Chapter 30 พู่กันและผงหมึก.
"พวกเราไม่ได้เอาไปซักหน่อย ข้าพูดตามที่ข้าคิด ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นขโมยสักหน่อย."เทียนหลิงเอ๋อที่โกรธเกรี้ยวกล่าวออกมาเสียงดัง.
"เจ้าไม่ได้ทำ?เช่นนั้นแล้วหมาป่าอสูรอยู่ที่ใหน เป็นเจ้าแน่นอน เจ้าสังหารมันและใส่เก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของ."ถังเสี่ยวโหยวที่ชี้ไปยังเทียนหลิงเอ๋อและตะโกนเสียงดัง.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเมื่อได้ยินคำพูดจากถังเสี่ยวโหยว ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถังเสี่ยวโหยวเพียงต้องการที่จะกล่าวหาเทียนหลิงเอ๋อเกี่ยวกับการหายไปของหมาป่า ดูเหมือนว่าการหายไปของหมาป่านั้นจะเกี่ยวข้องกับถังเสี่ยวโหยว ไม่ได้ถูกคนนอกเอาไปอย่างแน่นอน.
"ข้าไม่ได้ ข้าไม่ได้ขโมย."เทียนหลิงเอ๋อที่ดูกระวนกระวาย นางที่นำผ้าแพรไหมแดงออกมา ราวกับว่าต้องการจะโจมตีถังเสี่ยวโหยวที่ต้องการมาบังครับนาง.
"เอาออกมา เอากำลังเก็บของของเจ้าออกมา ดูว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้น?"ถังเสี่ยวที่ตะโกนลั่น.
ในตอนแรกนั้น เจ้าโส่วเซี่ยงไม่ได้สงสัยในตัวของเทียนหลิงเอ๋ออยู่แล้ว อีกอย่างเขาค่อนข้างมันใจว่าคนทั้งสี่จากหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์นั้นคือคนที่สงสัย ต้องไม่ลืมว่า หลังจากทีเขาได้พบปะกับจงซาน เขาสามารถบอกได้เลยว่าจงซานนั้นไม่ใช่ขโมยอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อเทียนหลิงเอ๋อนำผ้าแพรไหมออกมาพร้อมจะสู้ เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก หากว่าไม่ใช่นาง ทำไมนางต้องกระวนกระวายใจขนาดนั้นด้วย?
"เอามันออกมา เอาร่างของหมาป่าออกมาและเอามุกของหลิงของข้ามาด้วย เจ้า พวกเจ้าทั้งสองคนวางแผนโกงข้า."ถังเสี่ยวโหยวโกรธเกรี้ยวชี้หน้าไปยังเทียนหลิงเอ๋อและจงซาน.
"ข้าไม่ได้ทำสะหน่อย พวกเราไม่ได้ขโมย จงซาน บอกพวกเขาสิ!"เทียนหลิงเอ๋อที่หันหน้ามาพูดกับจงซาน นางที่นำผ้าแพรไหมออกมานั้นเพื่อป้องกันตัว แต่ไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายคนอื่นแต่อย่างใด
"ข้ารู้ว่าใครขโมย."จงซานที่กล่าวมาในทันที.
ทุก ๆ คนถึงกับตะลึงงันจ้องมองไปยังจงซาน จ้าวโส่วเซี่ยงเองก็ประหลาดใจและเทียนหลิงเอ๋อเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน.
คนทั้งสี่จากหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์ ยกเว้นจงตี้ ไม่มีใครเชื่อจงซาน มีเพียงจงตี้ที่กลืนน้ำลายคำใหญ่ลงคอ แววตาหวั่นเกรงได้แสดงเผยออกมาให้เห็น.
หากว่าจงซานบอกว่าเขารู้ล่ะก็ เช่นนั้นแปลว่าเขามั่นใจแน่นอน โดยปรกติแล้วจงตี้เองก็เชื่อคำพูดขงจางซานเสมอ แน่นอนไม่ใช่ประหลาดอันใด ปรกติแล้วทุกคำพูดของจงซานนั้นล้วนแล้วแต่เป็นจริงเสมอ.
"เจ้ารู้อย่างงั้นรึ? หากไม่ใช่เจ้าแล้วมันจะเป็นใครกัน?ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทั้งสองคนนั้นละเป็นขโมย."ถังเสี่ยวโหยวแค่นเสียง.
"จงซาน เจ้ารู้จริง ๆ รึ?"เจ้าโส่วเซี่ยงสอบถาม.
"แน่นอน เจ้าก็จะเห็นมันในไม่ช้า."จงซานที่กล่าวอย่างสงบ.
ทุกคนที่ขมวดคิ้วขณะที่เห็นจงซานแสดงความมั่นใจเป็นอย่างมาก.
"นำพู่กัน กระดาษและก้อนหมึกมา ที่ฝนหมึกมา ข้าจะบอกพวกเจ้าในทันที ว่าใครเป็นคนขโมยหมาป่าอสูรไป."จงซานกล่าวอย่างขึงขัง.
"เพียงแค่ผงหมึกจะไปหาตัวขโมยได้รึอย่างไง?ไร้สาระ!"ถังเสี่ยวโหยวแค่นเสียงเย็นชา.
"ไปนำของทั้งหมดมา."จ้าวโส่วเซี่ยงที่สั่งการต่อบ่าวรับใช้.
"ครับ นายท่าน."คนของเจ้าโส่วเซี่ยงที่ออกไปจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในทันที.
ไม่นานหลังจากนั้น ที่บนโต๊ะมีอุปกรณ์ทุกอย่างที่จงซานต้องการ.
เทียนหลิงเอ๋อที่ดวงตาเป็นประกายจ้องมอง ในสำนักไคอยางนั้น ในห้องของบิดานางนั้น ก้อนหมึกนั้น ใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก นางที่รู้ว่ามันใช้ในการเขียนหนังสือ ทว่าสิ่งดังกล่าวนี้ จะสามารถนำมาหาตัวคนร้ายได้อย่างงั้นรึ?
เทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่อยากเชื่อเลย ซึ่งคนอื่น ๆ เองก็ไม่เชื่อเช่นกัน ว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะหาขโมยได้ พวกเขาคิดว่าเป็นเพียงการตบตาและถ่วงเวลาเท่านั้น.
มีเพียงจงตี้เท่านั้นที่รู้สึกปั่นป่วน จิตใจเต้นไปมาขณะที่เขาเห็นจงซานเตรียมทุกอย่าง จงตี้นั้นเคยเห็นความอัศจรรย์ของจงซานมามากมาย เขาสามารถทำเรื่องเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา.
ในสายตาของจงตี้แล้ว ยกเว้นการสามารถเข้าสำนักเซียน เรื่องทุกอย่างนั้นไม่มีสิ่งใหนที่จงซานทำไม่สำเร็จ.
"ข้ายังไม่เห็นวี่แววเลยว่ามันจะสามารถหาขโมยได้อย่างไร."ถังเสี่ยวโหยวที่แค่นเสียงอีกครั้ง.
ทุก ๆ คนต่างก็เฝ้ามองจงซานอย่างตั้งใจ ไม่มีใครสนใจความโอหังของถังเสี่ยวโหยว ตอนนี้ เขากำลังขูดผงหมึกลงไปบนแผนกระดาษ.
ทว่า เขาไม่ได้เติมน้ำ เพียงแต่สร้างผงหมึกขึ้นมาเท่านั้น?
จงซานนั้นไม่ได้สนใจสายตาที่จ้องมอง เขายังสร้างผงหมึกขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะใช้ที่ฝนหมึกทำให้มันเป็นผงขาดเล็ก เป็นผงขนาดเล็กเนื้อละเอียด จงซานที่นำผงเหล่านั้นวางไว้บนกระดาษสีขาว ก่อนที่จะนำพู่กันแบ่งมันออกมาเป็นส่องส่วน.
ด้วยการกระทำอย่างระมัดระวัง ผงหมึกก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกอง.
จากนั้นเขาก็ใช้พู่กันที่ชโลมไปด้วยผลหมึกนั้น นำมันไปวาดบนกรงขังที่เป็นกระจก.
ทุก ๆ คนที่จ้องมองจงซานด้วยความสงสัย มีเพียงถังเสี่ยวโหยวที่กำลังเบ้ปากยิ้มเยาะเย้ยการกระทำที่ไร้สาระนั่น.
จงซานที่ยังคงใช้พู่กันชโลมผงหมึก จากนั้นก็ระบายไปทั่วกรงขังกระจกอย่างประณีตทุกซอกทุกมุม.
ทุกคนที่จ้องมองไปด้วยความประหลาดใจ จงซานที่ระบายพู่กันด้วยผงหมึกไปทั่วกรงกระจกไปทั้งหมดไม่ปล่อยให้มีช่องว่างเลย.
นับตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนที่รู้สึกสงสัยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองอย่างตั้งใจก็ปรากฏเห็นรอยสีดำบางอย่างเกิดขึ้น.
กระจกใส่ที่ดูสะอาดนั้นปรากฏรอยสีดำเป็นจ้ำ ๆ ขึ้นอย่างงั้นรึ?
"นี่มันคืออะไร?เป็นรอยวงกลมเล็ก ๆ เป็นจุด ๆ ปรากฏขึ้นมา."เทียนหลิงเอ๋อที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจที่เห็นรอยวงกลมเหล่านั้นปรากฏขึ้นมา.
"นี่มัน รอยนิ้วมือ."จ้าวโส่วเซี่ยงตระหนักได้ในทันทีขณะที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
รอยนิ้วมือ เป็นรอยนิ้วมือจริง ๆ บนกรงกระจกนั้น มีรอยนิ้วมือเหลืออยู่.
จงซานที่ใช้ผงหมึกทำให้รอยนิ้วมือที่มองไม่เห็น ปรากฏขึ้นมาด้วยหมึกดำนั่นเอง.
"หากคนที่มีรอยนิ้วมือเหมือนกับที่ปรากฏขึ้นที่กรงแก้วนี้ล่ะก็คนนั้นก็คือขโมย ให้ทุกคนใช้ผงหมึกกดลงไปที่กระดาษเพื่อนำมาเปรียบเทียบ."จงซานที่กล่าวต่อหน้าของทุกคน.
"เป็นไปได้อย่างไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร?ทำไมถึงได้มีรอยนิ้วมือเกิดขึ้น?เจ้า เจ้าต้องเป็นคนวาดมันขึ้นมาแน่นอน."ถังเสี่ยวโหยวที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"วาดขึ้นมารึ?ฮ่า ฮ่า เจ้าลองวาดมันดูหน่อยสิ ตราบเท่าที่มือของเจ้าไม่สะอาดพอ เมื่อเจ้าสัมผัสมันล่ะก็ย่อมทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ เพียงแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้น ผงดำนั่นใช้เพื่อทำให้รอยนิ้วมือที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นมา ฝนตกเมื่อคืนนี้ได้ทำการลบรอยนิ้วมือทั้งหมดไปก่อนแล้ว ดังนั้นหลังจากฝนตก ใครก็ตามที่มาสัมผัสกรงล่ะก็ จะเหลือรอยนิ้วมือคนที่ขโมยไปเอาไว้เท่านั้น ยกเว้นถังซือคนเดียวที่มาให้อาหารกับหมาป่า รอยนิ้วมืออื่น ๆ ที่ปรากฏขึ้นมานั้นจะต้องเป็นโจร หากไม่ต้องการเป็นผู้สงสัย ก็มาประทับรอยนิ้วมือบนกระดาษซะแล้วค่อยมาเปรียบเทียนกัน."จงซานกล่าว.
"จงซาน เจ้าฉลาดมากเลย."เทียนหลิงเอ๋อที่กุมแขนของจงซานแน่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ.
นางไม่เคยสัมผัสกรงกระจกนั่นเลย ดังนั้นย่อมไม่มีรอยนิ้วมือของนางอย่างแน่นอน.
จงซานที่เริ่มสาธิตว่าต้องทำอย่างไร เขาได้ใช้นิ้วมือกดไปยังผงสีดำทั้งสิบนิ้ว จากนั้นก็นำมาประทับลงบนกระดาษอีกครั้งหนึ่ง.
เทียนหลิงเอ๋อที่กระทำตามในทันที จากนั้นก็เป็นจ้าวโส่วเซี่ยง.
ถังเสี่ยวโหยวที่เห็นชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อเลย กับวิธีการดังกล่าว เขาคิดว่าจงซานนั้นกำลังใช้เล่ห์กลบางอย่างเพียงเพื่อให้เขาต้องสารภาพผิด เมื่อคืนนี้ถังเสี่ยวโหย่วหลังจากที่ชำระร่างกายเสร็จแล้ว และเขายังทำความสะอาดมือของเขาอย่างดี เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีรอยเหลืออยู่.
ทุก ๆ คนที่ทำการพิมพ์รอยนิ้วมือบนกระดาษแต่ละแผ่น.
เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังรอยกระดาษแผ่นหนึ่ง.
"ข้าเจอแล้ว ข้าเจอแล้ว เป็นถังเสี่ยวโหยว ถังเสี่ยวโหยวเป็นคนทำ."เทียนหลิงเอ๋อที่ตะโกนออกมาเสียงดัง นางที่มีความสุขเป็นอย่างมากราวกับว่านางเป็นคนแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง.
"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้."ถังเสี่ยวโหยวที่ไม่เชื่อ.
จากนั้น ถังเสี่ยวโหยวที่วิ่งมายังกรงกระจก เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้.
"เป็นไปไม่ได้ เจ้านั่นละที่วาดมันขึ้นมา จะต้องเป็นเจ้า "ถังเสี่ยวโหยวที่ตะโกนสุดเสียงชี้ไปยังจงซานและเริ่มกล่าวหาเขาอีกครั้ง.
"หึ นั่นมันรอยนิ้วมือของเจ้า คิดว่าใครจะวาดขึ้นมาได้? ไป ค้นให้ทั่วทุกห้อง."จ้าวโส่วเซี่ยงที่ชี้ออกไป คำรามออกมาด้วยความโกรธ.
"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ข้าทำความสะอาดมือเรียบร้อยแล้ว มือของข้าสะอาด."ถังเสี่ยวโหยวที่ยังคงตะโกนเสียงดัง.
จงซานที่เผยยิ้มเยาะเย้ยที่เห็นท่าทางของถังเสี่ยวโหยวที่ไม่ยอมรับ ทำความสะอาอย่างงั้นรึ? แค่ทำความสะอาดคิดว่าจะไม่มีรอยนิ้วมือเกิดขึ้นรึอย่างไร.
"หยุด."หลิวหมิงที่ตะโกนเสียงดัง.
"ค้น."จ้าวโส่วเซี่ยงที่ตะโกนตามหลัง.
ต้องไม่ลืมว่าเหล่าผู้คุ้มกันนั้นมาจากตระกูลจ้าว พวกเขาย่อมรับฟังคำของจ้าวโส่วเซี่ยง พร้อมกับเร่งรีบค้นไปยังทุกห้อง.
"บัดซบ."หลิวหมิงที่โกรธเกรี้ยวและพยายามที่จะหยุดเหล่าผู้คุมกัน.
"หืม."จ้าวโส่วเซี่ยงที่ใช้ทวนยาวเข้าห้ามหลิวหมิงเอาไว้.
"สหายหลิว ไม่ใช่ว่าเป็นคนของท่านได้ขโมยหมาป่าไปหรอกนะ?"เจ้าโส่วเซี่ยงแค่นเสียง.
"ข้าเจอแล้ว ข้าเจอมันแล้ว."ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่วิ่งออกมาจากห้องพร้อมกับหมาป่าอสูรในมือ.
"หลิวหมิง ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเจ้า เจ้าละเมิดข้อตกลง เจ้าไม่คิดที่จะแบ่งปันหมาป่าให้กับข้า."จ้าวโส่วเซี่ยงที่หรี่ตามอง พร้อมกับมีประกายแสงสมเพชในตา.
"ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า ออกมา มือธนู สังหารพวกมัน สังหารพวกมันให้หมด."ถังเสี่ยวโหยวที่ตะโกนเสียงดัง.
เหล่าผู้คุมกันของตระกูลถังมากมายที่ออกมาจากที่ซ่อนตัวหลังจากได้ยินคำสั่งของถังเสี่ยวโหยว.
จงซานที่ไม่ต้องการที่จะโต้เถียงกับคนเหล่านี้อีกต่อไป เขาที่ชักดาบยักษ์ ฝันร้ายออกมา.
ทลายภูเขาสวรรค์!
ดาบยักทีฟันลงมากอย่างรุนแรง คิดที่จะกล่าวโทษข้าอย่างงั้นรึ?นี่ไม่ต่างกับการสร้างศัตรูขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการฝึกฝนเพื่อแสวงหาความอมตะ ก็คือการหาวิธีในการเพิ่มอายุ เช่นนั้นการกระทำเช่นนี้ย่อมสร้างความแค้น หากใครก็ตามที่ขัดขวางการมีชีวิตของคนอื่นก็ต้องกำจัดมันให้หายไป แน่นอนว่าการฝึกตนเพื่อเป็นอมตะนั้นย่อมต้องมีการผูกกรรมกับคนอื่น เพื่อที่จะสลายกรรมที่ก่อขึ้นมาเนิ่น ๆ หากไม่ต้องให้มันพัฒนากลายเป็นเส้นกรรมที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต?ก็ต้องกำจัดไปเท่านั้น.
"ตูมมมมมม."
ถังเสี่ยวโหยวที่ตอบสนองในทันที กระบี่ของเขาที่ถูกชักออกมาป้องกันการโจมตีของจงซาน จงซานที่โจมตีออกมาด้วยดาบยักษ์ของเขา ทำให้ถังเสี่ยวโหยวถอยออกมาถึงสองเมตร เท้าเขาที่ใช้ยั้งพื้นบดขยี้ทำลายกระเบี้ยงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ .
"ระดับสามเซียนเทียน?ฮ่า ฮ่า ฮ่า."ถังเสี่ยวโหยวที่แค่นเสียงให้กับการโจมตีของจงซาน.
หลิวหมิงและหวังกุยเองก็เตรียมเข้าต่อสู้ด้วยเช่นกัน.
เทียนหลิงเอ๋อที่เห็นจงซานลงมือนางก็ใช้ผ้าแพรไหมสีแดงของนางโจมตีไปยังหวังกุยเช่นกัน.
"ตูมมมมมมมมม"
ผ้าแพรไหมสีแดงที่โจมตีออกมาอย่างรุนแรง หวังกุยไม่คิดเลยว่าพลังของเทียนหลิงเอ๋อนั้นจะรุนแรงขนาดนี้ ผ้าไหมสีแดงที่กระแทกไปยังกระบี่ของเขา เขาตระหนักได้ในทันที ความแข็งแกร่งของหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ด้อยกว่าเขาแน่นอน พลังดังกล่าวนั้นแทบจะทำให้กระบี่ของเขาลอยออกไปได้.
"หลิวหมิง ยอมแพ้ซะ."จ้าวโส่วเซี่ยงที่ชี้หอกคำรามออกไปด้วยความโกรธไปยังหลิวหมิง.
"ตูมม ตูมม ตูม....."จงซานที่เข้าปะทะกับถังเสี่ยวโหยว ทั้งคู่ที่ต่อสู้โต้กันไปมา ถังเสี่ยวโหยวนั้นอยู่ในระดับสี่เซียนเทียน ขณะที่จงซานนั้นอยู่เพียงแค่ระดับสามเซียนเทียนเท่านั้น อย่างไรก็ตามเพลงดาบของจงซานนั้นร้ายกาจมาก แม้ว่าจะมีระดับสามเซียนเทียน ทว่าก็ไม่ได้เสียเปรียบระดับสี่เลย หนำซ้ำตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้วิชากายาเทพอสูรอีกด้วย.