Chapter 26 จ้าวโสวเซี่ยง
จงซานที่สั่งอาหารเป็นจานที่ดีที่สุดของภัตตาคารมา เขาไม่ได้มองรายการอาหารด้วยซ้ำ ทำให้พนักงานเสิร์ฟบอกได้ว่าสองคนที่อยู่ตรงนี้ไม่รวยมากก็เป็นขุนนางและต้องการสินค้าที่ดีที่สุดนั่นเอง.
อาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟหลังจากนั้นไม่นาน.
เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่มีกระจิตกระใจที่จะกินแม้แต่น้อยนางที่จ้องมองไปยังการพนันด้านล่าง ทุก ๆ ครั้งที่มีเสียงเฮเกิดขึ้น ได้กระตุ้นเทียนหลิงเอ๋อ ที่คิดว่ามันจะต้องเป็นการเล่นที่สนุกสนานแน่นอน.
จงซานที่หัวเราะส่ายหน้าไปมา ทุก ๆ ครั้งทุก ๆ รอบของการพนัน มีทั้งเสียงยินดี เสียงหดหู่ เสียงเสียดาย นับเป็นบรรยากาศที่น่าสนใจทีเดียว.
"รีบกินเร็วเข้า!"เทียนหลิงเอ๋อที่เร่งเร้าจงซาน.
ขณะที่จงซานกำลังจะกล่าวอะไรออกไป เขาที่ขมวดคิ้วแน่นและจ้องมองไปยังโต๊ะด้านข้างไม่ไกลออกไป จงซานสามารถบอกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจดจ้องมองมาที่เขาอยู่.
กำลังเฝ้ามองเขาอย่างงั้นรึ?
อาหารที่สั่งมานั้นนับว่ามีคุณภาพสูง ชายที่ดูทรงพลัง มีรูปร่างราว ๆ 30 ปี สวมชุดสีขาว ที่บนโต๊ะนั้นมีหอกยาว เป็นทวนยาวสีขาวเงิน.
อาวุธวิเศษรึ?
จงซานสามารถบอกได้ว่าทวนยาวดังกล่าวนั่นเป็นอาวุธวิเศษที่สร้างขึ้นมาจากมุกคงหลิง?
ชายคนดังกล่าวที่ยกสุราขึ้นดื่ม เขาที่จ้องมองไปยังจงซาน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก "จงซานรึ?"
เขาที่นึกชื่อขึ้นมาได้ หากแต่ตอนนี้มีอายุสามสิบปีอย่างงั้นรึ? หนึ่งปีก่อนที่เขามาพร้อมกันกับบุตรบุญธรรมในครั้งนั้นแทบไม่มีเค้าร่างเดิมเลย?
จงซานที่จ้องมองไปยังชายคนดังกล่าว ทันใดนั้น ราวกับว่านึกอะไรออกมาได้.
ห้าสิบเอ็ดปีที่แล้วก่อนหน้านี้.
จงซานที่เคยอดทนอย่างยากลำบากเพื่อขอเป็นศิษย์สำนักเซียนแห่งหนึ่ง เขาที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูสำนักสามวันสามคืนเพื่อขอเป็นศิษย์สำนักเซียน ทว่าก็ไม่มีใครที่ยินดีที่จะรับเข้าเป็นศิษย์.
การชุมนุมประตูมังกรนั้นจะจัดขึ้นในทุกห้าสิบปี.
มีสำนักเซียนมากมายที่กลับมาคัดเลือกและรับศิษย์ไป ทว่าก็ไม่เคยมีใครสนใจในตัวจงซานแม้แต่คนเดียว.
ในครั้งนั้น ชายคนนี้ เป็นชายในชุดขาว ที่ถูกเลือกโดยอาจารย์ของเขาที่การชุมนุมประตูมังกร ซึ่งเขาจำได้ว่าจงซานเคยคุกเขาที่หน้าประตูสำนัก.
"อาจารย์ ท่านบอกว่าชายผู้นี้เคยคุกเข่าสามวันสามคืนอย่างงั้นรึ?"ชายผู้นี้ถาม.
"ชายผู้นั้นมีนามว่าจงซาน เขาเป็นคนที่ไร้พรสวรรค์ และไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จใด ๆ ในชีวิตนี้."อาจารย์ของเขากล่าว.
"ทว่าเขามีความอดทนสูงมาก เคยแม้กระทั่งคุกเข่าได้ตั้งสามวันสามคืน อาจารย์ ทำไมไม่ลองให้โอกาสรับเขาเป็นศิษย์ล่ะ ไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จก็ต้องขึ้นอยู่กับเขา."ชายชุดขาวที่กล่าวกับอาจารย์ของเขา.
"พอได้แล้ว จ้าวโสวเซี่ยง. นี่คือสำนักเซียน ไม่ใช่สำนักของโลกปุถุชน เพียงแค่มีพยายามนั้น มันไม่เพียงพอ."อาจารย์ที่ดุเขาด้วยความโกรธ.
"ครับ อาจารย์."จ้าวโสวเซี่ยง.ที่พยักหน้า เขาที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับทอดถอนใจ และตามอาจารย์ของเขาไปยังสำนักเซียน.
ในวันนั้นเขาเองก็มองไปยังชายคนนั้นเช่นกัน ทำให้จงซานนึกขึ้นมาได้เช่นกัน เขาที่ได้เดินทางไปยังหลากหลายสำนักเซียน ทว่ามีเพียงแค่ชายผู้นี้ที่พยายามจะช่วยเขา ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมอาจารย์เขาสำเร็จก็ตามที ทว่าเรื่องในครั้งนั้นก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของจงซาน.
"จ้าวโสวเซี่ยง.?"จงซานที่จ้องมองออกไป.
"ฮ่าฮ่า เป็นเจ้าจริง ๆ รึ จงซาน."เจาโสวเซี่ยที่หยิบหอกของเขาและเดินตรงมา พร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะของจงซานโดยไม่รอให้ได้เชิญแต่อย่างใด.
"จงซาน ใครอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกไปทันที.
"สำนักทวนเหล็ก จ้าวโสวเซี่ยง.."จ้าวโสวเซี่ยง.ตอบกลับเทียนหลิงเอ๋อ.
"สำนักไคหยาง เทียนหลิงเอ๋อ."เทียนหลิงเอ๋อที่แนะนำตัวเอง เป็นเหมือนกับมารยาทในการทักทายสำนักเซียนอื่น ๆ .
"สำนักไคหยาง?"จ้าวโสวเซี่ยง.จ้องมองมายังจงซานด้วยท่าทางประหลาดใจ.
เขาที่ยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้ จงซานที่ไม่มีแม้แต่เป็นที่สนใจของสำนักเซี่ยเซียนเลยสักแห่ง ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในสำนักซ่างเซียนขนาดใหญ่ เช่นสำนักไคหยางอย่างงั้นรึ?
"สหายจงซาน ยินดีด้วย ๆ ."จ้าวโสวเซี่ยง.ที่แสดงความยินดีต่อจงซานทันที.
"เช่นกัน ๆ ."จงซานตอบกลับ.
"จงซาน เจ้ากินไปก็แล้วกันนะ ข้าขอลงไปดูข้างล่างหน่อย."เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากกล่าวเสร็จ ก็เร่งรีบวิ่งไปยังด้านล่างทันที.
จงซานส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้มที่เห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อ อย่างไรก็ตามคงเป็นการดีที่ให้นางลงไปก่อน.
"ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ล่ะ สหายจ้าว?"จงซานที่หันหน้าไปคุยกับจ้าวโสวเซี่ยง.
"ที่จริงแล้วข้าเป็นขุนพลของอาณาจักรต้าซ่ง ห้าสิบเอ็ดปีที่แล้ว ข้าที่โชคดีได้รับเลือกเข้าสำนักเซียน ตอนนี้ข้าสามารถฝึกฝนนอกสำนักได้และเดินทางเข้าไปรายงานตัวเป็นครั้งคราว หากมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ข้าก็ต้องอยู่ที่นี่ชั่วคราว วันนี้ข้าออกมาเดินตรวจตราและไม่คาดคิดเลยที่จะมาเจอสหายจงที่นี่."จ้าวโสวเซี่ยงที่หัวเราะออกมา.
"ที่จริง ข้าก็คาดไม่ถึง ข้าเองยังจำวันนั้นได้อย่างดี วันที่ท่านพยายามที่จะโน้มน้าวอาจารย์ในวันนั้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้เข้าสำนักเซียนก็ตาม ข้าเองก็ยังซาบซึ้งน้ำใจเจ้าในครั้งนั้นมาก."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
สำหรับจงซานนั้นเขาเป็นคนที่ชัดเจนเสมอระหว่างบุญคุณความแค้น ถึงแม้ว่าในครั้งนั้นจงซานจะไม่ได้เข้าสำนักเซียนก็ตาม ทว่าจงซานก็ยังจำความปรารถนาดีของคนผู้นี้ที่พยายามจะช่วยเขาได้.
"ฮ่า ฮ่า ข้าไม่ได้ช่วยท่านเลย ใยต้องขอบคุณข้าด้วยล่ะ นอกจากนี้หากว่าท่านได้เข้าสำนักของข้า แล้วท่านจะได้รับวาสนาขนาดนี้เหรอ ไม่เช่นนั้นท่านคงจะไม่ได้เข้าสำนักไคหยางในเวลาต่อมา."จ้าวโสวเซี่ยงหัวเราะ.
"ไม่จำเป็นต้องเกรงใจระหว่างเราก็ได้ ท่านสามารถเรียกข้าว่าจงซานได้เลย."จงซานเผยยิ้มออกมา.
"ตกลง เจ้าสามารถเรียกข้าว่า โส่วเซี่ยง หรือจ้าวโส่วเซี่ยง แล้วแต่สะดวก."จ้าวโสวเซี่ยงกล่าว.
"เช่นนั้นขอเรียกว่า โสวเซี่ยงก็แล้วกัน "จงซานพยักหน้าและยกแก้วสุราขึ้นคารวะจ้าโสวเซี่ยง.
จ้าวโสวเซี่ยงเองก็ยกสุราขึ้น พร้อมกับชนแก้วกับเขาเช่นกัน.
"สำนักไคหยางคงจะส่งเจ้าออกมาหาประสบการณ์สินะ เช่นนั้นเจ้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเห่าซานหรือไม่?"
จ้าวโสวเซี่ยงที่ถามออกมาในทันที.
ขณะที่จงซานได้ยินจ้าวโสวเซี่ยง เขาที่ขมวดคิ้ว รู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังตามหาเห่าซาน ที่จริงเขาคิดแต่เพียงว่ามีเพียงสำนักไคหยางเท่านั้นที่ต้องการหาเขา ทว่าตอนนี้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่.
"ใช่แล้ว เห่าซานนี้เป็นใครมาจากใหนเหรอ?"จงซานที่ถามออกไป.
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ทว่าข้าได้ยินอาจารย์ของข้ากล่าวออกมาครั้งหนึ่ง สำนักเซียนทุกสำนักต่างก็ต้องการหาตัวเห่าซานและพวกเขาทุกคนต่างก็ส่งคนออกตามหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย หนำซ้ำยังมีรางวัลใหญ่มอบให้ด้วยหากว่าเจอเขาได้ ปัจจุบันนี้ ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนผู้นี้มาก."จ้าวโสวเซี่ยงส่ายหน้าขณะกล่าว.
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น.
ชั้นล่าง หน้าประตูทางเข้า ชายคนหนึ่งในชุดสีดำ พร้อมกระบี่คาดหลัง ค่อย ๆ เดินนำคนหลายคนเข้ามา.
บริกรต้อนรับแขก ต้องตื่นตะลึงขึ้นมาในทันทีเมื่อคนที่ตามชายชุดดำมานั้นก็คือเจ้าของจินจวนโหลว ทว่าเถ้าแก่ที่ทรงอำนาจของเขากำลังแสดงท่าทางสุภาพเป็นอย่างมากกับชายชุดดำขนาดนี้เลยรึ?
"จ้าวโสวเซี่ยงอยู่ที่ใหน?"ชายชุดดำที่กล่าวออกมาในทันที.
"เขากำลังรับประทานอาหารอยู่ชั้นสองขอรับ"เถ้าแก่ที่ตอบออกมาในทันที.
"อืม."ชายชุดดำที่พยักหน้าและตามเถ้าแก่ขึ้นไปด้านบน.
ขณะที่ขึ้นบันไดขึ้นไปได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นชายชุดดำที่ต้องขมวดคิ้วไปมาเมื่อจ้องมองไปยังโต๊ะพนันที่อยู่ด้านล่าง.
มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ล้อมรอบโต๊ะพนันอยู่ ซึ่งตรงกลางนั้นมีหญิงสาวในชุดสีแดงอยู่ในกลุ่ม นางเป็นคนที่งดงามมากและมีผิวเนียนใสราวกับตุ๊กตาหยก ในเวลานั้นมีกองเงินจำนวนมากที่กองอยู่ด้านหน้าของนาง และนางกำลังเล่นพนันอยู่ด้านล่างอย่างสนุกสนาน.
มีตั๋วเงินหลายร้อนแผ่น และก้อนเงินกว่าหมื่นก้อน รวม ๆ แล้ว นับล้านเงินเลยรึ?
นางมีเงินมากมายขนาดนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ หญิงสาวที่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเสีย และยิ่งเสียก็ยิ่งกระวนกระวาย นางที่เสียไปเป็นจำนวนไม่น้อย.
ทว่านางกับมีเงินเล่นอีกมากมาย กว่าล้านเงิน ขณะที่นางวางเดิมพันลงไปบนโต๊ะ ทุก ๆ คนที่อยู่ในเวลานั้น ต่างก็เต็มไปด้วยความโลภ หวังที่จะกินเงินนางให้หมด ทางฝั่งเจ้ามือเองก็ได้มาเป็นกอบเป็นกำ.
รอบ ๆ โต๊ะพนันตอนนี้ทุกคนต่างก็หยุดเล่น ทุกคนที่เพิ่งเคยเห็นหนึ่งล้านเงิน หนำซ้ำยังกำลังจะเสียไปทั้งหมด.
"ท่านหญิง ท่านยังต้องการเดิมทันอีกหรือไม่?"เจ้ามือที่สอบถาม.
"แน่นอน ข้าต้องการเล่น ข้าต้องการเล่น."เทียนหลิงเอ๋อที่ควันออกหูโยนเงินออกไปอีกหนึ่งหมื่นเงิน.
"เอาล่ะ แต้มที่ได้ 4 5 6 : 15 แต้ม สูง."เจ้ามือที่เปิดกล่องไม้เผยให้เห็นถึงหน้าลูกเต๋า.
"ไม่ ข้าต้องเช็คลูกเต๋าเจ้าแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่โอดครวญ.
อย่างไรก็ตาม นางกับไม่สามารถค้นหาปัญหาได้เลย บนลูกเต๋าที่มีทั้งหมดหกหน้าและยังมีหน้าที่แตกต่างกับ ทำไมในทุก ๆ ครั้ง นางถึงต้องผิดตลอด?
"เอาใหม่"เทียนหลิงเอ๋อไม่สามารถยอมรับได้เลย นางที่แลกตั๋วเงินอีกครั้ง.
บนบันไดนั้น ชายชุดดำที่จับจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อที่สุญเสียเงินมากมาย อย่างไรก็ตามเพราะว่านางยังมีตั๋วเงินมากมาย.
กำไลเก็บของอย่างงั้นรึ?
ขณะที่เขาเห็นกำไลเก็บของที่อยู่บนข้อมือของนาง ชายชุดดำที่หันหน้าไปกระซิบกับเถ้าแก่.
"ครับ นายน้อยถัง ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง "เถ้าแก่ที่แสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา.
"อืม."ชายชุดดำที่พยักหน้าและตามเถ้าแก่ลงไปด้านล่างอีกครั้ง.
ด้านบนนั้นจงซานและจงโส่วเซี่ยงสนทนากันมาพักหนึ่งแล้ว จงซานรับรู้ได้ว่าคนผู้นี้คู่ควรที่จะคบเป็นสหาย ยิ่งสิ่งที่เขาเคยพยายามช่วยเขาในอดีตแล้ว จงซานยิ่งมั่นใจได้ว่าคนนี้ตรงไปตรงมาและน่าเชื่อถือ ทั้งคู่ที่สนทนากันอย่างสนุกเลยทีเดียว.
ที่ด้านล่างนั้น เทียนหลิงเอ๋อที่กำลังโกรธเกรี้ยว จงซานได้มอบเงินให้นางหนึ่งล้านกว่า เขาคงไม่คิดว่านางจะใช้เงินไปเกือบหนึ่งล้านแล้ว เทียนหลิงเอ๋อรู้ดีว่านางได้เสียไปมากมายเลยในครั้งนี้ นางที่ต้องการเล่นเอาเงินกลับคืนมา ทว่ายิ่งเล่นเท่าไหร่นางก็ยิ่งเสียมากเท่านั้น นางโชคร้ายขนาดนั้นเลยรึ?
ขณะที่เทียนหลิงเอ๋อกำลังขุ่นเคืองใจนั้น ทันใดก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตาและท่าทางของคนอื่น ๆ ที่แสดงอาการสมเพช เวทนาและเหยียดหยันได้.
เทียนหลิงเอ๋อแม้ว่านางจะไร้เดียงสา ทว่านางก็ไม่ได้โง่ นางมั่นใจว่าจะต้องมีอะไรผิดปรกติแน่นอน.
พวกเขากำลังโกงนางอย่างงั้นรึ?นางมั่นใจว่าจะต้องมีอะไรผิดปรกติ ทว่าอะไรล่ะที่ผิดปรกติ?นางไม่สามารถมองเห็นถึงปัญหาได้เลย.
ที่ด้านหน้าของนางเวลานี้ มีตั๋วเงินเหลือเพียงสองแผ่น และก้อนเงินสองแสน ส่วนทางฝั่งเจ้ามือเวลานี้มีตั๋วเงินกองซ้อนกันอยู่มากมาย ตอนนี้พวกเขามีเงินกว่าเก้าแสนแปดหมื่นเงิน.
"ท่านหญิง ท่านต้องการจะเล่นต่อไหม?"เถ้าแก่จินจวนโหลวที่อยู่ตรงข้ามเผยยิ้มออกมา ทางฝั่งเจ้ามือที่ลุกขึ้นคารวะเขา.
เทียนหลิงเอ๋อที่เห็นคนที่อยู่ด้านหน้าแล้วและรับรู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้ต้องการหลอกเอาเงินนางไปทั้งหมด ทว่านางก็ไม่รู้ว่าจะจัดการสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร นางไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เงินที่จงซานให้นางมาตอนนี้เสียไปเกือบหมดแล้ว.
เทียนหลิงเอ๋อที่กำลังกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก.
"ว่าอย่างไร ท่านหญิง หากว่ายังมีสิ่งของล้ำค่าอยู่ ยกตัวอย่างเช่นกำไลข้อมือ ท่านสามารถนำมาใช้แทนเงินได้."เถ้าแก่ที่กล่าวออมกา.
"ใช้แทนเงินอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ขมวดคิ้ว มีอะไรอีกหลายอย่างในกำไลเก็บของ ทว่าพวกเขารู้จักมันด้วยอย่างงั้นรึ?
"ใช่แล้ว ข้าคิดว่าเจ้าเองก็มีอะไรเหมือนกับข้า.นี่ไง ข้าเองก็มีมุกคงหลิงที่สามารถเทียบได้กับเงินเก้าแสนแปดหมื่นเงิน หากว่าเจ้ามีอะไรที่มีค่าแล้วล่ะก็ พวกราสามารถมาเดิมพันกันต่อได้."ชายชุดดำที่กล่าวออกมาทันที.
ชายชุดดำที่กล่าวออกมาเช่นนั้นแสดงว่าเขาเองก็มาจากสำนักเซียน ดังนั้น หากว่านางมีอะไรเช่นกำไลเก็บของ เขาก็ควรที่จะรับรู้ได้.
เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังกองเงินมากมายด้านหน้า นางที่กัดฟันแน่น นางนั้นไม่ได้สนใจอะไรเช่นมุกคงหลิง ทว่าตั๋วเงินเหล่านั้น นางไม่รู้ว่ามันมีค่ามากมายขนาดใหน ทั้งหมดนั้นเป็นของจงซาน จงซานที่ให้นางมาใช้จ่าย ทว่านางกลับนำมันมาเล่นจนหมดเช่นนี้.
เทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่ได้ตั้งใจให้มันออกมาเป็นเช่นนี้ นางไม่ต้องการจริง ๆ .
จะเดิมพันหรือไม่เดิมพัน? ก่อนหน้านี้ นางชนะอยู่บ้างเล็กน้อย บางทีครั้งหน้านางอาจจะชนะอีกก็ได้ เทียนหลิงเอ๋อที่กำลังคิดในใจอย่างหนัก นางที่กำลังทุกข์ใจเป็นอย่างมาก นางเองก็ไม่ต้องการเสียสมบัติวิเศษ ในเวลาเดียวกัน นางก็ต้องการตั๋วเงินเหล่านั้นกลับมาเช่นกัน.
"มุกคงหลิงอย่างงั้นรึ? เป็นสิ่งล้ำค่าทีเดียว ให้ข้าลองดู."
ขณะที่เทียนหลิงเอ๋อกำลังอัดอั้นตันใจอย่างที่สุด เสียงของจงเทียนที่แค่นเสียงตามมาด้านหลัง.