ตอนที่แล้วChapter 2 หุบเขาประตูมังกร.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 4 เขตแดนเซียนเทียน.

Chapter 3 การประลองประตูมังกร


มีรัฐต่าง ๆ มากมายนอกจากต้าคุน เช่นนั้นที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งจำนวนมากเดินทางเข้าร่วมแข่งขัน.

ภายในหุบเขาแห่งนี้ มีสนามกลางแจ้งที่มีขนาดใหญ่มาก เส้นผ่านศูนย์กลางน่าจะมากกว่าพันเมตรด้วยซ้ำ เหมือนกับสนามกีฬาขนาดในชาติก่อนของจงซาน.

ด้านล่างของหุบเขานั้น กว้างและโล่ง พื้นที่รอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยก้อนกวาดมากมาย.

พื้นที่รอบ ๆ เป็นภูเขาที่ตั้งตระหง่านเป็นกำแพง มีความสูงหลายร้อยเมตร ล้อมรอบสนามเอาไว้.

ภูเขาสูงหลายร้อยเมตรนั้นมีระเบียงยื่นเป็นที่ราบขนาดยาวห้าสิบเมตร ซึ่งที่ราบดังกล่าวน่าจะสามารถบรรจุคนได้แห่งล่ะห้าสิบคน ซึ่งสลับกับภูเขาที่สูง 200 เมตร กระจายออกไปตั้งแทรกภูเขาขนาดเล็กทั้งแปดทิศ ล้อมรอบพื้นที่ดังกล่าว.

ระเบียงแปดทิศ สลับกับพื้นที่ลุ่มห้าสิบเมตร.

บนระเบียงด้านล่างในเวลานี้ เริ่มมีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่แล้ว เสื้อผ้าของพวกเขาที่กำลังโบกสะบัดไปมาตามแรงลม พวกเขาที่ยืนอย่างสง่า ในมือแต่ละคนมีกระบี่ครบทุกคน ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ด้านล่าง ในสนามแข่งขัน มีคนกว่า 3000 คน แต่ละคนต่างก็ยืนกระจายอยู่รอบ ๆ ขอบเวที.

เหล่าเยว่จื่อจงเองก็นำบุตรบุญธรรมทั้งแปดไปที่มุมแห่งหนึ่งเช่นกัน.

พี่ใหญ่จงเทียนที่นำหินก้อนใหญ่มาให้เหล่าเยว่จื่อจงนั่ง.

เขาที่นั่งเบา ๆ บนก้อนหินก่อนที่จะเริ่มแนะนำเรื่องต่าง ๆ กับบุตรบุญธรรมทั้งเจ็ดที่ได้ก้าวไปถึงระดับโหวเทียนระดับปลายแล้ว.

"ที่แห่งนี้คือหุบเขาประตูมังกร ที่ระเบียงนั้นจะมีไว้ให้กับเหล่าศิษย์ของสำนักเซียน ซึ่งจะแยกออกเป็นระเบียงด้านบนและระเบียงด้านข้าง ระเบียงด้านล่างสำหรับสำนักเซี่ยเซียนและผู้ฝึกตนอิสระ ส่วนด้านบนนั้นสำหรับสำนักซ่างเซียนสำนักใหญ่ทั้งห้า ไม่ใช่ว่าสมาชิกทุกคนจะมา ทว่าใครก็ตามที่มาที่นี่ ก็เพื่อที่จะมองหาศิษย์นั่นเอง."จงซานอธิบาย.

ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังเหล่าคนที่ยืนอยู่บนระเบียงด้านล่าง คนเหล่านี้คือศิษย์ของสำนักเซียนอย่างงั้นรึ?

"อี้ฟู อะไรคือสำนักซ่างเซียน? อะไรคือสำนักเซี่ยเซียนอย่างงั้นรึ?"จงซีจิวสอบถามออกไป.

"สำนักซ่างเซียนหรือเซี่ยเซียน เป็นคำเรียกขานแบ่งแยกสำนักขนาดใหญ่และขนาดเล็ก หากว่าสำนักใหนทรงพลังแข็งแกร่งก็จะได้รับการเคารพ สำนักซ่างเซียนนั้นเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยเกียรติและความอหังการ."เหล่าเยว่จื่อจงอธิบายพร้อมรอยยิ้ม.

"พวกเจ้าจ้องมองคนที่อยู่ข้างล่างในที่แห่งนี้ สำหรับสำนักเซียนแล้ว พวกเจ้ารู้ไหมว่าในสายตาของพวกเขาเห็นทุกคนเป็นอะไร?"เหล่าเยว่จื่อจงสอบถาม.

ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าไปมา.

"ปศุสัตว์" เหล่าเยว่จื่อจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง.

"ปศุสัตว์?" เหล่าบุตรบุญธรรมของพวกเขาที่ขมวดแสดงความประหลาดใจ.

"เป็นความจริง ในสายตาของสำนักเซียนนั้น คนทุกคนเป็นแค่ปศุสัตว์ คนธรรมดาทั่วไปในดินแดนมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นปศุสัตว์ ที่รอพวกเขามาเลือกเอาไป ในความคิดของพวกเขา สำหรับกลุ่มพวกเขา ก็คือกลุ่มคนที่วิวัฒนาการและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าพวกเราก็คือคนที่อยู่จุดต่ำสุด เช่นเดียวกัน สำหรับพวกเขานั้นไม่ต่างจากมาดูนกหรือสัตว์เลี้ยง นั่นคือสถานะของพวกเราที่พวกเขามอง?  พวกเขาจะยังเห็นคนเหล่านี้เป็นญาติพี่น้อง สามารถที่จะพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนานอีกเหรอ ในเมื่อคนเหล่านี้เป็นเพียงแค่ปศุสัตว์? แน่นอนว่าไม่ว่า เหล่าสำนักเซียนที่มาเลือกศิษย์นั้น คนที่โชคดีถูกเลือกนั้นไม่มีมาตรฐานอะไรทั้งนั้น พวกเขาเลือกเพราะพอใจเพราะอยากเลือกเท่านั้น "เหล่าเยว่จื่อจงที่กล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้.

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของเหล่าเยว่จื่อ เหล่าบุตรชายถึงกับนิ่งงันพูดไม่ออก.

ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น ทุกคนเห็นคนธรรมดาทั่วไปที่ระเบียงด้านล่าง มีคนนำสมาชิกสองคนของตระกูลเจาไป อาจเป็นไปได้ว่าเพราะพวกเขานั้นมีเส้นสายอยู่ด้านใน.

เหล่าเยว่จื่อจงที่รอคอยอย่างอดทน.

หลังจากนั้นสองชั่วโมงผ่านไป ท้ายที่สุด ที่ขอบฟ้าไกล ก็มีประกายแสงของกระบี่บิน มากมายที่กำลังเหินมา แสงกระบี่ที่พุ่งมากจากทิศทางทั้งสี่.

เหล่าผู้เยาว์ของสำนักเซียนแต่ละคน ที่เหยียบอยู่บนกระบี่บิน พร้อมกับค่อย ๆ เหินลงมาหยุดที่ระเบียง เหมือน ๆ กัน มีคนมากมายที่มีอาวุธวิเศษ มีทั้งนักพรตชายหญิง ที่เหินลงมายืนอยู่บนระเบียงขุนเขา.

"ในการชุมนุมหุบเขามังกรนั้น หากว่าพวกเขาไม่ถูกเลือกในตอนแรก จากนั้นก็จะเป็นการต่อสู้เดิมพันชีวิตเพื่อที่จะมีสิทธิ์ที่จะเข้าสำนักเซียน หากว่าเจ้ามีทักษะไม่พอ เจ้าจะต้องตายแน่นอน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น คนสามพันคนที่อยู่ที่นี่ จะถูกคัดออกมาเหลือไม่ถึงสองร้อยคนให้มีชีวิตรอดออกไป ดังนั้นหากใครไม่ต้องการเสี่ยงก็ไม่ต้องไป."เหล่าเยว่จื่อจงกล่าวต่อบุตรชาย.

"อี้ฟูอย่าได้กังวล"เหล่าบุตรบุญธรรมต่างก็กล่าวอย่างมั่นคง นี่เป็นโอกาส ที่ไม่ได้มีบ่อย พวกเราจะยอมแพ้ไปเฉย ๆ ได้อย่างไร?

"อืม."เหล่าเย่จื่อจงพยักหน้าตอบรับ.

มีคนสามสิบกว่าคนจากหลากหลายสำนักที่ยืนอยู่บนระเบียงห้าสิบเมตร ส่วนบนระเบียงด้านบนนั้น มีแค่เพียงคนเดียวในชุดขาว เขาที่ยืนอยู่อย่างสง่าจ้องมองมายังด้านล่างไร้ซึ่งความสนใจใด ๆ.

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีกลุ่มคนของระเบียงด้านบนมาถึง เป็นกลุ่มของนักพรตชายและนักพรตที่สวมเสื้อผ้าที่โออ่าสง่างาม ส่วนนักพรตชายนั้นสวมชุดสีดำ มีเหล่าสมาชิกของสำนักใหญ่ทั้งสี่ได้มาถึงระเบียงด้านบนแล้ว.

ราวกับว่ากำลังจะเริ่มการแข่งขัน ในเวลานั้น ก็มีหญิงสาวในชุดสีม่วงเหินอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า นางไม่จำเป็นที่ใช้กระบี่ในการบิน แต่เป็นการบินมาด้วยตัวเอง.

การมาของนางนั้นสร้างความสนใจกับทุกคนเป็นอย่างมาก ชุดผ้าแพรสีม่วงที่รัดพันไปทั่วร่างทำให้นางดูงดงามเป็นอย่างมาก เท้าเปลือยเปล่าที่ไม่ต่างจากหยกสลัก ดูน่าดึงดูดและสง่างาม ใบหน้าที่ผุดผ่องไร้ซึ่งสิ่งเจือปน.

ดูเหมือนว่าคำบรรยายใดๆในโลกนี้ไม่สามารถบรรยายความงามของนางได้ เป็นความงดงามที่ทุกคนแทบมองจนลืมหายใจ.

ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือใบหน้าที่เย็นชามากจนเกินไปเท่านั้น ท่าทางราวกับเห็นทุกคนในหุบเขาแห่งนี้ไม่ต่างจากมดแมลง สายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ.

คนมากมายตลอดจนคนที่อยู่ระเบียงด้านล่างรวมถึงทุกคนที่อยู่ใต้หุบเขาต่างก็ต้องจ้องมองด้วยความปรารถนา แม้แต่บุตรชายบุญธรรมทั้งเจ็ดของเหล่าเยว่จื่อจงก็จ้องมองตาไม่กระพริบ มีเพียงเหล่าเยว่จื่อจงที่ไม่หันไปมองนางแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่เขาจ้องมองไปยังสำนักเซียนอื่น ๆ เกือบทั้งหมด ส่วนจงเทียนนั้นไม่ได้สนใจในความงามของนางแม้แต่น้อย เขายังคงคอยดูแลอี้ฟูอย่างดีที่สุด.

เหล่าสมาชิกสำนักเซียนทั้งสี่ที่อยู่บนระเบียงด้านบนต่างก็มองไปที่นางเช่นกัน ทว่าหลังจากที่พวกเขาเห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนต่างก็สั่นเทิ้มจนเห็นได้อย่างชัดเจนและหลังจากนั้นก็ไม่กล้าหันกลับไปมองอีกเลย.

การประลองประตูมังกรนั้นจะเริ่มอย่างเป็นทางการเมื่อสมาชิกของสำนักเซียนใหญ่ทั้งห้ามาถึงครบแล้ว.

คนผู้หนึ่งที่ระเบียงด้านล่าง เป็นชายชราหนวดขาว เป็นคนกล่าวออกมาก่อน.

"ทุกๆคนที่ไปถึงระดับเซียนเทียนก่อนอายุ 60 ปีและจุดสูงสุดระดับโหวเทียนก่อนห้าสิบปีขอให้เดินมายังใจกลางสนาม " ชายชราหนวดขาวที่ทำการประกาศออกมาเสียงดัง.

เสียงของเขาที่ดังก้องกังวานได้ยินทั่วทั้งหุบเขา.

ทุกคนรู้ว่าการแข่งขันประตูมังกรกำลังจะเริ่มก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.

"ไปกันได้แล้ว."เหล่าเย่วจื่อจง กุมไม้เท้ามังกร กล่าวต่อบุตรบุญธรรมทั้งเจ็ด.

"ครับ."ทุกคนตอบรับด้วยความดีใจก่อนที่จะเร่งรีบออกไปในทันที.

ที่ใจกลางสนามต่อสู้นั้น มีแถวสามสิบแถว แต่ละแถวมีคน 100 คน.

มีคนหลายร้อยคนเช่นกันที่อยู่ขอบเวที ซึ่งพวกเขาก็เหมือนกับเหล่าเยว่จื่อจงที่ไม่มีโอกาสเข้าสู่สำนักเซียนแล้ว เดินทางมาเพียงแค่ส่งบุตรชายเท่านั้น.

"ใครที่ไปถึงระดับเซียนเทียนก่อนอายุ 50 ปี ก้าวออกมา."ชายชราหนวดขาวยังคงกล่าวต่อ.

ได้ยินคำพูดดังกล่าว คน 20 คน ที่ตื่นเต้นดีใจก็เดินแยกออกมาจากฝูงชน.

คนเหล่านี้คือผู้แข็งแกร่งที่ก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนก่อนห้าสิบปีทั้งหมด.

หลังจากนั้นเหล่าสำนักเซียนบนระเบียงต่างก็โยนสิ่งของมากมายลงมา มีดอกไม้เหล็ก กระบี่ขนาดเล็ก หรือแม้แต่ลูกประคำขนาดเล็กลงมา ให้แก่เหล่าคนที่ไปถึงระดับเซียนเทียนก่อนห้าสิบปี.

หลังจากได้สิ่งของดังกล่าวแล้วก็นับได้ว่าถูกคัดเลือกให้เข้าสู่สำนักเซียนแล้ว ทุกคนที่ไปถึงระดับเซียนเทียนก่อนอายุ 50 ปี ต่างก็ดีใจเป็นอย่างมาก.

"ระดับสูงสุดของระดับเห่าเทียนก่อนอายุ 35 ปี ก้าวออกมา."ชายชราหนวดขาวยังกล่าวต่อ.

กับคำพูดดังกล่าวนั้น ร่างของเหล่าเย่วจื่อจงที่สั่นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความดีใจ.

จงซีจิว! จงซีจิว ที่มีอายุเพียง 32 ปี.

จงซีจิวที่ก้าวออกไปด้านหน้า พร้อมกับคนอีก 11 คน ใบหน้าของจงซีจิวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น  32 ปี เขามีอายุเพียง 32 ปี.

เป็นไปตามคาด คนทั้งสิบสองได้รับการคัดเลือกจากสำนักเซียน สิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกโยนลงมานั้น จงซีจิวได้รับกระบี่ไม้ขนาดเล็กเล่มหนึ่ง เขาจ้องมองไปยังระเบียงที่โยนกระบี่ไม้ลงมาด้วยความประหลาดใจ.

จงซีจิวได้รับเลือกแล้ว เขาได้รับเลือกแล้ว! เหล่าเยว่จื่อจงที่นั่งอยู่ข้างๆ ปากที่บ่นพึมพำไปมาดวงตาเปล่งประกายด้วยความสุข คนอีกกว่าสองพันคนที่จ้องมองเหล่าผู้ถูกเลือกด้วยความอิจฉา.

"เอาล่ะ ที่เหลือ เซียนเทียนประลองกับเซียนเทียน โหวเทียนประลองกับโหวเทียน เลือกคู่ต่อสู้เองและแยกออกมา."ชายชราหนวดขาวกล่าวกล่าวอีกครั้ง.

"ครับ"ทุกคนตะโกนขานรับ.

เหล่าผู้ถูกเลือก 32 คนนั้นยืนรออยู่ทางด้านข้าง รอคอยคนอื่นๆที่จะคัดเลือกคนอีกจำนวนสองพันคนด้วยการต่อสู้.

สังหาร นี่คือการสังหารกันอย่างแน่นอน เหล่าผู้แข็งแกร่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยแลกด้วยชีวิต เพื่อที่จะคว้าโอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าสำนักเซียน.

แทบจะในทันที สนามการต่อสู้ก็เต็มไปด้วยโลหิต กลิ่นคาวโลหิตที่ฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้า แมลง ปศุสัตว์ ชีวิตของพวกเขามีอะไรให้เห็นใจสำหรับสำนักเซียนอย่างงั้นรึ? มีอะไรที่พวกเขาต้องให้ความเคารพ?

สายตาของพี่ชายคนโต จงเทียน ไม่สามารถที่จะทนมองได้เลย.

"อ๊ากกก"

ที่ไกลออกไปนั้น จงเสวียนตัดแขนของฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่การโจมตีเดียว ทำให้สำนักเซียนบนระเบียงด้านล่างโยนมีดไม้ขนาดเล็กมาให้จงเสวียน จงเสวียนที่ตื่นเต้นดีใจ คว้าเอาไว้ในทันที.

เมื่อมีดไม้อยู่ในมือ จงเสวียนก็เร่งรีบวิ่งไปยังฝั่งเดียวกันกับจงซีจิว.

"อ๊ากกก อ๊ากก อ๊ากก!"………………….

เสียงหวีดร้องโหยหวน คนหลายร้อยคนถูกสังหารไปในทันที ทว่าก็มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ได้รับสิ่งของจากสำนักเซียน.

ท่ามกลางเสียงตะโกนของจงเทียน จงซีป้าและจงหลิวถูกฝ่ายตรงข้ามสังหาร จงเทียนที่ดวงตาแดงซาน ไร้ซึ่งสติพร้อมที่จะพุ่งออกไป ทว่าถูกเหล่าเยว่จื่อจงห้ามเอาไว้ แม้ว่าภายในหัวใจของเขาจะเจ็บปวด ทว่าก็ยังคงห้ามไม่ให้จงเทียนเข้าไป.

อีกอย่างเขาไร้ซึ่งความสามารถที่จะห้ามได้ มีเพียงแค่เข้าไปให้ถูกสังหาร นี่คือเส้นทางที่พวกเขาได้เลือกแล้ว หากไม่ต้องการ พวกเขาจะต้องไม่ก้าวเข้าไป ทว่าเหล่าบุตรบุญธรรมของพวกเขาได้เลือกที่จะแสวงหาโอกาสเพื่อเข้าสำนักเซียน ความอมตะนั้นช่างเป็นความยั่วยวนยิ่งนัก.

หลังจากนั้น จงตี้ก็ได้รับสิ่งของ ทว่าจงหวงและจงอี้ถูกสังหารไป.

การต่อสู้นี้ครั้งนี้ พวกเขาจะต่อสู้ไปเรื่อย ๆ อย่างบ้าคลั่ง หากไม่ได้สิ่งของลอยลงมา พวกเขาจะต้องสังหารฝ่ายตรงข้ามไปเรื่อย ต่อสู้กับคนอื่น ๆ ไปเรื่อยจนกว่าจะได้สิ่งของหรือหมดแรงไป.

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง มีเพียงแค่ห้าร้อยคนที่ได้รับเลือก ที่เหลืออีกสองร้อยคนยังคงต่อสู้กันอยู่ ทุกคนที่อาบไปด้วยโลหิต บนพื้นเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนของร่างกายพร้อมกับแอ่งโลหิตที่โชลมไปทั่วสนาม.

โหดร้าย โหดร้ายเกินไปแล้ว.

"หยุดได้แล้ว."ชายหนวดขาวที่ออกคำสั่ง.

คนหนึ่งร้อยคนที่ยังคงอยู่นั้น ทุกคนอาบไปด้วยโลหิต พวกเขาหยุดในทันที หยาดน้ำตาแห่งความเศร้าโศกที่หลั่งไหล ทุกคนต่างก็ถูกนับว่าเป็นวีรบุรุษในโลกมนุษย์ พวกเขาที่เร่งรีบวิ่งไปหาเหล่าร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น.

พวกเขาที่ไม่ได้ถูกเลือก หนำซ้ำสมาชิกในครอบครัวและสหายยังได้ตายไปแล้ว.

เป็นภาพฉากเหตุการณ์ที่ดุร้ายทารุณ นี่คือการสังหารหมู่ การประลองประตูมังกรที่ทุกคนโหยหา ใครก็ตามที่ต้องการที่จะวิวัฒนาการก้าวขึ้นไปเป็นมังกร เหล่าคนที่ไม่สามารถก้าวข้ามประตูมังกรได้จะต้องกลายเป็นคนตาย.

ในเวลาเดียวกันนั้น จงเทียนที่เร่งรีบวิ่งขึ้นไปยังสนาม เพื่อที่จะมองหาร่างของจงหวง จงอี้ จงหลิวและจงซีป้า.

อย่างรวดเร็ว จงเทียนที่นำร่างของทั้งสี่มายังข้างๆของเหล่าเยว่จื่อจง พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาแทบจะเป็นสายโลหิต.

"เฮ้อ...."เหล่าเยว่จื่อจงที่ถอนหายใจเบา ๆ นี่คือชะตาที่พวกเขาได้เลือกด้วยตัวเอง.

"อี้ฟู."จงเทียนจ้องมองไปยังเหล่าเยว่จื่อจง.

"นำพวกเขากลับไปกลับพวกเราด้วย และทำพิธีศพอย่างดี."เหล่าเยว่จื่อจงกล่าว.

"ฮือ ๆ."จงเทียนพยักหน้าตอบรับ.

ในเวลาเดียวกัน เหล่าคนจากระเบียงด้านบนทุกคนที่เหินลอยลงมาบนพื้น.

พวกเขาลงมาพบกับคนที่พวกเขาได้โยนสิ่งของต่าง ๆ ให้ พร้อมกับนำไปยังสถานที่แตกต่างกัน.

"อาจารย์ รับการคำนับจากศิษย์."   "อาจารย์รับการคำนับจากศิษย์" ............

ทุกหนแห่ง พวกเขาที่ทำการเชื่อมสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ จงตี้ จงเสวียน และจงซีจิว พวกเขาได้เข้าสำนักที่ต่างกัน จงตี้และจงเสวียนนั้นได้เข้าสำนักเซี่ยเซียน ส่วนจงซีจิวที่โชคดีได้เข้าร่วมหนึ่งในสำนักซ่างเซียนที่สวมชุดสีขาว.

หลังจากได้สร้างความสัมพันธ์กันเรียบแล้วแล้ว ก็ถึงเวลา การจากลากับทุกคนที่มาส่งพวกเขา นับจากนี้ไป หลังจากที่พวกเขาได้เข้าสู่สำนักเซียน และก้าวเดินไปสู่วิถีผู้ฝึกตนเพื่อที่จะกลายเป็นเซียน หลังจากนี้พวกเขาจะต้องละทิ้งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด.

หลายคนที่ได้อาจารย์ใหม่ก่อนจากไปก็ได้มากล่าวลาตระกูลของพวกเขา.

เหล่าเยว่จื่อจงที่ถือไม้เท้ามังกรรออยู่ชั่วขณะจ้องมองไปยังบุตรบุญธรรมทั้งสาม.

เม็ดยาโพวจวิน จะต้องขอเม็ดยาโพวจวินจากอาจารย์กลับมา.

ทว่า จงตี้ จงเสวียนและจงซีจิว กลับไม่มีใครกลับมาลาอี้ฟูเลย พวกเขาที่ก้าวไปยืนบนกระบี่บินหรือของวิเศษต่าง ๆ เหินขึ้นไปบนระเบียงด้านบน.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด