ตอนที่แล้วChapter 27 เล่ห์ลวงของโลกมนุษย์.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 29 ไม่สามารถล่วงเกินได้.

Chapter 28 พบจงตี้อีกครั้ง.


"เอ๊ะ เจ้ากล่าวว่าได้จับหมาป่าอสูรมาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่พูดคุยกับจ้าวโสวเซี่ยงเกี่ยวกับหัวข้อที่พวกเขาเอ่ยถึงมาก่อนหน้านี้.

"ใช่แล้ว มันเป็นลูกหมาป่านะ มีขนที่ดูบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืนนั้นส่องประกายแสงสีเงินบาง ๆ ออกมาเลย."จ้าวโสวเซี่ยงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา.

"อย่างงั้นเลยรึ?"จงซานขมวดคิ้ว.

"หมาป่าอสูรส่องแสงหรือ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาทันทีเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น.

"ใช่แล้วนี่เป็นหมาป่าที่เป็นสายพันธ์พิเศษและเป็นหมาป่าที่มีเชาว์ปัญญาสูง แน่นอนว่ายิ่งเป็นอสูรระดับสูงเท่าไหร่โลหิตและแกนอสูรของมันก็จะยิ่งพิเศษยิ่งกว่าสิ่งใด "จ้าวโส่วเซียงที่ตอบกลับมา.

"ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่า ศิษย์พี่ชิงซือนั้นได้จับหมาป่าอัคคีมา นางใช้โลหิตของมันนำมาสร้างเม็ดยาระดับสามได้ด้วย "เทียนหลิงเอ๋อที่อธิบายกับจงซาน.

"เช่นนั้น ยินดีกับท่านด้วย."จงซานที่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา.

"เฮ้ ๆ  มันไม่ใช่อย่างงั้นนะซิ ข้าไม่ได้พบมันคนเดียว ยังมีคนอื่น ๆ อีกสี่คนที่พบมันพร้อม ๆ กัน ซึ่งมีถังเสี่ยวโหยวก่อนหน้าที่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นข้าเองเลยไม่รู้เลยว่าเรื่องหมาป่าอสูรตนนี้จะจบอย่างไร."จ้าวโสวเซี่ยงที่ส่ายหน้าไปมา.

"อืม? มีคนอื่นด้วยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้ว.

"อืม ใช่แล้ว วันนั้นพวกเราอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งพบมันอยู่ใกล้กับทะเลสาบแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าพวกเราทั้งห้าพบมันด้วยกัน อีกอย่างพวกเราวางแผนที่จะแบ่งกัน พวกเรารอคอยผู้อาวุโสของทั้งสองสำนักมาประเมินว่าหมาป่าอสูรตนนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ จากนั้นก็จะทำการนำไปแลกอาวุธวิเศษหรืออะไรที่มีค่าเท่ากันมาแบ่งปันกัน "จ้าวโสวเซี่ยงตอบ.

ได้ยินคำพูดของจ้าวโสวเซี่ยงแล้ว จงซานสามารถบอกได้เลยว่าหมาป่าอสูรตนนี้มีค่าขนาดใหน ตามที่ได้พูดคุยกัน หมาป่าอสูรนี่น่าจะเทียบได้กับเม็ดยาระดับสามหรือสูงกว่า อาจจะเป็นระดับสี่? อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเร่งรีบตัดสินเกี่ยวกับมูลค่าของหมาป่าตนนี้.

"แล้วหมาป่าอสูรอยู่ที่ใหนอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าว.

"มันถูกเก็บไว้ในส่วนพื้นที่ของตระกูลถัง ทว่าตอนนี้ก็เป็นที่อาศัยของข้าด้วยเช่นกัน."จ้าวโสวเซี่ยงกล่าว.

"ตระกูลถัง? พวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่หลายพันปีที่ใหญ่ที่สุดในรัฐต้าซ่ง และที่แห่งนี้เคยเป็นเขตแดนของถังเสี่ยวโหยวมาก่อนอย่างงั้นรึ?"จงซานขมวดคิ้ว.

"ใช่แล้ว ตระกูลถังนั้นมีอิทธิพลที่สุดที่นี่ ทว่าตระกูลจ้าวถึงไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่มีประวัติหลายพันปี ทว่าในโลกปุถุชนนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอ สถานที่แห่งนี้ถูกจัดเอาไว้ให้กับตระกูลถัง ทว่าทั้งตระกูลจ้าวและตระกูลถังเองต่างก็ส่งคนมาคุ้มกัน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง."จ้าวโสวเซี่ยงอธิบาย.

