Chapter 18 ฉากหนึ่งที่น่าหลงไหล.
"ตูมมมม"
จงซานที่กระโดดขึ้นมาบนน้ำและพุ่งตรงขึ้นไปบนฝั่ง ระหว่างทิศทางนั้นเขาที่ชำเลืองมองเห็นสาวงามผมสีขาว.
จงซานที่ลอยอยู่บนอากาศ ใบหน้าที่ตื่นตะลึงอย่างรุนแรง สาวงามที่ยืนกุมหน้าอกเองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏมีชายที่กระโดดลอยขึ้นมาจากน้ำพุร้อน.
ผู้ชาย? เป็นไปได้อย่างไร?สาวงามที่จ้องมองไปยังชายคนหนึ่งที่กระโดดขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ ตลอดชีวิตนางนั้น ไม่เคยมีบุรุษคนใหนเคยเห็นร่างเปลือยของนาง เช่นนั้นควรทำอย่างไร?
ขณะที่จงซานกระโดดขึ้นมาจากน้ำ ก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเช่นกันกับร่างที่งดงามอยู่ด้านหน้าของเขา.
ขาวไปหมด จงซานที่เห็นร่างที่ยืนนิ่งงันอยู่ด้านหน้า ผิวกาย ผมและอื่น ๆ เขาที่คาดไม่ถึงมาก่อน ผมสีขาว เป็นสีขาวหิมะ ขาวอย่างประณีต ไม่ใช่ผิวขาวเช่นคนแก่ ทว่าเป็นความขาวที่ส่องประกายเป็นมันสีเงิน.
ผิวกายที่มีสีชมพูอ่อน ๆ สายตาที่นิ่งงันของจงซานถึงกับต้องสะดุ้งตกใจ.
จงซานที่ได้สติเมื่อลอยอยู่บนอากาศ เมื่อเขาเห็นชัดว่าเป็นหญิงสาว เขารู้ทันทีว่าเป็นปัญหาใหญ่ได้เข้ามาแล้ว.
เป่ยชิงซือ นี่คือเป่ยชิงซือแน่นอน ศิษย์พี่ลำดับสามศิษย์ขั้นสองสำนักไคหยาง และยังอยู่ขั้นแกนทองระดับสูงสุด นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? นางไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า?
ร่างของเป่ยชิงซือที่เปลือยเปล่า รูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ขาวบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ความงามสะพรั่งที่โลกต้องตกตะลึง ราวกับเป็นเทพธิดาที่หล่นลงมาจากสวรรค์ ปรากฏขึ้นด้านหน้าของจงซาน.
นี่เป็นความตื่นตระหนกเป็นครั้งแรกของจงซาน เขาไม่ได้หนุ่มอีกต่อไปแล้ว มีเจตนาในใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีทางที่ต้องการจ้องมองไปยังร่างงามนั่นอย่างหื่นกระหายอยู่แล้ว เขาที่คิดจะหลบฉากหลังจากพิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.
หากแต่ตอนนี้ลอยอยู่บนกลางอากาศแล้วและไม่สามารถที่จะเหวี่ยงตัวหลบได้ทัน เขาที่พุ่งตรงไปยังทิศทางของเป่ยชิงซือ หากว่าเขาก็หล่นลงไปบนร่างของนาง เช่นนั้นเขาจะต้องตายไปอย่างแน่นอน เป่ยชิงซือนั้นอยู่ในขั้นแกนทอง นางจะต้องสังหารเขาแน่ เพราะว่าเขาล่วงละเมิดการอาบน้ำของนาง?
ทำอย่างไรดี?ต้องทำอย่างไรดี? จงซานที่กระวนกระวายใจขณะที่ลอยอยู่บนอากาศ.
อย่างไรก็ตาม เป่ยชิงซือในเวลานั้นท้ายที่สุดก็ตั้งสติได้.
"อา ๆ ๆ ๆ "
ท่ามกลางเสียงหวีดร้องและความสับสน ฝ่ามือของนางกระแทกไปยังร่างของจงซานลอยออกไปทันที.
"ตูมมมมมมม"
ไร้ซึ่งพลังในการต้านทาน จงซานลอยไกลออกมา.
"ตูมมมมม."จงซานถูกกระแทกหล่นลงไปในน้ำพุร้อนอีกครั้ง.
"พรึด ๆ ๆ "
จงซานที่พ่นโลหิตคำโต ฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น อะไรจะโชคร้ายขนาดนี้ โชคร้ายเกินไปแล้ว.
เขาที่ตะเกียกตะกายพาตัวขึ้นมาบนฝั่งก่อนที่จะนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนฝั่ง.
ฝ่ามือของเป่ยชิงซือกระแทกเข้าไปบนอกของจงซาน กลายเป็นรูปฝ่ามือที่บนอก ส่องประกายสีแดง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและกลายเป็นสีดำคล้ำ จงซานที่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปหมด หากไม่เพราะว่าเขาฝึกฝนวิชากายาเทพอสูร บางทีเขาคงจะตายไปแล้ว.
"ซี่ ๆ ๆ "
เป่ยชิงซือหลังจากที่สวมชุดเรียบร้อยแล้ว กระบี่สีขาวของนางก็มาจ่ออยู่ที่คอของจงซาน เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางซับซ้อน ริมฝีปากที่ขบแน่น ราวกับว่านางต้องการที่จะสังหารจงซาน ทว่าทางกลับรั้งรอที่จะแทงกระบี่ลงไป เพียงแค่จ่อไปที่คอของจงซานเท่านั้น.
จงซานในเวลานี้ยืนอยู่บนปากเหวแห่งความตายไปแล้ว เขาที่ค่อนข้างหวั่นใจทีเดียว หากเขาถูกนางลงโทษบาดเจ็บก็ยังสามารถรักษาได้ ทว่าหากนางสังหารเขา เช่นนั้นทุก ๆ สิ่งที่เขาคาดหวังก็จะจบไปในทันที.
เขาที่เริ่มใช้ทักษาหงหลวน สร้างหมอกหลงหลวนในมือพร้อมที่จะปล่อยออกมาได้ทุกเวลาทว่า จงซานตอนนี้ยังไม่กล้าขยับ เพราะกระบี่ที่กำลังจ่อคอของเขาอยู่ หากว่าเขาขยับเพียงเล็กน้อยจะต้องตายแน่นอน เขาที่รั้งรอหากกระบี่พุ่งมาเมื่อไหร่เขาก็จะใช้หมอกกำหนัดหงหลวนทันที ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องตายเป็นแน่แท้.
จงซานที่หายใจหอบ ๆ พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก."ท่านหญิง ข้าขออภัยที่ล่วงเกินท่าน ข้าจงซาน ไม่ได้ต้องการทำเช่นนั้นเลย ที่จริงข้าอยู่ในน้ำพุร้อนนี้ ก่อนที่ท่านจะมาถึงซะอีก."
หลังจากที่ได้ยินว่าจงซาน สายตาของเป่ยชิงซือก็เปลี่ยนไป นางที่ชักกระบี่กลับคืนมา.
"เจ้า เจ้าคือจงซานอย่างงั้นรึ?"เป่ยชิงซือที่กัดริมฝีกปากแน่น ท่าทางโศกเศร้าที่แสดงออกมา ดูเหมือนว่าหากบุรุษที่หน้านางไม่ใช่จงซาน นางคงจะสังหารเขาในทันที.
"ใช่แล้ว ข้าคือศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักเมื่อปีที่แล้ว จงซาน "จงซานที่ตอบกลับมาเขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้เขามีโอกาสรอดแล้ว ทว่า เขาก็ยังคงรวบรวมหมอกหลวนเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมเอาไว้เช่นเดิม.
"หนึ่งปีที่แล้ว เจ้าคือคนที่นำชิ้นส่วนหยกกลับมาสินะ?"เป่ยชิงซือที่จ้องมองจงซานด้วยความรู้สึกผสมปนเป ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงความยากลำบากของโลกใบนี้.
จงซานไม่เข้าใจกับท่าทางของเป่ยชิงซือเท่าใดนัก ทว่าเขาก็พยักหน้าตอบรับ.
เมื่อจงซานยืนยันแล้ว ทันใดนั้นเป่ยชิงซือก็เก็บกระบี่ นางที่หลับตาเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า ราวกับว่านางได้นึกถึงเรื่องเศร้าอย่างสุดซึ้งในใจ.
ในเวลานี้ จงซานสามารถบอกได้ว่าเขาปลอดภัยแล้ว เขาไม่รู้เหมือนกัน เหตุผลดังกล่าวนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนหยกที่เขานำมา อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางไม่สังหารเขา ทุกอย่างก็ถือว่าดีแล้ว.
"ขอบคุณ."เป่ยชิงซือลืมตาขึ้นมาทันที ประกายแสงแห่งความเศร้ายังแฝงลึกอยู่ในสายตาของนาง ขณะที่นางกล่าวต่อจงซาน.
ขอบคุณข้า?เรื่องอะไร? เรื่องที่เห็นนางอาบน้ำอย่างงั้นรึ?
เห็นท่าทางจงซานขมวดคิ้ว เป่ยชิงซือตระหนักได้เขาอาจจะเข้าใจผิด นางจึงได้กล่าวออกมาว่า "ขอบคุณที่ส่งชิ้นส่วนหยกกลับมา."
"หาได้ใช่เรื่องใหญ่"จงซานพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไรอีก.
"นี่คือเม็ดยาหุ่ยชุน ให้ถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น."เป่ยชิงซือที่โยนขวดหยกสีขาว ขนาดเล็กให้เขา ทันทีที่รับมาก นางก็ถอนธวัชขนาดเล็กทั้ง 16 ทำให้หมอกรอบ ๆ หายไป พร้อมกับก้าวขึ้นไปบนกระบี่เหิน ลอยหายไปลับตาจงซาน.
จงซานที่รู้สึกดีใจที่เห็นเป่ยชิงซือจากไป พร้อมกับทำการสลายหมอกหลงหลวนที่ฝ่ามือ.
จงซานที่จ้องมองดูขวดหยกสีขาว ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดมันออกมา กลิ่นยาที่แพร่ออกมาจากขวด จงซานที่ทำการตรวจสอบขวดยาดังกล่าวอย่างระมัดระวัง.
จงซานไม่รู้ว่าเม็ดยาหุ่ยชุนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง ทว่าเขามั่นใจว่ามันเป็นเม็ดยาในการรักษาแผลอย่างแน่นอน เขาคิดว่าควรจะเก็บเอาไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินกว่านี้ดีกว่า เขาในตอนนี้เองก็ไม่ได้บาดเจ็บเลวร้ายขนาดนั้น.
เขาเคยชินกับมันซะแล้ว ทุก ๆ ครั้งที่เขาใช้วิชากายาเทพอสูร เขาก็จะอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนี้นัก.
เขาที่กลับลงไปในสระน้ำร้อนเข้าไปยังถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์เพื่อรักษาแผลของเขาอีกครั้ง.
หลังจากนั้นสามวัน อาการบาดเจ็บของจงซานก็หายไปจนหมดสิ้น.
เขาออกมาจากถ้ำอีกครั้ง พร้อมกับปิดปากถ้ำเหมือนเดิม และระมัดระวังกว่าเดิมในการโผล่ขึ้นบนผิวน้ำ เขาจะต้องมั่นใจก่อนว่าไม่มีอันตรายใด ๆ จากนั้นก็กลับไปยังที่พักติงสุ่ยเซี่ยของเขา.
เขาที่เปลี่ยนชุดหลังจากที่เขากลับไปยังติงสุ่ยเซี่ย และพักผ่อนอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะสะพายดาบเอาไว้ด้านหลัง และเดินทางไปยังลานฝึกของยอดเขาไคหยาง ซึ่งเป็นวันนัดรวมเหล่าศิษย์ใหม่นั่นเอง.
ขณะที่จงซานมาถึงลานฝึกนั้น ที่แห่งนี้ก็มีคนมากมาย ศิษย์ปีแรกยกเว้นจงซาน ต่างก็มารวมตัวกันหมดแล้ว.
หนานป่าเทียนที่เป็นผู้คุมเหมือนดังปีที่แล้ว เขาที่ยืนอยู่ด้านหน้าทุกคนที่เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ เมื่อเขาเห็นจงซาน ก็ชำเลืองมองเหล่ออกไปเล็กน้อย.
จงซานเข้าใจได้ทันทีและเร่งรีบเข้าแถวอย่างรวดเร็ว.
"ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้ว วันนี้ เป็นการรวมตัวเพื่อตรวจสอบพัฒนาการของทุกคน หากว่ามีใครที่ประสบความยากลำบากในการฝึกฝน พวกเจ้าสามารถเข้าไปยังหอคัมภีร์เพื่อที่จะค้นหาวิชาที่แตกต่างไปได้ นับจากตอนนี้เป็นต้นไปข้าไม่ใช่ศิษย์พี่เก้าอีกต่อไปแล้ว.ตอนนี้ข้าคือศิษย์พี่ลำดับหกแล้ว."หนานป่าเทียนกล่าว.
"ครับ."ทุก ๆ คนตอบรับ.
"ทุก ๆ คนเข้าแถวเรียงกันเอาไว้ อีกสักพัก ท่านประมุขและศิษย์พี่ขั้นสองจะมาที่นี่เพื่อตรวจสอบพวกเจ้าทุกคน "หนานป่าเทียนที่กล่าวออกไปเสียงดัง.
"ครับ."ศิษย์ใหม่ทั้งหมดที่ตอบรับด้วยความตื่นเต้น.
หลังจากที่หนานป่าเทียนกล่าวจบ ก็มีคนกว่ายี่สิบคนที่เหินลงมาจากยอดเขาไคหยาง.
เมฆสีขาวขนาดใหญ่ที่เหินลอยมา มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อตั้งวิญญาณของสำนักไคหยางนำหน้า ตามมาด้วยศิษย์ขั้นสองอีกหลายคน.
หลังจากที่พวกเขาเหินลงมาบนพื้น ประมุขเทียนซวินจื่อก็โบกมือทำให้เมฆเหล่านั้นหายไป เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาสามารถอัญเชิญเมฆสีขาวได้.
จำนวนเหล่าศิษย์ขั้นสองนั้น จงซานไม่เห็นเป่ยชิงซืออยู่ในนั้น อย่างไรก็ตาม เทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ด้านหลังเทียนซวินจื่อ.
ประมุขและผู้นำขุนเขาทั้งสองเริ่มตรวจสอบศิษย์ทุกคนในลานฝึก.
จงซานได้ยินจากเทียนหลิงเอ๋อกล่าวก่อนหน้านี้ การจะสามารถมองเห็นพลังฝึกตนของคนอื่น ๆ ได้นั้นจะต้องมีระดับมากกว่าคน ๆ นั้นสองขั้น หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง ในระดับเซียนเทียนจะต้องเป็นระดับก่อตั้งวิญญาณถึงจะสามารถมองเห็นได้ ส่วนระดับแกนทองนั้นไม่สามารถ.
หลังจากทำการตรวจสอบศิษย์ทั้งหมด เหล่าอาจารย์ต่างก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาจ้องมองมายังจงซาน ก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
ระดับสามเซียนเทียนแล้วรึ? ด้วยพรสวรรค์ที่มีน้อยนิด เขากลับพัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้ได้ในเวลาหนึ่งปีได้รึ?
ประมุขและผู้นำขุนเขาได้แต่เพียงพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจงซานจะก้าวไปถึงระดับสามก็ตามที ทว่าก็ยังไม่อยู่ในสายตาพวกเขาแต่อย่างใด.
"ข้าได้เห็นพลังฝึกตนของทุกคนแล้ว สำหรับคนที่มีความเร็วยังไม่ดีนัก สิบวันหลังจากนี้ จงไปเลือกคัมภีร์ที่แตกต่างออกไป ส่วนคนที่เหลือ คนที่ก้าวไปถึงระดับ 4 ให้ก้าวออกมา."ประมุขเทียนซวินจื่อกล่าว.
มีสี่คนในศิษย์ใหม่ที่ก้าวออกมาด้วยความตื่นเต้น ชายสามคนและหญิงอีกหนึ่งคนที่ก้าวออกมายืนด้านหน้า.
ศิษย์ขั้นสองที่จ้องมองไปยังคนทั้งสี่ด้วยความยินดี เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนทั้งสี่นั้นเป็นคนที่พวกเขาเลือกมาและในอนาคตข้างหน้าจะต้องเป็นหนึ่งในศิษย์ขั้นสองแน่นอน.
"สี่คน ยอดเยี่ยม ระดับสี่เซียนเทียน ตามกฎของสำนักไคหยางคนที่อยู่ระดับสูงสามคนในปีแรกของศิษย์ใหม่จะได้รับ มุกคงหลิง ทว่าตอนนี้มีอยู่ด้วยกันถึงสี่คน."เทียนซวินจื่อกล่าว.
ศิษย์ทั้งสี่ในเวลานี้ต่างขมวดคิ้วขณะที่ได้ยินเทียนซวินจื่อกล่าวถึงมุกคงหลิง?
คนอื่นอาจจะไม่รู้ ทว่าจงซานได้ยินจากหนานป่าเทียนว่า มุกคงหลิงนั้นสามารถใช้สร้างอาวุธวิเศษได้ มุกคงหลิง สามารถที่จะยกระดับอาวุธธรรมดาเป็นอาวุธวิเศษขึ้นได้นั่นเอง.
รองเท้าขับวายุของจงซาน เป็นอาวุธวิเศษอยู่แล้วแต่ไม่มีระดับขั้น.
อาวุธวิเศษนั้นมีอยู่ทั้งหมดเก้าขั้น ต่ำสุดคือระดับหนึ่ง และสูงสุดอยู่ในระดับ 9 มุกคงหลินนั้นมีความสามารถในการปลูกฝังจิตสำนึกลงไปในอาวุธวิเศษได้ เป็นเหมือนไข่ที่ทำการหล่อเลี่ยงด้วยปราณแท้ เมื่อทำการสกัดกลั่นปราณแท้และถ่ายแก่นแท้ลงไปไม่หยุดหย่อน จะสามารถสกัดกลั่นอาวุธวิเศษเหล่านั้นได้ ซึ่งจะทำให้อาวุธวิเศษนั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย.
จงซานรับรู้ดีว่าอาวุธวิเศษทั้งหลายนั้น ถูกสร้างขึ้นมาด้วยปราณแท้ แก่นแท้ที่มีจิตสำนึก ซึ่งจะมีความแตกต่างกันตามแต่ผู้ฝึกตนแต่ละคน จะทรงพลังขนาดใหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ฝึกตนคนนั้น ๆ .
จงซานนั้นต้องการมุกคงหลิงอยู่ไม่น้อย ผ้าแพรสีแดงของเทียนหลิงเอ๋อนั้นเป็นอาวุธวิเศษล่ะดับสอง แม้แต่ง้าวยักษ์ของหนานป่าเทียนเองก็เป็นอาวุธวิเศษระดับสองเช่นกัน เขาสามารถใช้มุกคงหลิง เพื่อที่จะทำให้ดาบของเขาเป็นอาวุธวิเศษได้.