Chapter 38 โลหิตนิพพาน.
ท้ายที่สุด เทียนหลิงเอ๋อก็สามารถหลับตาลงได้ในที่สุดเนื่องจากความเหนื่อยล้าของนาง นางค่อย ๆ เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันแทน.
จงซานที่ลืมตาขึ้นมาชั่วขณะจ้องมองไปยังนาง พร้อมกับส่ายหน้าไปมาพร้อมเผยยิ้ม.
หลังจากที่จับจ้องมองไปที่นางด้วยความอ่อนโยน จงซานก็เริ่มบำเพ็ญกายโคจรพลังเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บต่อ.
อัตราการรักษาตัวของจงซานน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เช้าวันถัดมา เมื่อความเหนื่อยล้าจากวิชากายาเทพอสูรได้หายไป บาดแผลต่าง ๆ ของเขาก็แทบจะหายไปด้วยเช่นกัน.
เมื่อดวงตะวันทอแสงขึ้นตอนเช้า จงซานก็ออกไปขยับร่างกายฝึกฝนท่วงท่าเพลงดาบเช่นเดิม.
หลังจากนั้นไม่นาน ด้วยเสียงที่ดังก้องในหุบเขาทำให้เทียนหลิงเอ๋อค่อย ๆ ตื่นจากหลับใหล
เทียนหลิงเอ๋อที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ขยี้ตาไปมา จ้องมองไปยังเสียงที่ดังผ่านเข้ามา นางที่รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ ก่อนที่นางจะรู้สึกเขินอายขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน.
จงซานที่รับรู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อนั้นตื่นแล้ว เขาจึงได้หยุดฝึกและเข้ามาหา.
"เจ้าตื่นแล้วรึ? หิวรึยัง?"จงซานที่สอบถามออกไป.
จงซานที่ยังคงมีท่าทางเป็นปกติ เทียนหลิงเอ๋อที่เบิกตากว้างจ้องมองไปยังเขาอยู่ชั่วขณะ.
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?มีอะไรบนใบหน้าของข้ารึอย่างไร?"จงซานที่แสดงท่าทางงงงวยและเช็ดไปที่ใบหน้าของเขา.
"เอ่อ ไม่ ไม่มีอะไร."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาทันที.
นางที่เปลี่ยนเป็นมั่นใจว่าจงซานไม่รู้อะไรเมื่อคืน ทำให้เทียนหลิงเอ๋อรู้สึกวางใจขึ้นมาในทันที.
"เช่นนั้นกินอะไรหน่อย ข้าจะไปสำรวจและดูว่ามีเส้นทางออกจากหุบเขาแห่งนี้หรือไม่."จงซานกล่าว.
"เจ้า เจ้าจะไปแล้วรึ?"สายตาของเทียนหลิงเอ๋อที่จับจ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางน่าสงสาร.
จงซานอดไม่ได้เลยที่จะยิ้มออกมาเมื่อจ้องมองไปยังท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อ "อืม แน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอกรึ?"
"ข้าไม่ต้องการอยู่ที่นี่เช่นกัน ทว่าแม้บาดแผลภายในจะหายดีแล้ว ทว่าบาดแผลที่ขาของข้านั้นยังไม่หายเลยทำให้ข้าเดินไปไม่ได้ เจ้าช่วยพาข้าไปกับเจ้าด้วยได้ใหม."เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางวิงวอน.
จงซานเผยยิ้มออกมา.
"เช่นนั้น ขึ้นมาสิ."จงซานที่กล่าวออกมา.
"อืม ๆ ."เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้าอย่างเร็วไว.
จงซานที่เก็บดาบฝันร้ายเข้าไปในกำไลเก็บของและให้เทียนหลิงเอ๋อขึ้นหลังมาแทน.
จงซานที่โน้มตัวลง เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เขาดึงนางขึ้นมาบนหลังเขา.
"อ๋า!"
ท่ามกลางเสียงของของเทียนหลิงเอ๋อ นางที่รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างกำลังถูกยกขึ้นบนพื้น นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีคนแบกนางขึ้นหลัง จะให้นางรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
"จงซาน วางข้าลงก่อน วางข้าลง...."เทียนหลิงเอ๋อที่ครวญครางร้องออกมาใบหน้าที่กลายเป็นแดงซาน.
"ป๊าป"
"อย่าขยับ!"
เทียนหลิงเอ๋อสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเสียงดังกล่าวนั้นเกิดจากฝามือของจงซานที่ตะปบไปที่บั้นท้ายของนางอย่างชัดเจน ทว่าแม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด นางกับรู้สึกว่าเหมือนกับกระแสไฟฟ้าที่แล่นออกมาจากฝ่ามือของเขา ผ่านเข้าไปในร่างกายของนาง จนทำให้เทียนหลิงเอ๋อนิ่งงันไม่ขยับทันที.
นางที่สมองโล่ง ไม่รับรู้อะไร นางที่กอดคอของจงซานเอาไว้ เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงว่าความรู้สึกเมื่อกี้นี้มันคืออะไรกัน.
เกิดอะไรขึ้น?
เทียนหลิงเอ๋อที่พบว่านางไม่สามารถต้านทานจงซานได้เลย นางต้องเกาะอยู่บนหลังของเขา พร้อมกับอ้อมแขนที่กอดคอของจงซานเอาไว้.
เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่กล้าขยับ นางที่สัมผัสได้ถึงฝ่ามือของจงซานที่วางบนบั้นท้ายของนาง ขาของนางที่โอบไปที่เอวของจงซาน มือทั้งสองข้างของเขาที่ราวกับเหล็กร้อนจับขาของนางเอาไว้แน่น ความร้อนที่ราวกับว่าจะแพร่ผ่านกางเกงของนาง เทียนหลิงเอ๋อรู้สึกร้อนรุ่มไปด้วยฝ่ามือขงจงซาน ใบหน้าของนางที่กลายเป็นสีแดงราวกับว่ามันจะคายไอน้ำออกมา.
เทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ด้านหลังจงซาน เขาที่พานางก้าวไปข้างหน้า เทียนหลิงเอ๋อไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว นางไม่กล้าพูดอะไรเลย นางไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้น?ทำไมนางถึงรู้สึกเช่นนี้?นี่นางยังเป็นตัวนางอยู่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม กลิ่นกายของจงซานเองก็ดีเหมือนกัน เทียนหลิงเอ๋อคิดในใจ.
ใบหน้าของนางที่แดงไปหมด ขณะที่นางคิดเรื่องต่าง ๆ นานา ทว่านางคงไม่รู้ว่าบนใบหน้าของนางนั้นกำลังเผยยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้.
จงซานเองก็รู้สึกตกใจที่เขาตบไปที่ก้นของนางเบา ๆ อย่างไรก็ตาม โชคดีที่นางไม่ได้เอะอะโวยวายอะไรออกมา ในเมื่อนางไม่บ่นอะไรก็ดีแล้ว.
อย่างไรก็ตาม ทำไมเทียนหลิงเอ๋อถึงได้หยุดจ้อไปล่ะ?หากไม่เพราะว่านางยังหายใจรดต้นคอเขาอยู่ จงซานคงจะหยุดเพื่อตรวจสอบแล้วว่านางเป็นอะไรหรือไม่?.
"หลิงเอ๋อ."หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง จงซานคิดว่าผ่านมาระยะหนึ่งแล้วเขาจึงได้เอ่ยปากคุยกับนางก่อน.
"อืม หืม?"เทียนหลิงเอ๋อที่จิตใจเหม่อลอย นางที่นิ่งงันไปชั่วครู่ ถึงจะตระหนักได้ว่าจงซานกำลังเรียกนางอยู่ ก่อนที่จะตอบกลับไป.
จงซานที่หายใจลึก "ข้าสัญญากับเจ้าเมื่อครั้งอยู่บนยอดเขาหากพวกเรารอดชีวิตในครั้งนั้น ข้าจะพาเจ้าไปพบกับศิษย์พี่ใหญ่."
จงซานยังคงรักษาคำพูดของเขาที่เกี่ยวกับศิษย์พี่ใหญ่ของเทียนหลิงเอ๋อ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าทำไม นางไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน เทียนหลิงเอ๋อเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน หากว่าเป็นในอดีตนั้น นางจะต้องดีใจกระโดดโลดเต้นไปแล้ว ตอนนี้นางเพียงแค่รู้สึกดีใจเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นอย่างงั้นรึ?
เทียนหลิงเอ๋อที่ขมวดคิ้วไปมา จ้องมองแผ่นหลังของจงซาน นางที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น นางที่เงียบไปชั่วขณะ ท้ายที่สุดก็พยักหน้าและกล่าวว่า."ขอบคุณเจ้า จงซาน."
"เฮ้เฮ้ มีอะไรต้องของคุณข้ากัน?หากว่าไม่ได้ผ้าไหมแดงของเจ้า ข้าคงจะตกลงมาตายเหมือนกับจงตี้แล้ว."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหัวเราะ.
"ไม่ เจ้าคงไม่เป็นไร แม้ว่าจะไม่มีข้า เจ้าเอาตัวรอดได้แน่."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมา ในสายตาของนางนั้น จงซานราวกับว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง.
"บางทีนะ."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้ม การที่สามารถรอดมาได้นั้นนับว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มาก ๆ เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากแต่ก็นับว่ามีโชคเป็นอย่างมากเช่นกัน หากว่าไม่มีผ้าแพรไหม หรือไม่มีศิลาก้อนใหญ่ที่ตกลงมาพร้อมกันล่ะ? แต่ถึงกระนั้นหากจงซานไม่กระทำอะไรเลยก็คงไม่รอด บางทีนางอาจจะกล่าวถูกก็ได้.
จงซานที่เดินไปอย่างช้า ๆ มุ่งตรงไปยังอีกจุดสิ้นสุดของหุบเขาพร้อมกับแบกเทียนหลิงเอ๋อบนหลัง เขาที่ค่อย ๆ ก้าวไปไม่ได้เร่งรีบอย่างไร อย่างไรก็ตามเขาจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบ ๆ นี้อย่างระมัดระวัง.
พวกเขาที่ถูกห้อมล้อมด้วยหน้าผาที่สูงชัน และยังบีบลาดชันไปจนถึงยอด จะต้องปีนขึ้นไปอย่างงั้นรึ?หน้าผาแห่งนี้ดูเรียบเนียนไม่มีที่ให้เกาะเลย นับว่าปีนขึ้นได้อยากลำบากมาก.
จงซานจำเป็นต้องคนหาเส้นทางเพื่อที่จะนำออกไปสู่ทางออกให้ได้.
หุบเขาแห่งนี้นับว่ามีขนาดกว้าง ทว่าจงซานก็เดินไปเกือบทุกทางตราบเท่าที่มีเส้นทาง ทว่าก็ยังไม่สามารถมองเห็นเส้นทางออกไป ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเส้นใหนก็มีหน้าผาสูงชันปิดกั้นเอาไว้.
อย่างไรก็ตาม สุดเส้นทางเส้นหนึ่ง มีถ้ำขนาดความสูงสองเมตร.
มีถ้ำอย่างงั้นรึ?
มีประกายแสงสีแดงจาง ๆ แผ่ออกมาจากปากถ้ำและยังมีกลุ่มไอน้ำที่แผ่พุ่งออกมาด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นคลื่นความร้อน.
ประกายแสงเรื่อ ๆ นั้นมีสิบสามลำแสงที่แผ่พุ่งส่องออกมาจากปากถ้ำ เป็นจุดเล็ก ๆ ขนาดเท่ากับผลเฉ่าเหมย พวกมันเรืองแสงแผ่ออกมา เป็นแสงสว่างทำให้พื้นที่รอบ ๆ สว่างขึ้นมา.
草莓Cǎoméi สตรอเบอร์รี่
"จงซาน สิ่งนั่นมันคืออะไรกัน?"เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกตื่นเต้นมากจ้องมองกวาดเข้าไปในถ้ำ.
"เงียบก่อน."จงซานที่ขมวดคิ้วไป.
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อที่เงียบในทันที.
จงซานเพ่งพิศฟังเสียงต่าง ๆ ภายในถ้ำดังกล่าวอย่างระมัดระวัง ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงที่ผิดปรกติอะไรจากด้านในเลย ได้เยินเพียงแค่เสียงหัวใจเต้นของเทียนหลิงเอ๋อเท่านั้น.
จงซานที่หยิบหินขึ้นมาจากนั้นก็ขว้างเข้าไปด้านในถ้ำ.
"ฟิ้ว."หินดังกล่าวพุ่งตรงเข้าไปด้านใน จงซานที่รอคอยฟังเสียง.
เทียนหลิงเอ๋อที่เฝ้ามองด้วยความอยากรู้เป็นอย่างมาก ในคราแรกนั้น นางสนใจว่ามีสิ่งใดในถ้ำ ทว่าตอนนี้นางกลับสนใจกับการกระทำของจงซาน นางที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความอยากรู้.
"ไม่มีเสียงอะไรเลย."นางที่กระซิบข้างหูเขา.
จงซานที่ส่ายหน้าไปมาหลังจากได้ยินเสียงของเทียนหลิงเอ๋อ เขาก็ตระหนักได้ว่าเทียนหลิงเอ๋อนั้นอยู่ในระดับเก้าเซียนเทียน ย่อมมีการรับรู้ด้านเสียงได้มากยิ่งกว่าเขาแน่นอน.
"ข้าคงกังวลมากไปหน่อย!"จงซานที่หัวเราะและพาเทียนหลิงเอ๋อเดินเข้าไปในถ้ำดังกล่าว.
เมื่อพวกเขาเข้ามาในปากถ้ำที่น่าจะมืด พวกเขากับพบว่ามีแสงสีแดงสว่างจ้า แสงดังกล่าวนั้นยังสามารถส่องผ่านเข้าไปถึงด้านใน ในเวลาเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาเป็นระยะ จงซานที่คิดได้ในทันที อาจเป็นไปได้ว่า ถ้ำแห่งนี้จะเป็นเส้นทางที่เชื่อมเข้าไปในช่องว่างภูเขาไฟ?
จากนั้น จงซานก็หันหน้าจ้องมองต้นตอของลำแสงสีแดงสิบสามเส้นที่ส่องประกายออกมา.
"นี่มันโลหิตนิพานอย่างงั้นรึ?"ทันใดนั้นเทียนหลิงเอ๋อที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ.