ตอนที่แล้วChapter 49 หนีจากท้องอสรพิษ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 51 ราชวงศ์สวรรค์

Chapter 50 แบบแปลนศาลสวรรค์


ด้วยวิชากายาเทพอสูร ระดับสอง!

เมื่ออยู่ในเวลาที่ตัดสินความเป็นความตายนั้น ก็ทำให้จงซานสามารถก้าวผ่านระดับได้ อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยผลของวิชากายาเทพอสูรที่ใช้เป็นครั้งแรกนั้น ทำให้ร่างกายของเขาเจ็บปวดไปทั่วร่างจำเป็นต้องพักอย่างน้อยสองวันถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เมื่อร่างกายของเขาฟื้นฟูและใช้ทักษะดังกล่าวอีกครั้งจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทว่าอย่างน้อยต้องทำให้ผลให้วิชากายาเทพอสูรหมดไปซะก่อน.

หยุนฉียนที่จัดการลอกคาบศพอสรพิษสีชาด ที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งในร่างกายของมันนั้นมีของวิเศษหลายอย่างทีเดียว.

"จงซาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามด้วยความเป็นห่วงขณะที่ทำการตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขา.

"ข้าสบายดี เพียงแค่แค่พักวันสองวันก็หายแล้ว."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.

เป่ยชิงซือยืนอยู่ไม่ห่างออกไปเฝ้ามองคนทั้งสองซึ่งเวลานี้ภายในใจของนางเวลานี้ มีอารมณ์ที่ซับซ้อน ไม่รู้ว่านางจะวางตัวอย่างไรต่อหน้าจงซาน ทำให้นางได้แต่ยืนนิ่งด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนและเงียบงัน นางจ้องมองไปยังฝั่งของหยุนเฉียน ทว่าภายในใจของนางยังคงคิดถึงเรื่องของจงซาน.

"ทุกคนไปใหนกันแล้วรึ?"จงซานที่จ้องมองไปรอบ ๆ  ซึ่งไม่เห็นใครอยู่ที่นี่แล้ว.

"ข้าเองก็ไม่รู้."เทียนหลิงเอ๋อที่ตอบกลับพลางเช็ดน้ำตาที่ยังเหลือเป็นคราบ.

ในเวลานั้น เทียนหลิงเอ๋อที่ใส่ใจแต่เรื่องของจงซานและอสรพิษสีชาดยักษ์ ทำไมนางจะต้องสนใจเรื่องอื่น ๆ ด้วยล่ะ?

เห็นเทียนหลิงเอ๋อร้องไห้โฮราวกับเด็กเล็ก จงซานที่เผยยิ้มและพยายามเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มของนาง ทว่าขณะที่จะยกออกไป เขาก็ตระหนักได้ว่ายังมีคาบโลหิตเกรอะกังบนมือของเขาจึงยกขึ้นได้แค่ครึ่งเดียวก็ลดมือลงมา.

"ซานซือเจี่ย เกิดสิ่งใดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่หันหน้าออกไปสอบถามเป่ยชิงซือต่อ.

三师姐  Sān shījiě ศิษย์พี่หญิงลำดับสาม.

ในเมื่อเทียนหลิงเอ๋อสอบถามนางตรง ๆ  เป่ยชิงซือจึงได้หันหน้ากลับมา ทว่าครั้งมองเห็นจงซานก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนางก็แสร้งทำว่าเรื่องในวันนั้นนางได้ลืมมันไปแล้ว.

"เห่าซานหนีออกไปด้วยการคุ้มกันของมังกรเขา ขันทีของเขาถูกสังหารไป และทุกคนต่างก็ไล่ล่าตามเห่าซานไป."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาตามความจริง.

เห็นท่าทางของเป่ยชิงซือที่แสร้งทำเป็นว่านางสงบใจได้ จงซานจึงพยักหน้าตอบรับ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากกว่านั้น.

"ข้าจำเป็นต้องบำเพ็ญโคจรพลังรักษาตัวเองก่อน หลิงเอ๋อเจ้าช่วยข้าหาบ่อน้ำรอบ ๆ นี้ได้หรือไม่ ข้าต้องการทำความสะอาดร่างกาย."จงซานกล่าว.

นางที่พยายามเช็ดน้ำตาตัวเอง เทียนหลิงเอ๋อก่อนหน้านี้ที่โศกเศร้าถึงที่สุดตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยความดีใจ นางพยักหน้าอย่างหนักแน่น และทำตามคำขอร้องของจงซานทันที.

หลังจากที่นางตอบรับ นางก็เร่งรีบวิ่งออกไปยังทิศทางอื่น ๆ เพื่อหาแหล่งน้ำทันที.

หยุนเฉียนที่ยังชำแหละอสรพิษสีชาดอยู่ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเป่ยชิงซือกับจงซาน.

"ข้าจะไปช่วยนางหาบ่อน้ำ."เป่ยชิงซือกล่าวออกมาทันที นางที่จากไปโดยไม่รอให้จงซานตอบกลับด้วยซ้ำ นางก็เหินตรงไปยังทิศทางของเทียนหลิงเอ๋อทันที.

เห็นท่าทางของเป่ยชิงซือแล้ว จงซานที่แอบสรวลในใจพร้อมกับส่ายหน้าไปมา พร้อมกับปิดตานั่งสมาธิควบคุมลมหายใจ.

ครั้งนี้ บาดแผลของเขาที่ได้รับมานับว่าหนักหนาทีเดียว.

จงซานนั่งบำเพ็ญอยู่ราว ๆ สองชั่วโมง ร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามปราณแท้ของเขาในเวลานี้ด้วยผลของวิชากายาเทพอสูรทำให้มันลดลงไปกว่าเดิม 30%.

ขณะที่เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นคนทั้งสามกลับมาแล้ว.

"จงซาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"เทียนหลิงเอ๋อสอบถามออกมาด้วยสายตาที่เป็นห่วง.

"ดีขึ้นมากแล้ว ว่าแต่เจ้าเจอบ่อน้ำหรือไม่?"จงซานสอบถาม.

"มีบ่อหนึ่งห่างจากที่นี่ออกไปห้าลี้ ซึ่งใกล้สุดแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่ตอบออกมาในทันที.

"ข้าจะพาเจ้าไปก็แล้วกัน."หยุนเฉียนกล่าว.

"ขอบคุณ."จงซานพยักหน้า.

หลังจากที่หยุนเฉียนโบกสะบัดเรียกกระบี่เหินออกมาซึ่งทำให้มันขยายใหญ่และมีที่ด้านหลังนั้นดูเหมือนว่าจะมีส่วนประกอบของไม้ที่ส่องประกายแสงสีเขียว จงซานที่ขึ้นเหยียบกระบี่เหิน หยุนเฉียนก็พาเขาเหินข้ามภูเขาตรงไปยังบ่อน้ำในทันที.

จากนั้นไม่นาน หยุนเฉียนกล่าวว่า "มันอยู่ที่นั่นแล้ว."

"ขอบคุณ."จงซานพยักหน้า.

ส่วนเรื่องของศพอสรพิษสีชาดนั้น หยุนเฉียนไม่ได้เอ่ยถึงแต่อย่างใด อีกอย่างหนึ่งจงซานเองก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะถามด้วยเช่นกัน เขาที่ถอดชุดอออกและจากนั้นก็ลงไปในบ่อเพื่อชำระร่างกาย.

เขาที่นำเสื้อผ้าสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ด้านในออกมาจากกำไลเก็บของ อย่างไรก็ตามสิ่งของส่วนมากนั้นถูกน้ำย่อยของอสรพิษนั้นละลายไปจนหมด เขาจึงทำได้แค่ทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เปื้อนโลหิตออกเพื่อที่จะสวมมันอีกครั้ง.

หลังจากที่เขาทำความสะอาดร่างกายของเขา บาดแผลที่อยู่รอบ ๆ ร่างกายของเขาเองดูเหมือนว่ามันจะดีขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน.

พวกเขาทั้งคู่กลับมาหาเทียนหลิงเอ๋อและเป่ยชิงซือ.

"ศิษย์พี่หญิง ศิษย์พี่ใหญ่บอกว่าให้พวกเราไปพบกับพวกเขาที่ภูเขาซุยหยุน เขาจะไปเจอพวกเราในอีกห้าวัน."หยุนเฉียนที่กล่าวต่อเป่ยชิงซือ.

"เจ้าไปพบกับเขาแล้วกัน."เป่ยชิงซือกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา.

"แต่ว่า ข้าได้สัญญากับเขาแล้ว ศิษย์พี่หญิง อย่าเพิ่งรีบร้อน ไม่เช่นนั้นข้าคงยากที่จะหาคำอธิบายกับเขาได้ และอีกอย่างศิษย์พี่ใหญ่ก็สัญญากับท่านแล้วว่าจะไปเป็นเพื่อนท่านที่ภูเขาป้าเหมิน หากว่าท่านจากไปเช่นนี้ล่ะก็ คง..."หยุนเฉียนที่แสดงท่าทางกระอักกระอ่วนใจ.

八门山  Bā mén shān ภูเขาแปดประตู.

เป่ยชิงซือที่ขมวดคิ้วไปมาครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าและกล่าวว่า "ก็ได้ พวกเราจะไปรอเขาที่ภูเขาซุยหยุน."

"ภูเขาซุยหยุนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

ในอาณาจักรต้าคุนนั้น มีภูเขาที่เรียกว่าภูเขาซุยหยุน ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่อันตรายที่สุดในต้าคุน คนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่สามารถที่จะปีนภูเขาที่สูงชันนั้นได้แน่ ภูเขาดังกล่าวนั้นเป็นเหมือนกับแท่งศิลาขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านชี้ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า และยังมีความสูงอย่างไม่อยากเชื่อ ทว่าที่บนยอดเขานั้นกับเป็นพื้นที่ราบที่เขียวขจี ทำให้ดูเหมือนว่ามองเห็นเป็นเหมือนกับเหล่ามวลเมฆามีสีเขียว หรือว่าจะเป็นที่นั่น?

"อยู่ห่างไปทางตะวันตก 800 ลี้ พวกเราน่าจะไปถึงที่นั่นก่อนตะวันตกดิน."หยุนเฉียนกล่าว.

เป็นความจริง เป็นภูเขาซุยหยุนที่เขาคิดเอาไว้.

เทียนหลิงเอ๋อที่หันหน้าไปมองจงซานที่กำลังขมวดคิ้วไปมา เพราะว่าเขาสัญญาไว้ว่าจะพานางไปหาศิษย์พี่ใหญ่ ทว่าตอนนี้เขาได้จากไปก่อน ดังนั้นพวกเขาคงทำได้แค่เพียงไปรอที่ภูเขาซุยหยุน.

"หลิงเอ๋อ แล้วพวกเจ้าล่ะ?"หยุนเฉียนสอบถามออกไป.

"พวกเราจะไปกับท่านและรอด้วย."จงซานที่ตอบออกมาในทันที.

ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว หยุนเฉียนที่ขมวดคิ้วไปมา รอศิษย์พี่ใหญ่อย่างงั้นรึ?ใครขอให้เจ้าไปรอศิษย์พี่ใหญ่กัน?ทว่าในเมื่อเป่ยชิงซือและเทียนหลิงเอ๋ออยู่ที่นี่ หยุนเฉียนก็ไม่มีอะไรที่จะโต้แย้งใด ๆ ได้.

ส่วนเทียนหลิงเอ๋อนั้น เห็นชัดเจนว่านางไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้จงซานไม่มีอันตรายแล้ว ทำไมไม่ไปรอศิษย์พี่ใหญ่ล่ะ?

ส่วนเป่ยชิงซือ นางเห็นจงซานไปด้วย ภายในสายตาของนางนั้นแสดงท่าทางไม่สะดวกอยู่เล็กน้อย ทว่าท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้กล่าวโต้แย้งอะไร.

พวกเขาทั้งสี่คนก็บินออกไป เป่ยชิงซือนั้นได้พาเทียนหลิงเอ๋อไปด้วย ส่วนหยุนเฉียนพาจงซานไป ตอนเย็น พวกเขาทั้งหมดก็มาถึงยอดเขาซุยหยุน.

มีโต๊ะศิลาที่อยู่บนยอดเขาซังหยุน และมีเก้าอี้อยู่ด้วยหลายตัว ดูเป็นที่พักง่าย ๆ  ทุกคนที่ร่อนลงบนยอดเขา จงซานที่จ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ .

"พวกเราจะต้องรอที่นี่อย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ใช่แล้ว ที่นี่ล่ะ เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น."หยุนเฉียนกล่าว.

ได้ยินคำพูดของหยุนเฉียนแล้ว จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ  จะให้รอที่นี่อย่างงั้นรึ?พวกเขาจะต้องรอคอยกี่วันล่ะ? ท้องฟ้าโปร่งเช่นนี้ หากว่ามีพายุ สายฟ้าจะต้องฟาดลงมายังยอดเขาแห่งนี้แน่นอน.

"ที่ด้านล่างนี้ ข้ามีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ที่เนินเขา ก่อนที่ข้าจะเข้าสำนักไคหยาง ข้าได้ซื้อเอาไว้ พวกเราลงไปรอที่ด้านล่างก่อนเป็นไง?"จงซานกล่าว.

"ไม่ได้ ๆ  หากว่าพี่ใหญ่มาแล้ว พวกเขาไม่เห็นพวกเราล่ะ?"หยุนเฉียนที่ส่ายหน้าโต้แย้งในทันที.

เห็นท่าทางดื้อรั้นของหยุนเฉียน จงซานได้แต่ขมวดคิ้วไปมา ขณะที่เขาพูดกับจงซาน น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความดูแคลนจงซานเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นความเห็นที่ดีอย่างไร เขาก็ไม่มีทางยอมรับ อย่างไรก็ตามการที่ต้องอดทนต่อชายคนนี้นั่นไม่ใช่รูปแบบของจงซาน.

"เอาอย่างนี้เป็นไง ท่านก็รอที่นี่แล้วกัน ส่วนพวกเราจะไปรอที่หมู่บ้านด้านล่าง หากศิษย์พี่ใหญ่มาถึง ท่านก็มาแจ้งเราแล้วกัน."

ศิษย์น้องของอาจารย์(ทั้งชายและหญิง) เรียกว่า 师叔 (shīshū) หรือเรียกว่าอาจารย์อา

ได้ยินคำพูดของจงซาน หยุนเฉียนที่ขมวดคิ้วไปมา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด.

"หลิงเอ๋อ อาจารย์อา พวกเราลงไปด้านล่างกันเถอะ."จงซานที่กล่าวต่อเป่ยชิงซือและเทียนหลิงเอ๋อ.

เห็นจงซานที่เอ่ยกับนางด้วย เป่ยชิงซือที่ขมวดคิ้วไปมาทว่าก็พยักหน้าตอบรับ.

"คงต้องรบกวน ซือตี้แล้ว."เป่ยชิงซือที่กล่าวต่อหยุนเฉียน.

ในเวลานี้ ท้ายที่สุดหยุนเฉียนรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เพราะว่าตอนแรกนั้นเขาคิดว่าจงซานจะนำเพียงเทียนหลิงเอ๋อลงไปด้านล่าง ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาต้องอยู่คนเดียวที่นี่ เขาไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้สึกรำคาญจงซานเป็นอย่างมาก.

"ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด."หยุนเฉียนที่พยักหน้าอย่างจำใจ.

จากนั้น เป่ยชิงซือก็นำเทียนหลิงเอ๋อและจงซานลงไปด้านล่าง ไปตามทิศทางที่จงซานบอก.

หยุนเฉียนที่ยืนอยู่บนยอดเขา จ้องมองไปยังจงซานด้วยความขุ่นเคืองทว่าเขากับไม่สามารถทำอะไรได้ เขาได้แต่เฝ้ามองพวกเขาที่ร่อนลงยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไม่ได้ไกลออกไปนัก เขาจำเป็นต้องรอศิษย์พี่ใหญ่คนเดียว รู้สึกห่อเหี่ยวใจและรำคาญไปพร้อม ๆ กัน.

หลังจากมาถึงหมู่บ้านปุถุชน เป่ยชิงซือรู้ดีว่าจะต้องหลีกเลี่ยงสร้างความสนใจ.

พวกเขาที่ร่อนลงก่อนถึงหมู่บ้าน จงซานที่พาคนทั้งหมดเดินเข้าไป จงซานเวลานี้รูปร่างที่เปลี่ยนไปมากทว่าเขาก็มีตราประทับแสดงให้กับพ่อบ้านว่าเขานั้นเป็นเจ้าของหมู่บ้านนี้ได้.

พ่อบ้านที่ทำการจัดเตรียมที่พักให้กับคนทั้งสามในทันที.

เทียนหลิงเอ๋อที่กินอาหารเสร็จก็เข้าห้องนอนของนางหลับไปในทันที ส่วนเป่ยชิงซือเองก็พักอยู่ในห้องของนาง.

จงซานที่กลับมาห้องของตัวเอง และเริ่มต้นทำความสะอาดกำไลเก็บของ.

ภายในนั้น มีตั๋วเงินจำนวนมากตอนนี้มันไร้ประโยชน์แล้ว น้ำย่อยของอสรพิษสีชาดนั้นทรงพลังมาก สิ่งของหลายอย่างที่เสียหาย ทำให้เขาต้องกำจัดพวกมันทิ้งไป.

แม้แต่กระบี่สองเล่มที่เขาเก็บเอาไว้ก็ยังละลาย ผลโลหิตนิพพานลูกสุดท้ายก็ถูกน้ำย่อยอสรพิษละลายเช่นกัน จงซานทำความสะอาดพื้นที่เก็บของทั้งหมด สุดท้ายแล้วมีเพียงแค่สองอย่างที่ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้.

หนึ่งคือสูตรยา ระดับสี่ เม็ดยากวงหัว.

และอีกสิ่งหนึ่งคือกล่องไม้ที่ทำจากต้นท้อ มีลวดลายอักขระสลักเอาไว้อย่างสวยงาม ราวกับของวิเศษ ดวงตาของจงซานที่เปล่งประกาย สิ่งนี้สามารถคงอยู่แม้แต่อยู่ในน้ำย่อยของอสรพิษยักษ์ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ไม่ใช่กล่องไม้ธรรมดาอย่างงั้นรึ?

บ่าวรับใช้ที่น้ำสะอาดมาให้จงซานทำความสะอาดกล่องไม้อีกครั้ง ไม่มีรอยเสียหายแม้แต่ที่เดียวจริง ๆ .

ในเวลานั้น จงซานจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เห่าซานที่ส่งอสรพิษยักษ์ออกไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน เป็นไปได้ว่าอสรพิษแต่ละตัวได้กลืนสมบัติเอาไว้ในท้องก่อนที่จะแยกย้ายออกไปรึอย่างไร?

ประกายแสงแห่งความคาดหวังก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของจงซาน เขาจับจ้องไปยังกล่องไม้ที่ทำจากต้นท้อ มีอะไรอยู่ข้างในกัน.

กล่องไม้ดังกล่าวนี้ไม่ได้ลงเวทย์ปิดผนึกเอาไว้ จงซานที่ค่อย ๆ เปิดกลไกที่ล็อคกล่องไม้นี้ออกมา.

"แคก ๆ  ๆ ."

กล่องไม้ท้อที่ถูกปลดล็อก จงซานค่อย ๆ แง้มเปิดกล่องดังกล่าวออกมา.

อย่างช้า ๆ  เพียงแค่แสงสว่างในห้องของเขานั้น เพียงพอที่จะให้เขาเห็นสิ่งของในกล่องดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์.

คัมภีร์? คัมภีร์สีทองม้วนหนึ่ง? คัมภีร์ดังกล่าวนั้นถักทอมาจากไหมชั้นเยี่ยม ดูหรูหราโอ่อ่าเป็นอย่างมาก.

จงซานที่ค่อย ๆ หยิบม้วนคัมภีร์ดังกล่าวออกมา ทันใดนั้นจงซานก็รู้สึกคุ้นตา ม้วนคัมภีร์ดังกล่าวนี้ ทำไม ทำไมดูเหมือนราชโองการ? ใช่แล้วมันคือราชโอการของเหล่าหวงตี้โลกมนุษย์ มันเป็นราชโองการสีทอง.

皇帝  Huángdì  ฮ่องเต้ จักรพรรดิ ราชา.

ด้วยความระมัดระวัง จงซานที่ค่อย ๆ คลี่ม้วนคัมภีร์ดังกล่าวออกมา เป็นความจริง เหมือนกับราชโองการมาก .

ด้วยความระมัดระวังจงซานคลี่ม้วนคัมภีร์ออกมาทั้งหมด เขาสามารถมองเห็นตัวอักษรขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ตัวอักษรเหล่านี้ทำให้แขนของจงซานสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น.

ในเวลาเดียวกัน จงซานก็รู้สึกแทบจะตะโกนออกไปก้องฟ้า เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย เป็นความดีใจจนน้ำตาไหล ซึ่งจงซานปกติแล้วจะเป็นคนมีสติและสุขุมเป็นอย่างมาก แม้แต่ครั้งแรกที่เขาเห็นเคล็ดวิชาหงหลวนเทียนหรือแม้แต่เคล็ดวิชากายาเทพอสูรเขาก็ไม่เคยสูญเสียการควบคุม แต่ในตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย.

ชื่อของราชโองการนี้ มีอักขระสามตัว ที่ดูประณีต.

"แปลนศาลสวรรค์"

铸天庭Zhù tiāntíng ผังศาลสวรรค์

นี่คือ แปลนศาลสวรรค์.

วรรคแรก "รวบรวมโชควาสนาจากทั่วอาณาจักร รวบรวมโชควาสนาจากปฐพี รวบรวมวาสนาจากฟ้า รวบรวมโชควาสนาจากทุกสรรพสิ่ง ต่อต้านสวรรค์ มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์!"

วรรคที่สอง "ก่อตั้งราชวงศ์สวรรค์ ก่อสร้างประเทศ รวบรวมโชคลาภจากทั่วประเทศ จากผืนปฐพี จากผืนฟ้า จากทั่วทั้งสรรพสิ่งรับพลังเพื่อต่อต้านกรรมสร้างฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งเพื่อต่อต้านสวรรค์."่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด