ตอนที่แล้วChapter 165 ให้ตำแหน่งจงซาน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 167 หนังสือยินยอม.

Chapter 166 ปริศนาสองข้อ.


สิบวันหลังจากนั้น ลานที่พักของสุ่ยอู๋เหิน บนเกาะลอยฟ้า จงซานและหนานป้าเทียน พวกขาทั้งคู่นั่งอยู่บนโต๊ะศิลา ซึ่งมีแก้วสองใบ พวกเขาได้รับตราประทับสลักสีทับทิม ของราชวงศ์ต้าโหลวที่มีอักขระปรากฏอยู่ ซึ่งมีชื่อ และตำแหน่งงานของพวกเขา.

ด้านหน้า "ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว.

ด้านหลัง จงซาน องค์รักษ์ชั้นสาม.

ด้านหน้า ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว.

"ด้านหลัง หนานป้าเทียน นายกองทหารแนวหน้า.

ทั้งสองคนได้ตราประทับเรียบร้อยแล้ว รูปร่างเหมือนกับก้อนอิฐอย่างเป็นทางการ จงซานเองก็เพิ่งรับรู้เช่นกันว่าประชาชนทุกคนต่างก็มีตราประทับเช่นนี้ เพียงแต่ว่าหากเป็นประชาชนทั่วไปจะมีอักขระเซาหมิง เป็นตำแหน่งด้านหลัง.

草民 [cǎo mín] "คนธรรมดา"

นอกจากนี้ยังไม่ใช่ตราประทับธรรมดา ทว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เหมือนกับบัตรประชาชนในโลกเดิมของเขา และยังเป็นของวิเศษที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้อีกด้วย.

ทั้งสองคนยังไม่ได้จัดเก็บตราประทับ ตอนนี้ได้หิ้วเหยือกสุรามา.

"ป้าเทียน พวกเราได้สถานที่ทำงาน ตอนนี้คงจะต้องแยกกันแล้ว วันนี้ข้าจึงได้เตรียมสุรามาเพื่อร่ำลาเจ้าเป็นพิเศษ.

"อืม ข้าและเจ้าต่างก็อยู่ในราชวงศ์ต้าโหลว ไว้พบกันอีกครั้ง ดื่ม."หนานป้าเทียนที่ยกแก้วขึ้นชน.

"เครง!"

แก้วสุราชนกัน คนทั้งสองที่ดื่มสุรา ซึ่งนี่เป็นสุราเก้าจิตวิญญาณหมื่นเกสรซึ่งจงซานได้ซื้อมา เป็นพิเศษ เพื่อฉลองร่ำลากับหนานป้าเทียนโดยเฉพาะ.

"ข้าต้องเดินทางไปอีกเมืองหนึ่ง มีแต่สงครามเท่านั้นถึงจะทำให้ประสบความสำเร็จ เจ้าอยู่ในเมืองอู๋ซวัง เป็นองค์รักษ์ขั้นสาม อนาคตข้างหน้าดูสดใส."หนานป้าเทียนเผยยิ้มออกมา.

"ฮ่าฮ่า พวกเราเองก็ไม่ได้ต่างกัน ไว้เจอกันวันหน้ามาเทียบกันว่าใครจะก้าวหน้ากว่ากัน."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ได้ วันข้างหน้าใครจะก้าวหน้ากว่ากัน."หนานป้าเทียนที่ยกแก้วขึ้น.

"เครง"แก้วสุราที่ยกขึ้นชนกัน ทั้งสองที่ดื่มสุราไปในทันที.

"ก่อนหน้านี้เจ้าร้ายกาจมากเลย ถึงกับสังหารไปคนหนึ่งและซัดคนอื่น ๆ ลอยไปตั้งหลายคน ข้าสงสัยว่า ถึงแม้ว่าสุ่ยต้าเหรินจะไม่ปรากฏ โม่เหยี่ยนปิงก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเรา."หนานป้าเทียนที่เผยยิ้มออกมา.

"เจ้าตัวตลกนั่นนะรึ? มีอะไรต้องใส่ใจ? เขาไม่ได้อยู่ในสายตาข้าแต่แรกแล้ว มา ๆ  ดื่ม "จงซานที่ยกสุราขึ้นอีกแก้ว.

"ดี ไม่มีอะไรให้ต้องกล่าวถึง."หนานป้าเทียนที่เผยยิ้มออกมา.

"จะอย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกเป็นห่วงพี่น้องของข้าเช่นเจ้ามากกว่า ขอให้เจ้าประสบความสำเร็จในอนาคต."จงซานกล่าว.

"ดี."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่น.

สามวันหลังจากนั้น หนานป้าเทียนก็ออกจากเมืองอู๋ซวังไปกับกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่ง ทว่าจงซานและสุ่ยอู๋เหิน ยังคงอยู่.

ในวันนี้จงซานก้าวขึ้นไปบนกระบี่เหิน บินลึกเข้าไปในเมืองอู๋ซังกับสุ่ยเทียนหยา ผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมง ก็ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นเกาะลอยฟ้าที่มีม่านแสงสีแดง.

"เอาล่ะ หลังจากนี้ที่แห่งนี้จะเป็นที่ทำงานของเจ้า."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"อืม."จงซานพยักหน้ารับ.

หลังจากที่ก้าวเข้ามาด้านใน พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทหารคุ้มกันมากมายประจำการอยู่ พื้นที่รอบ ๆ ดูโอ่อ่าเป็นอย่างมาก หนำซ้ำยังมีวิหคและสัตว์อสูรหายากอีกด้วย.

ไม่ไกลออกไปนั้นมีตำหนักอยู่หลายแห่ง.

สุ่ยเทียนหยาที่นำจงซาน ตรงไปยังตำหนักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั่นเอง.

ตำหนักโหยวเซียง!

ภายในตำหนักโหยวเซี่ยง นั้นมีองค์รักษ์มากมายอยู่เต็มไปหมด ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะมีบุคคลที่สำคัญไม่ธรรมดาอยู่ด้านใน.

จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ก่อนที่จะก้าวตามสุ่ยเทียนหยาไป.

"ที่นี่ล่ะ."สุ่ยเทียนหยาที่ก้าวตรงไปยังด้านใน.

จงซานที่พยักหน้า.

จงซานที่ก้าวเข้ามาด้านใน เขาสามารถมองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจน ที่ตรงกลางนั้นมีโต๊ะหยกที่มีรัศมีสิบเมตร ดูเหมือนว่าจะเป็นของวิเศษด้วย สามารถที่จะปล่อยแสงและสร้างภาพลอยอยู่บนอากาศ เป็นแสงที่ฉายรูปลักษณ์ของภูเขาแม่น้ำลำธาร ตลอดจนตำแหน่งต่าง ๆ ภายในเมือง แม้แต่กำแพงเมือง ป้อมปราการทุกอย่างได้ปรากฏขึ้นด้านบนโต๊ะหยก.

เมืองอู๋ซวัง นี่คือภาพฉายของเมืองอู๋ซวัง นับว่าเป็นแผนที่ที่สมบูรณ์มาก เป็นแผนที่ที่สมจริงเป็นอย่างมาก.

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญนั้นจงซานเห็นคนที่คุ้นหน้าสองคน.

ที่ใจกลางห้องโถงนั่นมีคนสามคน สองคนยืนอยู่ด้านหลัง เหมือนกับเป็นองค์รักษ์ประจำตัว ส่วนอีกคนหนึ่ง ซึ่งถือพัดอยู่ในมือ จ้องมองไปยังภาพของแผนที่เมืองอู๋ซวังที่ฉายออกมา.

เห็นองค์รักษ์ทั้งสอง จงซานที่หรี่ตาเล็กลง เพราะว่าคนทั้งสอง เขาจำได้ อาต้าและอาเอ้อนั่นเอง.

ส่วนอีกคนจงซานที่ค่อย ๆ เห็นได้อย่างชัดเจน กงจูเฉียนโหยว.

จงซานที่ยิ้มออกมา แอบถอนหายใจ เจอนางเข้าจนได้.

"เหว่ยเฉินคารวะกงจู."สุ่ยเทียนหยาที่โค้งคำนับอย่างสุดซึ้งพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

微臣Wēi chén ขุนนางน้อย.

"เซี่ยเฉินจงซาน คารวะกงจู."จงซานเองก็โค้งคำนับออกมาด้วยเช่นกัน.

下臣Xià chén ขุนนางเล็ก

ได้ยินเสียงของทั้งสองคน ดูเหมือนว่าได้ดึงสติความคิดของกงจู่เฉียนโหยวกลับมา ก่อนที่นางจะหยุดมองแผนที่เมืองอู๋ซวังและหันหน้ามาช้า ๆ .

กงจูเฉียนโหยวในวันนี้ สวมชุดสีม่วง เป็นเสื้อผ้าที่เหมือนกับของบุรุษ มือของนางถือพัด ดูเต็มไปด้วยสง่าราศี ขณะที่หันหน้ามามอง แววตาที่แสดงความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย.

"สุ่ยเทียนหยา นี่คือองค์รักษ์ของข้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองจงซาน เผยรอยยิ้มแสดงท่าทางสนใจ.

"ขอรับ กงจู่ นี่คือองค์รักษ์ขั้นสาม จงซาน."สุ่ยเทียนหยาที่กล่าวรายงานในทันที.

"เฉิน(ขุนนาง)จงซาน คารวะกงจู "จงซานที่เห็นกงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางงงงวย จึงได้กล่าวออกมาอีกครั้ง.

"โอหังไปแล้วจงซาน เห็นกงจู่แล้ว ทำไมไม่คุกเข่า?"

ได้ยินคำพูดของอาต้าแล้ว จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ทว่ากงจู่เฉียนโหยวยังเผยยิ้มออกมาอย่างพอใจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอาต้ากล่าวออกมาด้วยการสั่งการของกงจูเฉียนโหยว.

ที่จริงสุ่ยเทียนหยายังคำนับเพียงเล็กน้อยและก้าวถอยหลังออกไปทันที ปล่อยให้จงซานยืนอยู่ต่อหน้ากงจูเฉียนโหยวเพียงคนเดียว.

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ๆ  แน่นอนว่าจำเป็นต้องคุกเขา ทว่า จงซานไม่ จงซานรู้ดีว่ากงจูเฉียนโหยวต้องการล้อเขาเล่นเท่านั้น หากคุกเข่าลงก็เหมือนกับเขาถูกปั่นหัวไป ต้องไม่ลืมว่าสุ่ยเทียนหยายังไม่คุกเข่า นอกจากนี้หากทำเช่นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าถูกฝ่ายตรงข้ามดูถูกเอาหรอกเหรอ.

ในเวลานี้ นี่อาจจะเป็นหนึ่งในการทดสอบของกงจู่เฉียนโหยว เป็นเหมือนกับการทักทายตั้งแต่เริ่มต้นก็ได้.

"กงจู เรื่องในอดีตนั้น เฉินได้ล่วงเกินไป ขอให้กงจูอย่าได้ถือสา."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

臣 Chén ขุนนาง ผู้อยู่ใต้อำนาจ.

เห็นจงซานกล่าวออกมาเช่นนั้น กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมา "ท้ายที่สุดเจ้าก็จำข้าได้."

"เก้าปีที่แล้วจงซานโชคดีที่ได้สมบัติ จงซานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ได้กระทำเรื่องน่าอับอายในครั้งนั้น เก้าปีมานี้จึงไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย."จงซานกล่าว.

เกี่ยวกับเรื่องของกงจูเฉียนโหยวนั้น จงซานเองก็รู้สึกเสียใจจริง ๆ  ต้องไม่ลืมว่าในเวลานั้นกงจูเฉียนโหยวดูแลเขาเป็นอย่างดี การที่เขาบอกว่าไม่เคยลืมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เกินเลยแม้แต่น้อย.

"เฮ้เฮ้ เจ้ารู้สึกเสียใจอย่างงั้นรึ?ฮึ จงซาน เจ้ากล้ามาก ไม่เคยมีผู้ใดทำให้ข้าขาดทุน."กงจูเฉียนโหยวที่กล่าวออกมาเสียงดัง.

กงจูเฉียนโหยวที่แสดงท่าทางโกรธเกรี้ยว ปลดปล่อยแรงกดดันและความภาคภูมิออกมา กลิ่นอายที่ทรงพลังของผู้ยืนอยู่เหนือคนทั้งมวล ก่อนหน้านี้ต่อหน้าโม่เหยี่ยนปิงจงซานไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับแรงกดดันของกงจูเฉียนโหยวในเวลานี้นั้นกับคุกคามเขาอย่างรุนแรง ราวกับว่าตายล้านครั้งยังไม่เพียงพอ.

ภายในใจของจงซานที่หดเกร็ง ก่อนที่จะทำให้ตัวเองอยู่ในความสุขุมอย่างรวดเร็ว.

"เรื่องในอดีตนั้น จงซานเองก็รู้สึกผิดกับกงจูเช่นกัน หากว่ามีโอกาส จงซานจะชดเชยในสิ่งที่กงจูขาดทุนไปอย่างแน่นอน เพื่อลบล้างความผิดที่เคยทำไว้ จงซานจะช่วยกงจู ทุกเรื่องอย่างสุดความสามารถ."จงซานที่กล่าวออกมาไม่โอหังและไม่สุภาพพร้อม ๆ กัน.

เห็นท่าทางของจงซานยังคงสุขุม แววตาของกงจูเฉียนโหยวนั้นเผยท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก ภายในใจเฉียนโหยว จงซานเป็นเหมือนกับต้นกล้า ไม่ใช่จอกแหน ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นแตกต่างกัน มีคุณค่าที่แตกต่างกัน คนผู้นี้ไม่เหมือนคนอื่น เมื่อนางเข้าใจชัดว่านางมองคนไม่ผิด ก็ทำให้นางรู้สึกพอใจ.

อย่างไรก็ตาม กงจูเฉียนโหยวรู้ดี หากว่าต้องการใช้เขาล่ะก็ จะต้องบีบบังคับ ให้เขาเชื่อใจอย่างโดยดี ถึงจะสามารถใช้งานเขาได้จริง.

"ชดเชยเหรอ? จะชดเชยข้าอย่างไร เจ้ามั่นใจรึว่าจะสามารถชดเชยได้? สิ่งที่ข้าขาดทุนไปเมื่อในอดีตนั้น เจ้ามีความสามารถเพียงพอที่จะชดเชยให้กับข้าอย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่จรดปลายนิ้วไปบนพัดของนาง เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.

ได้ยินคำพูดของกงจูเฉียนโหยวแล้ว จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ทว่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความเบาใจ ดูเหมือนว่ากงจูเฉียนโหยวนั้นจะไม่ใช่คนธรรมดา นางกำลังต้องการแสดงอำนาจของนางออกมาให้เห็น.

"เช่นนั้นกงจูต้องการให้ข้ากระทำอะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานกล่าวออกมาอย่างขึงขัง.

ในเวลานี้ กงจูเฉียนโหยวที่ต้องการใช้สถานะของนางกดข่มให้จงซานเชื่อฟังอย่างราบคาบ.

"ข้าจะให้ปริศนาที่ยากจะแก้ไขกับเจ้า เมื่อครั้งข้ามีพลังฝึกตนเท่าเจ้านั้น เหนือหัวได้มอบปริศนาให้กับข้าสิบข้อ ข้าสามารถแก้ไขได้แปดข้อ ทว่ามีสองข้อข้าไม่สามารถแก้ได้ หากว่าเจ้าสามารถแก้ได้ ข้าจะลืมเรื่องราวในอดีต และจากนี้จะมอบเกียรติให้กับเจ้า ด้วยการเรียกเจ้าว่า เซียนเซิง หากว่าไม่ หลังจากนี้ หากว่าเจ้าเจอข้า เจ้าจะต้องคุกเข่าให้กับข้าด้วยความเคารพทุกครั้ง."กงจูเฉียนโหยวกล่าวเสร็จก่อนที่จะก้าวตรงไปยังบัลลังก์ของนาง.

ขณะที่กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมานั้น ใบหน้าของสุยเทียนหยา อาต้าและอาเอ้อ ถึงกับกระตุกไปเลยทีเดียว เชาว์ปัญญาของกงจูเฉียนโหยวนั้น คนทั้งสามรู้ดีอย่างแจ่มแจ้ง ปริศนาสิบข้อจากเหนือหัวอย่างงั้นรึ? แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าคืออะไร ทว่าสองข้อที่กงจูเฉียนโหยวแก้ไม่ได้ ยังจะมีคนสามารถแก้ไขได้อีกรึ?

พวกเขาแทบล้มคว่ำ ขณะที่จ้องมองไปยังจงซาน ตอนนี้สายตาแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจจงซาน.

จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา แน่นอนว่านี่คืองานยากอย่างแท้จริง องค์เหนือหัว?ไม่ใช่จู่เหรินราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวหรอกหรึ? เป็นเซิงซ่างราชวงศ์ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวอย่างงั้นรึ?

(圣上)“เซิ่งซ่าง” หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัว

ปริศนาทั้งสิบของเหนือหัว สร้างความสนใจกับจงซานไม่น้อย ทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนว่ามันคือกับดัก เขาควรที่จะกระโดดลงไปหรือไม่?

"กงจูเชิญเอ่ย เซี่ยเฉินจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้."จงซานที่รู้ว่าเป็นกับดัก แต่เขาก็ไม่สามารถผลักมันออกไปได้ นอกจากนี้กงจูเฉียนโหยวกล่าวว่าเมื่อครั้งมีพลังฝึกตนเท่าเขา เขาก็หวังไว้ว่า มันคงจะไม่ยากจนเกินไป.

"ดี."กงจูเฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมา.

"อาต้า."กงจูเฉียนทโหยวที่เอ่ยออกมา.

"ครับ."อาต้าที่ก้าวออกมาในทันที ก่อนที่จะนำของบางอย่างออกมา ซึ่งหนึ่งเป็นบอลเหล็กขนาดหนึ่งเมตร ส่วนอีกหนึ่งชิ้นเป็นเม็ดยายกระดับ ทั้งสองสิ่งที่ถูกนำมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็ทำให้แสงที่ฉายภาพแผนที่หายไปในทันที.

จงซานที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้าวเข้าไป พร้อมกับตรวจสอบสิ่งของทั้งสองอย่างระมัดระวัง.

เม็ดยายกระดับ นี่เป็นเพียงแค่เม็ดยายกระดับทั่วไป ทว่าอีกอันเป็นบอลโลหะ ที่จริงผิวของมันค่อนข้างเรียบเนียนเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าบนบอลโลหะนั้น มีรูตาไก่สองจุด เป็นรูขนาดเล็กมาก น่าจะมีขนาดครึ่งหนึ่งของนิ้วโป้ง และดูเหมือนว่าด้านในรูนั้นจะดูมืดครึ้มไปหมด.

"สองปริศนา กับสิ่งของสองสิ่ง."กงจูเฉียนโหยวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด