ตอนที่แล้วChapter 163 อี้เหยี่ยน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 165 ให้ตำแหน่งจงซาน.

Chapter 164 การตอบโต้ของโม่เหยี่ยนปิง.


จงซานที่อยู่ในกระโจมจ้องมองขึ้นไปบนยอดเขาสีเหลี่ยม บางทีการประชุมนี้คงเป็นความลับ ดังนั้นจึงมีวิธีเก็บเสียงเป็นพิเศษ สถานที่ดังกล่าวนี่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย.

ด้านล่างที่มีกองกำลังทหารล้อมรอบ ย่อมไม่มีเหตุใดเกิดขึ้น ตอนนี้ทำได้แค่รอให้การประชุมเสร็จสิ้น จงซานไม่ได้ก้าวออกไปจากกระโจม เพราะว่าในเวลานี้เขาไม่ต้องการที่จะเคลื่อนไหวโดยประมาท.

จวบจวนถึงเวลาเย็น ดูเหมือนว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นแล้ว บนยอดเขา แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่โบกมือไปมา.

เกี้ยวด้านล่างพร้อมกับคนหามทั้งสิบหกคนก็ลอยขึ้นไปด้านบนทันที.

จากนั้นไม่นาน คงไม่มีการประชุมกันแล้ว จงซานที่เห็นคนหามเกี้ยวทั้งสิบหกคนพร้อมกับขุนพลสองคน ที่บินตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้.

อี้เหยี่ยนไปแล้วอย่างงั้นรึ?

หลังจากที่อี้เหยี่ยนไปแล้ว บนยอดเขา คนทั้งสองฝ่ายเองกำลังแยกย้ายเช่นกัน.

แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยเองเริ่มสั่งการไปยังขุนพล โบกไม้โบกมือตะโกนสั่งการกองทัพเสียงดัง ก่อนที่ทัพใหญ่จะเริ่มเคลื่อนย้ายออกไป.

หลังจากนั้นกองกำลังของราชวงศ์ต้าโหลวเองก็เริ่มสั่งการถอนทัพกลับเมืองอู๋ซวังเช่นกัน.

อย่างไรก็ตาม กงจู่เฉียนโหยวและคนอื่น ๆ ตอนนี้ยังไม่จากไป.

ที่บนขุนเขารูปสีเหลี่ยม มีศิลาหยกสีขาวบริสุทธิ์ มีแผนที่วางอยู่ เป็นแผนที่ภูเขาและแม่น้ำ บนเส้นสีแดงขีดตัดผ่านในแผนที่ ดูเหมือนว่าการประชุมก่อนหน้านี้ จะมีทั้งได้กำไรและขาดทุนเป็นเรื่องธรรมดา.

กงจู่เฉียนโหยวและเซียนเซิงสุ่ยจิง พร้อมกับคนอื่น ๆ ที่จ้องมองไปยังแผนที่.

ถึงแม้ว่าจะมีการถอนกองกำลังออกไปแล้ว ทว่ากงจู่เฉียนโหยวยังคงจดจ้องคิดใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่.

"ยินดีกับกงจูด้วย."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"ยินดีกับกงจู่ด้วย."คนอื่นเองก็กล่าวแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน.

"มีอะไรต้องยินดีด้วยล่ะ?ทุกอย่างก็เป็นเหมือนดังที่พวกเราได้คาดการณ์เอาไว้ ยอมเสียน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก อี้เหยี่ยน ช่างเป็นคนที่ล้ำลึกที่ทำให้ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีมั่นคงอยู่ได้ เพียงแค่คนเดียวของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี เทียบได้กับกองกำลังหนึ่งล้านคนเลย."กงจู่เฉียนโหยวที่สูดหายใจลึก.

"อย่างน้อยเป้าหมายเรื่องเวลาของพวกเราก็สำเร็จ ข้อตกลง ระหว่างสองราชวงศ์ ที่อย่างน้อยหนึ่งร้อยปีจะไม่มีการสู้รบ."กู่หลินที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยออกมาในทันที.

กู่จูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปยังกู่หลิน พร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ  กับคำพูดของเขา หนึ่งร้อยปีอย่างงั้นรึ? นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มคนและกลุ่มคน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา กระดาษชิ้นนี้ ก็เป็นเหมือนกับคำปฏิญาณต่อสวรรค์และปฐพี ทว่าก็เหมือนเหมือนกับเศษกระดาษด้วยเช่นกัน เมื่อสังคมกำลังเสื่อมทรามถดถอยลงไป สงครามก็ย่อมเกิดขึ้นตลอดเวลาได้เหมือนเดิม.

เห็นกงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปมา กู่หลินที่ขมวดคิ้วไปมา "มีปัญหาอะไร ข้าพูดผิดตรงใหนอย่างงั้นรึ?"

"เจ้าไม่ได้พูดผิด ข้อตกลงสำเร็จ ภารกิจครั้งนี้ถือว่าสมบูรณ์."กงจู่เฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปขณะพูด.

ทว่าเซียนเซิงสุ่ยจิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ส่ายหน้าพร้อมกับเผยยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน.

"เซียนเซิง ท่านคิดว่ามันน่าพอใจแล้วรึ?"กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้ากล่าวต่อเซียนเซิงสุ่ยจิง.

"เฮ้เฮ้ สำหรับข้าแล้ว เพียงเท่านี้ก็ถือว่าพอใจแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงพยักหน้าให้.

"อืม เซียนเซิงคงจะพอใจแล้ว เช่นนั้น ก็เลยร่วมมือกู่หลินรุมรังแกสตรีเช่นข้า."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"ข้าไม่นะ เฉียนโหยว ข้าไม่คิดที่จะรังแกเจ้าเลย."กู่หลินที่อยู่ใกล้ ๆ เร่งรีบกล่าวออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ.

ได้ยินคำพูดของกู่หลิน เฉียนโหยวเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล ชำเลืองมองไปยังกู่หลิน."ในเมืองอู๋ซวังข้ากำลังดิ้นรนอย่างหนักเลยในเวลานี้ เจ้าไม่คิดที่จะต่อให้ข้าบ้างรึ?"

สุ่ยเทียนหยาที่อยู่ข้าง ๆ กงจูเฉียนโหยวจ้องมองไปยังกู่หลินด้วยเช่นกัน ทว่าดูเหมือนว่าใบหน้าของโม่ไป่หลีอยู่ข้าง ๆ กับกลายเป็นร้อนรนเช่นกัน.

"เรื่องนี้ ข้าไม่สามารถทำได้"กู่หลินที่พูดติด ๆ ขัด ที่จริงเขาต้องการที่จะรับปากกงจูเฉียนโหยว ทว่าเมื่อคิดถึงบิดาของเขาที่กล่าวกับตัวเขาแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยท่าทางอักอ่วนอออกมาเช่นกัน.

"อืม ข้ารู้."กงจงจูเฉียนโหยวที่ไม่หันหน้าไปมองกู่หลินอีกต่อไป ทว่านางที่หันหน้ามาจ้องมองแผนที่ต่อ.

กู่หลินที่จ้องมองไปยังกงจูเฉียนโหยว ซึ่งในดวงตามีท่าทางกระวนกระวายใจเหมือนกัน ก่อนที่เขาจะจ้องมองคนของเขาและกล่าวออกมาว่า"กลับ!"

กู่หลินที่ก้าวขึ้นไปบนเมฆสีขาวพร้อมกับลอยออกไป ตรงไปยังเมืองอู๋ซวัง เซียนเซิงสุ่ยจิง โม่เป่ยหลีและคนอื่น ๆ เองก็บินตามเขาไปในทันที.

ตั้งแต่ต้นจนจบ กงจู่เฉียนโหยวไม่สนใจกลุ่มคนของกู่หลินเลยแม้แต่น้อย ทว่านางยังคงจ้องมองลงไปในแผนดี คิดใคร่ครวญหลาย ๆ อย่างไปมา.

ซึ่งมีอาต้า อาเอ้อและสุ่ยเทียนหยาอยู่ด้านหลัง.

"กงจู."สุ่ยเทียนหยาที่เอ่ยออกมา.

"เยี่ยมอี้เหยี่ยน ไม่คิดเลยว่าจะร้ายกาจขนาดนี้ ที่จริงตั้งแต่แรกต้องการทำเช่นนี้สินะ ซ่อนอันตรายเอาไว้ ข้าคิดไว้แล้วแผนที่นี่ต้องมีปัญหา จริง ๆ ด้วย มีจริง ๆ ด้วย."กงจูเฉียนโหยวที่ทำการจ้องมองบนโต๊ะหยกและลุกขึ้นในทันที.

"ตูมมม ตูมมม ตูมมม"

ทันใดนั้นที่ด้านล่างหุบเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นในทันที.

เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้น พร้อมกับรบกวนความความคิดของกงจูเฉียนโหยวในทันที นางที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะหันหน้าไปมองยังมุมหนึ่งด้านล่าง ซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการต่อสู้เกิดขึ้น.

ที่ด้านกระโจมนั่น มีกองกำลังจำนวนหนึ่ง ซึ่งกำลังล้อมกรอบคนกลุ่มหนึ่งที่เหมือนว่านางจะดูคลับคล้ายคลับครา.

.....

"ตอนนี้พวกเราไม่สามารถกลับได้อย่างงั้นรึ?"หนานป้าเทียนที่ขมวดคิ้วไปมา.

"นี่คือกระโจมบิดาของข้า ทว่าไม่มีใครถอนกำลังไป อธิบายได้ว่าท่านพ่อยังอยู่บนภูเขาด้านบน รอก่อน ปัญหาเล็กน้อยเช่นนี้ข้าจะไปสอบถามท่านพ่อ."สุ่ยอู๋เหินที่กล่าว.

"อืม."จงซานที่พยักหน้า ไม่ได้รีบร้อนอะไร.

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังจากไปมากขึ้นเรื่อย ๆ  ตอนนี้เหลือเพียงแค่กระโจมเดียวแล้ว.

ทว่าในเวลานั้น จงซานก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ทว่าสุ่ยอู๋เหินกลับยังไม่สามารถมองเห็นได้.

"หนีเร็วเข้า."จงซานทีก้าวออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว.

สุ่ยอู๋เหินและหนานป้าเทียนที่ก้าวตามจงซานออกมาติด.

ทว่าเพียงแค่พริบตาเดียว ก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้เข้ามารอบกรอบกระโจมของพวกเขาเอาไว้ก่อนแล้ว ในเวลานี้พวกเขาอยู่ในวงล้อม.

ชายสามคนที่อยู่ในชุดที่หรูหรา โม่เหยี่ยนปิงที่พวกเขาเคยไปหาเรื่องมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาได้นำทหารกว่าห้าสิบคนเข้ามาล้อมกรอบ ล้อมรอบกระโจมของพวกเขาอยู่ ตอนนี้รอคอยคำสั่งจากโม่เหยี่ยนปิงอยู่.

"โม่เหยียนปิง."สุ่ยอู่เหินทันทีที่ก้าวออกมาก็กล่าวออกมาเสียงดัง.

"ฮ่าฮ่า สุ่ยอู๋เหิน  เจ้าจงซาน มันกล้ามาหลอกลวงข้า ไม่เคยมีใครกล้ามาหลอกลวงโม่เหยี่ยนปิง ไม่เคยมีใครหาเรื่องข้าแล้วปลอดภัย ตอนนี้พวกเจ้าถูกล้อมไว้แล้ว ยังคิดว่าจะหนีได้อย่างงั้นรึ? แส่หาความอัปยศมาให้กับตัวเองจริง ๆ ."โม่เหยี่ยนปิงหัวเราะชอบใจ.

"โม่เหยียนปิง เจ้ากล้าล่วงเกินข้าอย่างงั้นรึ?"สุ่ยอู๋เหินแค่นเสียงเย็นชา.

"สุ่ยอู๋เหิน เจ้าโปรดวางใจพวกเรามีมิตรภาพที่ดีต่อกันมานาน ข้าไม่ทำให้เจ้าต้องรู้สึกลำบาก ตราบเท่าที่เจ้าไม่แส่มายุ่งเรื่องของข้า."โม่เหยียนปิงแค่นเสียง.

"เจ้าพวกลิ่วล่อโม่เหยี่ยนปิง พวกเจ้ากล้าหาเรื่องข้าอย่างงั้นรึ?"สุ่ยอู๋เหินที่แค่นเสียงอย่างเย็นชา.

ในเวลานั้นชายสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โม่เหยียนปิงที่เผยยิ้มยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล."สหายสุ่ย ในเวลานี้คงต้องล่วงเกินแล้ว ในเมื่อสหายโม่เอ่ยปากขอร้อง พวกเราก็จะต้องช่วยเขา ขอเพียงแค่เจ้าไม่ลงมือพวกเราก็จะไม่ลงมือเช่นกัน."

ได้ยินชายสองคนที่แต่งตัวหรูหรากล่าวทำให้สุ่ยอู๋เหินขมวดคิ้วไปมา.

"พวกเขาเป็นใคร?"จงซานที่สอบถามออกมา.

"บุตรชายของซีเฉิงตง(ขุนนางตะวันตก)และตงเฉิงตง(ขุนนางตะวันออก) พวกเดียวกับโม่เหยียนปิง "สุ่ยอู๋เหินแค่นเสียง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนทั้งสองเองก็มีสถานะเท่ากับสุ่ยอู๋เหิน ตราบเท่าพวกเขาขวางสุ่ยอู๋เหินไว้ ก็สามารถปล่อยให้เหล่าคนใช้ของพวกเขาจัดการได้.

จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล บนใบหน้าไม่ได้แสดงท่าทางเป็นกังวล ทว่ายังดูสงบนิ่ง.

"โม่เหยี่ยนปิง เจ้าช่างกล้ามากนะ."จงซานทีเอ่ยออกมาเสียงดัง.

"เจ้าคิดว่าจะมาหลอกข้าครั้งที่สองอย่างงั้นรึ? เจ้าพวกบ้านนอกสำนักไคหยางจากเกาะหมาป่าสวรรค์ เป็นแค่ศิษย์น้อง ยังมีหน้าพูดจาใหญ่โต คิดว่าตัวเองเป็นไคร? สวะ!"โม่เหยียนปิงแค่นเสียง.

"สามหาม เจ้ากล้าสังหารขุนนางราชวงศ์อย่างงั้นรึ? ตามกฎหมายแล้ว เจ้าต้องถูกสังหารเก้าชั่วโคตร."จงซานที่ตะโนออกไปเสียงดัง.

ดวงตาของจงซานที่คมกล้าเผยท่าทางสะกดข่ม เหล่าลิ่วล่อห้าสิบคนแสดงท่าทางลังเล ไม่มีใครกล้าลงมือ ทุกคนที่จ้องมองไปยังโม่เหยี่ยนปิง.

"เจ้า เจ้ากล้าเกินไปแล้ว เพียงแค่แอบอ้างว่าตัวเองเป็นขุนนาง เพียงแค่นี้ข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้แล้ว."โม่เหยียนปิงที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.

จงซานที่ยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนที่จะนำเหรียญตราวงกลมออกมา แสดงด้านหนึ่งให้กับโม่เหยียนปิงและคนอื่น ๆ ได้เห็น.

"เบิ่งตาดูซะพวกตาถั่ว นี่คืออะไร."จงซานทีกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด.

เขาไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากมายนัก เพราะว่าจงซานตอนนี้ต้องการแสดงท่าทางสะกดข่มแสดงตำแหน่งที่เหนือกว่า พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความเหยียดหยัน เพื่อที่จะทำลายความหาญกล้าของคนเหล่านี้ไป.

"ศาลาเจ็ดดาว?"ชายที่แต่งตัวหรูหราคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ โม่เหยียนปิงที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ศาลาเจ็ดดาว สำนักไคหยาง? นี่คือคนที่อาวุโสไคหยางรับรองอย่างงั้นรึ? เขาเป็นขุนนางระดับห้าของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหยว?"ชายที่แต่งตัวหรูหราอีกคนอุทานออกมา ราวกับว่าเขาสามารถเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ในทันที.

กับคำพูดดังกล่าวนั้น ทำให้เหล่าผู้ติดตามเวลานี้ระวังมากยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าควรจะทำต่อหรือว่าถอยหนีกัน.

"โม่เหยียนปิง ข้าไม่ได้หลอกเจ้า พวกเราสามคนคือขุนนางระดับห้า เจ้าต้องการที่จะสังหารขุนนางระดับห้าของราชวงศ์ต้าโหลวอย่างงั้นรึ? หากเจ้ากล้า ก็ลองสังหารพวกเราดูสิ."จงซานที่ตะโกนออกไปเสียงดังฟังชัด.

โม่เหยียนปิงที่ตื่นตะลึง สังหารขุนนางของราชวงศ์อย่างงั้นรึ? แม้ว่าโม่เหยียนปิงจะเป็นเด็กเอาแต่ใจของเมืองอู๋ซวังก็ตาม ทว่าเรื่องนี้เขาย่อมไม่กล้า นอกจากนี้ยังเป็นขุนนางระดับห้าอีก.

"เส้าเหยีย พวกเขาเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองอู๋ซวังเอง น่าจะยังไม่ได้ตำแหน่ง ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นขุนนางอย่างเป็นทางการ ดังนั้นตราบเท่าที่พวกเขาไม่ตาย ก็น่าจะ..."ผู้ใต้บังคับบัญชาของโม่เหยียนปิงที่กล่าวออกมาในทันที.

จงซานที่ได้ยินคำพูดลิ่วล่อของโม่เหยียนปิง ดวงตาที่ชำเลืองมองออกไป เขาจำได้ นี่คือคนรับใช้คนสนิทของโม่เหยียนปิง ที่มีนามว่าเสี่ยวซาน.

เป็นความจริง ได้ยินคำพูดของเสี่ยวซาน ดวงตาของโม่เหยียนปิงเป็นประกาย ที่มุมปากยกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย.

"ต้าเหรินจง ท่านมีตราประทับขุนนางราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวหรือยัง?"โม่เหยียนปิงแค่นเสียง.

"หากไม่มีล่ะก็ ข้าขอล่วงเกินล่ะ."โม่เหยียนปิงกล่าวออกมาอีกครั้ง.

"ฟรึบ ๆ  ๆ "

จงซานที่ชักดาบ"ฝันร้ายออกมา."ในเวลาเดียวกัน หนานป้าเทียนที่นำ"ง้าวยักษ์ออกมา"ส่วนสุ่ยอู๋เหินได้ชักกระบี่ยาวสีเขียวออกมาเช่นกัน.

"ลงมือ!"โม่เหยียนปิงที่ออกคำสั่งในทันที.

คนหลายสิบคนที่พุ่งเข้าหาจงซานในทันที.

ทว่าจงซานที่จ้องมองไปยังคนเหล่านี้ ไม่ได้หลบแต่อย่างใด ที่มุมปากเผยยิ้มออกมาด้วยท่าทางเหยียดหยัน.

จงซานที่สามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้มีระดับแกนทอง จงซานจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะว่าด้วยพลังที่เขามีในตอนนี้ และสถานะที่เขาได้แจ้งออกไป ทำให้คนเหล่านี้ไม่กล้าลงมือเต็มที่ ไม่กล้าสังหารเขาอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นการที่จะให้เขากำราบคนเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากนัก.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด