Chapter 36 ความสุขุมของจงซาน.
เทียนหลิงเอ๋อเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที มันกลายมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
จงซานเองก็ไม่ต้องการจะตายเช่นกัน เขาจะตายที่นี้ได้อย่างไร เขาที่ทนลำบากมานานแสนนานเพื่อเข้าสำนักเซียน ท้ายที่สุดจะต้องตายที่นี่อย่างงั้นรึ?อย่างไรก็ตาม ในเมื่อศิลาบนยอดเขากำลังจะแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว เวลานี้พวกเขาทั้งสองจะต้องล่วงหล่นลงไปพร้อม ๆ กันแน่.
"หลิงเอ๋อ ใช้ผ้าแพรแดงของเจ้าบินไปซะ ข้าสามารถใช้ดาบชะลอความเร็วกับหน้าผาได้ "จงซานที่ตัดสินใจในทันที.
"ข้าไม่สามารถใช้ผ้าแพรไหมที่เสียหายเช่นนี้ บินได้แล้ว."
ได้ยินคำพูดของเทียนหลิงเอ๋อ ภายในใจของจงซานถึงกับตื่นตระหนก ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?
"จงซาน ข้าไม่ควรที่จะทิ้งเจ้า ทว่าข้าก็ไม่สามารถทนได้เช่นกัน ข้าเสียใจ ข้าคงไม่ได้เห็นศิษย์พี่ใหญ่อีกต่อไปแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่เต็มไปด้วยความเสียใจ.
จงซานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย เขาจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ "หากว่าพวกเรารอด ข้าจะพาเจ้าไปหาศิษย์พี่ใหญ่."
หลังจากที่พูดจบ ศิลาที่พวกเขายั้งเท้าอยู่ก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เทียนหลิงเอ๋อและจงซานล่วงหล่นลงพื้นไปด้วยกัน.
"อ๊าก ๆ ๆ ๆ "
เทียนหลิงเอ๋อที่หวีดร้องด้วยความหวาดกลัว นางและจงซานที่กำลังล่วงหล่นลงไปใต้หุบเขาแล้ว.
ไม่มีอะไรที่สามารถเปลี่ยนทิศทางของพวกเขา พวกเขากำลังจะตกไปสู่ความตาย?จงซานที่รู้ว่าหากตกจากที่สูงขนาดนี้ บางทีร่างกายของพวกเขาคงจะต้องกลายเป็นเนื้อบดอย่างแน่นอน.
อย่างไรก็ตาม จงซานก็ยังคงสุขุมแม้อยู่ในช่วงระยะเวลาวิกฤติ ถึงแม้ว่าร่างจะล่วงหล่นอย่างรวดเร็ว ทว่าสมองของเขาก็คิดอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันหมุนเร็วกว่าการล่วงหล่นของพวกเขาซะอีก.
ไม่ถึงสองลมหายใจ จงซานก็คิดแผนบางอย่างได้.
เขาที่ใช้มือขวาคว้าผ้าแพรไหมสีแดงพร้อมกับดึงเทียนหลิงเอ๋อเข้ามาให้อยู่ในอ้อมกอดของเขา.
"อ๊าก."
เทียนหลิงเอ๋อที่หลับตาแน่น ขณะที่นางหวีดร้องก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของจงซาน ขณะที่นางตระหนักได้ว่าเป็นจงซานเป็นคนที่โอบกอดนางไว้ นางเองก็ใช้แขนทั้งสองข้างกอดเขาเอาไว้แน่นเช่นกันราวกับว่าเขาคือชีวิตของนาง.
จงซานนั้นไม่มีอารมณ์ความรู้สึกคิดอะไรกับเทียนหลิงเอ๋อในเวลานี้แน่นอน กับเหตุการณ์เร่งด่วน เขาที่ใช้ผ้าแพรไหม ค่อย ๆ ดึงร่างยึดเอาไว้กับก้อนหินใหญ่ที่กำลังล่วงหล่นไปพร้อม ๆ กันให้เข้ามาใกล้.
พร้อมกับกอดเทียนหลิงเอ๋อและพลิกร่างเพื่อขึ้นไปอยู่บนศิลา ขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนก้อนหิน.
เทียนหลิงเอ๋อที่ค่อย ๆ ได้สติ ตอนนี้พวกเขาอยู่บนก้อนหิน นางที่อยู่ในอ้อมแขนของจงซาน และไม่รู้เช่นกันว่าเขาต้องการทำอะไร.
"ปล่อยแพรไหมแดง."จงซานกล่าว.
เพื่อแรงสะท้อนกลับ เทียนหลิงเอ๋อที่ปล่อยผ้าแพรไหมจากก้อนศิลายักษ์ทันที.
ด้านล่าง ไม่ไกลแล้ว พวกเขาสามารถมองเห็นพื้นด้านล่าง ๆ ได้แล้ว.
พวกเขาทั้งคู่บนศิลาก้อนใหญ่ที่กำลังล่วงหล่นลงไปบนพื้นด้วยความเร็วสูง.
"ย๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ "
จงซานที่กอดเทียนหลิงเอ๋อไว้แน่น คำรามดังลั่น พร้อมกับกระโดดขึ้นจากก้อนหินที่ยั้งเท้า ในทันที.
"พรึบ ๆ ๆ ๆ ๆ "
ศิลายักษ์ที่พุ่งตกลงไปยังพื้นด้วยความเร็วกว่าเดิมห้าเท่า ราวกับปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกไป จงซานที่กอดเทียนหลิงเอ๋อที่ถูกลดความเร็วลง.
อย่างไรก็ตามมันยังไม่เพียงพอที่จะช่วยชีวิตพวกเขา พวกเขายังคงล่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็วเช่นเดิม.
ความหวาดกลัวของเทียนหลิงเอ๋อ ถูกแทนที่ด้วยความหวังเล็ก ๆ นางที่เริ่มเชื่อใจจงซานว่าจะช่วยให้เขาและนางได้ พวกเขาจะต้องไม่เป็นไร พวกเขาจะต้องปลอดภัยแน่นอน.
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังเคลื่อนที่เข้าหาพื้นด้วยความเร็ว.
จงซานที่ชักดาบยักษ์ของเขาออกมาด้วยแขนข้างหนึ่ง.
"กอดข้าเอาไว้ให้แน่น."
จงซานที่ร้องบอกเทียนหลิงเอ๋อ.
เทียนหลิงเอ๋อที่ใช้แรงทั้งหมดที่มีเวลานี้กอดจงซานเอาไว้.
จงซานที่รวบรวมปราณทั้งหมดที่มีพร้อมกับฟันออกไปด้านหน้าล่างรุนแรง.
"พรึด ๆ ๆ ๆ ๆ "
ดาบยักษ์ที่ลอยออกไปด้านล่าง และสะบัดพวกเขาให้ลอยขึ้นช่วยลดความเร็วลงอีก.
"ตูมมมมมม"
"ตูมมมมมม"
เสียงของศิลายักษ์ที่กระแทกพื้นและตามด้วยดาบยักษ์ของเขาที่กระแทกพื้นตาม ๆ กัน.
ณ จุดนี้ จงซาน ที่คาดคะเนความสูงจากที่เขากำลังจะหล่นลงไปนั้น อาจจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนัก ทว่าไม่ทำให้ตายแน่นอน.
ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ตาย เช่นนั้นทุกอย่างก็ควรค่าแล้ว.
อย่างไรก็ตาม ด้วยการเหวี่ยงดาบลงไปนั้น ทำให้ร่างกายของเขาถูกดีดขึ้นมาด้านบน เทียนหลิงเอ๋ออยู่ด้านล่างของจงซาน.
จงซานทันที่ที่ตั้งตัวได้ เขาก็จับเทียนหลิงเอ๋อ พร้อมกับพลิกเปลี่ยนตำแหน่งกัน ให้ร่างเทียนหลิงเอ๋ออยู่ด้านบน.
เทียนหลิงเอ๋อสามารถสัมผัสได้ว่านางถูกจับพลิกตำแหน่ง ร่างของนางที่กำลังกดทับลงไปบนหน้าอกของจงซาน ทันใดนั้นไม่สามารถบอกความรู้สึกได้ น้ำตาที่เอ่อล้นไหลออกมาไม่หยุด นางที่กอดคอจงซานแน่น.
"ตูมมมมมม!"
เสียงกระแทกดังสนั่น จงซานที่ใช้ด้านหลังของเขากระแทกลงไปบนพื้น ฝุ่นควันมากมายฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่.
จงซานที่มีทักษะวิชากายาเทพอสูรป้องกันร่างกาย ทว่าผลกระทบของการกระแทกก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ทั้งเขาและเทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ในอ้อมกอดทันทีที่กระแทกพื้นทั้งคู่ก็หมดสติไปพร้อม ๆ กัน.
สองชั่วโมงหลังจากนั้น.
จงซานเป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นมา ท่ามกลางหุบเขาที่เงียบสงบ เขาตื่นขึ้นเพราะว่าผลของวิชากายาเทพอสูรได้หมดสิ้นไปแล้ว ความเจ็บปวดที่แล่นลั่นไปทั่วร่างอย่างรุนแรงจนทำให้เขาต้องตื่นขึ้นมา.
ในชั่วระยะที่เขาตื่นขึ้นมา จงซานที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"
ยังมีชีวิต ยังมีชีวิตอยู่!ฮ่าฮ่าฮ่า.
แม้ว่าความเจ็บปวดจะกระจายไปทั่วร่าง เขาก็ยังคงร่าเริง ที่เขายังมีชีวิต.
หลังจากที่หัวเราะออกมา จงซานก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระดูกที่ลั่นไปทั่วร่างราวกับว่ามันจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยง.
หลังจากผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง จงซานก็รู้สึกค่อย ๆ ดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาที่จ้องมองไปยังร่างของเทียนหลิงเอ๋อ บนใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา.
การล่วงหล่นลงมาครั้งนี้ สร้างความหวาดกลัวต่อนางขนาดนั้นเลยรึ?จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ทว่าเขาคงไม่รู้ว่า น้ำตาของเทียนหลิงเอ๋อที่หลั่งออกมานั้นเป็นตอนสุดท้ายที่นางหล่นลงมาพร้อมกับเขา.
"หลิงเอ๋อ หลิงเอ๋อ!"จงซานที่ร้องเรียก.
ขนตาของนางที่ค่อย ๆ ขยับไปมาเล็กน้อย เทียนหลิงเอ๋อที่ค่อย ๆ ลืมขึ้นมาช้า ๆ .
ทันทีที่นางลืมตามขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในอ้อมกอดของจงซาน ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้น.
"อุ๊ป!"
ขณะที่พวกเขาทั้งคู่ยืนขึ้น ร่างของเทียนหลิงเอ๋อที่ยังทรงตัวไม่อยู่ล้มลงไปยังอ้อมแขนของจงซานอีกครั้ง.
จงซานที่ประครองนางไว้ เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บที่ขาซึ่งเกิดจากกระบี่ของหลิวหมิงนั่นเอง.
แม้ว่าร่างของเขาจะยังเจ็บปวดอยู่ก็ตาม ทว่าจงซานก็สามารถพาเทียนหลิงเอ๋อไปนั่งบนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะฉีกขากางเกงของเทียนหลิงเอ๋อออก เผยให้เห็นขาที่นวลขาว.
ใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงเมื่อน่องขาของนางเผยออกมาให้จงซานเห็น นางที่เม้มปากแน่น ทว่าก็ยังเงียบงัน นางรู้ดีว่าเขาต้องการที่จะตรวจสอบบาดแผลของนางเท่านั้น.
จงซานที่นั่งลงพร้อมกับยกขาของเทียนหลิงเอ๋อขึ้นวางบนตักและตรวจสอบแผลของนางอย่างระมัดระวัง.
"ถุงน้ำ."จงซานกล่าว.
"ถึงน้ำรึ?"ใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อที่แดงซาน สมองโล่ง ราวกับว่านางไม่เข้าใจว่าจงซานกำลังพูดอะไร.
"ในกำไลเก็บของ ข้ามั่นใจว่ามีสิ่งนี้อยู่."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"อืม ๆ ."เทียนหลิงเอ๋อที่เร่งรีบเอาถุงน้ำออกมา.
เขาที่ใช้เศษกางเกงที่ฉีกขาดของนาง พร้อมกับชุบน้ำและเช็ดที่ปากแผลของนางอย่างระมัดระวัง ด้วยการกระทำที่เอาใจใส่เป็นอย่างมาก ทำให้หัวใจของเทียนหลิงเอ๋อเต้นไปมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าทำไม ใบหน้าของนางที่ร้อนผ่าว ลามไปจนถึงคอที่เริ่มมีสีชมพูระเรื่อ เทียนหลิงเออรู้สึกราวกับว่ามือของจงซานเป็นดั่งเหล็กร้อนเมื่อสัมผัสกับขาของนาง มันได้ส่งผ่านความร้อนส่งตรงมายังหัวใจของนาง ขณะที่เขาทำความสะอาดแผลให้กับนางนั้น หัวใจของเทียนหลิงเอ๋อที่เต้นระส่ำอย่างรุนแรงโดยไร้ซึ่งเหตุผล.
"สุรา."จงซานที่กล่าวต่อเทียนหลิงเอ๋อ.
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อที่ตัวแข็งเป็นหุ่น พร้อมกับนำเหยือกสุราออกมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ .
จงซานที่ใช้สุราเทลงไปบนขาที่เรียวงามของเทียนหลิงเอ๋อ.
"อ๋า ๆ ๆ "
ความเจ็บปวดนี้ได้ปลุกนางขึ้นมาจากความเพ้อฝันในทันที.
"ผ้าขาว."จงซานที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
เทียนหลิงเอ๋อที่นำผ้าขาวออกมาให้เขา จงซานทำการพันบาดแผลด้วยผ้าขาวไปบนขาของนางเพื่อปิดปากแผลอย่างประณีต.
เทียนหลิงเอ๋อที่เฝ้ามองจงซานที่ทำแผลให้นาง หัวใจของนางที่เต้นไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย นางไม่รู้เหมือนกันว่า นางในเวลานี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่.
จงซานที่วางขาของนางลงและกล่าวออกไปว่า"เจ้าเร่งรีบบำเพ็ญโคจรพลัง เพื่อรักษาร่างกายเถอะ."
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้ารับ.
นางที่เริ่มนั่งสมาธิพร้อมกับโคจรพลังเพื่อรักษาร่างกาย หลังจากนั้นสองชั่วโมงนางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง.
"ดีขึ้นรึยัง?"จงซานสอบถาม.
"อืม ดีขึ้นมากแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อพยักหน้า.
"เช่นนั้นถึงรอบของข้าที่เจ้าต้องเฝ้ายามให้แล้ว ข้าต้องใช้เวลาบำเพ็ญโคจรพลังเช่นกัน."จงซานกล่าว.
เทียนหลิงเอ๋อที่แทบสำลักลมหายใจที่ได้ยินคำพูดของจงซาน ทว่านางก็พยักหน้าพร้อมทั้งอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา.
เมื่อเทียนหลิงเอ๋อตอบรับ จงซานก็เร่งรีบนั่งสมาธิหลับตาโคจรพลังเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขาในทันที.
เมื่อเห็นจงซานหลับตาบำเพ็ญแล้ว เทียนหลิงเอ๋อไม่สามารถที่จะอดกลั้นน้ำตาให้ไหลได้อีกต่อไป.
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ต้องโทษนางคนเดียว หากว่านางเชื่อฟังจงซานตั้งแต่แรก จงซานคงไม่ต้องทำหน้าที่เป็นหมอนมนุษย์ให้กับนาง เขาได้รับบาดเจ็บกว่านางมาก แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเป็นผู้คุ้มกันเพื่อให้นางได้รักษาร่างกายก่อน เขาคอยคุ้มกันนางขณะที่นางโคจรพลังรักษาร่างกายจนดีขึ้น จากนั้นเขาค่อยฟื้นฟูรักษาร่างกายของตัวเอง.
นับเป็นครั้งแรกเลยที่เทียนหลิงเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนดื้อรั้นจนเกินไป ทำที่พวกเขาต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะความดื้อดึงของนางคนเดียว.