ตอนที่แล้วChapter 164 การตอบโต้ของโม่เหยี่ยนปิง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 166 ปริศนาสองข้อ.

Chapter 165 ให้ตำแหน่งจงซาน.


จงซานที่ยกดาบยักษ์พุ่งออกไป หนานป้าเทียนที่ยกง้าวยักษ์พุ่งออกไปเช่นกัน ส่วนสุ่ยอู๋เหินก็ตวัดกระบี่ตามไปด้วย ทันใดนั้นชายสองคนที่เป็นบุตรชายของซีเฉิงตงและตงเฉิงตง เร่งรีบเข้าขวางทางสุ่ยอู๋เหินในทันทีเช่นเดียวกัน กันเขาออกไป พร้อมกับคนอีกจำนวนมากที่พุ่งออกตั้งรับ.

เหล่าคนใช้ของพวกเขาย่อมไม่กล้าโจมตีสุ่ยอู๋เหิน หรือกล้าขวางเขาไว้ ทว่าพวกเขาย่อมทำได้.

ส่วนกระโจมของพวกเขาเดิมทีก็มีทหารคุมกันอยู่สองสามคน ตอนนี้ก็เร่งรีบเข้าขวางเหล่าคนของโม่เหยี่ยนปิงในทันทีด้วยเช่นกัน.

จงซานและหนานป้าเทียนที่ฝ่าดงลิ่วล่อของโม่เหยี่ยนปิงกว่าสี่สิบคนตรงไปยังตำแหน่งของเขา.

จงซานที่มีพลังแกนทองขั้นหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงใช้วิชากายาเทพอสูร ระดับสามตั้งแต่ต้น!

พลังเพิ่มสี่เท่า ปราณดาบของเขาที่เพิ่มยืดยาวเป็น 20 จ้างทันที ส่วนหนานป้าเทียน ก็มีพลังไม่อ่อนด้อยเช่นกัน.

"ตูมมม ตูมมม ตูมมม..."

จงซานที่เข้าจู่โจมไปยังคนด้านหน้า ด้วยการตัดขวางที่ทรงพลัง พลังที่แข็งแกร่งรุนแรงระเบิดออกมาเสียงดังสนั่น ปราณดาบที่แข็งแกร่งกระแทกพวกเขาลอยออกไป โดยมีจงซานเป็นจุดศูนย์กลาง แม้ว่าจะไม่สามารถสยบพวกเขาได้ในทันที แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเขาได้ เพราะว่าจงซานพบว่าความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้อยู่ในระดับแกนทองขั้นตอนเท่านั้น หรือไม่ก็อยู่ในระดับกลาง.

จงซานที่มีพลังเทียบเท่าระดับห้าไม่ได้มีปัญหาที่จะรับมือพวกเขา ทว่าฝ่ายตรงข้ามมีเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีเวลาเพิ่มพลังจำกัด ทว่าจงซานก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เพราะว่าจงซานรับรู้ได้ว่าสุ่ยเทียนหยานั้นยังอยู่บนยอดเขาสี่เหลี่ยม ตราบเท่าที่การต่อสู้ที่เกินเลยไป สุ่ยเทียนหยาจะต้องออกมาห้ามอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะจบลง นอกจากนี้ จงซานยังมีวิธีในการรักษาชีวิตตัวเองหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือเพลิงหงหลวน ทว่าถึงแม้ว่ามันจะไม่เหมาะที่จะใช้ในเวลานี้ ทว่าหากต้องก้าวไปอยู่ในขอบเหวแห่งความตายเมื่อไหร่เขาก็จะใช้มันออกมาอย่างไม่ลังเลแน่นอน.

"ป่าเทียน ตรงไปยังโม่เหยี่ยนปิง."จงซานที่ตะโกนออกมา.

"ดี!" หนานป้าเทียนที่กวัดแกว่งง้าวยักษ์ พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของโม่เหยี่ยนปิงพร้อมกับจงซาน ทั้งคู่ที่แหวกกลุ่มคนจำนวนมากไปอย่างรวดเร็ว.

เหล่าลิ่วล่อของโม่เหยี่ยนปิง แม้ว่าจงซานจะโจมตีมา ทว่าพวกเขาก็ไม่มีใครกล้าลงมือเต็มที เขาที่เป็นว่าที่ขุนนาง แม้ว่าจะยังไม่เป็นทางการ ทว่าหากเขาตายด้วยฝีมือพวกเขาล่ะก็ แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องถูกกุดหัวเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังเป็นขุนนางชั้นห้าอีกด้วย.

จงซานยังคงมุ่งไปด้านหน้า ปราณดาบที่พุ่งกระจายออกไปทุกทิศทาง คลื่นปราณดาบยักษ์ที่ถูกปล่อยเป็นระลอก ระเบิดตรงไปยังโม่เหยี่ยนปิง.

โม่เหยียนปิง แม้ว่าพลังฝึกตนของเขาจะอยู่ในระดับแกนทอง ทว่าก็ยังอยู่ในระดับกลางด้อยกว่าสุ่ยอู๋เหินที่อยู่ในขั้นปลาย.

ในตอนแรกกองกำลังของพวกเขาที่ตั้งใจที่จะสังหารจงซานให้ได้.

การต่อสู้ของจงซานนั้น ได้แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าเขาจะมีระดับแกนทองระดับหนึ่งก็ตาม ทว่าการฟันของเขาในแต่ละครั้งที่จู่โจมไปที่จุดอ่อนของศัตรู ตัดผ่านกวาดไปทุกทาง พลังของเขานั้นเทียบได้กับระดับแกนทองขั้นกลาง และด้วยกลุ่มฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าลงมือเต็มที ทุกคนจึงลอยกระเด็นไม่สามารถต้านทาน ยิ่งจงซานและหนานป้าเทียนร่วมมือกันก็ยิ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถต้านได้เลย.

ระดับแกนทองขั้นปลายอย่างงั้นรึ?โม่เหยี่ยนปิงที่คิดไปเอง เวลานี้เริ่มหวาดหวั่น ถอยหลังอย่างรวดเร็ว.

"เจ้าพวกขยะ รีบขวางมันเร็วเข้า."โม่เหยียนปิงที่ถอยครั้งแล้วครั้งเล่าตะโกนออกมา.

"ครืนนนนน"

ปราณเกราะกระบี่ของจงซานที่ยืดออกสิบจั้งกวาดทุกคนออกไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขาทำให้พวกเขาลอยละล่อง ด้านหน้าเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ จงซานที่ยืนอยู่มั่นคง ยังคงแหวกกลุ่มคนตรงไปด้านหน้า หนานป้าเทียนเองก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน ด้วยกลุ่มลิ่วล่อโม่เหยี่นปิงไม่สามารถออกแรงได้เต็มที ทำให้ถูกคนเพียงสองคนสร้างอาการบาดเจ็บมากมายให้.

ท้ายที่สุดจงซานและหนานป้าเทียนที่ร่วมมือกัน ก็เข้าไปใกล้โม่เหยี่ยนปิงได้มากขึ้นเรื่อย ๆ .

เห็นจงซานที่ร้ายกาจ ภายในใจโม่เหยี่ยนปิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที ถ้าเขารู้มาก่อนคงไม่นำคนมา.

เสี่ยวซานที่ป้องกันโม่เหยี่ยนปิงอยู่ข้าง ๆ  แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เขาไม่ควรที่จะพูดมาก ไม่งั้นเส้าเหยี่ยคงจะถอนกำลังกลับไปแล้ว.

ทว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว ขณะที่ปราณเกราะดาบและหอกเปลวเพลง ที่ใกล้เข้ามาแล้ว พร้อมกันนี้มันถูกฟันตรงมายังพวกเขาแล้ว.

"โฮกกกก!"

จงซานที่คำรามเสียงดัง ปราณดาบขนาดใหญ่ที่ถูกสะบัดตรงมายังทิศทางของโม่เหยี่ยนปิง.

โม่เหยี่ยนปิงที่ชำเลืองมองตาโต ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ปราณดาบขนาด 15  จั้งพุ่งตรงมา เขาไม่คิดเลยว่าจงซานจะร้ายกาจขนาดนี้ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในขอบเหวแห่งความตายแล้ว.

เห็นโม่เหยี่ยนปิงกำลังอยู่ในความเป็นความตาย ทุกคนเวลานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถรั้งรออีกต่อไปแล้ว พุ่งตรงเข้าหาจงาน เพราะว่าทุกคนต่างก็รู้ดี หากว่าเส้าเหยี่ยของพวกเขาตายไป ผลที่ได้ก็แทบจะไม่ต่างกันเลย.

อย่างไรก็ตามในเวลานั้น ก็มีคน ๆ หนึ่งกระโดดเข้ามารับปราณดาบของจงซาน.

"ตูมมมมม!"

โลหิตฟุ้งกระจาย ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึง การต่อสู้ที่หนักหน่วงนี้ มีคนตายไปหนึ่งคนแล้ว.

เสี่ยวซาน ในสถานการณ์ที่ดูวิกฤติ เขาที่ถูกปราณกระบี่ของจงซานตัดออกเป็นสองท่อน.

ด้วยสถานะของจงซาน สุ่ยเทียนหยาคงไม่สามารถละเลยได้ จงซานคาดเดาไว้แล้วว่าสุ่ยเทียนหยานั้นยังไม่จากไป เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มรุนแรงแล้ว การต่อสู้นี้คงไม่สามารถลากยาวออกไปได้ เมื่อทุกคนต่างก็กำลังเข้าห้ำหั่นเอาเป็นเอาตาย เขาจะต้องออกมาหยุดการต่อสู้เอาไว้แน่ แม้ว่าก่อนหน้านี้เหล่าทหารของโม่เหยี่ยนปิงก่อนหน้าไม่กล้าลงมือเต็มที่ ตอนนี้เมื่อความเป็นความตายเข้ามาเยือน ดวงตาของพวกเขาดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงซาน ตอนนี้เลือดในกายกำลังร้อนรุ่ม ทุกคนคงไม่สนใจสถานะของจงซานและหนานป้าเทียนแล้ว.

ไม่ว่าจะทางใหนก็แทบไม่ต่างกัน โม่เหยี่ยนปิงไม่สามารถตายได้ หากโม่เหยี่ยนปิงตายหรือได้รับบาดเจ็บ ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

ดังนั้น ในแผนการขั้นต้นจึงจำเป็นต้องทำให้ใครคนหนึ่งตายไปก่อน ด้วยความตายของใครสักคนก็จะทำให้ทุกคนหันหน้ามาสนใจ.

กลุ่มผู้ติดตาม แทบจะทุกคนที่ถูกสั่งมาล้อมกรอบครั้งนี้พวกเขาไม่ได้มีความแค้นเคืองกับจงซาน แน่นอนว่าจงซานจึงไม่คิดที่จะสังหารพวกเขา ทว่าที่แห่งนี้กลับยังมีคนหนึ่งคนที่บัดซบ ทำให้เขาต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้าย เพื่อให้เหตุการณ์ครั้งนี้หยุดชะงัก ดังนั้นเขาจึงต้องตาย.

เสี่ยวซานที่เป็นคนสนิทของโม่เหยี่ยนปิง เขาที่จะสร้างปัญหาให้กับจงซานและหนานป้าเทียนไปตลอด จงซานจึงไม่ต้องการปล่อยเขาเอาไว้.

คน ๆ แรกที่เป็นหมากให้ใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ก็คือเสี่ยวซาน จงซานที่ปล่อยปราณดาบสังหารเขาอย่างดุร้ายทารุน ไม่มีคำว่าปราณี.

เสี่ยวซานตาย ทุกคนตอนนี้ถึงกับหยุดนิ่ง กองกำลังทั้งหมดตอนนี้ถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ จ้องมองมายังจงซาน ทว่าโม่เหยี่ยนปิงในเวลานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด เขาที่ล้มลุกคลุกคลานถอยห่างออกไปไม่หยุด.

..............

กงจูเฉียนโหยวที่ได้ยินเสียงการต่อสู้ นางที่ชำเลืองมองลงไป จ้องมองไปยังด้านล่าง.

สายตาของนางที่เห็นเหตุการณ์นั้น ทำให้กงจูเฉียนโหยวขมวดคิ้วไปมา แม้ว่านางจะไม่รู้จักโม่เหยี่ยนปิงและคนอื่น ๆ  ทว่าในเวลานี้ กลุ่มคนหลายสิบคนที่ล้อมรอบคนสองคนที่ถือดาบยักษ์นั้น และอีกคนหนึ่งที่ถูกกักเอาไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย.

นอกจากนี้พลังของทั้งสองฝ่าย กับแตกต่างกันไม่มากนัก.

สองต่อสี่สิบห้า ควรที่จะพ่ายแพ้ไปแล้ว ทว่าคนสองคนนั้นกับแข็งแกร่งไม่ธรรมดา หนึ่งง้าวยักษ์และหนึ่งดาบยักษ์ เอ๊ะ ดาบยักษ์? รู้สึกคุ้น ๆ ?

เพราะว่าอยู่ห่างออกมา ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก.

ทว่าขณะที่จงซานเหวี่ยงดาบพร้อมกับปล่อยปราณดาบออกไปนั้น กงจู่เฉียนโหยวก็จำได้ในทันที.

จำได้แล้ว เป็นเขา จงซาน? เป็นเขาจริง ๆ รึ?

เห็นจงซานแล้ว ที่มุมปากของกงจูเฉียนโหยวเผยยิ้มออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

เก้าปีที่แล้ว ที่ภูเขาป้าเหมิน กงจู่เหยียนโหยวที่ต้องพ่ายแพ้หมดรูปเป็นครั้งแรก ในเวลานั้นจงซานที่มีเพียงแค่ระดับเซียนเทียนขั้นต้นเท่านั้น.

ในเวลานั้นนางได้เรียนรู้บทเรียนที่ฝังใจเลยทีเดียว ทำให้นางสามารถจำจงซานได้อย่างแม่นยำ.

ซึ่งก่อนหน้านั้นนางเองเอง ไม่ได้สนใจกับคนที่ธรรมดา ๆ สามัญแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากที่ได้ร่วมงานกันในระยะเวลาสั้น ๆ  ก็ทำให้นางสนใจในตัวเขา นางที่คิดที่จะให้เขามาทำงานให้ แต่กลับกลายเป็นว่านางพลาดท่าพ่ายแพ้กับเขาในครั้งนั้น คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันอีกครั้ง.

นอกจากนี้ก่อนหน้านั้น เพราะว่าตอนนั้นนางไม่ได้ตรวจสอบเขาให้ดีนัก ทว่าตอนนี้นางได้ตรวจสอบเขาแล้ว พบว่าพรสวรรค์ด้านร่างกายของเขานับว่าย่ำแย่มาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะด้วยพรสวรรค์ที่ย่ำแย่นั่น กลับสามามารถก้าวมาถึงระดับแกนทองได้อย่างงั้นรึ?

ทว่าความจริงก็คือความจริง กับสิ่งที่เห็นคือเขาสามารถทำได้จริง ๆ .

กงจู่เฉียนโหยวที่คิดอะไรบางอย่างเผยยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด.

"ไม่ได้การแล้ว."สุ่ยเทียนหยาที่เห็นการต่อสู้ด้านล่างที่กำลังรุนแรงขึ้น.

"เดี่ยวก่อน."กงจู่เฉียนโหยวที่กล่าวออกมาก่อน เพราะว่านางที่ต้องการเห็นความสามารถของจงซาน.

"หืม?"สุ่ยเทียนหยาที่ขมวดคิ้ว ทว่าก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน.

"คนผู้นี้ มาปรากฏขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?"กงจู่เฉียนโหยวสอบถามออกไป.

"เขาเป็นคนของอาวุโสไคหยางรับรอง เดินทางเข้ามารับตำแหน่งขุนนางระดับห้าของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว."สุ่ยเทียนหยางกล่าวออกมาตามจริง.

"โอ้ว? บังเอิญขนาดนี้เลยรึ?เขาอยู่ส่วนใหน?"ดวงตาของกงจู่เฉียนโหยวที่ดูเปล่งประกาย.

"ยังไม่มีเลย ข้าเพียงลงทะเบียน ตอนนี้กำลังรอคอยจากราชสำนักมอบหมายอยู่."สุ่ยเทียนหยากล่าว.

"อืม ข้ายังขาดองค์รักษ์ส่วนตัว ให้จงซาน มาทำงานให้ข้า."กงจู่เฉียนโหยวเผยยิ้มออกมา.

"กงจู รู้จักจงซานอย่างงั้นรึ?"สุ่ยเทียนหยางที่ค่อยข้างประหลาดใจ.

"อืม จัดการให้ข้า ข้าจะเป็นคนอนุมัติด้วยตัวเอง ขุนนางระดับห้า ตำแหน่งองค์รักษ์ขั้นสาม."กงจู่เฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่รับคำในทันที.

จากนั้น ทั้งสองฝั่งที่ยังคงต่อสู้กันไป ในเมื่อกงจู่เฉียนโหยวที่รับจงซานมาทำงาน แน่นอนว่านางย่อมรับรองความปลอดภัยของจงซานได้ ทว่าตอนนี้นางต้องการที่จะเห็นขีดจำกัดของจงซาน.

ความชาญฉลาดและความรู้ แน่นอนว่านี่คือพรสวรรค์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สองต่อ 45  จะชนะอย่างงั้นรึ? แม้ว่าเขาจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาสี่เท่าอย่างแปลกประลาด ทว่าเขาก็มีแค่เพียงระดับหนึ่งแกนทองเท่านั้น.

"ตูมมมม!"

เสียงระเบิดดังสนั่น ดาบของจงซานที่กวาดออกไป ด้วยการโจมตีเต็มที่ทำให้ทุกคนลอยออกไป ก่อนที่เขาจะสังหารฝ่ายตรงข้ามไปคนหนึ่ง.

"แฮก แฮก แฮก!"

กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่จงซานสังหารคนไปคนหนึ่งแล้ว ทุกคนตอนนี้ต่างก็หยุดนิ่งไปในทันที ทว่าทำไมทุกคนเวลานี้ถึงหยุดล่ะ?คาดไม่ถึงเลยว่าไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังโกรธเกรี้ยวกันอยู่หรอกรึ? กับการต่อสู้เช่นนี้ เมื่อมีคนตายขึ้นมาแล้ว ก็ควรจะยิ่งทำให้การต่อสู้รุนแรงมากขึ้น.

กงจูเฉียนโหยวไม่รู้อะไรเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่ากลับทำให้การต่อสู้หยุดชะงักและเลิกไป กลับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กงจูเฉียนโหยวประเมินความสามารถจงซานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

"น่าสนใจ สุ่ยเทียนหยา เจ้าดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อยและพาจงซานไปหาข้ายังที่พักของข้าด้วย."กงจูเฉียนโหยวที่เอ่ยออกมา.

"ครับ."สุ่ยเทียนหยาที่พยักหน้าตอบรับในทันที.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด