Chapter 19 การแข่งขันที่รุนแรง
หนานป่าเทียนที่เริ่มอธิบายความสามารถของมุกคงหลิง เมื่อหนานป่าเทียนกล่าวจบ ทุก ๆ คนต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น จับจ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ มุกคงหลิง? อาวุธวิเศษ?
ทุกคนเวลานี้ต่างจดจ้องไปยังประมุขด้วยความปรารถนาเต็มเปี่ยมในใจ ต่างก็สนใจในมุกคงหลิง ยิ่งคนที่มีพลังฝึกตนสูงยิ่งจ้องมองด้วยความคาดหวัง ส่วนคนที่มีพลังฝึกตนต่ำได้แต่มองทอดถอนใจ.
"ตอนนี้ พวกเราจำเป็นต้องหาคนที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนในระหว่างพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ยังก้าวไปไม่ถึงระดับสี่เซียนเทียนก็ตาม หากคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งพอ พวกเจ้าสามารถแข่งขันกับพวกเขาได้ และหากว่าเจ้าชนะ ก็มีโอกาสได้รับมุกคงหลิงเช่นกัน เทียนซวินจื่อที่จ้องมองไปยังคนอื่น ๆ.
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีขาว ที่เดินออกมาข้าง ๆ คนที่ก้าวไปถึงระดับสี่เซียนเทียน มือของเขาที่ยกขึ้นมาคารวะไปยังประมุขและผู้นำขุนเขาทั้งสองและกล่าวออกมาว่า"ข้าแม้ว่าจะอยู่แค่เพียงระดับสามเซียนเทียน ทว่าข้าปรารถนาที่จะขอสู้.”
"ได้."เทียนซวินจื่อตอบกลับ.
หลังจากชายคนนั้นแล้ว จงซานเองก็เดินตามออกมา.
"ศิษย์จงซานเองก็ปรารถนาที่จะสู้ด้วยเช่นกัน."จงซานที่ยกมือคารวะไปด้านหน้าอย่างเคารพ.
"ก็ได้."เทียนซวินจื่อที่จ้องมองไปยังจงซาน ดวงตาเป็นประกาย ราวกับว่าเขามีความนัยอะไรบางอย่าง.
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกมาอีก ทุกคนต่างก็รู้ถึงความต่างในแต่ละคน พวกเขาคิดว่าไม่มีทางที่จะสามารถต่อกรกับระดับสี่เซียนเทียนได้แน่.
"เจ้าทั้งสองอยู่ในระดับสามเซียนเทียน ให้สามารถเลือกคู่ต่อสู้ได้ก่อน ส่วนระดับสี่เซียนเทียนที่เหลือให้ต่อสู้กันเอง คนที่ชนะก็จะได้รับการคัดเลือก."เทียนซวินจื่อกล่าว.
"ครับ "คนทั้งหกที่ตอบรับ.
ชายชุดขาวนั้น ได้ทำการเลือกศิษย์ที่เป็นหญิงในสี่คนนั้น เหมือนว่าเขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้ถึงจะไปถึงระดับสี่เซียนเทียน ก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งกว่าเขา จงซานที่จ้องมองไปยังคนทั้งสามที่เหลือ.
จงซานไม่รู้ว่าใครฝึกวิชาอะไรกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเลือกใครในทั้งสามนั้นก็คงไม่ต่างกัน เขาจึงได้ชี้ไปยังคนที่ใช้ขวานเป็นอาวุธ เพราะว่าในความคิดของเขานั้น หากเทียบเป็นข้อ ๆ แล้ว คนที่ใช้ขวานไม่น่าจะทรงพลังกว่าดาบของเขาได้.
ชายคนดังกล่าวดวงตาเปล่งประกาย ราวกับว่าบุญหล่นทับ การต่อสู้กับระดับสามเซียนเทียน เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน.
"เอาล่ะ เตรียมตัว ประลองได้."เทียนซวินจื่อกล่าว.
หลังจากกล่าวเสร็จ ทุกคนที่รวมตัวกันกระจายไปยังกลุ่มต่าง ๆ การต่อสู้มีทั้งหมดสามคู่ จงซานและชายถือขวานอยู่ฝั่งทิศตะวันตก ส่วนอีกสองคู่นั้นอยู่ตรงกลางและอีกคู่อยู่สนามซีกตะวันออก.
เทียนหลิงเอ๋อและหนานป่าเทียนที่เดินมาเฝ้ามองคู่จงซาน ราวกับว่ากำลังให้กำลังใจเขาอยู่.
"ขอคำแนะนำด้วย."จงซานที่กล่าวเสร็จและชักดาบออกมา.
"เข้ามาได้เลย."ชายถือขวานที่ดูอารมณ์ดี เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเลย หนำซ้ำยังเหยียดหยันคนที่มีระดับต่ำกว่าเขาด้วยซ้ำ.
"เช่นนั้นต้องล่วงเกินแล้ว."จงซานกล่าว.
หลังจากที่พูดจบ เขาก็กระโดดขึ้นสูงพร้อมกับโจมตีออกไปยังชายถือขวานอย่างรุนแรง.
ทลายภูเขาสวรรค์
เพียงแค่กระบวนท่าแรกนั้น จงซานได้ใช้พลังทั้งหมดออกมา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถออมมือเอาไว้ได้เช่นกัน นอกจากนี้อีกฝ่ายยังอยู่ในระดับ 4 เซียนเทียน เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว.
เห็นการโจมตีดังกล่าวแล้ว ชายถือขวานถึงกับตกใจขึ้นมาทันที เขาตระหนักได้ว่าเขาได้ประมาทแล้ว ก่อนที่จะนำขวานยักษ์ของเขาขึ้นรับการโจมตีดังกล่าว.
"เครง ๆ ๆ ๆ "
การโจมตีของเพลงดาบที่เต็มไปด้วยพลังและจิตสังหารที่หนักหน่วง กระแทกขวานยักษ์ทำให้เขาต้องถอยออกไปหลายก้าว.
"แค๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ."
ประกายไฟที่อาบไปทั่ว ก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยบนพื้นแตกเป็นรอยร้าวใยแมงมุม.
จงซาน ที่เห็นว่าการโจมตีแรกนั้นดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ ก่อนที่จะตวัดดาบฟันลงไปอีกครั้ง.
ฟันทลายสรรพสิ่ง!
ทันใดนั้นการโจมตีกระบวนท่าที่สองก็กระแทกลงมาอย่างรุนแรง.
คู่ต่อสู้แม้ว่าเขาจะถือขวานที่ใหญ่กว่า ทว่าร่างกายของเขากลับมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก เขาที่ตวัดขวานป้องกันการโจมตีของจงซานเอาไว้ได้อีกครั้ง เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ต้องไม่ลืมว่าระดับสี่เซียนเทียน ระดับปราณแท้เขาย่อมมีมากกว่าจงซาน.
"ชิ."
ท่วงท่าของเพลงดาบของจงซานนั้นลื่นไหล พร้อมกับทุ่มพลังของเขาทั้งหมด โจมตีออกไปอย่างรุนแรงราวกับว่าดาบของเขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย การโจมตีที่รวดเร็วสอดคล้องกัน เป็นพายุบุแคม ครั้งแล้วครั้งเล่า โจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทุกกระบวนท่าของเขารวดเร็วและแม่นยำ ทุกคนที่เห็นดูราวกับว่าจงซานนั้นบ้าไปแล้ว เป็นการโจมตีที่ดุร้ายยิ่งนัก ทุกคนที่อยู่ในระดับสามเซียนเทียนตอนนี้คงไม่มีใครเทียบเขาได้แล้ว ตอนนี้พวกเขาคงได้แต่ยอมรับแต่โดยดี.
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามนั้นอยู่ในระดับสี่เซียนเทียน พลังกายย่อมมีเหนือกว่าจงซานและความเร็วก็ต้องเหนือกว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยการโจมตีที่บ้าคลั่งรุนแรงไม่หยุดหย่อนทำให้เขายังไม่สามารถตั้งตัวได้ การโจมตีของจงซานเองก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงมาก ราวกับว่าเขากำลังจะโยนตัวเองลงไปอยู่ในอยู่ปากเหวแห่งความตายพร้อมตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นมา.
ถึงกระนั้น เพียงแค่ความดุร้ายรุนแรงจะเพียงพออย่างงั้นรึ? ชายถือขวานที่ได้แต่ป้องกัน ทว่าตอนนี้เขาเริ่มที่จะโต้กลับได้แล้ว จงซานเวลานี้เริ่มไม่สามารถกดดันเขาได้แล้ว.
พื้นที่รอบ ๆ การต่อสู้ของพวกเขาแตกระแหงกระจายไปทั่ว ทว่ากับทำให้การต่อสู้นี้ดูน่าตื่นเต้นมากขึ้นและมากขึ้น พวกเขาต่างก็โจมตีด้วยพลังทีรุนแรงตามด้วยกระบวนท่าที่หนักหน่วงของแต่ละคน.
จงซานรู้สึกว่า ตอนนี้เขาไม่ได้เปรียบแล้ว หากว่าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะเป็นเขาเองที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามกดดันจนสุดท้ายต้องเพลี่ยงพล้ำ ต้องไม่ลืมว่าปราณแท้ของเขานั้นมีน้อยกว่า ยิ่งต่อสู้นานไปก็จะยิ่งเสียเปรียบไปเรื่อย ๆ .
กายาเทพอสูร!
"ทลายภูเขาสวรรค์" จงซานที่ตะโกนเสียงดังกล้ามเนื้อขยายใหญ่ กลิ่นอายจิตสังหารที่หนักหน่วง การโจมตีของดาบราวกับว่าระเบิดพลังออกมาในทันที ดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ฟันออกไปด้วยความดุร้ายไปยังฝ่ายตรงข้าม.
ฝ่ายตรงข้ามเองราวกับว่าสัมผัสได้ถึงอันตรายและได้รวบรวมพลังทั้งหมดออกมาต้านทาน ดาบและขวานเข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น.
"เครง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ "
เสียงโลหะถูกบดขยี้ไปในทันที ขวานยักษ์ถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง ฝ่ายตรงข้ามของเขาที่ลอยกระเด็นออกไปตามขวานของเขาด้วยการโจมตีของจงซาน จงซานที่เหินร่อนลงพื้น ใบหน้าที่ดุดันโหดร้ายค่อย ๆ ลดลง ชายถือขวานระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขานั้นดูเหมือนจะมีโลหิตซึมไหลออกมา.
ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่พ่ายแพ้นั้น บาดแผลที่เขาได้รับ คงจะต้องใช้เวลาครึ่งเดือนในการรักษา.
จงซานที่หายใจหนักหน่วง พร้อมกับทำให้พลังกลับมามั่นคง ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินกลับมา.
เมื่อเขาหันหน้ากลับมา จงซานก็พบเขาเหล่าศิษย์ใหม่รุ่นเดียวกันกับเขา ตอนนี้ถึงกับนิ่งงันแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย จงซาน ระดับสามเซียนเทียน? สามารถล้มระดับสี่เซียนเทียนได้อย่างงั้นรึ?
ส่วนอีกสองสนามการต่อสู้นั้น ได้ตัดสินชัยชนะไปก่อนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญระดับสามเซียนเทียนอีกคนพ่ายแพ้ไปแล้วเช่นกัน และผู้เชี่ยวชาญระดับสี่ก็แพ้ระดับสี่อีกคน.
เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เทียนหลิงเอ๋อที่แอบกล่าวออกมาเบา ๆ "ทำได้ดีมาก."
หนานป่าเทียนเองก็หัวเราะร่วนทว่าก็ไม่ได้กล่าวออกมา เห็นได้อย่างชัดเจน เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน อย่างไรก็ตามระดับสามเซียนเทียนและระดับสี่เซียนเทียนไม่ได้แตกต่างกันในความเห็นของเขา.
ส่วนคนอื่น ๆ เอง แม้แต่ศิษย์ขั้นสองของสำนักไคหยางยังต้องขมวดคิ้วจ้องมองจงซาน เผยสีหน้าไม่อยากเชื่ออยู่ด้วยเช่นกัน.
ประมุขและผู้นำขุนเขาทั้งสองที่มองหน้ากันและกัน ดวงตาที่มีประกายแสงแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ประมุขเทียนเทียนซวินจื่อ ที่จริงเผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด จ้องมองจงซาน ดวงตาเปล่งประกายเบิกกว้างขึ้นมาทีเดียว.
คนที่พ่ายแพ้ แน่นอนว่าต้องกลับไปในกลุ่มของศิษย์ใหม่.
จงซานและอีกสองคนที่เดินออกมาด้านหน้าประมุข.
"ยอดเยี่ยม เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสามคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นนี้ เช่นนั้นก็รับมุกคงหลิงไป."เทียนซวินจื่อกล่าว.
หลังจากกล่าจบ คนทั้งสามก็ได้รับแร่โปร่งใสไป มีขนาดเท่ากับกำปั้นมือ จงซานที่ได้รับมุกดังกล่าวมา รู้สึกว่ามุกดังกล่าวนั้นค่อนข้างอ่อนนุ่มแทบไม่มีน้ำหนัก.
นี่คือมุกคงหลิงอย่างงั้นรึ?
ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบตรวจสอบในเวลานี้ จงซานที่เก็บมันเข้าไว้ในอกเสื้อ ไว้กลับไป เขาค่อยตรวจสอบอย่างระเอียดก็ได้.
"เอาล่ะ พวกเจ้าที่ได้รับมุกคงหลิงเป็นรางวัล หลังจากนี้สิบห้าวัน พวกเจ้าทั้งสามให้เดินทางไปยังห้องโถงไคหยาง ข้ามีภารกิจให้กับพวกเจ้า."เทียนซวินจื่อกล่าว.
"ครับ ท่านประมุข."จงซานที่ตอบกลับพร้อมกับคนทั้งสอง พร้อมกับท่าทางสงสัยอยู่เช่นกัน.
"พวกเจ้าแยกย้ายกันได้แล้ว หรือใครต้องการสามารถเดินทางไปเลือกวิชาใหม่เพื่อฝึกฝนก็ได้."เทียนซวินจื่อกล่าว.
"ครับ ท่านประมุข."ศิษย์ทุกคนที่ตอบรับ
หลังจากนั้นเหล่าศิษย์ขั้นสองที่อยู่หลังท่านประมุขต่างก็ออกมาแนะแนวเหล่าศิษย์ใหม่ในการก้าวไปสู่ระดับแกนทอง.
"จงซาน ยินดีด้วย!"หนานป่าเทียนที่เผยยิ้มออกมาให้เขา เทียนหลิงเอ๋อเองก็เผยรอยยิ้มขณะเดินเข้ามาหาจงซาน.
"อืม ข้ากำลังจะไปดูเคล็ดวิชาใหม่ คืนนี้ค่อยเจอกันที่ติงสุ่ยเซียของข้าแล้วกัน พวกเราค่อยพูดคุยกัน."จงซานกล่าวต่อทั้งสอง.
"ตกลง."ทั้งคู่พยักหน้าเห็นด้วย.
จงซานที่เร่งรีบเดินทางไปยังหอตำราในทันที.
เห็นจงซานจากไปแล้ว ดวงตาของประมุขที่ขมวดไปมา ภายในสายตาของเขาแสดงท่าทางสนใจจากนั้นเขาก็เหินจากไปพร้อมกับผู้นำขุนเขาทั้งสอง.
ภายในหอตำรานั้น จงซานที่พบเคล็ดวิชาระดับเซียนเทียนเล่มหนึ่ง.
"วิชาเงาจู่โจม."
จงซานที่เห็นเคล็ดวิชาดังกล่าวนี้ก่อนหน้านี้แล้ว ชัดเจนว่ามันเป็นวิชาลอบโจมตี จงซานคิดว่านี่คือวิชาลับ ไม่ใช่สำหรับตัวเขาเอง ทว่าสำหนับใครอีกคนต่างหาก.
หลังจากนั้นสองชั่วโมง. ที่รัฐต้าคุน ร่างแยกเงาของเขาก็ได้ทำการคัดลอกคัมภีร์ดังกล่าวโดยการส่งเคล็ดวิชาผ่านจงซานร่างหลัก หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่พักติงสุ่ยเซีย ก่อนหน้านี้ ที่เขาไม่ได้คัดลอกวิชานั้นเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะรับประสบการณ์ในการท่องจำให้มั่นคง ซึ่งการท่องจำนั้นจะทำให้พัฒนาความคิดของเขาได้ด้วย การคัดลอกนั้นแม้ว่าจะดูแตกต่างกันเล็กน้อยในการทำความเข้าใจ ทว่ารายระเอียดเล็ก ๆ น้อยนั้นกับแตกต่างกับการคัดลอกอย่างสิ้นเชิง.
หลังจากที่กลับไปยังติงสุ่ยเซีย เขาก็นั่งเพ่งพิศตรวจสอบมุกคงหลิงอย่างระเอียด.