอิญ.
ในเวลานี้เขาก้าวไปถึงระดับเซียนเทียน ทำให้ความจำเขายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เขาที่พบหุบเขาที่เหมาะแห่งหนึ่งใช้เวลาสามวันในการจดจำตัวอักษรทั้งแปดหมื่นอักษรจนขึ้นใจ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสามวันท่องอักษรทั้งหมดอีกครั้งและอีกครั้ง เกรงว่าเขาจะลืมมันไป เหล่าเยว่จื่ยังใช้เวลาทบทวนอีกห้าวันเพื่อที่จะท่องย้อนกลับ อีกสามวันท่องทบทวน ทั้งท่องไปด้านหน้าและกลับหลัง จวบจนมันสามารถสลักเอาไว้ในความทรงจำของเขาได้แล้ว หลังจากนั้น เหล่าเยว่จื่อจงก็ได้เผาผ้าเช็ดหน้านั้นทิ้งไป.
เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนนั้น เป็นเคล็ดวิชาที่ลึกล้ำ มันไม่ใช่วิชาในการต่อสู้ ทว่าเป็นวิชาลับสุดยอด ที่เหนือธรรมชาติที่เกี่ยวกับพลังจิต?
[念力 Niànlì พลังจิต พลังแห่งความมุ่งมั่น]
เหล่าเยว่จื่อจง ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสำคัญของพลังจิตนัก นี่คงจะเป็นวิชาดั้งเดิมของพวกเขา ทว่าสำนักของพวกเขาคงจะไม่ได้ฝึกวิชานี้กัน เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนนั้นทรงพลังลึกลับเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับวิชานี้ เหล่าเยว่จื่อจงไม่รู้เหมือนกันว่าเหล่านักพรตของสำนักหงหลวนตอนนี้ได้ฝึกวิชาเหล่านี้ถึงครึ่งรึเปล่าก็ไม่อาจรู้.
เขาจ้องมองไปยังเศษผ้าเช็ดหน้าที่ถูกเผา ตลอดจนเหล่าเยว่จื่อจงได้หาสถานที่ฝังดาบที่แตกหักนี้อย่างระมัดระวัง.
หลังจากนั้น เหล่าเยว่จื่อจง ได้ถือไม้เท้ามังกร พร้อมกับเร่งรีบกลับหมู่บ้าน.
หลังจากที่จัดแจงเกี่ยวกับธุรกิจต่างให้กับพ่อบ้านแล้ว เขาก็เดินทางลงไปยังใต้ดินเพื่อขึ้นรถไฟกลับไปยังอาณาจักรต้าคุน.
ภายในบ้านพักตระกูลจงนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นเหล่าเยว่จื่อจงปรากฏขึ้นด้วยรูปลักษณ์สี่สิบปี ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขามีพลังยุทธ์ก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนแล้ว นี่คือพลังยุทธ์ในตำนาน เหล่าคนใช้และเหล่าลูกเลี้ยงทุกคนต่างก็หัวใจเต้นโครมคราม เหล่าเยว่จื่อจงได้ก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนแล้วรึ?
ทว่าบุตรบุญธรรมทั้งแปดกลับหายตัวไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามสักคน.
...
ที่ด้านหลังของที่พัก เหล่าเยว่จื่อจงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในพร้อมกับบำเพ็ญเพียร.
เคล็ดวิชาหงหลวนเทียนนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 12 ขั้น เหล่าเยว่จื่อจงเวลานี้ได้ฝึกฝนขั้นแรก ฉีซา
起煞 Qǐ shā Evil Rising.
ด้วยฝึกฝนตามตำรา เหล่าเยว่จื่อจงได้ทำการฝึกฝนอยู่ในที่พักตลอดสองเดือน ท้ายที่สุดก็สามารถสำเร็จขั้นฉีซาสำเร็จ เหล่าเยว่จื่อจงขณะนั่งขัดสมาธินั้น ที่ฝ่ามือของเขานั้นมีหมอกจาง ๆ ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะจางหายไป.
ผงกำหนัดหงหลวน เป็นหนึ่งในยาปลุกกำหนัดที่รุนแรงที่สุดในโลก? เหล่าเยว่จื่อจงชำเลืองมองออกไปด้วยท่าทางอักอ่วน.
เพียงแค่สะบัดมือหนึ่งครั้ง ผงกำหนัดหงหลวนก็ได้หายไป ทว่าระหว่างคิ้วของเขานั้นดูเต่งตรึงอวบอิ่มขึ้นมา ตามเคล็ดวิชาที่ได้อธิบายไว้ว่า จะเกิดเป็นช่องว่างเล็ก ๆ ขึ้นที่ระหว่างคิ้วของเขา.
ภายในช่องว่างเล็ก ๆ นั้นมีพลังงานที่โปร่งแสงสีชมพูเรื่อ ๆ หมุนวนอยู่ภายใน พลังงานนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ โปร่งใส แปลกประหลาด สามารถควบคุมได้ เหล่าเยว่จื่อจงที่พยายามควบคุมมันดู เขาได้ลองใช้พลังที่โปร่งใสนี้ตรวจสอบร่างกายของเขาและทำให้เขารู้สึกว่ามันสามารถที่จะทะลวงผ่านวัตถุได้ สามารถตรวจสอบลึกเข้าไปในร่างกาย สามารถที่จะมองเห็นเส้นปราณของตัวเองได้อีกด้วย.
สัมผัสเทวะอย่างงั้นรึ? เหล่าเยว่จื่อจงที่พยายามจดจำความรู้สึกนี้กับความทรงจำที่เลือนลาง ไม่ นี่ไม่ใช่สัมผัสเทวะ นี่คือพลังจิต ทว่าพลังทั้งสองนี้มันแตกต่างกันอย่างไร?
เหล่าเยว่จื่อจงไม่สามารถอธิบายเรื่องดังกล่าวนี้ได้เลย คงต้องรอหาคำตอบที่หลัง ที่เขารู้ก็คือหากว่าลองใช้ปราณแท้ผสมรวมกับพลังจิตสีชมพูนี้ หลังจากวิเคราะห์แล้ว จะทำให้สามารถสร้างผลกำหนัดหงหลวนขึ้นมาได้.
พลังจิตนี้ช่างลึกลับแปลกประหลาดนัก.
เขาที่กำลังอดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ เหล่าเยว่จื่อจงที่ลุกขึ้นช้าๆ เคล็ดวิชาหงหลวนระดับแรกนั้นค่อนข้างง่ายที่จะฝึกฝน เพียงแค่พยายามอย่างหนักให้มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สามารถพัฒนาได้ ส่วนในเวลานี้ พลังจิตเองอาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด อย่างน้อยควรที่จะฝึกฝนวิชาอื่น ๆ ในระดับเซียนเทียนด้วย.
เหล่าเยว่จื่อจงที่ค่อย ๆ ขยับหมอนอิงออกไป ก่อนที่จะเริ่มขยับแผ่นเหล็กที่อยู่ด้านล่างหมอนอิงออก ซึ่งปรากฏช่องลับซ่อนอยู่ด้านใน.
ภายในช่องลับนั้น มีกล่องไม้สีม่วงขนาดเล็กอยู่.
เขาที่หยิบกล่องนั่นออกมาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับใช้ชายเสื้อเช็ดฝุ่นออก ก่อนที่จะเปิดมันออกมาช้า ๆ ที่ด้านในนั้นมีชิ้นหยกขนาดเล็กอยู่ด้านใน ซึ่งมีประกายแสงหลากหลายสี ส่องประกายเคลือบเอาไว้ เห็นได้ว่ามันมีอาคมบางอย่างสะกดอยู่ หากว่าไม่ใช่อาคมพิเศษในการแก้ล่ะก็จะไม่สามารถเปิดได้ หรือหากใช้แรงบังคับแล้วล่ะก็ จะทำให้มันแตกหักพังทลายลงไปในทันที.
ข้าง ๆ นั้นยังมีแผ่นผ้าสีขาว มีภาพวาดของภูเขาและแม่น้ำ เป็นเหมือนแผนที่ ซึ่งแผนที่ดังกล่าวนี้มันยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเหล่าเยว่จื่อจง ทว่าเขายังคงเก็บภาพคัดลอกมันเอาไว้ด้วยเช่นกัน.
เหล่าเยว่จื่อจงนั้นยังคงจำได้ว่าแผ่นหยกนั้นมีใครบางคนให้มา เป็นชายชราชุดสีเทา ที่มีผมพะรุงพะรัง
"มีคนจำนวนมากกำลังไล่ตามข้า ข้าไม่สามารถหนีได้แล้ว โปรดมอบหยกชิ้นนี้ให้กับประมุขสำนักไคหยางด้วย เขาจะรับเจ้าไว้อย่างไม่มีเงื่อนไข."ชายในชุดสีเทากล่าวอย่างกระวนกระวาย.
"เขาจะให้ข้าเข้าสำนักไคหยางอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกมาด้วยความตกใจ.
ชายชราชุดสีเทาที่จ้องมองไปยังจงซานกล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ตราบเท่าที่เจ้าไปถึงระดับเซียนเทียน พวกเขาจะรับเจ้าแน่นอน."
"ที่อยู่ล่ะ."จงซานที่สอบถามออกไปอย่างรีบเร่ง.
ชายชุดเทาที่กระแทกเท้าลงพื้นดินหนึ่งครั้งก่อนที่จะปรากฏเป็นเส้นทางไปยังสำนักไคหยาง ซึ่งมีการทำเครื่องหายเอาไว้ เหล่าเยว่จื่อจงที่ได้คัดลอกมันเอาไว้บนผ้าสีขาว.
หลังจากนั้น ชายชราชุดเทาก็เหินขึ้นไปบนฟ้า หายลับตาไปจากจงซาน ในเวลานั้นเองก็มีริ้วแสงอีกหลายสิบสายพุ่งตามร่างของไปด้วยเช่นกัน.
จ้องมองไปยังหยกชิ้นเล็ก ๆ ในมือของเขาแล้ว ปรากฏความตื่นเต้นในสายตาของจงซาน เซียนเทียน ระดับเซียนเทียน ตอนนี้พวกเขาจะต้องรับข้า จงซานเข้าสำนักไคหยางอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง.