Chapter 25 กระบี่นิรันดร์.
นับตั้งแต่จงซานอยู่ในสภาวะอ่อนแอ พวกเขาก็เคลื่อนที่ช้าลงกว่าเดิม สองวันหลังจากนั้น ท้ายที่สุดก็สามารถหลุดออกมาจากภูเขาได้ ไม่ไกลออกไปนั้นคือหมู่บ้านของจงซาน.
"จงซาน เจ้ามีบ้านอยู่ที่นี่จริง ๆ รึ?"เทียนหลิงเอ๋อขณะที่นั่งอยู่บนผ้าแพรไหมสีแดงลอยอยู่สอบถามออกมา.
ในเวลานี้ เทียนหลิงเอ๋อกลับมาเป็นสดใสอยากรู้อยากเห็นเหมือนเดิมแล้ว เหมือนกับว่าที่ผ่านมานั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
"อืม จวนจะถึงแล้ว เมื่อเราไปถึงที่นั่น พวกเราจะชำระล้างร่างกายและพักผ่อนที่นั่นวันหนึ่ง ก่อนที่จะเดินต่อ ทว่าตอนนี้ เจ้าลงมาด้านล่างก่อน."จงซานกล่าว.
"ทำไมล่ะ?"เที่ยนหลิงเอ๋อที่แสดงท่าทางสงสัย.
"พวกเรากำลังมาถึงโลกปุถุชนแล้ว เจ้าต้องการให้ทุกคนจดจ้องเจ้าทุกวันอย่างงั้นรึ? พวกเขาจะต้องหวาดกลัวเจ้าแน่ หากเจ้าต้องการที่จะเข้าไปในโลกปุถุชนอย่างสงบล่ะก็ เช่นนั้นก็ไม่ควรแสดงอาวุธวิเศษ."จงซานอธิบาย.
"โอ้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่เหินลงพื้นและเก็บผ้าไหมสีแดงเข้าไปในกำไลเก็บของ.
นางที่ตามจงซาน และตรงไปยังหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลออกไป.
หมู่บ้านเสี่ยวเหยา!(หมู่บ้านนิรทุกข์)
ตัวอักษรสี่ตัวที่สลักอยู่บนศิลาขนาดใหญ่ด้านหน้าของหมู่บ้าน ขณะที่พวกเขาก้าวเข้ามาใกล้ พ่อบ้านคนหนึ่งก็เร่งรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับ.
"เหล่าเยว่."พ่อบ้านที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
รูปร่างหน้าตาของจงซานนั้นเปลี่ยนไปจากปีที่แล้วเป็นอย่างมาก เขาในเวลานี้ดูเหมือนชายรูปร่างสามสิบปี เหตุผลที่พ่อบ้านยังสามารถจดจำเขาได้เป็นเพราะได้พบกับร่างแยกเงาของจงซานแล้วนั่นเอง ซึ่งเขาได้มาถึงก่อนหน้านี้ไม่นาน.
เทียนหลิงเอ๋อที่ไม่ได้สนใจเรื่องใด ๆ เลย นางที่อยากรู้อยากเห็นสถานที่ต่าง ๆ มากมายเต็มไปหมด.
หลังจากเข้ามาในหมู่บ้านแล้ว จงซานได้ให้คนจัดเตรียมห้องพักสำหรับแขกให้กับเทียนหลิงเอ๋อและให้แม่บ้านจัดเตรียมน้ำร้อนพร้อมชุดไว้คอยบริการนางด้วย.
จงซานที่จัดเตรียมทุกอย่างให้กับเทียนหลิงเอ๋อแล้วเขาก็กลับมายังห้องส่วนตัวของเขา.
ข้างในนั้น มีร่างแยกเงาที่รอคอยเขาอยู่.
ขณะที่จงซานเปิดประตู ร่างแยกเงาก็ลุกขึ้นเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่า พวกเขานั้นเป็นคน ๆ เดียวกัน ทั้งความคิดและจิตใจต่างก็ผสมผสานกันและกัน.
ร่างหลักจงซานที่นำมุกคงหลิงมอบให้กับร่างแยกเงา.
ร่างแยกเงาจงซานที่ได้ทำตามขั้นตอนที่ร่างหลักเคยใช้โดยการใช้มุกคงหลิง พร้อมกับสร้างฐานกระบี่ยาว 160 ซม ร่างหลักของจงซานที่เดินไปเปิดตู้ที่อยู่ข้าง ๆ .
ที่ด้านในนั้นมีเศษของดาบหัก ซึ่งเป็นดาบที่เคยบรรจุเคล็ดวิชาหงหลวนเทียนเอาไว้ โดยเขาได้ให้ร่างแยกเงาไปขุดมา.
จงซานได้มอบครึ่งหนึ่งใส่ลงไปในกระบี่ของร่างแยกเงา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งใส่ลงมาในดาบใหญ่ของเขา.
"ดาบของข้าใช้เพื่อแก้แค้นเพื่อสร้างฝันร้ายให้กับศัตรูข้าจะเรียกมันว่า "ฝันร้าย"ส่วนกระบี่นั้นจะใช้มันเพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ นับจากนี้ข้าจะเรียกมันว่า นิรันดร์." จงซานที่จ้องมองไปยังกระบี่ยาวที่อยู่ในมือร่างแยกเงาพร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้กับมัน.
กระบี่นิรันดร์! ดาบฝันร้าย!
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ร่างแยกเงาก็ได้นำส่งตั๋วเงินจำนวนหนึ่งให้เขา แล้วก็กลับไปโดยใช้รถไฟใต้ดิน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
บนถนนขนาดใหญ่ จงซานที่นั่งอยู่บนม้าโลหิตยักษ์พร้อมกับดาบฝันร้ายบนหลังของเขา พร้อมกับวิ่งตรงไปยังเส้นทางหลัก โดยมีเทียนหลิงเอ๋อที่อยู่บนผ้าแพรไหมสีแดงเหินตามเขามา ลอยอยู่ข้าง ๆ กายของจงซาน.
"จงซาน พวกเราจะไปใหนกัน?"เทียนหลิงเอ๋อที่ถามออกมาด้วยท่าทางเบื่อ ๆ .
"อาณาจักรปุถุชน รัฐต้าซ่ง."จงซานตอบ.
ต้าซ่งและต้าคุนนั้นเป็นอาณาจักรเพื่อนบ้านกัน ตอนนี้ พวกเขาได้มาถึงชายแดนของต้าซ่งแล้ว จงซานที่ควบม้าวิ่งเต็มกำลัง.
"พวกเราจะเดินทางไปยังเมืองอื่นด้วยถนนเส้นนี้อย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อสอบถาม.
"ถูกแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงแล้ว ข้าได้ข้อมูลมาว่าสองวันที่แล้วมีศิษย์ของสำนักเซียนมากมายมารวมตัวกันที่รัฐต้าซ่ง ข้าคิดว่าบางทีอาจจะสามารถหาร่องรอยของหัวซานได้ที่นั่น ก็เลยอยากไปดู."จงซานกล่าว.
"นกพิราบสื่อสารรวดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเขารู้ได้อย่างไรว่าเจ้ากลับมาเรียบร้อยแล้ว?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกไปด้วยความอยากรู้.
"คนของข้าไม่ได้รู้หรอกว่าข้าจะกลับมา ทว่าข้อมูลนั้นได้มีการจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่อยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวเหยาแล้ว."จงซานอธิบาย.
"อืม"เทียนหลิงเอ๋อพยักหน้า.
พวกเขาทั้งคู่ที่พักโรงเตี้ยมริมทางในเวลากลางคืน หลังจากนั้นเดินทางอีกสองวัน ก็พบกับเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป.
เทียนหลิงเอ๋อที่ลอยลงมาบนพื้น จงซานเองก็ต้องลงมาเดินบนพื้นเช่นกัน เขาที่ทำการจูงม้าเข้าเมือง เนื่องจากเทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่ชอบขี้ม้า นางที่บ่นว่ามันจะทำให้ก้นนางเจ็บ ดังนั้นจงซานจึงทำได้แค่พานางเดินเข้าไปยังประตูเมือง.
เมืองเปี้ยน!
บนประตูเมือง มีอักขระสองตัวขนาดใหญ่สลักอยู่.
"เมืองเปี้ยน?"เทียนหลิงเอ๋อที่อ่านออกเสียง.
พวกเขาทั้งคู่ที่จูงมาตรงไปยังประตู ที่ประตูนั้น จงซานไม่ได้สนใจยามเฝ้าประตู เขาที่ยืนมือตรงไปพร้อมกับมอบก้อนเงินไปยังผู้คุมประตู.
"แก๊ก."
ผู้คุมประตูที่รับมันเอาไว้ ทว่าสัมผัสได้ถึงแรงมหาศาลถึงกับทำให้เขาถอยหลัง มือขวาของเขานั้นรู้สึกด้านชาจากการรับก้อนเงินมาทีเดียว.
ผู้คุมประตูถอยหลังออกมา ไม่กล้าค้นตัวคนทั้งสองและปล่อยให้ทั้งคู่เข้าเมืองไป.
จงซานและเทียนหลิงเอ๋อที่เดินเข้าไปในประตูเมืองอย่างสบาย ๆ .
"หัวหน้า คนผู้นี้รวยโคตร ๆ พวกเราหยุดเขาและขอเพิ่มอีกดีไหม?"ยามหนุ่มที่สอบถามออกมาทันที.
ผู้คุมประตู เหล่ตามองออกไปทันที.
"หุบปาก แส่หาความตายรึไง?"หัวหน้าผู้คุมที่ดุเขาด้วยเสียงเบา ๆ .
ผู้คุ้มกันประตูที่เห็นจงซานโยนก้อนเงินให้กับเขาโดยไร้ซึ่งแรงใด ๆ อย่างไรก็ตามมันกับทำให้มือเขาชาด้าน สัมผัสได้ถึงแรงมหาศาล ตัวเขาที่อยู่ในระดับแปดโหวเทียน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าก็นับว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของเมืองแห่งนี้ การไปตอแยคนเช่นนี้? ก็ไม่ต่างกับการวิ่งลงสู่ปากเหวแห่งความตาย.
เทียนหลิงเอ๋อที่เต้นโหยง ๆ ไปยังทุกมุม สายตาของนางที่มองไปรอบ ๆ ตั้งแต่เข้าเมืองมา นางไม่เคยเห็นคนมากมายขนาดนี้มาก่อน.
อีกทั้งยังมีแผงขายของอยู่สองข้างทางเต็มไปหมด มีสิ่งของแปลก ๆ มากมาย สร้างความสนใจกับเทียนหลิงเอ๋อเป็นอย่างมาก.
ตามที่จงซานบอกกับนาง ในโลกปุถุชนนั้น สามารถที่จะซื้อทุกอย่างได้ตราบเท่าที่มีเงิน.
"ข้าต้องการนั่น."เทียนหลิงเอ๋อที่ชี้ไปยังหน้ากากผี.
ทันทีที่นางพูดจบ นางที่ก้าวออกไปนำก้อนเงินยื่นออกไปวาง พร้อมกับนำหน้ากากผีกลับมาอย่างมีความสุข นางที่หันหน้ากลับมาและวิ่งมาหาจงซานโดยที่ไม่รอเงินทอน พ่อค้าขายหน้ากากที่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก้อนเงินดังกล่าวนั้นสามารถที่จะซื้อร้านของเขาได้ถึงสิบร้านทีเดียว.
"จงซาน ดูนี่ ดูนี้ มันตลกชะมัดเลย!"เทียนหลิงเอ๋อที่ใส่หน้ากากให้จงซานเห็น.
จงซานซานที่ส่ายหน้าไปมา เห็นนางแสดงท่าทางสนุกสนาน เขาเองก็หาได้ใส่ใจเกี่ยวกับเงินเช่นกัน.
ตลอดทาง เทียนหลิงเอ๋อที่เห็นอะไรที่นางชอบนางก็จะซื้อมันในทันที.
"นี่มันถังหูลู่? กินได้อย่างงั้นรึ? ข้าต้องการอันหนึ่ง นี่ ๆ ."เทียนหลิงเอ๋อที่ดีใจเป็นอย่างมากนางที่นำถังหูลู่เสียบไม้มาและยื่นก้อนเงินออกไป นางกัดคำหนึ่งและวิ่งมาหาจงซาน.
ถังหูลู่ (糖葫芦) หมายถึง น้ำเต้าเคลือบน้ำตาล
"จงซาน เจ้าให้ข้ามาหนึ่งร้อยก้อนเงิน ตอนนี้เหลือเพียงแค่สิบก้อนแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่กำลังกัดถังหูลู่อย่างเอร็ดอร่อย.
จงซาน ในเวลานี้ ได้ทำการขายม้าเหงื่อโลหิตไปแล้วได้เงินมาเพียงแค่ห้าสิบก้อนเงิน เขาเพิ่งได้รับเงินมาและได้ยินสิ่งที่เทียนหลิงเอ๋อกล่าวออกมา.
เก้าสิบก้อนเงินถูกใช้ไปหมดแล้วรึ?
"อืม รับนี่ไปก็แล้วกัน ใช้อย่างระวัง เจ้าสามารถใช้ตั๋วเงินนี้ในการซื้อสิ่งของได้ หนึ่งตั๋วเงินเท่ากับหนึ่งพันก้อนเงิน."จงซานที่กล่าวพร้อมกับส่ายหน้าไปมา.
เก้าสิบก้อนเงินนั้นสามารถที่จะซื้อบ้านขนาดเล็กในเมืองแห่งนี้ได้เลย นางที่ซื้อสิ่งของมากมายเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยก้อนเงินจนหมดเลยรึ?
"ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเลยคราวนี้."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวอย่างมั่นใจ.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
จงซานที่ต้องการหาร้านอาหาร เขาที่จ้องมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นภัตตาคารขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล.
"พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ."จงซานที่กล่าวต่อเทียนหลิงเอ๋อ.
"อืม ๆ ."เทียนหลิงเอ๋อพยักหน้า.
นางที่ใช้จ่ายไปอีกห้าสิบก้อนเงินขณะที่ไม่มีใครเฝ้ามอง.
ขณะที่ทั้งคู่เดินทางมาถึงภัตตาคารดังกล่าว จงซานพบว่าสถานะที่แห่งนี้เป็นสถานที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ .
จินจวนโหลว!
จงซานที่รู้ทันทีว่าที่จริงที่นี่คือโรงพนันนั่นเอง และมีส่วนหนึ่งที่ขยายออกมาเป็นร้านอาหาร จงซานไม่ได้สนใจอะไรนักในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ขอแค่มีอาหารขายก็พอ.
ทั้งคู่ที่เดินเข้ามา.
"นายท่านทั้งสองมีอะไรให้ช่วยอย่างงั้นรึ?"บริการเฝ้าหน้าประตูทักทายด้วยความเคารพ.
"พาพวกเราไปโต๊ะอาหาร."จงซานที่กล่าวพร้อมกับยื่นก้อนเงินให้กับเขา.
"ครับนานท่าน เชิญทางนี้เลย ร้านอาหารของพวกเราอยู่บนชั้นสองและยังเป็นโต๊ะส่วนตัวอีกด้วย พวกเรามีอาหารชั้นยอดไว้คอยบริการมากมาย."พนักงานต้อนรับกล่าวตอบอย่างสุภาพ.
"อืม."จงซานพยักหน้าพร้อมกับพาเทียนหลิงเอ๋อเดินเข้าไปด้านใน.
พวกเขาพบว่าด้านในนั้นมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ดวงตาของเทียนหลิงเอ๋อที่เบิกกว้างเมื่อเห็นคนมากมายที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ นางที่อยากรู้เป็นอย่างมากสอบถามออกมา.
"จงซาน พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่?"เทียนหลิงเอ๋อที่ชี้ไปยังคนกลุ่มหนึ่งและกล่าวออกมาเสียงดัง.
"พวกเขากำลังเล่นพนัน."จงซานตอบ.
"พนันอย่างงั้นรึ?"ดางตาของเทียนหลิงเอ๋อที่สว่างจ้า นางที่เคยได้ยินว่ามันเป็นเหมือนเกมอย่างหนึ่งซึ่งมีอยู่ในทุก ๆ เมือง.
"ไว้พวกเรากินอาหารเสร็จแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปดู."จงซานกล่าว.
"อืม. ๆ "เทียนหลิงเอ๋อที่อดใจไว้ก่อนที่จะวิ่งตามจงซานขึ้นไปบนชั้นสอง.
จงซานที่เลือกโต๊ะริมระเบียงที่สามารถมองเห็นการเล่นพนันด้านล่างได้.