Chapter 45 ไท่จื่อเห่าซาน.
จงซานในเวลานี้ ไม่มีทางที่จะมีความสุขเกี่ยวกับการแนบชิดนี้ได้ แขนของเขาที่เกาะศิลาเอาไว้แน่นพร้อมกับกดเทียนหลิงเอ๋อเอาไว้.
ด้านล่างของแผ่นศิลานั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงโค้งเว้า นั่นก็เพื่อที่จะลดความต้านทานของแรงกดอากาศที่รุนแรงนั่นเอง นับว่าประสบความสำเร็จแต่โดยดี ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีรอยร้าวขณะที่ถูกแรงกดไอน้ำ.
ความเร็วของแผ่นศิลายักษ์ที่นำพาทั้งคู่พุ่งขึ้นมาด้านบนนั้นมันเร็วขึ้นและก็เร็วขึ้น.
เทียนหลิงเอ๋อที่ถูกจงซานกดเอาไว้ ใบหน้าของนางที่แดงไปหมด ดวงตาของนางที่ปิดแน่นที่สุดเท่าที่นางจะทำได้.
และแล้ว แรงกดดันที่เวลานี้ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ .
"จงซาน ตอนนี้เจ้าปล่อยข้าได้ยัง."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาเบา ๆ .
จงซานที่ไม่สนใจคำพูดของนาง เขารู้ดีว่าอันตรายนั้นจะเกิดขึ้นเวลาใหนก็ได้ เมื่อความเร็วกำลังลดลงเช่นนี้ พวกเขาอาจจะถูกดีดออกจากแผ่นศิลาและลอยออกไปเองเวลาใหนก็ได้.
เช่นนั้นพวกเขาควรที่จะเกาะแผ่นศิลานี้เอาไว้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้.
จงซานยังคงกดเทียนหลิงเอ๋อเอาไว้บนแผ่นศิลา.
นางที่เห็นจงซานไม่ใส่ใจคำพูดของนาง ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน ทว่าตอนนี้นางก็ยังคงหน้าแดง อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด นางก็ไม่ได้รู้สึกแย่นักกับการที่ต้องใกล้ชิดกับจงซาน.
ท้ายที่สุดแรงผลักด้านล่างของแผ่นศิลาได้หายไป ร่างของทั้งสองที่ดูเหมือนว่าจะแยกออกจากแผ่นศิลา ทว่ามันก็ยังคงพุ่งขึ้นไปด้นบนอยู่.
เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาในทันที ในตอนแรกเหมือนว่าจงซานเป็นคนกดนางลงกับแผ่นหิน เวลานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นร่างของนางที่กำลังผลักจงซานออกไปเอง.
ในเวลานี้ เทียนหลิงเอ๋อ เริ่มเข้าใจแล้ว่าทำไมจงซานไม่ปล่อยนาง นางที่จ้องมองไปที่จงซานด้วยท่าทางเกรงขาม ดูเหมือนว่าในโลกนี้จะไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดจงซานได้ เขาช่างเป็นคนที่น่าประทับใจมาก ราวกับว่าเขาเป็นของวิเศษ.
"ฟิ้ว!"
แผ่นศิลาขนาดยักษ์ที่อยู่ท่ามกลางไอน้ำจำนวนมาก มันได้พ่นพวกเขาสูงขึ้นมาสามพันเมตร ออกมาจากปล่องภูเขาไฟ.
พวกเขาออกมาแล้ว ออกมาได้แล้ว พวกเขาปลอดภัยแล้วรึ?
ในเวลานั้น พวกเขาที่รู้สึกราวกับว่ากำลังหวีดร้องออกมาเสียงดัง ที่ได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่นด้านนอก ราวกับว่ามันสดชื่นเป็นอย่างมาก.
ทั้งคู่ที่หายใจเข้ามาคำโต.
หลังจากที่ทั้งคู่ลอยออกมาราว ๆ 30 เมตรจากปล่องภูเขาไฟ แผ่นศิลาดังกล่าวก็หยุดอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็เริ่มล่วงลงด้านล่าง.
"อ๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ "
เทียนหลิงเอ๋อที่หวีดร้องเสียงดัง.
"ครืน......"
แผ่นศิลาที่ล่วงหล่นลงข้าง ๆ ของปากปล่องภูเขาไฟ ก่อนที่จะสไลด์ไหลลงบนเนินเขาสูงอย่างรวดเร็ว.
"ปึด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ "
พื้นด้านล่างของแผ่นหินนั้นลื่นไถลได้เป็นอย่างดี และยังเคลื่อนที่ลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว ทว่าสภาพพื้นที่ของเนินเขานั้นค่อนข้างขรุขระตะปุ่มตะป่ำ ระหว่างนี้เทียนหลิงเอ๋ออยู่ในอ้อมแขนของจงซาน แทบจะไม่สามารถยืนขึ้นได้เลย.
และแล้วท้ายที่สุดก็เป็นการไถลที่ยาวนานก็สิ้นสุด.
"ครืน ๆ ๆ "
ในตอนท้าย แผ่นศิลาดังกล่าวก็สามารถไถลลงมาจนถึงเนินเขา.
เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกราวกับว่ากระดูกของนางแทบจะแยกออกเป็นส่วน ๆ ระบมไปหมดทั้งร่าง.
จงซานที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นและถามออกไปว่า "เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ทุก ๆ อย่างปลอดภัยแล้ว?"
"ข้า ข้าปลอดภัยแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่ถามย้ำ.
"อืม แน่นอน ไว้พักสักหน่อย จากนั้นข้าจะพาเจ้าไปหาศิษย์พี่ใหญ่."จงซานกล่าว.
จงซานรักษาคำพูดของเขา ในเมื่อเขาสัญญากับเทียนหลิงเอ๋อก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องพานางไปหาศิษย์พี่ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงรับผิดชอบหน้าที่ของเขา เขายังคงดูแลนางเพียงแค่พานางไปพบศิษย์พี่ใหญ่ หากว่านางต้องการอยู่กับศิษย์พี่ใหญ่ เช่นนั้นเขาก็จะติดตามเทียนหลิงเอ๋อไปด้วย.
เขาได้สัญญากับเทียนซวินจื่อเอาไว้แล้ว ว่าจะพานางกลับไปโดยสวัสดิภาพ เขาไม่มีทางปล่อยให้นางต้องได้รับอันตรายอย่างแน่นอน.
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น มีสถานที่แปลก ๆ ลึกเข้าไปในภูเขา มีสถานที่ลึกลับตั้งอยู่.
ภูเขารอบ ๆ บริเวณดังกล่าวนี้ไม่ได้สูงมากนัก ทว่ากลับถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว ที่ดูผิดธรรมชาติ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นค่ายกลอาคมบางอย่างที่สร้างขึ้นมาล้อมรอบภูเขา.
ภูเขาที่ก่อร่างขึ้นนี้ตั้งตระหง่านล้อมรอบเป็นวงดูเหมือนกับสนามกีฬาตลอดจนมีม่านหมอกขนาดใหญ่ปิดกั้น.
บนยอดเขาที่ล้อมรอบนั้นมีคนหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะประจำอยู่แต่ละยอดเขา พวกเขาต่างก็มาจากสำนักที่แตกต่างกัน พวกเขาทั้งหมดจดจ้องมองผ่านม่านหมอกไปยังภูเขาลูกหนึ่งที่ไม่ไกลออกไป พวกเขาทุกคนต่างก็รั้งรอคอยอยู่อย่างเงียบ ๆ
ที่บนยอดเขาทางด้านทิศเหนือ คนกลุ่มหนึ่งเป็นคนที่มาจากสำนักไคหยางซึ่งกำลังยืนประจำการอยู่.
กลุ่มคนเหล่านี้คือศิษย์ขั้นสอง ศิษย์พี่ใหญ่เทียนชาและศิษย์พี่หญิงเป่ยชิงซือ และมีคนอีกแปดคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อสนับสนุน.
"ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าอย่างไร?"เทียนชาที่ชำเลืองมองไปยังเป่ยชิงซือ และสามารถมองเห็นประกายแสงความห่วงใจชื่นชอบอยู่ภายในสายตาของเขา.
"ชิงซือ ไม่มีความเห็นใด ข้าเชื่อฟังคำพูดของศิษย์พี่ใหญ่."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์ ดวงตาของนางยังคงมองไปยังหมอกด้านหน้าหาได้สนใจความเป็นห่วงเป็นใยของเทียนชาแม้แต่น้อย.
เห็นอย่างชัดเจนว่า นางนั้นไม่ได้มีความสนใจกับท่าทางชื่นชอบหลงใหลของเทียนชาแม้แต่น้อย.
เทียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา เขาที่เงียบไปในทันทีและหันกลับมาจ้องมองไปยังภูเขาด้านหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอก.
อีกยอดเขาแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออก ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในชัยภูมิที่ยอดเยี่ยม มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีอยู่กันราว ๆ 20 คน โดยมีผู้นำที่เป็นสาวงามที่ปลดปล่อยแรงสะกดข่มที่ไม่ธรรมดาออกมา.
หญิงสาวที่งามเพรียวระหง เรียวขาที่สวยงาม สวมชุดผ้าแพรไหมสีดำ แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้ แต่ก็สามารถบรรยายความงามของนางออกมาได้.
บนใบหน้าของนางที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ดวงตาที่ประณีต ประกายแสงในดวงตาที่เจิดจรัส เผยให้เห็นถึงความภาคภูมิ ความอหังการ ที่ราวกับว่ายืนอยู่เหนือใคร ๆ ทว่าด้วยกลิ่นอายที่สูงศักดิ์ได้ผสมผสานแผ่ออกมาปนกับความอหังการดังกล่าวนั่นอย่างพอดิบพอดี.
"เซียนเซิงสุ่ยจิง เห่าซานอยู่ด้านหน้าพวกเราแล้ว ช่วยบอกด้วยว่า พวกเราควรจะทำอย่างไร?"หญิงสาวที่หันหน้าของนางไปมองชายที่อยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้ม.
'เซียนเชิง' (先生- Xiānshēng) แปลว่า คุณ คุณครู อาจารย์
ชายคนดังกล่าวนั้นมีรูปร่างเหมือนกับปุถุชนที่มีอายุ 40 ปี เขาสวมชุดสีขาวล้วน เหมือนนักวิชาการที่ดูสง่างามและเรียบง่าย.
ชายคนดังกล่าวนั้น ถือพัดสีขาวในมือ พร้อมกับโบกสะบัดไปมาราวกับว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ในใจ.
เมื่อหญิงสาวถามออกมา ชายคนดังกล่าวที่มีนามว่า สุ่ยจิง ก็เผยยิ้มออกมา "กงจู่ ท่านมีแผนในใจแล้ว ใยต้องถามข้าด้วยล่ะ?"
公主Gōngzhǔ princess องค์หญิง.
"เฉียนโหยว ข้าจะลงไปจับเห่าซานมาให้เจ้าเอง."ชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมาด้วยท่าทางมุ่งมั่น.
กับความหุนหันพลันแล่นและดื้อรั้นของเขา กงจู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมาและกล่าวออกไปว่า"มีคนจำนวนมากที่กำลังรออยู่ คิดว่าจะวิ่งเข้าไปสร้างความวุ่นวายหรือไง? นอกจากนี้ เจ้าคิดว่าเห่าซานมันเป็นคนโง่รึไงกัน?"
ชายหนุ่มคนดังกล่าว รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก เขารู้สึกขุ่นเคืองจ้องมองไปยังม่านหมอกจากระยะไกลออกไป.
"ซื่อจื่อ โปรดอดทน พวกเราจำต้องรอเวลา หากต้องการตกปลาใหญ่."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
世子.ซื่อจื่อ (せいし) (n) heir; successor ทายาท รัชทายาท ผู้สืบมรดก
"ใครถามเจ้ากัน ข้ากำลังพูดกับเฉียนโหยว ไม่มีอะไรที่เซี่ยเหริ่นเช่นเจ้าจะเสนอหน้า."ชายหนุ่มคนดังกล่าวที่โกรธเกรี้ยวกล่าวต่อเซียนเซิงสุ่ยจิง เห็นได้ชัดว่าเขานั้นแสดงท่าทางดูแคลนเซียนเซิงสุ่ยจิงเป็นอย่างมาก.
下人Xià rén servant บ่าวไพร่ คนรับใช้ ลูกจ้าง บริวาร.
"กู่หลิน หุบปาก เจ้าพูดจากับเซียนเซิงสุ่ยจิงเช่นนั้นได้อย่างไร?"กงจู่เฉียนโหยวที่กล่าวตำหนิเขาในทันที.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ยืนอยู่ด้านข้างแสดงท่าทางกระอักกระอ่วนใจ.
"เขาเป็นคนรับใช้ของบิดาข้า ข้ากล่าวเช่นนี้มันผิดตรงใหน?"กู่หลินที่ตอบกลับ.
กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังกู่หลินด้วยท่าทางรังเกียจ พร้อมกับกล่าวออกไปว่า"หากว่าเจ้ายังมีปัญหากับการที่ข้าเชิญเซียนเซิงสุ่ยจิงมา หากเจ้ายังแสดงท่าทางเช่นนี้อีก เช่นนั้นก็กลับไปในทันที อย่างได้ตามมารบกวนข้า."
"เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าหยุดพูดก็ได้."กู่หลินที่ประจบประแจงกงจู่เฉียนโหยวเป็นอย่างมาก ขณะที่เขาจ้องมองเซียนเซิงสุ่ยจิงด้วยความโกรธ.
กงจู่เฉียนโหยวที่ขมวดคิ้วไปมา พร้อมกับหันหน้ากลับไปมองภูเขาหมอกที่ด้านหน้าต่อ.
ผ่านเข้าไปในภูเขาที่มีหมอกสีขาวปกคลุมเป็นจำนวนมาก ที่ใจกลางที่กระจ่างใส เป็นยอดเขาที่แบนเรียบ มีต้นหญ้าและต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์อยู่รอบ ๆ .
มีวิหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่ มีขนาดใหญ่โตและมีคนสองคนอยู่ในนั้น.
หนึ่งในนั้น สวมชุดสีดำ เป็นชายชราที่ดูเหมือนปุถุชนอายุ 50 ปี กำลังนั่งคุกเขาอยู่บนพื้น พร้อมกับกุมแส้หางม้าปัดไปมา ท่าทางของเขาตอนนี้ดูกังวลและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
"ไท่จื่อซาน อย่าเลย ยานี่เป็นเม็ดที่ห้าสิบแล้ว ท่านไม่ควรที่จะกินเข้าไปอีก หากว่ากินเข้าไปแล้วมันจะทำให้ท่านย่ำแย่เอาได้ ข้าไม่ต้องการเห็นตระกูลเห่าต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ "ชายชราในชุดสีดำที่กำลังเกลี้ยกล่อมคนอีกคนอยู่.
ที่ด้านหน้าของชายชุดดำนั้นเป็นชายหนุ่มในชุดสีขาวที่โอ่อา ชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ทว่าผมของเขาเวลานี้เริ่มกลายเป็นสีเทาและมีบางส่วนที่เป็นสีขาวไปบ้างแล้ว เขาคือคนที่คนมากมายต้องการตัว เห่าซาน.
"เหล่าเหว่ย เจ้าเองก็เป็นขันทีคนหนึ่ง เจ้าควรที่จะเข้าใจ?"เห่าซานที่เผยยิ้มอย่างเศร้าสร้อย.
"ไท่จื่อซาน เหล่าเหว่ยและเหล่าเจานั้นรับใช้ท่านมาหลายปี ตอนนี้ตระกูลเห่าเหลือเพียงแค่ท่านแล้ว หากว่าท่านตายไป เช่นนั้น ใครจะเป็นคนแก้แค้นศัตรูในอดีตล่ะ?ใครจะเป็นคนนำพาตระกูลเห่ากลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง? ไท่จื่อซาน ท่านไม่ควรที่จะกินมันเข้าไปอีกต่อไป."เหล่าเหว่ยกล่าว.
เห่าซานที่จ้องมองไปยังเหล่าเหว่ย เผยยิ้มอย่างเศร้า ๆ ."ข้าเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างงั้นรึ?ฮ่าฮ่า มองไปยังที่นั่นสิ มีคนมากมายที่ต้องการจับพวกเรา? นับตั้งแต่ข้ายังเด็ก พวกเขาก็ต้องการทำลายล้างตระกูลของข้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางใหน ก็มีแต่ความตายที่รออยู่."
"ไท่จื่อซาน เหล่าเหว่ยนั้นอุทิศตัวให้กับตระกูลเห่า ข้านั้นปรารถนาดีต่อท่าน ตัวข้านั้นไม่เคยหวาดกลัวความตาย "เหล่าเหว่ยที่กล่าวออกมาทันที.
เห่าซานถอนหายใจจ้องมองไปยังเหล่าเหว่ยที่อยู่ด้านหน้าเขา.
"เหล่าเหว่ย พวกเราคงถึงคราวเคราะห์แล้ว ทว่าเจ้าโปรดสงบใจเถิด โปรดรู้ไว้ว่าตระกูลเห่าของพวกเรานั้นจะไม่สูญสิ้นแม้ว่าข้าจะตายไป ข้ายังมีสายโลหิตผู้ที่จะรับตำหนักมังกรนี้ไป เขาจะต้องรอดชีวิต แม้ว่าข้าจะตายไปแต่เขาจะต้องรอด."เห่าซานที่กล่าวออกมาอย่างมั่นคง.
"จริง ๆ รึ นี่เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ?"เหล่าเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจราวกับว่าเขานั้นมีหลานชายเป็นของตัวเอง.
"ใช่แล้ว เขาอยู่ในตำหนักมังกร รับรองว่าเขาปลอดภัย นำเม็ดยาปู่เทียนมาให้ข้าได้แล้ว."
เห่าซานที่กล่าวออกมาอย่างไร้ซึ่งลังเล.