Chapter 17 เป่ยชิงซือ.
หลังจากทำการพูดคุยเรื่องต่าง ๆ อีกมากมาย พวกเขาตกลงกันว่าจะมาพบกันอีกในเดือนหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารและวิธีการฝึกกัน จากนั้นหนานป่าเทียนก็จากไป.
หลังจากที่ทั้งสองจากไปหมดแล้ว จงซานก็ส่ายหน้าไปมา ทั้งคู่นั้นเหมือนกับดอกไม้ในเรือนกระจก การฝึกฝนของพวกเขานั้นง่ายดายไม่ได้ผ่านความยากลำบากมากมายนัก.
จงซานที่กลับไปเก็บเสบียงที่เขาเตรียมไว้ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์ เมื่อกลับลงไปยังถ้ำใต้น้ำก็เริ่มบำเพ็ญวิชาดาบสวรรค์กายสุริยันทันที.
จงซานที่ก้าวไปถึงระดับสองเซียนเทียน และตอนนี้เขายังได้รับวิชาที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมทีเดียว อย่างไรก็ตาม ในรุ่นของเขานั้นมีคนที่ก้าวไปถึงระดับสามเซียนเทียนแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเหนือกว่า ฝึกฝนเร็วกว่า แต่วิชาที่มีคงไม่เหนือกว่าเขาแน่นอน.
นอกจากนี้พรสวรรค์ของเขาไม่ดีนัก ดังนั้นจึงได้พยายามให้หนัก เพื่อที่จะทดแทนพรสวรรค์ที่เขาขาดไป.
ในเวลานี้ จงซานฝึกฝนวิชาดาบสวรรค์กายสุริยันในถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์ ไม่หยุดเลย หากว่าเข้าสู่จุดตีบตัวเขาก็จะเข้าไปต่อสู้กับสัตว์อสูร ทำเช่นนี้ตลอด ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นไม่หยุด.
เป็นเวลาแปดเดือนแล้วนับตั้งแต่จงซานเดินทางมาถึงสำนักไคหยาง อย่างไรก็ตามจงซานไม่เพียงไปถึงระดับสองเซียนเทียนเท่านั้น ทว่ายังไปถึงระดับสองขั้นปลายแล้ว นับว่าถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์นั้น มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะกับการฝึกฝนวิชาของเขามาก ทว่าเขาก็ยังไม่เร่งทะลวงผ่านไปยังขั้นต่อไป และเขาไม่ควรเร่งรีบ ไม่ควรทะลวงผ่านระดับหากยังไม่พร้อม ต้องไม่ลืมในอดีตหลายสิบปีที่เขามุ่งมั่นมาที่นี่? เคยประสบปัญหามาก่อน เช่นนั้นเขาจะต้องก้าวไปอย่างมั่นคง.
เวลานี้เขาได้กลับมายังบ้านพัก ติ่งสุ่ยเซี่ย ตอนนี้เขาเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวโพดด้วยการใช้ดาบ จงซานที่ยืนอยู่กลางทุ่งพร้อมกันนี้ก็สับไปยังต้นข้าวโพดเหมือนกับผ่าฟืน จงซานตระหนักได้ว่าเขานั้นไม่ได้มีพรสวรรค์และไม่ใช่อัจฉริยะ ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกฝนซ้ำ ๆ ไป ซึ่งตอนนี้กำลังฝึกฝนท่าร่างของเพลงดาบ การวาดดาบออกไป พร้อมกับปิดตา ตวัดฟัดเก็บเกี่ยวข้าวโพดอย่างแม่นยำ.
เพราะว่าขาดพรสวรรค์ ดังนั้นการฝึกฝนของเขาจะต้องฝึกฝนด้วยการใช้ปัญญาเข้าช่วย อย่างไรก็ตาม เขาหาได้ใช่คนโง่เขลา เขาได้คิดค้นวิธีการต่าง ๆ มากมายเพื่อใช้ในการสนับสนุนการฝึกของเขา.
เขาจะต้องชำนาญในกระบวนท่าทลายภูเขาสวรรค์และฟันทลายสรรพสิ่ง ของเพลงดาบสวรรค์กายสุริยัน จงซานที่ฝึกฝนวันแล้ววันเล่า ด้วยการฝึกง่าย ๆ แต่จริงจังกับทุกการฝึก ในตอนแรกนั้นเขาได้ฝึกฝนการฟันในการผ่าฟืน ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นผ่าหิน จงซานที่ต้องจ้องมองให้เห็นรอยร้าวในหิน เป็นรอยร้าวที่ไม่สามารถมองเห็นจากด้านนอก ด้วยการลับสัมผัสให้เฉียบคม จงซานที่สามารถระบุรอยแตกของหินได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จะสามารถโจมตีไปยังจุดที่อ่อนแรงที่สุดได้.
กล่าวเหมือนง่าย ทว่าการจะทำจริงนั้นเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งจำเป็นต้องมีความแม่นยำอย่างน่าเหลือเชื่อ.
จงซานที่ฝึกฝนที่สวนของเขา หนานป่าเทียนและเทียนหลิงเอ๋อที่เดินทางมาหาเขา.
"จงซาน เจ้ารู้ไหม?ผมและคิ้วของศิษย์พี่ลำดับสามของพวกเราได้กลายเป็นสีขาวไปแล้ว"หนานป่าเทียนที่กำลังรินน้ำชาอยู่บนโต๊ะศิลา.
แน่นอนว่าจงซานย่อมรู้ว่าศิษย์พี่ลำดับสามที่หนานป่าเทียนกล่าวคือใคร นางก็คือศิษย์พี่เป่ยชิงซือศิษย์ขั้นสองนั่นเอง ทั้งหนานป่าเทียนและเทียนหลิงเอ๋อทั้งคู่ต่างมั่นใจว่าตัวเองจะก้าวไปถึงระดับแกนทองในเวลาไม่ช้านี้ จนคิดว่าตัวเองได้กลายเป็นศิษย์ขั้นสองของสำนักไคหยางไปแล้ว.
"ผมเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมดอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วกับคำพูดของหนานป่าเทียน.
"ใช่แล้ว มันเป็นสีขาวที่งดงามทีเดียว ไม่ได้ไร้สีสัน ดูเปล่งประกาย เป็นความงามที่น่าทึ่งมาก."หนานป่าเทียนที่ถอนหายใจเล็กน้อยออกมา.
"แน่นอนมันจะเป็นขาวซีดได้อย่างไร ที่ข้าได้ยินจากเตี่ย เหตุผลที่ผมของนางเปลี่ยนเป็นสีขาวนั้นเป็นเพราะสายโลหิตพิเศษของนางได้ตื่นขึ้นมาแล้วต่างหาก ข้าลองถามเตี่ยอยู่หลายครั้งแต่ท่านก็ไม่ได้บอกอะไรเลย ข้าเองก็ได้สอบถามศิษย์พี่ชิงซือเช่นกัน ทว่านางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ซ้ำยังแสดงท่าทางเศร้าใจออกมาอีกด้วย."เทียนหลิงเอ๋อที่ยกน้ำชาขึ้นจิบ.
"สืบทอดสายโลหิต?"จงซานที่จ้องมองไปยังคนทั้งสอง.
"ถูกแล้ว ข้าได้ยินว่าใครที่สืบทอดสายโลหิตพิเศษมา พวกเขาจะมีทักษะที่คนทั่วไปไม่สามารถมีได้ อีกทั้งยังเป็นทักษะที่ทรงพลังอีกด้วย."เทียนหลิงเอ๋อที่อธิบาย.
"อืม นั่นเป็นเพราะสืบทอดสายโลหิตพิเศษมานั่นเอง."หนานป่าเทียนที่กล่าวเสริม.
"เออ ใช่ เสี่ยวหนานจื่อ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเองก็มีสายโลหิตตกทอด เพียงแต่มันไม่ได้ปรากฏออกมาหลายรุ่นแล้ว มันเป็นสายโลหิตอะไรอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อสอบถามออกไปตรง ๆ .
"ข้าเหรอ? ใครบอกว่าข้ามีกัน? ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง."หนานป่าเทียนตอบกลับ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา.
"เตี่ยข้าบอกเช่นนั้น."เทียนหลิงเอ๋อตอบกลับ.
"ข้าไม่รู้."หนานป่าเทียนหันหน้าหนี ไม่ยินดีที่จะยอมรับ.
"ดี ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก."เทียนหลิงเอ๋อที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์.
เห็นท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อแล้ว จงซานได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับเผยยิ้มออกมา เทียนหลิงเอ๋อนั้นไร้เดียวสาและตรงไปตรงมา ชอบหาเรื่องสนุกเล่น ดูเหมือนว่ามันจะเป็นวิธีผ่อนคลายในการฝึกฝนของนาง.
"ยังเหลืออีกสี่เดือนก็จะสิ้นปีเจ้ายังไม่ทะลวงผ่านระดับอีกรึ?"หนานป่าเทียนจ้องมองไปยังจงซาน.
"ยัง ข้าวางแผนที่จะออกไปฝึกข้างนอกอีกสักระยะจวบจนครบหนึ่งปี เช่นนั้นพวกเราค่อยมาพบกันเป็นอย่างไร."จงซานที่จ้องมองไปยังคนทั้งสองขณะพูด.
เห็นท่าทางของจงซานแล้ว ทั้งคู่ก็รู้ดีว่าจงซานจะต้องฝึกฝนอย่างหนักแน่ ทั้งสองจึงทำได้แค่พยักหน้า.
"เจ้าฝีกหนักเช่นนี้จะดีเหรอ."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง.
"อย่าได้กังวล."จงซานที่กล่าวออกมาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา.
เมื่อทั้งคู่จากไป จงซานก็เริ่มเก็บเกี่ยวพืชพรรณและเนื้อแห้ง.
ในครั้งนี้ เขาจะต้องเก็บตัวฝึกฝนสี่เดือน แน่นอนว่าเข้าจะต้องก้าวไปยังระดับ 3 เซียนเทียนได้แน่.
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกสี่วันหลังจากนี้จะเป็นวันรวมตัวกันของศิษย์ใหม่ครบหนึ่งปี.
จงซานที่นั่งอยู่ภายในถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์ ตอนนี้อยู่ในช่วงสำคัญ ถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะก้าวไปยังระดับสามเซียนเทียน ประกายแสงสีแดงที่ส่องประกายไปทั่วร่างของเขากระจายไปทุกทิศทุกทาง พร้อมกับปราณสีแดงมากมายที่ล้อมรอบร่างกายของเขาเหมือนกับหมอกไม่มีผิด.
เหงื่อที่หลั่งไหล่ออกมาไม่หยุด ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักผลักดันเพื่อให้ผ่านระดับไปอีกขึ้น.
"ซ่า!"
จงซานที่ตะโกนออกไปเสียงดัง เหงื่อทั่วร่างของเขาที่ระเหยออกไปหมด ดวงตาที่เบิกกว้าง เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับ 3 เซียนเทียนได้.
จงซานที่รู้สึกไม่พอใจโชคชะตาและเหยียดหยันพรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเพราะความเจ็บปวดนี้มันได้กลายเป็นแรงผลักดันทำให้เขามีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น.
เขาได้ก้าวไปถึงระดับสามเซียนเทียนแล้ว เขาควบคุมลมหายใจให้กลับมาเป็นปรกติช้า ๆ ก่อนที่จะสวมชุดและรองเท้าขับวายุ พร้อมกับเตรียมออกไป เขาที่ต้องการกลับไปเตรียมพร้อมที่ติงสุ่ยเซี่ยเพื่อกลับเข้าชุมนุมศิษย์ใหม่ จงซานรู้ดีว่าวันดังกล่าวนั้นจะมีศิษย์ขั้นสองตลอดจนประมุขและผู้นำขุนเขามารวมตัวกัน หากว่าเขาโชคดี อาจจะได้รับคำชี้แนะ ซึ่งอาจจะช่วยประหยัดเวลาในการฝึกของเขาได้.
สถานที่อีกแห่งขณะที่จงซานกำลังทะลวงพลังฝึกตนไปยังระดับสามเซียนเทียนนั้น ที่บนหุบเขาน้ำพุร้อนนี้ได้มีเงาร่างสีขาวที่กำลังเหินมายังสระน้ำร้อนข้างบนถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์.
ร่างสีขาวราวหิมะ ผมสีขาว คิ้วสีขาว ผิวทั้งหมดขาวหิมะ แม้แต่ดวงตายังส่องประกายแสงสีขาว พร้อมกับกระบี่ยาวสีขาวหิมะ เห็นเป็นเงาเลือนเหมือนหมอกกลุ่มใหญ่.
เป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นเหมือนกับบัวหิมะที่เกิดบนภูเขาน้ำแข็ง ล้อมรอบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียว คือสายตาของนางที่ดูราวกับว่ามองเห็นโลกใบนี้เต็มไปด้วยความหนาวเย็น.
ร่างที่ดูสะอาดบริสุทธิ์ ทั่วร่างของนางที่เป็นเหมือนหิมะบริสุทธิ์ แม้แต่กำไลที่นางสวมใส่ยังเป็นสีขาวล้วน กำไลดังกล่าวนั้นคือกำไลเก็บของต่างมิตินั่นเอง นางที่สะบัดมือปรากฏธวัชขนาดเล็กสิบหกอันออกมาจากที่เก็บของต่างมิติ.
นางที่ปักธวัชขนาดเล็ก ๆ รอบ ๆ กลายเป็นค่ายกลขึ้นมา.
ทันทีที่ค่ายกลดังกล่าวถูกปักลงไป ทั่วทั้งหุบเขาในเวลานี้เต็มไปด้วยไอน้ำมากมายนับไม่ถ้วน เพียงเวลาไม่นาน ก็ทำให้พื้นที่แห่งนี้พร่าเลือน.
แน่นอนว่าธวัชที่ปักลงไปนั้นไม่เพียงแต่เป็นค่ายกลป้องกัน อีกทั้งยังเป็นค่ายกลปิดพื้นที่ไม่ให้ใครสามารถเข้ามาได้.
เมื่อนางสร้างค่ายกลขึ้นมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางได้เปลื้องชิ้นส่วนแต่ละชิ้นบนร่างกายออกมาตลอดจนชุดของนางก็ถูกเก็บเข้าไปในกำไรเก็บของของนาง ร่างกายสีขาวที่เปล่งประกาย ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินตรงลงไปในบ่อน้ำร้อน และเริ่มอาบน้ำพุร้อนเพื่อชำระล้างร่างกาย.
ด้วยความผ่อนคลาย ขณะที่นางกำลังแช่น้ำชำระความสะอาดร่างของนางอย่างมีความสุข นางที่พิงอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ ลอยคออยู่เหนือน้ำ หลังจากนั้นชั่วขณะ นางก็หลับตาพิงศิลายักษ์อย่างสบายอารมณ์.
อีกด้านหนึ่งจงซานที่อยู่ใต้สระน้ำพุร้อน ซึ่งลึกลงมา และมีหินปิดปากถ้ำของเขาด้วย ตอนนี้กำลังว่ายน้ำขึ้นมาช้า ๆ บนผิวน้ำ.
ที่ก้นของสระน้ำพุร้อนที่จงซานอยู่นั้น ลึกมาก แน่นอน ระยะเวลาขึ้นมาบนผิวน้ำนั้นต้องใช้เวลาหนึ่งธูปไหม้ทีเดียว จงซานไม่เร่งรีบว่ายน้ำค่อย ๆ ขึ้นมาบนผิวน้ำอย่างสบายใจ.
หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง สาวงามที่รู้สึกว่านางได้อาบน้ำมาเป็นช่วงระยะเวลานานเหมือนกัน นางจึงค่อย ๆ ขยับเดินขึ้นมาบนฝั่ง ซึ่งนางเดินขึ้นมาช้า ๆ น้ำพุร้อนอยู่ในระดับเข่า หญิงสาวที่จ้องมองไปยังรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของตัวเอง นางที่ถูหน้าอกเบา ๆ ทว่าสัมผัสได้ว่าพื้นน้ำเวลานี้กำลังเป็นระลอกคลื่น ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง.
"พรึดดดดด"(กระเซ็น)
ที่ใจกลางของน้ำพุร้อนนั้น เกิดเป็นลูกคลื่น จงซานที่โผล่พรวดขึ้นมาบนผิวน้ำในชุดสีขาว.