ตอนที่แล้วChapter 36 ความสุขุมของจงซาน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 38 โลหิตนิพพาน.

Chapter 37 คืนที่ยากจะหลับลง.


สี่ชั่วโมงหลังจากนั้นจงซานที่ทำการโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บภายใน บางทีเพราะว่าเขามีวิชากายาเทพอสูร การรักษาจึงรวดเร็วกว่าปรกติ แม้ว่าอาการเหนื่อยล้ายังไม่ได้ฟื้นฟูกลับคืนมา ทว่าอาการบาดเจ็บส่วนมากก็กลับมาอยู่ในสภาพมั่นคงแล้ว.

หลังจากที่เขาลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองตาแป๋ว จับจ้องมายังเขา.

"เจ้าคงจะหิวแล้ว กินอะไรหน่อยใหม."จงซานที่เผยยิ้มออกมา.

"จงซาน ข้าขอโทษ ข้าควรที่จะฟังเจ้า ข้าดื้อรั้นเอง ข้าไม่ควรที่จะเอาแต่ใจ."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด.

"หืม?ฮ่าฮ่า อย่าได้กังวล เจ้ายังเด็ก อายุของเจ้านั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ เมื่อเจ้าอายุมากจนกลายเป็นหญิงชรา เช่นนั้นเจ้าก็หยุดเอาแต่ใจเอง."จงซานที่หัวเราะด้วยรอยยิ้ม.

"เพ่ย ไม่ ไม่!ข้าจะไม่แก่ ข้าจะเป็นเด็กตลอดกาล และข้าก็จะสวยตลอดไปด้วย!"เทียนหลิงเอ๋อที่อารมณ์ดีขึ้นมาทันที.

"ฮ่าฮ่า นี่สิถึงจะเป็นเทียนหลิงเอ๋อที่ข้ารู้จัก."จงซานหัวเราะเสียงดัง.

"จงซาน หลิวหมิง หวังกุยและจงตี้กลายเป็นศพที่ตรงโน้นแล้ว โชคดีที่พวกเรารอดมาได้."เทียนหลิงเอ๋อที่ชี้ไปยังศพทั้งสามร่างที่มีร่างกายบิดเบี้ยว ผิดรูปดูน่าเกียจ.

เห็นร่างทั้งสามร่าง จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เจ้าหาอะไรกินไปก่อน ข้าจะไปจัดการกับศพพวกเขาเอง.

กล่าวเสร็จ จงซานก็เดินไปยังศพเหล่านั้น.

จ้องมองไปยังศพของจงตี้ที่บิดเบี้ยวเสียรูป จงซานก็ทอดถอนใจพร้อมกับถอนหายใจออกมา.

ไม่ห่างออกไปนั้น เป็นจุดที่ดาบของเขาตกลงมา ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจงตี้ไม่ไกลนัก เขาที่เก็บกลับมาพร้อมกับใช้มันขุดหลุมศพขึ้นมา จงซานที่นำร่างของจงตี้ลงไปในหลุมศพ เขาที่ถอนหายใจหลายครั้งหลายครา บนใบหน้าของเขาที่มีอารมณ์มากมายหลากหลาย รู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่เขาจะกลบดินลงไป.

เทียนหลิงเอ๋อที่เฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าก็ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด นางเห็นจงซานกระทำเช่นนั้นก็รู้สึกสงสัยอยู่ในใจ ชายคนดังกล่าวนั้นพยายามจะสังหารเขา ทว่ากลับยังสร้างที่ฝังศพให้กับคนที่จะสังหารตัวเองได้ด้วยเหรอ.

จงซานที่ใช้ดาบของเขาตัดศิลาสร้างป้ายหลุมศพขึ้นมา ก่อนที่จะนำไปวางที่หน้าหลุมศพ ทว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สลักอักษรใด ๆ ลงไป ปล่อยมันว่างเอาไว้.

จากนั้น จงซานก็จ้องมองไปยังอีกสองศพ เป็นศพหลิวหมิงและหวังกุย.

คนทั้งสองนั้น จงซานไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาที่ทำการค้นทั่วร่าง ซึ่งพบกระบี่ของทั้งคู่และยังมีกำไลเก็บของ.

"หลิงเอ๋อกำไลเก็บของพวกเขา สามารถเปิดได้หรือไม่? แล้วกระบี่พวกเขานั้นที่ผสานกับมุกคงหลิงไปแล้ว จะสามารถนำมุกคงหลิงออกมาได้หรือไม่?"จงซานที่สอบถามเทียนหลิงเอ๋อ.

"อืม กำไลเก็บของและกระบี่ที่สร้างจากมุกคงหลิงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม มุกคงหลิงนั้นเป็นสมบัติที่พิเศษ ตราบเท่าที่เจ้าของร่างตายไปแล้ว พวกมันก็จะกลายเป็นของไร้ประโยชน์ทันที."เทียนหลิงเอ๋ออธิบาย.

"จริง ๆ รึ?"จงซานที่สอบถามจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าต้องไปถามเตี่ยของข้าแล้วล่ะ อีกอย่างหนึ่ง เมื่อของวิเศษถูกทำลาย แกนของมุกคงหลิงที่ใช้สร้างในตอนแรกก็จะไม่สามารถใช้งานได้อีก เหมือนกับฟองน้ำที่แตกออกมานั่นล่ะ เมื่อมันแตกออกมาแล้วก็จะไม่ใช่ฟองน้ำอีกต่อไป โดยพื้นฐานแล้ว แกนของมันก็จะหายไป ส่วนกำไลเก็บของนั้นสร้างมาจากมุกคงหลิงที่ใส่ศิลามิติเข้าไป เมื่อศิลาเก็บของถูกทำลายแน่นอนว่าศิลามิตินั้นสามารถนำออกมาใช้ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งของที่เคยมีอยู่ภายในก็จะหายไป."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.

"หายไป?พวกมันหายไปได้อย่างไรกัน?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ข้าก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เจ้าลองสอบถามเตี่ยของข้าก็แล้วกัน ข้ารู้แต่ว่าพวกมันหายไปทั้งหมดเลย."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.

ได้ยินการอธิบายของเทียนหลิงเอ๋อแล้ว ทำให้จงซานผิดหวังอยู่เล็กน้อย.

"อืม นี่คือกำไลเก็บของ พวกเราแบ่งกันคนล่ะชิ้น ส่วนกระบี่ก็เหมือนกัน."จงซานกล่าว.

"กำไลเก็บของนั้น ข้าไม่ต้องการ ข้ามีกำไลของข้าอยู่แล้ว ข้างในเองก็กว้างเป็นอย่างมาก สองอันนั่นรวมกันยังไม่เท่าของข้าเลย ส่วนกระบี่ วัตถุดิบระดับต่ำเกินไป ถึงนำมาหลอมใหม่ มีแต่จะเปลืองต้นทุนและเวลาไปเปล่า ๆ  ข้าไม่ต้องการทั้งสองอย่างเลย."เทียนหลิงเอ๋อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา.

"อืม."จงซานพยักหน้า.

ด้วยการตวัดดาบของเขาออกไป ก็ตัดกำไลเก็บสองทั้งสองอันออกมา หลังจากหั่นไปแล้ว กำไลเก็บของทั้งสองก็พังทลาย ตอนนี้กลายร่างเป็นศิลามิติสีเทา.

จงซานที่นำมุกคงหลิงออกมา นี่เป็นส่วนที่เขาชนะพนันกับถังเสี่ยวโหยว ซึ่งมันถูกเก็บไว้ในกำไลของเทียนหลิงเอ๋อ จงซานที่ทำการสร้างกำไลเก็บของเป็นครั้งแรก กำไลที่เขาสร้างขึ้นมานั้นดูหยาบและไม่สวยงามแม้แต่น้อย ดูไร้ซึ่งศิลปะเป็นอย่างมาก คงยากที่จะบอกว่ามันคือเครื่องประดับที่ใช้เก็บของ อย่างไรก็ตามจงซานไม่ได้ต้องการความสวยงาม เขาต้องการพื้นที่เก็บของเท่านั้น หากว่ามันใช้ได้ จะสวยหรือหยาบ ก็มีค่าเท่ากัน.

ด้วยการใส่ศิลามิติลงไปด้านใน ก็เกิดช่องว่างมิติขึ้นมา กำไลเก็บของที่จงซานสร้างขึ้นมานั้น มีสีคล้ายกับสีเนื้อของเขา หากมองผ่าน ๆ  ยากที่จะบอกความแตกต่างได้.

เพราะว่าการใช้มุกคงหลิงนั้นจะต้องหยดโลหิตของตัวเองลงไปก่อน ดังนั้นมันจึงเชื่อมกับจิตสำนึกของเขา ซึ่งทำให้เขาสามารถมองเห็นพื้นที่ขนาดสองลูกบาศก์เมตรด้านในได้.

พื้นที่ดังกล่าวนี้ไม่ได้ใหญ่นัก ทว่าก็เพียงพอสำหรับจงซานแล้ว.

เขาได้นำสัมภาระทั้งหมดของเขาจากเทียนหลิงเอ๋อย้ายมาไว้ในกำไลเก็บของของตัวเอง หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำให้เขาพึงพอใจอยู่เหมือนกัน.

กำไลเก็บของ กระเป๋าเก็บของ ล้วนแล้วแต่เป็นของวิเศษ ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถได้ครอบครอง ท้ายที่สุดในเวลานี้เขาก็มีกำไลเก็บของเป็นของตัวเองแล้ว.

"สนุกไหม? คืนที่ข้ามีกำไลเก็บของเป็นของตัวเองนั้น ข้าเล่นกับมันทั้งคืนเลย เช้าวันถัดมา ดวงตาของข้าถึงกับกลายเป็นสีแดง เตี่ยของข้าดุยกใหญ่ทีเดียว."เทียนหลิงเอ๋อหัวเราะ.

เฝ้ามองท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อ จงซานที่ส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม เทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกใด ๆ ของตัวเองเอาไว้ นางที่ตรงไปตรงมากับความรู้สึกตัวเอง.

จงซานที่จ้องมองไปยังกระบี่ทั้งสองเล่ม พร้อมกับส่ายหน้าไปมา กระบี่ทั้งสองเล่มนี้เป็นอาวุธขั้นหนึ่ง หากเจ้าของตายไปแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับได้ วัตถุดิบในการสร้างเอง เหมือนเช่นเทียนหลิงเอ๋อกล่าว ไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก อย่างไรก็ตามเนื้อเหล็กอาจจะมีประโยชน์ในภายภาคหน้า เขาจึงเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ ในวันข้างหน้าอาจจะมีวิธีใช้.

เทียนหลิงเอ๋อที่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเดินได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งคู่จึงต้องพักอยู่ใต้หุบเขาแห่งนี้ไปก่อน จงซานที่ทำการปูพรมให้กับเทียนหลิงเอ๋อเพื่อให้นางได้พัก ส่วนเขาก็ทำการนั่งบำเพ็ญเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเองต่อ.

นางที่นอนครึ่งตัวบนพรมหนังสัตว์ เทียนหลิงเอ๋อที่จับจ้องไปยังจงซาน ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองนั้น ดูเหมือนว่านางจะไม่ตระหนักว่า ที่มุมปากของนางนั้นกำลังมีรอยยิ้มยกขึ้นมาบนใบหน้า.

ท้องฟ้าที่ค่อย ๆ มืดลง ดวงตาของเทียนหลิงเอ๋อยังคงสว่างจ้า จับจ้องมองไปยังดวงจันทรา ซึ่งยังคงส่องประกายแสง อาบไปทั่วทั้งหุบเขา จงซานยังคงบำเพ็ญโคจรพลังเพื่อรักษาตัวเอง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนักเลยทีเดียว.

เวลาที่ล่วงเลยผ่านไประยะหนึ่ง เทียนหลิงเอ๋อที่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที สีหน้าของนางที่ดูขุ่นมัว นางที่จ้องมองไปที่จงซานด้วยท่าทางผิดปรกติ นางที่ต้องการเอ่ยปากเรียกจงซาน ทว่าขณะที่ต้องการจะเอ่ย ก็ต้องหยุดเอาไว้ นางคิดว่าคงจะเป็นการดีหากปล่อยให้เขาได้พักผ่อน.

นางจ้องมองไปยังจงซานระยะหนึ่ง ใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ  นางที่เฝ้ามองจงซานอย่างระมัดระวัง และนางก็พบว่าเขาคงจะไม่ตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้แน่ เมื่อมั่นใจ นางก็ค่อย ๆ ลุกเขย่งลุกออกไปมุ่งไปยังทิศทางหนึ่งของหุบเขา ด้วยท่าทางรีบเร่ง.

ท้ายที่สุด นางก็ไปยืนอยู่บนผนังหน้าผาของหุบเขา.

นางที่ยืนอยู่ห่างออกมาระยะหนึ่ง ทว่ากลับไม่พบก้อนหินใหญ่เลย ดูเหมือนว่าก้อนหินใหญ่ทั้งหมดนั้นจะอยู่ข้าง ๆ ของจงซานเท่านั้น.

นางที่ลอบแอบมองไปยังจงซานเป็นพัก ๆ และกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้นางต้องการที่จะสุขาแล้ว นางไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ แน่นอนว่านางนั้นยังอยู่ในระดับเซียนเทียน ในเมื่อยังก้าวไปไม่ถึงระดับแกนทอง ร่างกายของนางก็จำเป็นต้องขับของเสียออกจากร่างกายเหมือนกับปุถุชนอยู่.

นางที่อยู่ข้าง ๆ หน้าผา คอยชำเลืองมองไปยังจงซานเป็นระยะ นางที่ค่อย ๆ ถอดชุดส่วนล่างของนางออก ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เกรงว่าจงซานจะหันหลังกลับมามอง.

เวลานี้ ภายในหุบเขาแห่งนี้ไม่มีอันตรายใด แน่นอนว่าจงซานคงจะจมจ่อมอยู่กับการฟื้นฟูร่างกาย ทว่าแม้ว่าจะกำลังรักษาตัวเองอยู่ก็ตาม เขาก็ยังคงทิ้งจิตสำนึกบางส่วนเอาไว้อยู่.

ตั้งแต่ตอนที่เทียนหลิงเอ๋อลุกขึ้นจากพรมขนสัตว์แล้ว จงซานก็รับรู้แล้ว.

นางต้องการทำอะไร? เทียนหลิงเอ๋อกลับไม่เรียกเขาและพยายามแอบเขย่งเท้าออกไป.

โดยปรกติแล้วจงซานที่จะคอยระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา ทว่าภายในหุบเขาแห่งนี้ มีผนังของหน้าผาล้อมรอบ ที่ด้านหน้าเองก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีเส้นทางออกไปหรือไม่.

ไม่มีปัญหาหรืออันตรายใด ๆ ที่ด้านหลัง เทียนหลิงเอ๋อเขย่งพาร่างของนางไปด้านหลังของเขา อย่างไรก็ตามเขายังไม่รู้เหมือนกันว่านางต้องการทำอะไร? จงซานไม่ได้เรียกนางทว่าเขาก็ยังคงคอยฟังเสียงต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง ด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยมในการฟังเสียงของเขา.

จากนั้น ที่ด้านหลังของเขา ที่กำแพงหน้าผา เขาที่ได้ยินเสียงนำไหลลงพื้น.

ได้ยินเสียงดังกล่าว จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา เทียนหลิงเอ๋อกำลังทำอะไร เขาที่ตั้งใจฟังให้ละเอียดยิ่งกว่าเดิม.

"ซี่ ๆ  ๆ  ๆ "

เสียงน้ำไหลที่ดังมาจากทางด้านหลัง ถึงกับทำให้จงซานตัวแข็งไปเลยทีเดียว ท้ายที่สุดก็ตระหนักได้ว่าเทียนหลิงเอ๋อแอบไปทำอะไรด้านหลังของเขา.

ความรู้สึกงงงวยได้ซึมลึกเข้ามาในจิตใจของจงซานทันที ช่วงระยะเวลานั้นทำให้จงซานตัวแข็งและสั่นสะท้านเล็กน้อย ทว่าเขาก็แสร้งเป็นว่าเขาไม่ได้พบอะไรและแสร้งว่ากำลังพักผ่อนอยู่.

อย่างไรก็ตาม เทียนหลิงเอ๋อกลับเป็นคนที่กระวนกระวายยิ่งกว่าจงซานนับร้อยเท่าทีเดียว ดวงตาของนางที่จับจ้องไปยังจงซาน ขณะที่เห็นร่างของจงซานสั่นไหว ถึงกับทำให้ร่างของนางหวาดผวาตื่นตระหนกไปพร้อม ๆ กัน นางที่กำลังปล่อยน้ำ ถึงกับสะดุดไปทันที.

เขารู้ตัวแล้วรึ? จงซานตื่นแล้วรึ?ใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อที่เปลี่ยนเป็นแดงซ่านร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า.

แต่ถึงกระนั้น ร่างกายยับยั้งการปลดปล่อยน้ำของนางเพียงแค่ครึ่งเดียว มันทำให้นางไม่สบายตัว นางที่เห็นจงซานไม่ขยับอีกต่อไปแล้ว นางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เร่งรีบปล่อยน้ำออกไปให้หมดในทันที.

จวบจนถึงสุดท้าย เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังจงซานไม่วางตา.

ขณะที่ระบายน้ำไปจนหมดแล้ว นางที่เร่งรีบจัดแจงแต่งตัวของนางในทันที.

เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมากเร่งรีบกลับมายังพรมหนังสัตว์ทันที อย่างไรก็ตาม ในสมองของเทียนหลิงเอ๋อตอนนี้ มีคำถามมากมายหมุนวนอยู่ จงซานตื่นหรือไม่?เขาได้ยินหรือไม่?

นางที่นอนอยู่บนพรมหนังสัตว์ ใบหน้าของนางที่กลายเป็นสีแดงร้อนไปทั่วใบหน้า.

เป็นไปไม่ได้ จงซานยังไม่ตื่นแน่ หากว่าเขาตื่น ทำไมเขาไม่หันหน้ามาล่ะ?

เทียนหลิงเอ๋อที่พยายามที่จะสะกดกลั้นความรู้สึกภายในใจ ระงับมันเอาไว้ หลังจากนั้นสองชั่วโมง หัวใจที่เต้นไปมาอย่างแรงนั้นก็ค่อย ๆ เงียบสงบ นางที่คิดแต่เพียงว่า จงซานไม่ตื่นอย่างแน่นอน เรื่องนี้จะเป็นเรื่องน่าอายที่นางจะเก็บเอาไว้เพียงคนเดียว และเป็นครั้งแรกที่นางทำภารกิจลับ ขณะที่นางจ้องมองบุรุษไปด้วย.

"ได้อย่างไร นางทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร นางที่จ้องมองผู้ชายไปด้วยขณะที่นาง...."นางที่คิดไปมา.

ใบหน้าของนางที่ซบไปยังพรมหนังสัตว์ ศีรษะของนางที่หนุนหมอนที่จงซานได้เตรียมไว้ให้ ราวกับว่าต้องการปกปิดใบหน้าที่แดงซ่านของนางไม่ให้ใครได้เห็น.

เกือบทั้งคืน นางที่แทบจะไม่สามารถข่มตานอนให้หลับไปได้เลย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด