Chapter 54 หยิงหลาน
เมืองเสวียน อาณาจักรต้าคุน.
ในห้องโถงขนาดใหญ่ ตอนนี้มีคนแปดคนที่นั่งล้อมวงบนโต๊ะประชุม.
สี่คนนั่งอยู่บนแถวด้านบน ส่วนอีกสี่คนนั่งอยู่แถวด้านล่าง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานะของแถวด้านล่างนั้นด้อยกว่าสี่คนแถวด้านบน มีสองคนในสี่คนที่นั่งอยู่แถวด้านล่าง คนทั้งสองนั้นเป็นคนที่จงซานพบที่การชุมนุมประตูมังกรเมื่อปีก่อน ประมุขตระกูลจ้าวและประมุขตระกูลเฉียน.
ประมุขตระกูลจ้าวที่สอบถามออกไปในทันที "ตระกูลราชวงศ์ซูยังไม่มาอีกรึ?"
หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาว่า"ตระกูลซูรึ?พวกเขาเป็นคนที่ต้องการยืมแรงพวกเรากำจัดตระกูลจง โดยที่ไม่ต้องออกแรงรึไง"
"จงซาน?พวกเจ้าหวาดกลัวมันรึอย่างไร? เขาเพิ่งมีระดับเซียนเทียนเมื่อปีที่แล้วเอง ข้าสามารถสังหารมันได้ด้วยตัวเอง."บรรพชนคนหนึ่งกล่าว.
"บรรพชน ท่านอย่าได้ดูแคลนจงซาน คนผู้นี้น่ากลัวมาก ก่อนหน้าที่เขายังไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน พวกเราไม่ทำอะไรเพราะต้องการรอให้เขาสิ้นอายุขัยเป็นเอง ทว่าตอนนี้เขากลับก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนได้ มีอายุกลายเป็นสองร้อยปี ด้วยพรสวรรค์ของเขานั้นไม่มีทางที่จะก้าวไปถึงระดับแกนทอง นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องมุ่งเน้นเป้าหมายมาฝั่งโลกปุถุชน นั่นก็หมายความว่าตะกูลของพวกเราจะต้องได้รับผลอย่างแน่นอน."ประมุขเฉียนที่กล่าวออกมาทันที.
"ชิ เจ้านี่ไม่คู่ควรจะเป็นประมุขตระกูลเฉียนเลย."บรรพชนตระกูลเฉียนที่แค่นเสียงอย่างเย็นชา เพียงแค่พ่อค้าคนหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่เป็นประมุขตระกูลกับหวาดกลัว ไร้ประโยชน์ ไร้ความสามารถจริง ๆ
"ไม่ บรรพชน ไม่ใช่ว่าข้าอ่อนแอแน่นอน เพียงแต่จงซานนั้นทรงพลังเกินไป หากไม่เชื่อข้า ท่านลองถามประมุขตระกูลจ้าว ตระกูลซุนและตระกูลหลีได้เลย ทุก ๆ คนต่างก็เห็นด้วยที่ต้องขอร้องพวกท่านเข้ามาแทรกแซง แม้ว่า นี่จะทำใช้ชื่อเสียงของพวกเราเสียหายไปบ้าง หากว่ามันสามารถช่วยพวกเรากำจัดเสี้ยนหนามนี้ออกไปได้ล่ะก็ เช่นนั้นข้ายินดีที่จะลาออกจากตำแหน่งประมุขทันที."ประมุขเฉียนที่กล่าวออกมาทันที.
ได้ยินประมุขเฉียนที่กล่าวเช่นนั้น ดวงตาของบรรพชนตระกูลเฉียนที่หรี่ตาลง จ้องมองไปยังประมุขทั้งสาม ซึ่งอีกสามคนต่างก็มีท่าทางเหมือน ๆ กัน.
บรรพชนทั้งสี่ต่างก็ขมวดคิ้วจ้องมองกันและกัน.
"แล้วพวกเราจะเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อไหร่?"บรรพชนตระกูลจ้าว กล่าวออกมา.
"ท่านบรรพชนเพียงแค่จัดการกับจงซาน ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องของตระกูลพวกเรา ตระกูลราชวงศ์จะเป็นคนจัดการเอง พวกเรารอแค่สิบวัน หากว่าตระกูลราชวงศ์ยังมาไม่ถึง เช่นนั้นพวกเราก็บุกไปยังตระกูลจงได้เลย."ประมุขตระกูลจ้าวกล่าว.
"ตกลง"ทุกคนที่พยักหน้าตอบรับ.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของต้าคุน.
โต๊ะอาหารอื่น ๆ นั้นถูกกำจัดไปหมด และในเวลานี้มีคนกว่ายี่สิบคนที่ยึดครองโรงเตี้ยมแห่งนี้เอาไว้.
บางคนที่พยายามใช้กำลังเข้ามาเจรจา ทว่าพวกเขาทุกคนต่างก็ถูกเหล่าองค์รักษ์โยนออกไปทั้งหมด.
ทว่าโต๊ะใหญ่ที่อยู่ด้านในของโรงเตี้ยมนั้นเต็มไปด้วยจานอาหารมากมาย.
บนโต๊ะนั้นมีคนนั่งอยู่เพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งชายหนึ่งหญิง.
หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความอหังการและมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก เป็นกงจูเฉียนโหยวที่ไล่ตามเห่าซานไม่นานมานี้นี่เอง ส่วนผู้ชายนั้น คือซื่อจื่อไร้ค่า กู่หลิน.
世子. (せいし) (n) heir; successor รัชทายาท.
ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้น เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ถือพัดตวัดไปมา.
ในเวลานั้น กงจูเฉียนโหยวนั้นไม่ได้แตะอาหารเลย ทว่านางรับฟังรายงานจากชายคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร.
หลังจากฟังรายงานเสร็จ กงจูเฉียนโหยวก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกมาด้านหน้าในทันที.
"เฉียนโหยว เจ้าไม่ลองลิ้มลองอาหารเหล่านี้หน่อยเหรอ?ทำไมเจ้าไม่ต้องการกินอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่ถามออกมาก่อนที่จะถือตะเกียบเดินตามเฉียนโหยวไป.
ได้ยินคำพูดกู่หลิน กงจู่เฉียนโหยวที่กวาดตามองด้วยความเหยียดหยันและกล่าวออกไปว่า"เจ้าอยากกินก็กินไป."
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"กู่หลินสอบถามออกไป ก่อนที่จะวางตะเกียบลง.
กงจูเฉียนโหยวที่คิดอยู่ชั่วขณะจากนั้นก็จ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิง ซึ่งเขายืนอยู่ด้านข้างโบกสะบัดพัดไปมา และเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.
"ท่านคิดว่าอย่างไร?"เฉียนโหยวกล่าวต่อเซียนเซิงสุ่ยจิง.
"เหนือหัวได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่เห็นจำเป็นที่ต้องถามข้าเลย."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ตอบกลับพร้อมกับเผยยิ้มก่อนที่จะขยับพัดไปมา.
ได้ยินเซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวออกมาเช่นนั้น ดวงตาของเฉียนโหยวก็เปล่งประกาย.
เห็นท่าทางของกงจู่เฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงทำให้เขาเต็มไปด้วยความสงสัย "สุ่ยจิง เกิดอะไรขึ้น?"
เซียนเซิงสุ่ยจิงมองไปที่เฉียนโหยว จากนั้นก็มองไปที่กู่หลิน พร้อมกับตอบออกมา "ภูเขาป้าเหมินนั้น มีค่ายกลผนึกทองป้าเหมิน มีโอกาส 10 เปอร์เซ็นต์ที่จะมีจิตวิญญาณค่ายกล."
"มีโอกาสแค่เพียงสิบเปอร์เซ็นต์เองรึ?"กู่หลินขมวดคิ้ว.
สิบเปอร์เซ็นต์ ในสายตาของกงจูเฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิงนั้นนับว่าเป็นจำนวนที่มากโข ทว่ากู่หลินนั้นกลับไม่สามารถตระหนักได้ ดังนั้นเซียนเซิงสุ่ยจิงจึงทำได้แค่ส่ายหน้าพร้อมกับทอดถอนใจ กับการที่เขาต้องมีซือจื่อเช่นนี้มันช่างน่าเจ็บปวดนัก.
"สิบเปอร์เซ็นต์ถือว่ามากแล้ว."กงจูเฉียนโหยวที่อธิบายพลางขมวดคิ้วไปมา.
"เช่นนั้นก็ไปที่นั่นเลย ข้าจะไปหามันมามอบให้เป็นของขวัญเจ้าเอง เฉียนโหยว."กู่หลินที่เสนอตัวในทันที.
อย่างไรก็ตาม เฉียนโหยวที่หันกลับไปมองเซียนเซิงสุ่ยจิงและกล่าวออกมาว่า "ข้าคงต้องอาศัยภูมิปัญญาของท่านแล้วในครั้งนี้ หากว่ามีจิตวิญญาณค่ายกลจริง ๆ ล่ะก็ เช่นนั้นข้าจะแบ่งเจ้าด้วย."
"มีอะไรต้องแบ่งปันด้วย หากว่ามันมีจิตวิญญาณนั่นจริง เช่นนั้นข้าตัดสินใจได้เลยว่าทุกอย่างมอบให้เจ้า เฉียนโหยว."กู่หลินกล่าว.
เห็นท่าทางของกู่หลินแล้ว เซียนเซิงสุ่ยจิงทำได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจอยู่ในใจ.
"เงียบ."กงจูเฉียนโหยว ที่เริ่มรู้สึกรำคาญ.
"ข้าต้องการมอบจิตวิญญาณนั่นให้กับเจ้า มันมีปัญหาอะไรอย่างงั้นรึ?"กู่หลินขมวดคิ้ว.
เห็นท่าทางกู่หลินแล้ว เฉียนโหยวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา ทว่าสิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจ นางไม่ควรที่จะรับปากพากู่หลินมาตั้งแต่แรกแล้ว.
"เอาล่ะ เตรียมตัวเดินทางตอนนี้เลย."กงจูเฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา.
จากนั้นเฉียนโหยวก็เดินนำหน้าโดยมีกู่หลินและเหล่าองค์รักษ์เดินตามหลัง.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นี่เป็นวันที่สามแล้วนับตั้งแต่อันหวงเดินทางมายังคฤหาสน์จง เมืองเสวียน อาณาจักรต้าคุน.
จงซานที่ยืนอยู่บนยอดเจดีย์หนึ่งในห้าและทำการเรียบเรียงข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาเพิ่งได้รับมา ก่อนที่จะจ้องมองออกไปยังสิ่งก่อสร้างที่อยู่ไกลออกไป ที่นั่น เป็นที่อยู่ของประมุขของทั้งสี่ตระกูลรวมทั้งบรรพชนของพวกเขาที่อาศัยอยู่.
จงซานที่เฝ้ามองสถานที่ดังกล่าว ชำเลืองมองด้วยสายตาที่เย็นชา.
ส่วนเทียนหลิงเอ๋อเวลานี้ ในมือของนางมีเบ็ดตกปลา นางกำลังเรียนรู้ที่จะตกปลาอยู่ในพื้นที่คฤหาสน์จง ดูเหมือนว่านางจะตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านมาสองชั่วโมงแล้วนางเริ่มรู้สึกขุ่นข้องใจเป็นอย่างมากและนางเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำไมจงซานถึงสามารถตกปลาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนนางที่ใช้เวลานานสองนานกลับไม่สามารถตกปลาได้แม้แต่ตัวเดียว หรือว่าเป็นเพราะปลาเหล่านี้เป็นปลาที่จงซานเลี้ยงไว้จึงทำเขาจับได้แต่เพียงคนเดียวอย่างงั้นรึ?
จงซานที่ยืนอยู่เจดีย์นั้น ก่อนที่จะหันหน้าไปมองเทียนหลิงเอ๋อที่ถือเบ็ดตกปลาอยู่ด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ เขาเผยยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ด้วยท่าทางเช่นนั้นจะตกปลาได้อย่างไร?ปลาก็หนีไปหมดเท่านั้น.
ขณะที่จงซานกำลังจะลงไปพร้อมกับให้คำแนะนำให้กับนาง ทันใดนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้น.
ที่บนศีรษะของเขานั้น บนยอดของเจดีย์มีระฆังสีม่วงขนาดใหญ่ถูกติดตั้งอยู่.
เห็นระฆังดังขึ้น จงซานที่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับเผยยิ้มออกมา ก่อนที่จะหันหลังและเร่งรีบลงบันไดลงไปในทันที
เสียงระฆังที่ดังขึ้นนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่บนเจดีย์เท่านั้น ยังมีระฆังที่เหมือนกันดังขึ้นกระจายไปรอบ ๆ คฤหาสน์จงซึ่งเสียงของมันนั้นเหมือน ๆ กัน ดังก้องกังวานไปทุกทิศทาง.
เทียนหลิงเอ๋อที่พยายามตกปลาให้ได้ ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นบนยอดเจดีย์ ทว่าเมื่อฟังให้ดี ดูเหมือนว่ามันจะสั่นไปรอบ ๆ คฤหาสน์จงเลยทีเดียว.
นางที่วางคันเบ็ดลงอย่างไม่ใยดี.ก่อนที่จะมองออกไป ซึ่งเห็นจงซานที่ลงมาจากเจดีย์ไม่ไกลออกไป เหมือนว่าจงซานกำลังเร่งรีบเดินไปยังระเบียง.
ทันใดนั้นเทียนหลิงเอ๋อก็เร่งรีบตามไปในทันที คนเลวกำลังมาโจมตีแล้วอย่างงั้นรึ?
นางที่วิ่งอย่างรวดเร็วตามจงซานไป.
จงซานรู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อที่ตามเขามา ทว่าเขาก็ไม่มีเวลาที่จะหันหลังกลับไป เขายังคงวิ่งไปด้านหน้า.
ไม่นานหลังจากนั้น จงซานก็หยุดลงที่ลานกว้างที่แยกออกมาด้านนอก.
จงซานที่ยืนอยู่ในอาคาร จ้องมองไปยังประตูของสวน รอคอยว่ามีใครกำลังจะเปิดประตูเข้ามา.
เทียนหลิงเอ๋อที่ไล่ตามจงซานมา และเห็นเขาที่จ้องมองไปยังประตูด้วยท่าทางแปลก ๆ .
"จงซาน พวกคนเลวมาที่นี่แล้วรึ?"เทียนหลิงเอ๋อถาม.
เห็นเทียนหลิงเอ๋อ จงซานที่ส่ายหน้าไปมาและเผยยิ้ม "ไม่ ๆ เป็นญาติ."
"ญาติอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น.
ที่ลานบ้านนั้นแยกเป็นสองส่วน มีแผ่นกระดานกั้นอยู่ ซึ่งตรงมุมอีกพื้นที่หนึ่งนั้น มีช่องว่างเปิดออกมาในทันใดจากนั้นนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังวิ่งขึ้นมา นางเป็นหญิงสาวที่งามสง่าเป็นอย่างมาก เป็นคนที่ดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง สวมเสื้อผ้ารัดแน่นสีดำ รูปร่างที่ดูยวนเย้า ดูดึงดูดเป็นอย่างมาก.
เป็นสาวน้อยที่มีอายุราว ๆ ยี่สิบปี ทันทีที่นางออกมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม นางที่เคาะไปที่พื้นก่อนหนึ่งครั้ง ช่องว่างบนพื้นนั่นก็ปิดกลับคืน.
หญิงสาวที่วิ่งผ่านลานบ้านอย่างรวดเร็วพร้อมกับกำลังจะเปิดประตูกั้น ขณะที่มือของนางยื่นออกไปจะเปิดประตู ทันใดนั้นดูราวกับว่านางยังแสดงท่าทางลังเลอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าไม่กล้าที่จะเปิดประตู.
"หยิงหลาน เข้ามาสิ."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังเป็นกังวานผ่านไปยังอีกฟากประตู.
ได้ยินเสียงของจงซาน แม้ว่าจะดูแตกต่างดูหนุ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นก็สามารถบอกได้ว่านี่คือจงซานแน่นอน.
หยิงหลานแทบอดไม่ได้เร่งรีบเปิดประตูออกมาในทันที.
ประตูที่เปิดออก หยิงหลานเห็นคนสองคน เทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่เป็นที่สนใจของนางอย่างแน่นอน หยิงหลานที่จับจ้องมองไปยังจงซาน แม้ว่าจงซานที่อยู่ด้านหน้านั้นจะดูแตกต่างจากคนที่นางจำได้ ทว่านางรู้ดีว่านี่คือจงซาน หยิงหลานจดจำดวงตาเขาได้ ถ้านางเดาไม่ผิดล่ะก็ จงซานต้องก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนแล้วหรือไม่?
เห็นประตูเปิดขึ้น จงซานที่เผยยิ้มออกมา ส่วนเทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่รู้เป็นไร เมื่อนางเห็นสาวงามที่ปรากฏตัวออกมา ทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก.
เพราะว่าญาติที่จงซานเอ่ยถึงนั้น กลับกลายเป็นหญิงสาวที่ดูสมบูรณ์แบบมาก นางดูร้อนแรง มีเสน่ห์ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่นั้นเป็นเหมือนกับหญิงสาวที่เติบใหญ่ เมื่อนางยืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาวคนนี้แล้ว เทียนหลิงเอ๋อรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเพียงแค่เด็กกะโปโล.
นางเป็นใครกัน?นางเป็นอะไรกับจงซาน?ภายในใจของเทียนหลิงเอ๋อที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ หญิงสาวที่มากเสน่ห์คนนี้ เป็นญาติหรือคนรู้จักของจงซานกัน นางรู้สึกอิจฉาและเป็นปฏิปักษ์ไปพร้อม ๆ กัน.
"กู่เหยี่ยเยี่ย "หยิงหลานที่ทำการทักทาย ก่อนที่จะพุ่งพรวดเข้ามากอดจงซานในทันที มือของนางที่โอบไปที่คอของจงซาน ราวกับว่านางไม่ต้องการจะให้เขาไปใหน.
姑爷爷 Gū yéyé ปู่เขย
姑 Gū เป็นคำที่บุคคลในครอบครัวของฝ่ายหญิงที่ใช้เรียก ป้า หรือ อาหญิง (พี่สาวน้องสาวของพ่อ) ของลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว
爷爷 (yéye/เหยียเยีย) คุณปู่ อากง หรือเรียกแบบเป็นทางการว่า 祖父(zǔfù/จู่ฟู่)