"ไม่ใช่ว่า คนทั้งสี่เห็นทั้งหมดด้วยกันหรอกนะ?ถังเสี่ยวโหยวเป็นหนึ่งในนั้น แล้วอีกสามคนมาจากสำนักทวนเหล็กของเจ้ารึเปล่า?"จงซานถาม.

"ไม่ อีกสามคนที่เหลือเป็นศิษย์น้องและศิษย์พี่ของหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์."จ้าวโสวเซี่ยงกล่าว.

"โอ้ว?"จงซานที่หรี่ตาลงขณะพูด ดูเหมือนว่าจ้าวโสวเซี่ยงนั้นจะอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก.

จ้าวโสวเซี่ยงที่เข้าใจที่จงซานสื่อความหมายก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า"คนทั้งสี่เป็นคนหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์ มีคนสองคนที่เข้าสำนักเซียนพร้อมข้า 51 ปีที่แล้ว ถังเสี่ยวโหยวและอีกคนเข้าสำนักเซียนเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล."

"อืม."จงซานที่พยักหน้า.

พวกเขาที่เดินทางมาถึงเรือนขนาดใหญ่ไม่นานหลังจากนั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่แยกออกมาที่จ้าวโสวเซี่ยงเอ่ยถึง.

มียามเฝ้าประตูอยู่ไม่น้อย หลังจากที่จ้าวโสวเซี่ยง พาเขาเข้ามา จงซานพบว่ามีมือธนูที่ซ่อนอยู่ในที่ต่าง ๆ  ไม่สงสัยเลยว่านี้คือตระกูลใหญ่ พวกเขามีการเฝ้าระวังป้องกันอย่างหนาแน่นทีเดียว.

คนทั้งสามที่เดินผ่านทางเดินมุ่งไปยังลานบ้านตรงกลางที่พักส่วนตัว.

ที่ใจกลางของลานนั้น มีโต๊ะขนาดใหญ่ และยังมีกล่องแก้วขนาดใหญ่อยู่ด้วย ภายในกล่องนั้น มีสัตว์อสูรตัวเล็ก เป็นหมาป่าเงินสีขาวขนาดยาวหนึ่งฟุต.

หมาป่าตัวเล็กมีขนสีขาวทั่วร่างเป็นสีขาวเงินที่ดูบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เวลานี้มันนอนอยู่ในกล่องไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สายตาของมันเต็มไปด้วยความกลัว ร่างกายของมันที่สั่นไปมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะรับรู้ชะตากรรมของมันที่ต้องพบกับความเลวร้ายที่กำลังรอมันอยู่.

"นี่คือหมาป่าอสูรที่มีระดับสูง ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนแต่อย่างไร มันมีสายโลหิตที่สูงส่งเหนือกว่าหมาป่าอสูรธรรมดามาก หากว่ามันเติบโต จะทรงพลังเป็นอย่างมาก พวกเราได้ใช้ผงละลายกระดูก ดังนั้นจึงทำให้มันไม่สามารถหนีไปใหนได้.

เทียนหลิงเอ๋อที่ก้าวเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยความตื่นเต้น.

"ทำไมถึงให้มันมาอยู่ที่นี่ล่ะ?"จงซานที่จ้องมองไปยังหมาป่าตัวเล็กในกล่อง ขมวดคิ้วไปมา พลางสอบถาม.

"ที่แห่งนี้มียามรักษาการของทั้งสองตระกูลล้อมรอบ มันจึงง่ายในการจับตามอง."จ้าวโสวเซี่ยงตอบกลับ.

จงซานที่เข้าใจได้ในทันทีหลังจากที่จ้าวโสวเซี่ยงกล่าวออกมา ที่ต้องนำมาไว้ที่นี่ไม่ได้ป้องกันขโมย ทว่าเพื่อให้มันอยู่ในสายตาของคนทั้งสี่จากสำนักหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์ต่างหาก.

"ช่างน่าสงสารนัก หมาป่าตัวนี้ยังเล็กอยู่เลย หากว่าข้าเจอมันเป็นคนแรก ข้าคงไม่กล้านำมันมาทำเป็นยาแน่นอน."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความสงสาร.

"โอ้ว?เช่นนั้นหากเจ้าเป็นคนเจอจะทำอย่างไรล่ะ?"จงซานที่กล่าวออกไปพร้อมกับเผยยิ้มออกมา.

"แน่นอนว่าต้องปล่อยมันไปนะสิ ก็มันยังเล็กอยู่!"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

หลังจากที่นางกล่าวจบ ทันใดนั้นก็มีเสียง ๆ หนึ่งที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยันดังออกมา.

"ปล่อยไปอย่างงั้นรึ?นั่นมันยาระดับสี่นะ จะปล่อยไปได้อย่างไร?"

ทุกคนที่จ้องมองไปตามเสียง ซึ่งมีชายสองคนที่กำลังเดินออกมาจากภายในห้องช้า ๆ .

คนทั้งคู่ที่มีกระบี่สะพายหลังเหมือนกับถังเสี่ยวโหยว เดินตรงมาทางจงซาน.

"สหายหวัง"จ้าวโสวเซี่ยงที่กล่าว กับชายที่เดินนำ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้คือคนที่เข้าสำนักเซียนพร้อมกับเขาเมื่อ 51 ปีที่แล้ว ความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นเท่ากัน.

ส่วนอีกคนนั้น จ้าวโสวเซี่ยงไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็นจงซานที่จ้องมองไปยังอีกคนไม่วางตา.

ขณะที่จงซานเห็นคนดังกล่าวนั้น ก็มีประกายแสงความโกรธเกรี้ยวแฝงอยู่ในสายตา เขาที่หายใจลึกเพื่อยับยั้งความโกรธ อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาทางสีหน้า.

จงตี้ บุตรอกตัญญู เป็นหนึ่งในบุตรบุญธรรมของเขา จงซานที่เคยนำเขาเข้าร่วมการชุมนุมประตูมังกรเพื่อที่จะให้มีโอกาสได้เข้าร่วมสำนักเซียน แต่ถึงกระนั้น ท้ายที่สุด เขากับได้ละทิ้งจงซาน และสิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดเมื่อบุตรบุญธรรมคนโตจงเทียนได้ตำหนิเขา จงตี้ถึงกับบอกกับอาจารย์ของเขาให้ทำการตักเตือนจงเทียนในครั้งนั้น.

สำนักหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์ ที่เป็นคนรับจงตี้เข้าสำนักในเวลานั้น.

สายตาของจงซานที่จ้องมองไปยังจงตี้ จงซานที่ระงับความโกรธเกรี้ยวที่รุนแรงเอาไว้ ทำได้แค่แค่นเสียงออกมาเบา ๆ .

เมื่อจงตี้เดินเข้ามาและเห็นจงซาน เขาที่นิ่งงันตื่นตะลึงขึ้นมาในทันที จงซานในเวลานี้รูปร่างเหมือนกับชายอายุเพียงแค่สามสิบปี จงตี้จำได้ว่าครั้งแรกที่จงซานรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมเขาก็มีหน้าตาเช่นนี้ ทำให้เขาจดจำจงซานได้ในทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อยว่า ชายคนนี้คืออี้ฟู จงซาน.

"จงตี้?"จงซานที่เผยยิ้มและสายตาที่เย็นชาไปยังเขา.

เมื่อจงตี้ได้ยินคำพูดของจงซาน ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ามีถังน้ำเย็นที่สาดเข้าหน้าของเขาอย่างแรง เป็นเขา อี้ฟู่ เป็นไปได้อย่างไร เขากลับมาหนุ่มขนาดนี้ได้อย่างไร เขาสามารถเข้าสำนักเซียนได้อย่างงั้นรึ? แล้วเขาเข้าสำนักเซียนได้อย่างไร?

เหงื่ออันเย็นเยือบที่หลั่งออกมาจากหน้าผากของจงตี้ อย่างไรก็ตาม เขายังก็ยังเอ่ยออกมาว่า"อี้ ฟ ฟ จงซาน."

ท้ายที่สุด คำว่า"อี้ฟู "เขาก็ได้ปฏิเสธมันไป เขาที่เรียกชื่อจงซานออกมาตรง ๆ  หลังจกที่เขาได้กล่าวออกไปแล้ว จงตี้ที่ระงับอารมสงบใจกลับคืนมา ใช่แล้ว มีสิ่งใดที่เขาต้องกลัวกัน.

เขาตอนนี้ได้เข้าสำนักเซียนแล้ว อีกอย่างเขายังมีพรสวรรค์มากกว่าอีกด้วย.

"เขามีสกุลจงเหมือนกัน พวกเจ้ารู้จักกันอย่างงั้นรึ?หรือว่าเป็นสหายกัน?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที.

จ้าวโสวเซี่ยงและคนอื่น ๆ เองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับความสัมพันธ์ของจงซานและจงตี้ พวกเขาที่จ้องมองกันและกันด้วยท่าทางน่าสงสัย.

"พวกเราทั้งคู่รู้จักกัน ทว่าไม่ใช่สหาย."จงซานกล่าวต่อเทียนหลิงเอ๋อ.

"โอ้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้าในทันทีโดยที่ไม่ถามอะไรต่อไป ในเมื่อไม่ใช่สหายกัน เช่นนั้นพวกเขาเป็นศัตรูกันอย่างงั้นรึ?เทียนหลิงเอ๋อนั้นแม้ว่าจะเป็นคนโผงผาง ทว่านางก็ตระหนักได้ว่าอะไรควรพูดและไม่ควรพูด.

"สหายหวัง เจ้ากำลังจะออกไปข้างนอกอย่างงั้นรึ?"จ้าวโส่วเซี่ยงสอบถาม.

"ใช่แล้ว."ชายคนดังกล่าวพยักหน้า.

"แต่ว่านะดูเหมือนว่าจะมีเมฆครึ้ม เป็นไปได้ว่าฝนจะตกหนักในไม่ช้านี้."จ้าวโสวเซี่ยงขมวดคิ้วและกล่าวออกมา.

"ครืน ๆ  ๆ  ๆ  ๆ "

ราวกับว่าฟ้าจะตอบสนองกับคำพูดของจ้าวโส่วเซี่ยง เสียงคำรามของท้องฟ้าดังสนั่นขึ้นมาในทันที ประกายแสงสายฟ้าที่ส่องประกายจากเมฆสีดำทมิฬ.

พวกเขาที่ยังคงเดินต่อไป และกล่าวออกมาว่า "ขอบคุณสหายจ้าวที่เป็นห่วง พวกเรามีงานสำคัญที่ต้องทำ ทว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราก็ยังอยู่ที่นี่."

"จงตี้ ไปได้แล้ว."หลังจากที่พวกเขากล่าวเสร็จ ก็เร่งรีบออกไปอย่างรวดเร็ว.

เห็นทั้งคู่จากไปแล้ว จงซานที่ถอนหายใจเข้าลึก ๆ  พยายามที่จะปล่อยวางสกัดกลั้นความโกรธที่มีต่อจงตี้.

"ชายผู้นั้นคือศิษย์ลำดังสองขั้นสามของหมู่บ้านกระบี่พิสุทธิ์ หวังกุย ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกเขาเลย ข้าจะพาเจ้าไปหาที่พัก."จ้าวโสวเซี่ยงกล่าว.

"อืม."จงซานพยักหน้าถอนสายตาจากทิศทางของคนทั้งสองที่หายไปลับตา.

จ้าวโสวเซี่ยงที่นำทั้งคู่มายังเรือนที่พักส่วนตัวแห่งหนึ่ง.

จงซานที่พักที่แห่งนี้ชั่วคราว หลังจากช่วงบ่ายพวกเขาไม่มีอะไรทำ ดั้งนั้นจงซานจึงได้มานั่งเล่นหมากล้อมกับจ้าวโสวเซี่ยงและพูดคุยกันเรื่องทั่วไป ส่วนเทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองดูทั้งคู่เล่นหมากล้อมและนำลูกเต๋าที่นางนำกลับมามาทอยเล่นไปมา.

จวบจนถึงตอนเย็น หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว จ้าวโสวเซี่ยงก็จากไป.

จ้าวโสวเซี่ยงนั้นอาศัยอยู่เรือนที่พักที่มีการป้องกันหมาป่าอสูรนั่นเอง.

หมาป่าน้อยสีขาวที่กำลังสั่นเทิ้มในกรงกระจกในลานแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่มันถูกจับตัวมาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว.

ทุก ๆ วัน เหล่ามนุษย์จะนำอาหารเป็นข้าวเปล่าผสมผงสีขาวมาให้มันกินเพื่อประทังชีวิตและไม่ให้มันมีแรง คนเหล่านี้จะต้องเป็นคนเลวอย่างที่เหยเหย่ บอกอย่างงั้นรึ?

爷爷  yěyě  เหยเหย่  ปู่.

เป็นคนชั่ว เป็นคนเลวอย่างงั้นรึ?

หมาป่าอสูรตัวเล็กสีขาวที่กลิ้งไปมาในกรงกระจกและจ้องมองสายฝนที่กำลัง พัดกระหน่ำกระแทกกระจกในความมืดมิด สายตาของมันที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวตัวสั่นไม่หยุด ข้ากำลังตายแล้ว?เหยเหย่ ท่านอยู่ใหน เหยเหย่? ข้าจะไม่แอบหนีเล่นซนอีกแล้ว มาช่วยเซียนเซียนเร็ว เซียนเซียนกำลังจะตายแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด