ตอนที่แล้วChapter 169 เซียนเซิง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 171 แผนหนึ่ง วิกฤติสงคราม.

Chapter 170 การแข่งขันเป็นเจ้าเมือง.


ห้าวันหลังจากนั้น จงซานที่เริ่มเข้าใจกับสถานการณ์ทั่วไป.

ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั้นมีต้าไท่จื่อสี่คน ทั้งสี่ต่างก็เป็นเฟิงหวัง(รัชทายาท)ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่าเฟิงหวังนั้นได้รับวาสนามรรคาระดับกลางสองเท่าเป็นการทับซ้อนของตำแหน่งซึ่งควรที่จะมีวาสนาระดับฝึกฝนเป็น 20 เท่า ทว่ากลับมีความเร็วเพียง 15 เท่า อย่างไรก็ตาม ก็มีความเร็วกว่าไท่จื่อทั่วไปที่มีระดับความเร็วการฝึกฝนสิบเท่า.

ทายาทของเหนือหัวนั้นมีอยู่มากมาย ทว่าไท่จื่อนั้นมีแค่สี่คน และสี่คนคือคนที่มีศักยภาพสูงที่สุด ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นบุตรของเขา แม้แต่หลานก็ได้ ตราบเท่าที่มีสายโลหิตของเขา ทุกคนล้วนมีโอกาส.

สำหรับกงจูดูเหมือนจะแตกต่างจากโลกปุถุชน ลูกหลานของเหนือหัวที่เป็นหญิงนั้นจะเรียกว่า จวินจู่ ซึ่งได้รับมรรคาที่อ่อนนุ่ม มีเพียงแค่บางคนเท่านั้นที่จะได้รับบรรดาศักดิ์เป็นกงจูโดยเฉพาะ และได้รับมรรคาระดับกลาง ซึ่งมีความเร็วพลังฝึกตนสิบเท่า.

กงจูเฉียนโหยว คือธิดาของต้าไท่จื่อ เป็นหลานสาวของเหนือหัว มีบรรดาศักดิ์เป็นกงจู ได้รับวาสนามรรคาระดับกลาง มีความเร็วในการฝึกฝนสิบเท่า.

สี่ต้าไท่จื่อนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจเต็มไปด้วยความความสามารถ ต้าไท่จื่อ บิดาของกงจูเฉียนโหยว ไท่จื่อเจิ้งอี้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อ๋องเจิ้งอี้.

อ๋อง (อักษรจีน: 王; พินอิน:wáng) ซึ่งแปลว่า พระมหากษัตริย์

ทว่ากล่าวได้ว่าที่นี่เมืองอู๋ซวังนั้นเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของต้าไท่จื่อสองคน.

ไท่จื่อต้าเสวียน หรือเรียกว่าอ๋องต้าเสวียน เป็นคนที่มีความสามารถที่น่ากลัวมาก หากอิทธิพลทั้งหมดตกอยู่มือคนผู้นี้ เช่นนั้นคงยากที่จะต่อต้านราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีได้.

กล่าวอีกอย่างหนึ่ง เหล่าขุนนางและขุนพลทางการทหาร เกือบทั้งหมดเป็นคนของอ๋องต้าเสวียน ยกเว้นองค์เหนือหัวแล้ว อิทธิพลของต้าเสวียนอ๋องนั้นมากที่สุด ไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้เลย.

หากเจ้าเมืองอู๋ซวังเป็นคนของอ๋องต้าเสวียนล่ะก็ กองกำลังทหารทั้งหมดก็จะกลายเป็นของอ๋องต้าเสวียน ทว่าตอนนี้การปกครองทางการเมืองและการทหารยังแยกกันอยู่ โดยมีเฉิงตงสี่คนในการบริหารเมือง เป่ยเฉิงตงเป็นคนของอ๋องต้าเสวียน ทว่าหนานเฉิงตงเป็นคนของอ๋องเจิ้งอี้.

เมื่อเมืองหน้าด่านนี้ถูกยกระดับให้กลายเป็นเมืองใหญ่ แน่นอนว่าจะต้องมีการคัดเลือกเจ้าเมืองใหม่จากสี่เฉิงตง.

ตอนนี้ มีการเลือกตั้งโดยมีผู้รับการคัดเลือกสี่คน.

หลังจากฝ่ายขุนนางพิจารณา ก็จะส่งรายงานแก่องค์เหนือหัว และเหนือหัวก็จะทำการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และหากสถานการณ์เป็นไปเช่นนี้แล้วล่ะก็อาจกล่าวได้ว่าคนที่จะเป็นเจ้าเมืองนั้นก็คือโม่ไป่หลีอย่างไม่ต้องสงสัย.

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองนั้นซับซ้อน ทุกคนเองก็ไม่หวังให้อ๋องต้าเสวียนนั้นได้ฐานอำนาจเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าจะดูภายนอกที่ดูสดใสไม่มีปัญหา แต่เหตุการณ์ภายในกลับยุ่งเหยิง มีการโต้เถียง ขัดแย้งกันขึ้นทุกทิศทุกทาง.

ต้าไท่จื่อทั้งสี่นั้นต่างก็มีกลยุทธ์และแผนการของตัวเอง ทุกคนต่างก็มีศักยภาพที่ทัดเทียมกัน แต่ละคนต่างก็มีกุนซือที่ไว้ใจในการวางแผน สถานการณ์ภายในนั้นซับซ้อนแต่ละคนต่างก็มีแผนการที่สมบูรณ์แบบ มีเขี้ยวเล็บที่แหลมคมซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น.

การการแข่งขันนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหนึ่งในพิธีการอย่างหนึ่ง เป็นหนึ่งในเวทีของการคัดเลือก.

นอกเหนือจากราชสำนักแล้ว องค์เหนือหัวที่คอยเฝ้ามองการแข่งขันนี้อยู่อย่างสุขุม ในมุมมองของพระองค์นั้นเป็นเรื่องธรรมดา นี่เป็นส่วนหนึ่งของการปกครอง ซึ่งอาจจะมีความวุ่นวายบ้าง แต่ก็เป็นการแข่งขันกันเพื่อต้าโหลว.

องค์เหนือหัวที่ควบคุมชะตาฟ้า สามารถที่จะเคลื่อนผืนฟ้าและปฐพี ควบคุมความเป็นไปทั้งหมดของราชวงศ์ หากแต่ด้วยมันสมองของคน ๆ หนึ่ง ยากที่จะขับเคลื่อนผืนฟ้าและปฐพีไปจนถึงจุดสูงสุดได้ เพื่อการนั้น จึงสร้างเหตุการณ์การแข่งขันเพื่อให้เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนราชวงศ์.

การจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เป็นหนึ่งในเส้นทางต่อกรกับพลังของสวรรค์!

เมืองอู๋ซวังนั้น เป็นเมืองหน้าด่าน มีพื้นที่เชื่อมต่อกับเขตแดนของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี เป็นเมืองที่มั่นคง มีป้อมปราการและม่านพลังป้องกันที่ไม่ธรรมดา.

เจ้าเมือง จะได้รับวาสนามรรคาที่อ่อนนุ่ม ซึ่งถูกยกระดับจากเมืองหน้าด่านเป็นเมืองใหญ่ ซึ่งวาสนามรรคาระดับอ่อนนุ่มนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเมืองใหญ่อื่น ๆ ในราชวงศ์ต้าโหลวเลย.

มรรคาที่อ่อนนุ่มนั้น จะทำให้พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า ทว่าตำแหน่งเจ้าเมืองนั้น น่าจะเพิ่มเป็น 3.5 เท่า หรือแม้แต่สี่เท่าด้วยซ้ำ หากว่าเจ้าเมืองอยู่ภายใต้อำนาจของอ๋องต้าเสวียน แน่นอนว่าจะทำให้อ๋องต้าเสวียนได้รับวาสนาเพิ่มอีก.

แม้ว่าจะได้เพิ่มไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ เก็บ สะสมอีกหลายแห่ง เก็บเล็กผสมน้อย หลาย ๆ เมืองรวมกัน ใครจะยอมพลาดโอกาสนี้ล่ะ?

ก็หมายความว่า การแข่งขันในครั้งนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสเพิ่มวาสนา คล้าย ๆ กับการเพิ่มโอกาสที่จะเป็นเหนือหัวคนต่อไป.

เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ คัดเลือกจากเฉิงตงทั้งสี่ ด้วยการยกระดับเมืองหน้าด่านอู๋ซวังให้กลายเป็นเมืองใหญ่ ซึ่งเมืองทางการทหารตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นเมืองทั่วไปอย่างเป็นทางการ ด้วยการเลือกตั้งคัดเลือกเจ้าเมืองในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนทุกคนพึงพอใจเลยทีเดียว.

อ๋องต้าเสวียนที่เชื่อว่าอิทธิพลของเขาในเมืองอู๋ซวัง มีกองกำลังทหารเป็นจำนวนมากในปกครอง เจ้าเมืองคนแรกนั้น ย่อมต้องเป็นคนของเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.

ส่วนอ๋องเจิ้งอี้ ก็มั่นใจเช่นกัน เรื่องที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้อาจจะเป็นไปได้ นอกจากนี้สุ่ยเทียนหยาหนานเฉิงตงยังเป็นคนของเขา นอกจากนี้เขายังได้ส่งบุตรสาวที่ชาญฉลาดที่สุดออกมาช่วย โอกาสเลือกตั้งครั้งนี้ย่อมมีโอกาสประสบผลสำเร็จ.

ต้าไท่จื่อคนอื่น ๆ ตอนนี้กำลังหยุดนิ่งรอคอยเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ .

เมืองอู๋ซวัง มีประชาชน ทหารและขุนนาง รวม ๆ กันแล้ว 10 ล้านคน เป็นเมืองใหญ่ที่แข็งแกร่ง มีทหาร 1.2 ล้านคน เหล่าเจ้าหน้าที่ 50,000 คน และประชาชนธรรมดาทั่วไป 8.75 ล้านคน.

จงซานที่เฝ้ามองข้อมูลในมือ ทั่วทั้งร่างกำลังแช่อยู่ในน้ำร้อนที่มีกระแสไฟฟ้าที่แล่นไปมาไม่หยุด บ่อน้ำร้อนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังสายฟ้า.

หลายวันมานี้ กงจูเฉียนโหยวได้มอบทรัพยากรมากมาย สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการฝึกฝนวิชาให้กับจงซาน.

ห้องฝึกฝนวิชาที่สร้างจากศิลาสายฟ้า และยังมีผลไม้อสนี รวมทั้งยังมีสุราหยาง แม้แต่สาวงามมากมายคอยให้บริการ บ่อน้ำร้อน ที่ดูเหมือนธรรมดาแต่กับมีพลังสายฟ้าที่เข็มข้น ทำให้พลังฝึกตนของจงซานเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย.

กับสภาพแวดล้อมเช่นนี้นับว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมที่สุดของจงซาน แน่นอนว่าเขาได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม นี่ก็เพราะว่าด้วยทักษะความสามารถเชาว์ปัญญาของจงซาน หากว่าจงซานเป็นคนที่โง่งม ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์ร่างกายที่ดี ก็เพียงได้รับการดูแลทั่วไปเท่านั้น แน่นอนว่าศักยภาพของแต่ละคนนั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังฝึกตน.

จงซานรู้สึกซาบซึ้งในตัวกงจูไม่น้อย ก่อนหน้านี้ที่ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองกงจูเฉียนโหยวดูแลเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าผลประโยชน์ครั้งนั้นจะเป็นพวกเขาได้รับ แม้ว่าพลังของเขานั้นจะอ่อนด้อย ทว่าก็ยังได้รับความโปรดปราณจากกงจูเฉียนโหยว หากไม่เพราะนางในวันนั้น หยิงหลานไม่มีทางได้รับสืบทอดจิตวิญญาณค่ายกล ด้วยการได้รับการดูแลจากคนของนางในครั้งนั้น ส่งผลให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว.

ดังนั้น หลายวันมานี้ จงซานได้เค้นสมองรวบรวมความคิดเพื่อที่จะช่วยนางแก้ปัญหา.

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสุ่ยเทียนหยานั้นด้อยกว่า กองกำลังทั้งหมดเลือกโม่ไป่หลี และในเมืองอู๋ซวังเองก็ยังมีหลากหลายตระกูลที่ทรงอิทธิพล กับเจ้าเมืองคนใหม่นี้ ทุกคนส่วนมากล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์กับโม่ไป่หลี สี่เฉิงตงที่ปกครองเมืองอู๋ซวังทั้งสี่เขต แม้แต่เขตแดนทิศใต้เขตการปกครองของเขา สุ่ยเทียนหยายังไม่สามารถยึดครองได้อย่างสมบูรณ์ การจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้ ยาก! เป็นงานที่ยากมาก ๆ !

ร่างที่อาบไปด้วยบ่อน้ำร้อนไหลแปบ ๆ  จงซานที่ค่อย ๆ ลึกขึ้นจากบ่อน้ำร้อน และยังมีสาวใช้ที่งดงามเป็นอย่างมากค่อยดูแลซึ่งเป็นคนที่กงจูเฉียนโหยวส่งมาก คอยรับใช้จงซาน แม้แต่เช็ดตัวและสวมใส่เสื้อผ้า จงซานที่แต่งการเสร็จก็เดินออกมาช้า ๆ .

ขณะที่เขาเดินข้ามาถึงห้องรับรอง ทันใดนั้นก็เห็นกงจูเฉียนโหยวที่กำลังดื่มชา อาต้า อ้าเอ้อยื่นอยู่ด้านหลัง มีสุ่ยเทียนหยาที่นั่งอยู่อีกข้าง.

กงจู่เฉียนโหยวที่สวมชุดของบุรุษ ทว่าก็ยังดูสง่างามเป็นอย่างมาก.

"หืม?กงจูมาอย่างงั้นรึ? ทำไมไม่บอกกล่าวเลยล่ะ?"จงซานที่กล่าวออกมาทันทีด้วยท่าทางละอายใจ.

"เซียนเซิงอาบน้ำอยู่ เฉียนโหยวย่อมไม่กล้ารบกวน "กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"กงจูอย่าได้เกรงใจ"จงซานส่ายหน้าไปมาพร้อมเผยยิ้มออกมา.

"เซียนเซิง เรื่องเลือกตั้งเจ้าเมืองนั้น เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วรึยัง?"กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวสอบถามออกมา.

จงซานที่ก้าวเข้ามานั่งยังเก้าอี้ตรงข้ามกับกงจูเฉียนโหยวอย่างนุ่มนวล.

"กงจูเฉียนโหยว ช่วยบอกเรื่องราวของเซียนเซิงสุ่ยจิงให้ฟังได้หรือไม่? ข้าคิดก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนอื่นควรจะรู้เรื่องของฝ่ายตรงข้ามให้มากกว่านี้สักหน่อย."จงซานกล่าว.

"เซียนเซิงสุ่ยจิง นอกเหนือจากท่านพ่อแล้ว ฝ่าบาทเอง ก็ยังเรียกเซียนเซิงด้วยเช่นกัน เฉียนโหยวชื่นชมเซียนเซิงสุ่ยจิงไม่น้อย เคยติดต่อกับเซียนเซิงสุ่ยจิง ก็รับรู้ว่าเขาคือคนที่มีความสามารถที่หายากในโลกหล้า เป็นกุนซือที่น่าเกรงขาม ทว่าดูเหมือนว่าจะยังคงปกปิดความสามารถของเขาเป็นความลับ เพราะว่าเขาคือคนที่พิเศษ ตำหนักอ๋องต้าเสวียน เคยเชื้อเชิญเขาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถได้รับการตอบรับเลย."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

ได้ยินคำพูดของกงจูเฉียนโหยวแล้วทำให้จงซานขมวดคิ้วไปมา หลังจากที่ได้พูดคุยกับนางมาหลายวัน จงซานสามารถบอกได้ว่ากงจูเฉียนโหยวนั้นเป็นคนที่ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความภาคภูมิอหังการมั่นใจในตัวเอง แม้ว่านางจะเรียกเขาว่าเซียนเซิง ทว่านั่นก็เป็นเพียงเหตุผลทางการเมืองเท่านั้น ไม่ได้ชื่นชมเขาอย่างลึกซึ้งจากภายในหัวใจ ทว่าสำหรับเซี่ยนเซิงสุ่ยจิงแล้ว กับทำให้นางกล่าวออกมาด้วยความชื่นชมขนาดนั้นเลยรึ?

"เซียนเซิงสุ่ยจิงและกู่หลิง เดินทางมาถึงเมืองอู๋ซวังก่อนข้าสามวัน สามวันนี้ เซียนเซิงสุ่ยจิงได้โน้มน้าว ตงเฉิงตงและซีเฉิงตง ให้ทั้งสองยอมแพ้กับการเลือกตั้งนี้ และให้ช่วยเหลือเป่ยเฉิงตงโม่ไป่หลีได้สำเร็จ."กงจู่เฉียนโหยวกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว.

"กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้เขตแดนตะวันออก ตะวันตกและทิศเหนือ ต่างก็ช่วยเหลือโม่ไป่หลี ทว่าใต้เท้าสุ่ยมีเพียงแค่เขตใต้เพียงเขตเดียว และยังไม่สามารถที่จะยึดครองเสียงทั้งเขตได้สำเร็จอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สูดหยใจยาว.

"อืม."สุ่ยเทียนหยาที่พยักหน้าพลางถอนหายใจ สถานการณ์เวลานี้ไม่ค่อยดีนัก.

"กงจูเวลานี้มีการจัดเตรียมอย่างไรรึ?"จงซานสอบถามออกไป.

"กงจูได้ให้ข้านำผู้ใต้บังคับบัญชา 1,000 คน รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้ออกหาเสียงไปทั่วเมืองอู๋ซวัง และทำให้ประชาชนทั่วไปรู้จัก ตราบเท่าที่ข้าได้รับตำแหน่ง จะทำการลดภาษี และยังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปกำหนดนโยบายการปกครอง เพื่อรวบรวมคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วไป."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"การกระทำของกงจู ผู้น้อยชื่นชมนัก."จงซานกล่าวออกมาทันที.

การโฆษณานั้น นับว่าเป็นหนึ่งที่ช่วยในการหาเสียง แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นแค่เรื่องพื้นฐานที่ดี ทว่าก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน.

"เซียนเซิงล้อข้าแล้ว ข้าเองได้พยายามที่จะเพิ่มฐานเสียง ทว่าเซียนเซิงสุยจิงเองก็ทำเช่นกัน หนำซ้ำโม่ไป่หลียังมีคนมากกว่าในเมืองอู๋ซวัง."กงจูเฉียนโหยวที่สายหน้าไปมา.

"เฮ้ เฮ้ การหาเสียงนั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าหากใช้เป็นระยะเวลานั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเปลี่ยนฐานเสียงได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ ข้าเพิ่งมีความคิดบางอย่าง ที่จะแนะนำกงจู."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

ได้ยินว่าจงซานมีความคิด กงจูเฉียนโหยวดวงตาเป็นประกายทีเดียว กงจูเฉียนโหยวนั้นมีกุนซือกว่าสิบคนในเวลานี้ ทว่ากลับไม่มีใครมีความคิดดี ๆ เลย แต่จงซานที่ปรากฏตัวไม่กี่วันมีแผนการอย่างงั้นรึ?

สุ่ยเทียนหยาที่ชำเลืองมองไปยังจงซาน ไม่รู้ว่าเขามีความคิดจริง ๆ อย่างงั้นรึเหรอ!

จงซานที่นำหมากรุกจีนออกมาวางไปบนโต๊ะน้ำชา จัดวางหมากหมากสีขาวยังฝั่งทิศใต้ ทิศเหนือ วางหมากสีดำแทนตัวฝั่งทิศเหนือล้อมรอบทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตกและทิศเหนือ.

จงซานที่หยิบหมากสีดำหนึ่งหมากและหมากสีขาวหนึ่งหมาก ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล "ตอนนี้หากราชวงวงศ์ราชันย์ต้ายวีได้เข้าโจมตีเมืองอู๋ซวังในทันที กงจู ท่านคิดว่าหมากสีดำทิศใต้ควรที่จะทำอย่างไรดี?"

กับคำถามของจงซานนั้น สุ่ยเทียนหยาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ทำได้แค่มองไปยังหมากสีดำที่อยู่ในมือของจงซาน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าทันใดนั้นกงจูเฉียนโหยวก็วางแก้วชาลงบนโต๊ะ พร้อมกับลุกขึ้นยืนพรวดพลาดด้วยความตื่นเต้น.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด