Chapter 56 ต้อนรับแขกผู้มาเยือน.
"ถูกทั้งหมดเลย เหยี่ยเยี่ย เป็นดังที่ท่านกล่าว ในโลกนี้คงไม่มีอะไรแล้วทีท่านไม่รู้ "หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ได้ยินคำพูดของหยิงหลานแล้วทำให้เขานึกถึงบุตรบุญธรรมที่ทรยศเขาในทันที เขาส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ "ราชวงศ์รัฐเหลียวนั้นไม่ได้ซับซ้อนนัก นอกจากนี้พวกเขาก็เป็นเหมือนกับคนทั่วไป ง่ายที่จะมองเห็นได้ แต่กระนั้น ยิ่งไว้ใจก็ยิ่งมองไม่เห็น....."
ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งมองไม่เห็น จงซานนั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจความคิดของบุตรบุญธรรมที่มีอยู่มากมายของเขาได้เลย เรื่องในครั้งนั้นทำให้จงซานต้องกลับมาคิด เหล่าลูกบุญธรรมที่เหลืออยู่ตอนนี้พวกเขาเป็นคนอย่างไรกันบ้าง?
หยิงหลานเองไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของจงซาน นางยังคงกล่าวต่อไปว่า"เสนาธิการได้กลายเป็นหวงตี้คนใหม่ ไม่ ๆ ที่จริงต้องบอกว่า เขาเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงขั้นสอง แต่เป็นผู้บงการเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด เขาได้ยุให้หวงตี้แต่งงานกับข้า แม้แต่ข่มขู่ข้า ยึดอำนาจทางทหารไป ทำให้ข้าโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากจึงได้จากมา เขาจะต้องเสียใจแน่นอน เมืองเหลียว หากว่าไม่มีข้า ทุก ๆ คนก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิด อีกสี่รัฐที่เหลือจะต้องบุกเข้ามาในไม่ช้า."
จงซานรู้สึกขบขันกับท่าทางโกรธเกรี้ยวของหยิงหลาน เขาสามารถบอกได้ว่าหยิงหลานนั้นเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถ.
"เช่นนั้น แล้วหยิงหลานของพวกเราต้องการแต่งกับใครกันล่ะ?กู่เหยี่ยเยี่ยจะไปหารือเรื่องแต่งให้ หากว่าเขาไม่ยินยอม ข้าจะบังคับเขาเอง."
"ไม่ ไม่ คนที่ข้าต้องการนั้นจะต้องเหนือกว่ากู่เหยี่ยเยี่ย ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่แต่งงานชั่วชีวิต."หยิงหลานที่ลุกลี้ลุกลนกล่าวออกมา.
"หืม เช่นนั้นก็คงจะยากหน่อย."จงซานที่หัวเราะในใจ ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครที่อยู่ในสายตาของนางเลย.
"กู่เหยี่ยเยี่ย ดื่มชา."หยิงหลานที่เสิร์ฟน้ำชาต่อจงซาน.
"อืม."จงซานที่ก้มหน้าจิบน้ำชา.
ในขณะที่จงซานยกชาขึ้นจิบนั้น ภายในประกายตาของหยิงหลานที่แสดงท่าทางโหยหาออกมาเช่นกัน.
จงซานที่จ้องมองกลับไปอีกครั้ง."เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว อย่าได้ไปต่อสู้เพื่อเมืองเหลียวอีกเลย มาต่อสู้เพื่อข้าดีกว่า เหยียเยี่ยวางแผนที่จะก่อตั้งประเทศขึ้นมาแล้ว."
หยิงหลานถึงกับหันขวับจ้องมองไปยังจงซาน นางเพ่งพิศและกล่าวออกมาว่า "กู่เหยี่ยเยี่ย ท่านไม่ได้ไล่ตามความเป็นนิรันดร์แล้วรึ?นอกจากนี้ท่านยังก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนเรียบร้อยแล้ว ทำไมยังคิดที่จะก่อตั้งประเทศอีกล่ะ?"
"ความเป็นนิรันดร์นั้น มันไม่ง่ายขนาดนั้น ข้าต้องการก่อตั้งราชวงศ์สวรรค์และยึดครองแผ่นดินทั้งโลก เช่นนั้นความเป็นอมตะก็จะง่ายกว่าที่จะได้รับมา."จงซานกล่าวพลางขมวดคิ้ว.
ที่จริง การก่อตั้งราชวงศ์สวรรค์และความเป็นอมตะนั้นมันดูไม่เกี่ยวกันเลย ทว่าหยิงหลานก็เลือกที่จะเชื่อจงซานเนื่องด้วยนางชื่นชมเขาอยู่แล้ว นางที่ตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นจงซาน เขาต้องการที่จะยึดครองโลกรึ?ช่างเป็นความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก อีกอย่างเขาคือกู่เหยียเยี่ยผู้อหังการเป็นคนที่นางฝันถึงมาตลอด จะมีใครในโลกนี้ที่เหนือกว่าเขา.
"กู่เหยี่ยเยี่ย เช่นนั้นท่านก็วางแผนที่จะยึดหกรัฐแห่งนี้อย่างงั้นรึ?"หยิงหลานกล่าว.
"หกรัฐอย่างงั้นรึ?มันเป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น ยังมี อีกห้ารัฐที่เจ้าไปอยู่มาก่อนอีกด้วย เมื่อข้าสามารถรวมรัฐทั้งหกนี่ได้ ข้าจะไปยึดครองอีกห้ารัฐดังกล่าวนั่นเร็วที่สุดที่จะทำได้ ข้าจะให้คนเปิดเส้นทางระหว่างภูเขาสร้างทางเชื่อมต่อขนาดใหญ่ระหว่างดินแดนทั้งสอง."จงซานกล่าว.
"อืม หยิงหลานจะต้องช่วยกู่เหยี่ยเยี่ยอย่างแน่นอน."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"ก่อตั้งประเทศไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด เส้นทางเส้นนี้เต็มไปด้วยอันตรายไร้ซึ่งขอบเขต ข้าจะต้องพบเข้ากับศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน ศัตรูเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ปุถุชนทั่วไป ยังมีผู้ฝึกตนที่แสวงหาความเป็นอมตะอีกด้วย เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามและเหวที่ลึกสุดหยั่ง เจ้ายังต้องการที่จะเดินไปกับข้าอยู่รึ?"จงซานขมวดคิ้วจ้องมองไปยังหยิงหลาน.
"ไม่ว่าที่ใหนที่เหยี่ยเยี่ยก้าวไป ข้าก็จะตามไปด้วย."หยิงหลานตอบกลับออกมาทันที.
จงซานที่ชำเลืองมองไปยังหยิงหลาน เขาที่ถอนหายใจ หัวใจที่สั่นไหว เขาที่คอยเตือนตัวเองตลอดเวลา หยิงหลานควรจะมีเส้นทางที่ดีกว่านี้ สำหรับเขานั้น เส้นทางนี้ไม่มีทางกลับและมองไม่เห็นฝั่งด้วย เขาไม่ต้องการที่จะลากนางไปกลับเขาด้วยเลย.
หลังจากนั้น พวกเขาก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในอดีต พร้อมกับเรื่องราวที่น่าสนใจขณะที่นางเป็นผู้นำทางการทหาร.
...
วันนี้คือเส้นตายของเหล่าตระกูลใหญ่ที่จะเตรียมการเข้าโจมตีคฤหาสน์จงแล้ว พวกเขารอคอยมาสิบวันแล้ว และตระกูลราชวงศ์ซูก็ยังมาไม่ถึง เวลานี้พวกเขาได้วางแผนที่จะลอบสังหารจงซานแล้ว คนสี่คนที่อยู่ในระดับเซียนเทียนระดับสูงและอีกสี่คนอยู่ในระดับเซียนเทียนระดับต้นซึ่งจะใช้ในการจัดการคนทั่วไปในตระกูลจง แน่นอน ความแข็งแกร่งนี้ แม้แต่ตระกูลราชวงศ์ยังต้องหวั่นเกรง อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้นับว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด.
เพราะว่ายิ่งรอ อาจจะยิ่งทำให้มีคนเดินทางมาช่วยจงซานได้.
จ้าวโส่วเซียงที่ควบม้าขาวพร้อมกับถือทวนเงินบนมือ เขาที่ได้เดินทางมาถึงเมืองเสวียนในวันนี้แล้ว หลังจากที่มาถึงประตูเมือง ทำให้เขาขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
เมืองเสวียน? คฤหาสน์จง เขาที่พลาดการไล่ล่าเห่าซานเพราะว่ามีภารกิจสำคัญบางอย่าง และเขายังได้ยินซือตี้กล่าวว่ามีคนนามว่าจงซานถูกอสรพิษกลืนลงไป เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าใช่จงซานที่เขารู้จักหรือไม่ เขาไม่อยากเชื่อว่าจงซานจะเป็นคนที่มีอายุขัยที่สั้นขนาดนั้น.
ก่อนที่จงซานจะเข้าไปยังสำนักไคหยาง เมืองเสวียนก็ยังเป็นบ้านของเขา จงซานที่เคยเชิญเขามาเมื่อครั้งก่อน ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านของเขาเขาจะต้องไปดูให้เห็นกับตาแน่นอน.
จ้าวโส่วเซียงที่ควบม้าตรงไปยังประตูเมืองพร้อมกับถามผู้เฝ้าประตู.
"ข้าขอถามหน่อยว่าจะเดินทางไปยังที่พักตระกูลจงได้อย่างไร?"
"ตระกูลจงอย่างงั้นรึ?"ผู้ดูแลประตูที่มองด้วยท่าทางค่อนข้างประหลาดใจ.
"เซียนเซิงจ้าว เชิญด้านนี้เลย."ทันใดนั้นชายคนหนึ่งที่อยู่นอกประตูที่เดินเข้ามาแสดงท่าทางสุภาพเป็นอย่างมาก.
"เซียนเซิงจ้าว ข้าเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลจง ข้านั้นมารอคอยท่านสักพักแล้ว เหล่าเย่วจื่อนั้นได้ให้ข้ามารอคอยท่านพร้อมกับได้บอกรูปลักษณ์ของท่านเอาไว้แล้ว พร้อมให้ข้ามาเชิญท่านเป็นแขกพิเศษของพวกเรา "ชายคนดังกล่าวนั้นกล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"จงซานอยู่บ้านอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซียงที่ขมวดคิ้วไปมา.
เหล่าผู้คุ้มกันถึงกับดวงตาเบิกกว้างที่ได้ยินจ้าวโส่วเซียงเรียกจงซานด้วยชื่อ จงซาน? นี่เขารู้ไหมว่าจงซานเป็นใคร?ถึงได้เรียกชื่อออกมาห้วน ๆ ? ทว่าบ่าวของตระกูลจงยิ่งทำให้เหล่าผู้คุ้มประตูประหลาดใจที่ตอบกลับมาอย่างสุภาพ.
"ขอรับ เหล่าเยว่จื่อรออยู่ที่บ้านแล้ว."บ่าวรับใช้ที่แสดงความเคารพ ไม่มีร่องรอยความโกรธแต่อย่างใด.
"พาข้าไปที่นั่น."จ้าวโส่วเซียงที่ตามบ่าวรับใช้ตรงไปยังคฤหาสน์จง.
จงซานที่ได้รับข่าวว่าจ้าวโส่วเซียงเดินทางมาหาในเวลานี้นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมาก.
เขาที่นำหยิงหลานและเทียนหลิงเอ๋อมารับเขาที่หน้าประตู.
"ฮ่าอ่าฮ่า จ้าวโส่วเซียง ลมอะไรหอบเจ้ามาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวอย่างมีความสุขออกมาต้อนรับจ้าวโส่วเซียง.
เทียนหลิงเอ๋อรู้จักจ้าวโส่วเซียง ทว่าหยิงหลานนั้นไม่รู้จักเขา นางที่จ้องมองด้วยความสงสัย เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากกู่เหยี่ยเยี่ยของนาง.
"ข้าผ่านทางมาและได้ยินข่าวว่าเจ้าถูกอสรพิษกลืนเข้าไป ข้าไม่อยากเชื่อนักจึงได้เดินทางมาดูด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าข่าวลือนั่นจะไม่ใช่เรื่องจริงสินะ."จ้าวโส่วเซียงที่หัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลาย.
"ข้าถูกอสรพิษกลืนเข้าไปจริง ทว่าข้าโชคดีหนีออกมาได้ เชิญเข้าด้านในก่อน."จงซานกล่าว.
"อืม."จ้าวโส่วเซียงพยักหน้า ม้าขาวของเขาที่บ่าวรับใช้นำไปดูแลให้.
หลังจากที่เข้ามาภายในห้องโถงแล้ว เหล่าสาวใช้มากมายที่น้ำชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาเสิร์ฟ ด้านในนั้นมี จงซาน จ้าวโส่วเซียง และหยิงหลาน.
"นี่หยิงหลาน ส่วนเทียนหลิงเอ๋อเจ้ารู้จักอยู่แล้ว."จงซานที่แนะนำทุกคนให้รู้จัก.
"อืม."จ้าโสวเซี่ยงพยักหน้า.
"เจ้าผ่านมายังเมืองเสวียน มีเรื่องด่วนที่ต้องไปทำอยู่หรือไม่?"จงซานที่สอบถามออกไปพร้อมกับขยิบคิ้วให้.
"ไม่มีเรื่องเร่งด่วน ข้าเพียงแต่ต้องการไปร่วมสนุกเท่านั้น"จ้าวโส่วเซียงหัวเราะ.
"โอ้ว?"จงซานที่รู้สึกประหลาดใจ.
"ที่ทิศตะวันออกของเมืองเสวียนนั้น มีภูเขาป้าเหมิน มีอะไรน่าตื่นเต้นที่นั้น ข้าพลาดการไล่ล่าเห่าซาน ครั้งนี้ข้าจะไม่พลาดโอกาสอย่างแน่นอน."จ้าวโส่วเซียงกล่าว.
"ภูเขาป้าเหมินอย่างงั้นรึ?"จงซานที่วางถ้วยน้ำชาลง ก่อนที่จะจ้องมองไปยังจ้าวโส่วเซียงด้วยความประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าภูเขาป้าเหมินมีเป่ยชิงซือและเทียนชาเพิ่งเดินไปหรือไม่?
"ถูกแล้ว ที่ภูเขาป้าเหมินนั้นตอนนี้มีการต่อสู้เกิดขึ้น มีผู้ฝึกตนไม่น้อยที่ตายที่นั่นแม้แต่ได้รับบาดเจ็บกลับมา ข้าได้ยินมาว่าสำนักไคหยางเองก็มีคนบาดเจ็บล้มตายด้วย."เจ้าโส่วเซี่ยวกล่าวพร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ.
"อะไรนะ?มีสำนักไคหยางบาดเจ็บล้มตายด้วยอย่างงั้นรึ?เช่นนั้น ศิษย์พี่ใหญ่เทียนชาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"เทียนหลิงเอ๋อที่แสดงท่าทางเป็นกังวล.
"ศิษย์พี่ใหญ่รึ?"จ้าวโส่วเซียงที่รู้สึกประหลาดใจ เทียนชาซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่นั้นเป็นศิษย์ขั้นสองของสำนักไคหยาง ว่าแต่เทียนหลิงเอ๋อก้าวไปถึงระดับแกนทองแล้วอย่างงั้นรึ?
"อืม มีใครจากสำนักไคหยางที่ตายไปรึ?"จงซานที่สอบถามออกมาในทันที.
เจ้าโส่วเซี่ยที่หันหน้าไปหาเขาและตอบออกมาว่า "ข้าเองก็ไม่มั่นใจ ข้าได้ยินมาว่าการต่อสู้ได้ปะทุขึ้นรอบหนึ่งแล้ว ทุก ๆ สำนักต่างก็มีคนบาดเจ็บล้มตาย."
"ที่จริงมันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่?"จงซานที่สอบถามออกไปพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา.
"เมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นที่ภูเขาป้าเหมิน และยังมีอีกหลายเรื่องราวที่แปลกประหลาดตามมามากมาย."จ้าวโส่วเซียงตอบคำถาม.
"อย่างไรรึ?"จงซานที่อยากรู้เลยทีเดียว.
"ภูเขาป้าเหมินนั้นปรกติไม่ใช่ภูเขาที่มีชื่อเสียงอะไรนัก หลายปีมาแล้วไม่เคยมีผู้ฝึกตนเดินทางไปที่นั่นเลย ทว่าที่นั่นมีสำนักเล็ก ๆ แห่งหนึ่งตั้งอยู่ เรียกว่าสำนัก"ประตูกุญแจทอง"ซึ่งค่อนข้างร้างไร้ผู้คน มีคนเพียงคนเดียวในสำนักและมีคนบอกว่าเขาเป็นชายชราไม่มีศิษย์ ไม่สนใจโลกด้านนอก ทว่าหลายวันมานี้ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่พื้นที่ดังกล่าว หนำซ้ำยังมีคนได้ยินเสียงมังกรคำรามขึ้นที่นั่นด้วย หลังจากนั้น ศิลาวิญญาณจำนวนมากก็ล่วงหล่นลงมาบนพื้น คนมากมายสำนักใกล้เคียงต่างก็ต้องการพื้นทีดังกล่าว ด้วยมั่นใจว่าเป็นเหมืองศิลาวิญญาณ."จ้าวโส่วเซียงกล่าว.
"อะไรนะ มีเสียงคำรามของมังกร?"จงซานที่ยืนขึ้นดวงตาเปล่งประกาย.
"อืม ถูกแล้ว เสียงคำรามของมังกรยังได้ยินถึงเก้าครั้ง ราวกับว่ามังกรกำลังบ้าคลั่งทำให้ผืนปฐพีสั่นสะเทือน."จ้าวโส่วเซียงที่แสดงท่าทางสงสัยที่เห็นจงซานแสดงท่าทางสนใจขนาดนั้น.
"เก้าครั้ง?เจ้ามั่นใจอย่างงั้นรึว่าคำรามเก้าครั้ง?"จงซานหายใจหอบ ๆ .
แม้จะสงสัยในท่าทางของจงซาน จ้าวโส่วเซียงก็พยักหน้าตอบรับ.
จ้าวโส่วเซียงที่จ้องมองมายังเขา จงซานที่ส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า"เส้นทางค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกัน ในเมื่อมีสำนักมากมายต่างก็แก่งแย่งกัน เช่นนั้นคงจะถูกยึดครองในไม่นาน เจ้าไปตอนนี้ ไม่สายไปอย่างงั้นรึ?"
เห็นท่าทางของจงซาน เจ้าโส่วเซี่ยที่เผยยิ้มออกมา "ข้ายังกล่าวไม่หมดมีเรื่องที่แปลกประหลาดอยู่เหมือนกัน หลังจากที่ผู้ฝึกตนมากมายเร่งรีบไปที่นั่น ที่จริงพวกเขากับพบว่า ไม่รู้ด้วยเหตุผลใดที่นั่นกับมีค่ายกลขนาดใหญ่คุ้มกันเอาไว้."