ตอนที่แล้วChapter 56 ต้อนรับแขกผู้มาเยือน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 58 ความร้ายกาจของจงซาน

Chapter 57 จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์.


"มีค่ายกลขนาดใหญ่? เป็นประมุขสำนักประตูกุญแจทองเป็นคนสร้างอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลคุ้มภัยของสำนักเซียน ทว่าก็ไม่ยากที่จะคาดเดาได้ว่าประมุขของสำนักประตูกุญแจทองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาปิดกั้นอาณาเขตของสำนักเอาไว้.

"ถูกแล้ว ตอนแรกนั้นเหล่าผู้ฝึกตนรอบ ๆ นั้นต่างก็ส่งคนไปสำรวจ พวกเขาต่างก็เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งทั้งนั้นทว่ากลับไม่สามารถผ่านค่ายกลเข้าไปถึงที่อยู่ของประมุขสำนักประตูกุญแจทองได้เลย อย่างไรก็ตาม เขาที่สามารถสร้างค่ายกลที่ทรงพลังขนาดนี้ขึ้นมาได้ ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนมากมายต่างก็ต้องการที่มั่นที่ปลอดภัยบนนั้น ทำให้พวกเขาต่างก็แย่งชิงกันและกัน เพราะค่ายกลนั่นบีบบังคับให้พวกเขาเป็นศัตรูกัน พวกเขาจึงไล่ล่าสังหารกันเอง ซึ่งนั่นจึงเป็นเหตุให้มีคนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย."จ้าวโส่วเซียงที่อธิบายออกมาในทันที.

"มันคือค่ายกลอะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกมาในทันที.

"มีค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง"จ้าวโส่วเซียงตอบ.

"มีค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง?"เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกประหลาดใจ ทว่าจงซานและหยิงหลานที่ขมวดคิ้วไปมา.

ค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง? ประตูทำลาย(休)  ประตูชีวิต(生)  ประตูบาดเจ็บ(伤)  ประตูอุปสรรค(杜)  ประตูทางออก(景)  ประตูความตาย(死) ประตูความตื่นตระหนก(惊)  และประตูเปิด(开). นี่คือค่ายกลที่ใช้ในการรบ คนทั้งสามต่างก็รู้ดี ทว่าค่ายกลแห่งนี้กับใช้เป็นกับดักในการจัดการกับผู้ฝึกตนอย่างงั้นรึ?

เจ้าโส่วเซี่ยที่เห็นท่าทางคนอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาที่ส่ายหน้าไปมา "ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองนั้น ข้ารู้ว่าเป็นค่ายกลที่ใช้ในการรบ ในอดีตนั้นข้าเคยนำทัพออกศึก และได้เคลื่อนทัพด้วยวิธีดังกล่าวนี้ ทว่าค่ายกลแปดประตูกุญแจทองแห่งนี้ กลับดูซับซ้อนมากมายยิ่งกว่าปรกติ ข้าจึงต้องการที่จะไปดู."

หยิงหลานและเทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังจงซานที่กำลังครุ่นคิดและขมวดคิ้วไปมา.

"จงซาน เจ้าต้องการไปดูกับข้าหรือไม่?"จ้าวโส่วเซียงถาม.

"จงซาน พวกเราไปเถอะ ข้าต้องการไปดูว่าศิษย์พี่ใหญ่นั้นปลอดภัยหรือไม่?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.

จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไร ขณะนี้ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่.

"จริง ๆ  ข้าต้องการไปเห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวเสริม.

บนใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อนั้นมีอารมณ์มากมายเกิดขึ้น ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด นางเองก็ไม่ต้องการที่จะเอ่ยชื่อของเทียนชาต่อหน้าจงซาน อย่างน้อยที่สุด ราวกับว่านางไม่ต้องการให้จงซานคิดว่าระหว่างนางและเทียนชานั้นยังมีอะไรระหว่างกัน อย่างไรก็ตามนางที่ชื่นชอบเขามานานหลายปีแล้วไม่มีทางที่จะสามารถลบไปได้ในครั้งเดียว นางจึงได้เอ่ยว่า "เป็นครั้งสุดท้าย"ทั้งที่จริงแล้วความสำคัญของเทียนชานั้น มันได้ลดทอนลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว.

จงซานที่คิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า"ตกลง หลังจากที่ข้าจัดการผู้บุกรุกในวันสองวันนี้ เช่นนั้น พวกเราจะเดินทางไปกัน."

"อืม."ใบหน้าที่ยิ้มแย้มปรากฏขึ้นมาที่ใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อ.

ส่วนหยิงหลาน ในดวงตาของนางมีประกายแสงที่เข้มข้นราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่เช่นกัน.

"ผู้บุกรุก? ผู้บุกรุกอะไรอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงที่สอบถามออกมา.

"ประมุขสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐต้าคุนและบรรพชนของพวกเขา น่าจะเข้าสำนักเซี่ยนพร้อม ๆ กับเจ้า บางทีเจ้าอาจจะรู้จักพวกเขาก็ได้ หากว่าเห็นพวกเขาบุกเข้ามา."จงซานกล่าว.

"โอ้ว? จริง ๆ รึ?เมื่อไหร่กัน?"ดวงตาของจ้าวโส่วเซี่ยงที่เปล่งประกาย.

"มีความเป็นไปได้แปดส่วนที่พวกเขาจะบุกเข้ามาในคืนนี้ หรือช้าสุดก็เป็นพรุ่งนี้."จงซานตอบ.

"กู่เหยี่ยเยี่ย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะบุกเข้ามาในคืนนี้?"หยิงหลานที่สอบถามออกไปด้วยความอยากรู้.

จงซานที่หันหน้าไปมองหยิงหลานพร้อมกับหัวเราะออกมา."พวกเขารอคอยจนมาถึงวันนี้วันสุดท้ายแล้ว ข้าคงจะแปลกใจซะอีกหากว่าพวกเขารอได้ถึงวันพรุ่งนี้."

"อืม."หยิงหลานพยักหน้า นางเชื่อจงซานอยู่แล้ว.

"เช่นนั้น คืนนี้ ข้าจะช่วยเจ้าปกป้องคฤหาสน์หลังนี้เอง."จ้าวโส่วเซี่ยงเผยยิ้มออกมาในทันที.

"พวกเขาไม่มีความแค้นกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้."จงซานกล่าว.

"ไม่ เส้นทางฝึกตนของข้านั้น ต้องการการต่อสู้ ทวนยาวของข้านั้นมันต้องการดื่มโลหิต."จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวแย้ง.

"เช่นนั้นก็ขอขอบคุณ."จงซานกล่าวพร้อมกับเผยยิ้ม.

"อย่าได้เกรงใจ."จ้าวโส่วเซี่ยงตอบ.

"อืม เช่นนั้นเวลานี้ก็ไปพักกันก่อน พวกเขาจะต้องมาที่นี่คืนนี้แน่."จงซานกล่าว.

"อืม."จ้าวโส่วเซียงพยักหน้า.

"หลิงเอ๋อ เจ้าเองก็ควรจะเตรียมตัว นี่จะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่และเจ้าต้องเป็นตัวหลักของการต่อสู้ด้วย."จงซานกล่าวต่อเทียนหลิงเอ๋อ.

"อืม."เทียนหลิงเอ๋อตอบรับอย่างขึงขัง.

จ้าวโส่วเซียงที่ถูกนำไปยังห้องพักและเทียนหลิงเอ๋อเองก็กลับห้องของนาง ในเวลานี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูเขาป้าเหมินนั้นรบกวนจิตใจนางทีเดียว จนยากที่จะข่มใจให้สงบได้.

หลังจากที่ทั้งคู่ได้ไปพักแล้ว หยิงหลานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ของจงซาน.

"กู่เหยี่ยเยี่ย ทำไมท่านต้องการไปที่ภูเขาป้าเหมินอย่างงั้นรึ?ข้าไม่เชื่อว่าท่านต้องการไปเห็นค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่อะไรนั่น."หยิงหลานที่สอบถาม ดวงตาเปล่งประกาย.

จงซานที่บีบจมูกของหยิงหลานเบา ๆ ก่อนที่จะหัวเราะออกมา "เจ้าช่างฉลาดเป็นกรดเลย ข้ารู้นะว่าเจ้าอยากถามอะไร."

"แน่นอน ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไร กู่เหยี่ยเยี่ยดูเหมือนว่าจะสนใจเสียงคำรามของมังกรมาก มีอะไรเกี่ยวข้องอย่างงั้นรึ?"หยิงหลานถามอีกครั้ง.

จงซานที่ยกชาขึ้นจิบทว่าก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา.

เห็นจงซานไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเช่นนั้น ทันใดนั้นหยิงหลานก็เข้ามารบเร้าเขย่าแขนเขาทันที "กู่เหยี่ยเยี่ย พูดเร็วเข้า อย่าปล่อยให้ข้าสงสัยสิ."

จงซานที่ส่ายหน้าไปมาและหัวเราะออกมาเบา ๆ ."เอาล่ะ ๆ  มังกรคำรามเก้าครั้งนั่นก็หมายความว่ามีสมบัติวิเศษอยู่ในภูเขาป้าเหมิน มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับคนอื่น ทว่ามันเป็นสมบัติที่สำคัญสำหรับข้าที่จะก่อตั้งราชวงศ์."

"มันคืออะไรอย่างั้นรึ?"หยิงหลานที่เบิกตากว้าง เสียงของนางที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.

"จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"จี้หยกสวรรค์เก้ามังกร?มันคืออะไรกัน?"หยิงหลานขมวดคิ้วเต็มไปด้วยความอยากรู้ นางไม่เคยได้ยินสิ่งนี้มาก่อนเลย.

จงซานเผยยิ้ม แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมันแน่ ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจาก"แปลนศาลสวรรค์"

"ยังมีอีกหลายสิ่งที่เจ้าไม่รู้."จงซานหัวเราะ.

"เช่นนั้น ข้าต้องการไปด้วย."หยิงหลานที่กล่าวออกมาในทันที.

"ไม่ ๆ  เจ้ายังไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน มันเป็นเรื่องอันตรายเป็นอย่างมากสำหรับเจ้า."จงซานส่ายหน้าไปมา.

"แต่ว่า กู่เหยี่ยเยี่ย ข้านั้นศึกษาค่ายกลแปดประตูกุญแจทองมาอย่างดี หลายปีที่ข้านำกองกำลัง ข้ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับค่ายกล หากว่าท่านนำข้าไปด้วยจะต้องเป็นประโยชน์แน่ ข้าต้องการไปช่วยกู่เหยี่ยเยี่ยในเวลานี้ด้วย."หยิงหลานที่รบเร้าส่ายมือจงซานอีกครั้ง.

จงซานที่ราวกับว่าใจอ่อนลง ทว่าก็ยังส่ายหน้าและกล่าวออกมาว่า"ไม่ มันอันตรายเกินไป."

"หากว่าท่านไม่พาข้าไปด้วยล่ะก็ ข้าจะไปด้วยตัวเอง."หยิงหลานกล่าว.

จงซานยิ่งเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิมหากว่านางไปด้วยตัวเอง.

"เอาล่ะ ก็ได้ ๆ  แต่ว่าเจ้าจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า."จงซานที่ถอนหายใจ.

"ข้ารู้ว่า กู่เหยี่ยเยี่ยดีกับข้าที่สุด."หยิงหลานที่กอดแขนจงซานแน่น.

"แต่ว่า พวกเราจะต้องจัดการคืนนี้ให้เสร็จสิ้นก่อน."จงซานกล่าว.

"แน่นอน หากว่าพวกเขาเข้ามาภายในคฤหาสน์จงล่ะก็ พวกเขาจะไม่ได้ออกไปแน่ กู่เหยี่ยเยี่ย ท่านคอยดูได้เลย."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยสายตาที่ดุร้าย.

"อืม พวกเขามีด้วยกันแปดคน คนเหล่านี้เป็นคนหน้าซื่อใจคด พวกเขาที่จะมาพร้อมกับข้ออ้างมากมาย เมื่อเจ้าเห็นพวกเขาชัดเจน สามารถโจมตีได้ในทันที ทว่ายังมีแขกพิเศษในคฤหาสน์จงอีก พวกเขาจะมาคอยช่วยพวกเราลับ ๆ  หากว่าเจ้าเห็นเขา อย่าได้โจมตีพวกเขา."จงซานกล่าวต่อหยิงหลาน.

"เขาเป็นใครอย่างงั้นรึ?"หยิงหลานที่สอบถามออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"เขาไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ รู้ตัวตน ทว่าข้าสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่า เขาจะไม่ทำอันตรายใด ๆ กับคนของคฤหาสน์จง."จงซานที่กล่าวอย่างจริงจัง.

"ได้ ได้."หยิงหลานพยักหน้าและไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้.

ราว ๆ เที่ยงคืน ทั่วทั้งคฤหาสน์จงที่เต็มไปด้วยความมืด บนยอดเจดีย์สูงห้าชั้น จงซาน เทียนหลิงเอ๋อและจ้าวโส่วเซียงที่นั่งสมาธิรอคอยอยู่อย่างเงียบ ๆ .

ที่ด้านนอกของคฤหาสน์จง มีเงาแปดร่างค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา สี่คนที่มีรูปร่างเหมือนกันคนอายุสามสิบและอีกสี่คนเหมือนกับคนอายุสี่สิบปี และดูเหมือนว่าคนที่ดูหนุ่มที่สุดเป็นผู้นำพวกเขามา.

คนทั้งแปดที่กระโดดขึ้นมาบนคฤหาสน์จง พวกเขามุ่งตรงเข้าไปยังที่พักด้านใน แน่นอนว่าพวกเขาวางแผนมาระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาย่อมรู้ที่อยู่ของจงซานว่าอยู่ส่วนใหน.

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาไปได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น.

"พรึบ" พรึบ"....................

ทั่วทั้งคฤหาสน์จงก็สว่างจ้า คบเพลิงมากมายถูกจุดขึ้นทันที ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสว่างเป็นอย่างมาก.

แทบจะในทันที คนทั้งแปดก็ถูกแสงสว่างส่องเผยตัวตนออกมา.

พวกเขาที่หยุดนิ่ง รับรู้ทันทีว่าตัวตนของพวกเขานั้นถูกพบเจอเข้าแล้ว ในเวลาเดียวกันนั้นบนเจดีย์ห้าชั้นที่ด้านหน้าของพวกเขานั้น.

จงซาน จ้าวโส่วเซียงและเทียนหลิงเอ๋อที่ปรากฏตัวออกมาและจ้องมองมายังพวกเขา.

"สี่ผู้ฝึกตนระดับสูงและสี่ผู้ฝึกตนระดับต้น ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเยี่ยมเยือนข้าในยามวิกาลเช่นนี้ ทำไมไม่ส่งข้อความมาก่อนหน้านี้ล่ะ?"จงซานที่ยืนอยู่บนเจดีย์ แสร้งแสดงท่าทางประหลาดใจจ้องมองไปยังคนทั้งแปด.

"จงซาน."ประมุขตระกูลจ้าวที่หรี่ตาจ้องมองไปยังจงซาน.

หลังจากที่ประมุขจ้าวกล่าวออกมา บรรพชนทั้งสี่ ต่างก็จ้องมองชำเลืองมองไปยังจงซาน เป้าหมายของพวกเขาในวันนี้.

จงซานไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับสายตาที่จับจ้องของคนทั้งสี่แม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังฝึกตนในระดับเดียวกับจ้าวโส่วเซียง เขาเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล "แล้วพวกเจ้าทั้งสี่เป็นใครกัน ดูเหมือนว่าจะหนุ่มแน่น จนทำให้ข้าไม่เคยเห็นพวกเจ้ามาก่อน อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้าเป็นพวกบัดซบ ที่ชอบสอดเขามายุ่งกับกิจการของตระกูล? ยินดีด้วย ๆ ."

คำพูดของจงซานที่เสียดแทงเป็นอย่างมาก ถึงกับทำให้คนทั้งสี่ที่ดูสุขุมดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธขึ้นมาในทันที.

........

กระบวนทัพแปดประตูกุญแจทอง (八门金锁阵)

มีบันทึกไว้ว่า จูกัดเหลียงคือบุคคลอัจฉริยะที่หาได้ยาก เขาเป็นคนคิดค้น หน้าไม้กล (诸葛弩 ) โคยนต์ม้ากล  โคมลอย  หม่านโถว และหนึ่งในนั้นคือการพัฒนากระบวนพยุหะ แปดประตูกุลแจทอง สิ่งเหล่านี้คือรูปแบบและอุปกรณ์ในการทำสงครามในสมัยโบราณ

กระบวนแปดประตูกุลแจทอง หรือ กระบวนแปดทิศ ชื่อจีน 八门金锁阵(ปาเหมินจินสั่วเจิ้น) หรือ 八阵图 (ปาเจิ้นถู)

*** 八门金锁阵 ( 八Bā(ปา)= แปด 门 mén(เหมิน)= ประตู  金 jīn (จิน) = ทอง  锁 suǒ(สั่ว) =ดอกกุญเเจ  การใส่กุญเเจ  阵 zhèn (เจิ้น)= กระบวนที่ใช้ในการรบ ) และ 八阵图 (图 Tú(ถู) = แผนผัง แผนภาพ)

กระบวนพยุหะนี้มีประตูทั้งแปดแตกต่างกัน ประกอบด้วย ประตูทำลาย(休)  ประตูชีวิต(生)  ประตูบาดเจ็บ(伤)  ประตูอุปสรรค(杜)  ประตูทางออก(景)  ประตูความตาย(死) ประตูความตื่นตระหนก(惊)  และประตูเปิด(开)บางตำราใช้ชื่อประตูต่างกันออกไป เช่น ประตูสวรรค์(天)  ประตูธรณี(地) ประตูวายุ (风) ประตูเมฆา(云)รวมสี่ประตู ประจำที่มุมต่าง ๆ  อีกสี่ประตู คือ ประตูมังกรเขียว(青龙)(ทิศบูรพา)  ประตูเสือขาว(白虎)(ทิศตะประจิม)  ประตูนกเพลิง(หงส์เพลิง)(朱雀)ทิศอุดร) และประตูงูเหิน(螣蛇)(ทิศทักษิณ) อนึ่งบางตำราใช้ชื่อประตูงูเหินว่า 玄武 เสวียนอู่ หรือ (งู+เต่า) หรือ งูเต่าดำ ทหารแต่ละกองที่ประจำอยู่แต่ละประตูมีหน้าที่ต่างกัน กล่าวคือ ทำหน้าที่ในการล่อลวงศัตรูกองหนึ่ง ทำหน้าที่โจมตีสังหารศัตรูกองหนึ่ง และให้การสนับสนุนอีกกองหนึ่ง ประตูที่มีความอ่อนแอที่สุดคือประตูชีวิต และประตูที่มีความแข็งแกร่งที่สุดคือประตูความตาย แต่ละประตูต้องมีความเชื่อมโยงและคอยหนุนกัน รวมไปถึงกองผสมระหว่างอาวุธ กล่าวคือในแต่ละประตูต้องมีอาวุธหลากหลายเช่น ทวนยาว ทวนขอ ธนู แต่อาวุธเหล่านี้ไม่สามารถแบ่งจำนวนเท่ากันในทุกประตูได้ เนื่องจากแต่ละประตูมีหน้าที่ต่างกัน แม้แต่โล่ที่ใช้ในแต่ละประตูก็มีขนาดความสูงไม่เท่ากัน

........................................................................................................................................

กระบวนพยุหะแปดประตูนี้นี้บางตำรากล่าวว่าคล้ายกับเจดีย์แปดเหลี่ยมแบบจีน คือ กระบวนขนาดใหญ่ เกิดจากกระบวนขนาดเล็ก ค่ายใหญ่เกิดจากการรวมกันของค่ายเล็ก ที่ตั้งโดยยุทธวิธีทางทหารที่มีความสลับซับซ้อน หากกองทัพตกอยู่ในวงล้อมของฝ่ายตรงข้ามขั้นแรกนายทัพจะให้ตั้งกระบวนโดยแบ่งทหารออกเป็นกองต่าง ๆ  โดยต้องใช้ทหารหลักกองใหญ่เก้ากอง กองเล็กรองลงมาอีกสิบหกกอง และทหารกองเล็กอีกหกกอง หารกองนี้ใช้ทวนยาวเป็นอาวุธ ประจำอยู่ทั้งแปดประตู(ประตูละหกกอง)เพื่อแปรกระบวน รวมแล้วต้องใช้ทหารกองเล็กทั้งหมดหกสิบสี่กอง ต้องใช้พลทหารอย่างน้อยหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนนายในการตั้งกระบวนพยุหะนี้ (นอกเหนือจากนี้ต้องมีทหารกองสำรองอีกยี่สิบสี่กองอยู่นอกกระบวน) รูปแบบกระบวนหยุหะของจูกัดเหลียงมีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่บันทึกไว้ใน "คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง (周易) " ซึ่งการตั้งกระบวนพยุหะของจูกัดเหลียงนี้เป็นการคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ และ ทำตามคำสอนของสัทธิเต๋าซึ่งสอดคล้องกับหลักภูมิศาสตร์และดาราศาสตร์ โดยยึดหลักของหยินหยาง (阴阳) กล่าวคือมีการถ่ายสมดุลระหว่างกัน

........................................................................................................................................

การแปรกระบวนในเบื้องต้น -กองทหารประตูสวรรค์ แปรกระบวนไปประจำอยู่ประตูงูเหิน ความพิสดารยากแท้หยั่งถึง -กองทหารประตูเมฆา เมฆนี้เหมือนเมฆบนพื้นดิน เมื่อแรกนั้นไร้รูปร่าง ไม่อาจมองเห็น ฉับพลันรวมกระบวนกันเป็นประตูนกเพลิง รูปร่างพิสดาร ร้ายกาจยิ่งนัก -มาถึงกองทหารประตูมังกรเขียว เมื่อถึงกาลสำแดง มังกรร้ายเผยซึ่งเขี้ยวเล็บ มีหัวและหาง รวมกระบวนพิสดารน่าฉงน พิษสงนั้นอันตรายยิ่งนัก อุปมาชื่อว่ามังกร -กองทหารประตูเสือขาว บัดดลเปลี่ยนเป็นเสือติดปีก เมื่อถึงคราวสู้ สร้างความน่ากลัวให้กับกลพยุหะอย่างยิ่ง เปลี่ยนแปลงกลับกลายหลายอย่าง ถึงแม่ทัพก็หาเดาถูกไม่ -กองทหารประตูนกเพลิงก็เช่นกัน ยามสู้เหมือนนกล่าเหยื่อ คอยช่วยอีกสามประตู -กองทหารประตูงูเหิน เป็นประตูที่เปลี่ยนมาจากประตูวายุ เมื่อแรกนั้นไร้รูปร่างฉับพลันก็จัดกระบวนเป็นรูปขึ้น ท่านว่าประตูนี้อยู่ใกล้ประตูเสือขาว ในทางทฤษฎีการแปรกระบวนของแต่ละหน่วยจะมาสิ้นสุดที่ประตูชีวิต หรือประตูความตาย จุดเด่นของกลพยุหะนี้ คือ กองทหารที่ตั้งกระบวนอยู่ในแต่ละประตูสามารถแปรกระบวนร่วมกับประตูที่เหลืออีกเจ็ดประตูได้ ทำให้กระบวนพยุหะมีความซับซ้อน พิสดาร และเกิดการเปลี่ยนแปลงของกระบวนพล ไหลเวียนไม่สิ้นสุด ข้อด้อยของกระบวน คือ กระบวนพยุหะที่มีความซับซ้อนเช่นนี้น้อยคนนักที่จะเข้าใจถ่องแท้ ในแต่ละกองทัพจะมีเพียงนายพลโทไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจัดกระบวนตามคำสั่งแม่ทัพได้ การแปรกระบวนมีการรวมกัน และแยกกันของแต่ละหน่วยหากนายกองที่คุมแต่ละหน่วยไม่เข้าใจคำสั่งแม่ทัพในการแปลกระบวน จะทำให้ค่ายกลทั้งค่ายเกิดความโกลาหล และถูกตีแตกในที่สุด

........................................................................................................................................

แปลและเรียบเรียงโดย กรกฎ แสงทอง

ที่มา

https://www.facebook.com/notes/korrakod-sangthong/กระบวนทัพแปดประตูกุญแจทอง-八门金锁阵/526838050812971/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด