Chapter 163 อี้เหยี่ยน.
ทั้งสองฝั่งที่นำกลุ่มของตัวเองก้าวไปยังทางขึ้นภูเขาสีเหลี่ยม ซึ่งมีฝั่งละราว ๆ 40 คน ซึ่งเมื่อเดินมาได้ได้ระยะ ทั้งสองกลุ่มก็หยุด.
"แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย การเจรจาครั้งนี้เป็นการดำเนินการโดยท่านอย่างงั้นรึ?"กงจู่เฉียนโหยวที่โบกสะบัดพัดเผยยิ้มอย่างสง่างามออกมา.
แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่จ้องมองออกมาด้วยความเคารพ กล่าวออกมาอย่างจริงจังกับฝ่ายตรงข้าม "การเจรจาขุนเขาครั้งนี้ เป็นเรื่องสำคัญของทั้งสองฝ่าย เป็นความรับผิดชอบของข้าเพียงเล็กน้อย รอให้อุปราชมาถึงจากนั้นการเจรจาจะเริ่มขึ้น."
“Da dudu” (大都督) Great Commander อุปราช
"อย่างงั้นรึ?"กงจูเฉียนโหยวเผยสีหน้าเคร่งขรึมและคนอื่นที่ติดตามนางมาก็แสดงใบหน้าจริงจังด้วยเช่นกัน.
"แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีจะมา เฉียนโหยวชื่นชมมานานแล้ว."กงจู่เฉียนโหยวเผยยิ้มออกมาด้วยความเคารพ.
ไม่เพียงแค่กงจู่เฉียนโหยว เหล่าคนด้านหลัง ต่างก็เผยท่าทางเคารพด้วยเช่นกัน.
จงซานที่กำลังเฝ้ามองอยู่ไม่ไกลนัก ในเวลานี้กำลังขมวดคิ้วไปมา.
แล้วอุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีเป็นใครกัน?เพียงแค่ได้ยิน ก็ทำให้ได้รับความเคารพเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยแม้แต่ฝั่งศัตรูยังให้ความเคารพอย่างงั้นรึ? อุปราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีของพวกเขาคงจะแข็งแกร่งมากมายยิ่งนัก.
ความแข็งแกร่งของแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยนั้นจงซานเข้าใจอย่างแจ่งแจ้ง ก่อนหน้านี้แม้แต่ขุนพลของเขายังอยู่ในระดับหลอมกายธาตุ แน่นอนว่าแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยต้องแข็งแกร่งเกินจะคาดได้ เมื่อกงจู่เฉียนโหยวต้องพบกับแม่ทัพเถี่ยเซี่ยยังแสดงท่าทางไม่แยแสนัก ทว่าเมื่อได้ยินคำว่าอุปราช ก็ทำให้ใบหน้าของนางจริงจังขึ้นมาทันที.
ใครคืออุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีกัน?
"อุปราชราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี เป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?"หนานป้าเทียนทีหันหน้าไปสอบถามสุ่ยอู๋เหิน.
ทว่าจงซานเองก็เงี่ยหูฟัง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเองก็สนใจในตัวของอุปราชของราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีเช่นกัน.
"อุปราชราชวงศ์ราชันย์ต้ายวีไม่ได้แข็งแกร่ง แต่กับร้ายกาจมาก."สุ่ยอู๋เหินกล่าว.
"อย่างไรรึ?"หนานป้าเทียนที่เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่แข็งแกร่ง?ทว่ากับร้ายกาจมาก?หมายความว่าอย่างไร?
"อุปราช ราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี มีนามว่า "อี้เหยี่ยน"มีพลังฝึกตนเพียงระดับก่อตั้งวิญญาณ ทว่าสถานะของเขานั้น ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ยืนอยู่เหนือทุกคนในกองทัพราชวงศ์ต้ายวี ประสบความสำเร็จมากกว่าอุปราชในอดีตของต้ายวีซะอีก."สุ่ยอู๋เหินกล่าวอธิบาย.
"ท่านบอกว่าอี้เหยี่ยนมีพลังฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ?"หนานป้าเทียนที่แสดงท่าทางไม่อยากเชื่อ.
"ถูกแล้ว มาแล้ว!"สุ่ยอู๋เหินที่ชี้ไปยังทิศทางที่ไกลออกไปขณะพูด.
ที่จริง ทุกคนทั้งสองฝั่ง ต่างก็รอคอยอย่างใจเย็น จ้องมองไปยังทิศไกลออกไปเห็นจุด ๆ หนึ่งบนท้องฟ้า.
กงจู่เฉียนโหยวของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวและคนอื่น ๆ ต่างก็ยืนนิ่ง นอกจากนี้ในแววตาของพวกเขาเองก็เต็มไปด้วยความเคารพ ทว่าฝั่งตรงข้ามพวกเขานั้น สายตาของพวกเขาแทบจะเรียกได้ว่าเทิดทูน อุปราชกองกำลังที่หนึ่ง แม้แต่แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยยังกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น.
จุดแสงที่ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน.
เกี้ยวขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าจะเป็นบ้านหลังหนึ่งด้วยซ้ำ มีแท่น 16 อัน ซึ่งมีคนหามอยู่ ยืนอยู่บนเมฆสีขาว ยกขึ้นด้วยความระมัดระวัง แม้แต่คนหามเกี้ยวยังอยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณ นี่คือยอดยุทธ์ระดับสูงในเกาะหมาป่าสวรรค์เลย คนเหล่านี้สามารถเป็นประมุขสำนักได้ คาดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะเป็นได้แค่คนหามเกี้ยว?
แน่นอนจงซานเห็นได้ชัดเจนว่าทุกคนที่หามเกี้ยวให้กับอี้เหยี่ยนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณ.
เกี้ยวที่เหินมานั่น ดูมั่นคงเป็นอย่างมาก มีม่านสีขาวปกคลุมทั่วเกี้ยว ไม่มีสายลมพัดเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย แม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วก็ตาม.
อี้เหยียน ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก!
เกี้ยวขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ เหินลงมาข้าง ๆ ภูเขาสี่เหลี่ยมช้า ๆ ด้านหน้ากลุ่มคน.
เกี้ยวที่ค่อย ๆ วางอยู่บนพื้นพื้น โดยมีผู้ฝึกตน 16 คนที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่รอบ ๆ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
กงจู่เหยียนโหยวที่จ้องไปยังเกี้ยวขนาดใหญ่ที่หยุดลง ทว่าทุกคนก็ไม่ได้ขยับแต่อย่างใด เพราะว่าพวกเขาอยู่คนล่ะฝั่งกับราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวนั่นเอง.
แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยและคนอื่น ๆ ที่วิ่งเข้าไปอยู่ด้านหน้าเกี้ยวยักษ์เพื่อต้อนรับ แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยไม่ได้เปิดประตูออกมา เขาที่รอคอยให้ประตูและผ้าม่านเปิดออกมาเอง.
จงซานสามารถมองเห็นจากที่ไกลออกไป ที่ด้านในเกี้ยวนั้นดูหรูหราอย่างที่สุด ภายในส่องประกายระยิบระยับเจิดจ้า ประดับประดาอยู่ภายใน จงซานหลายวันเห็นอยู่ในตลาดเมืองอู๋ซวัง ไข่มุกเรืองแสงแต่ละลูกนั้นมีราคาถึงสองหมื่นศิลาวิญญาณระดับสูงเลยทีเดียว.
ประตูของเกี้ยวยักษ์ที่เปิดออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น.
"อุปราช!"แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่เอ่ยออกมาบา ๆ .
"แคก ๆ "
เสียงไอที่ดังลอดออกมาจากภายในเกี้ยวยักษ์ เสียงที่ดูหนักหนา แสดงถึงอาการป่วยที่มีมาหลายปี เป็นเสียงเหมือนกับคนป่วยหนักคนหนึ่ง.
"แคก ๆ "
"แคก ๆ " "แคก ๆ " "แคก ๆ "
กองกำลังเรือนหมื่นเองก็รอคอยการมาของเสียงไอที่อยู่ด้านใน ในเวลานี้ ไม่มีใครโอดครวญแม้แต่น้อย ยังคงรอคอยอย่างอดทนเจ้าของเสียงไอในเกี้ยวยักษ์.
จงซานที่เฝ้ามองอยู่อีกฝัง แววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง คนที่กำลังไออย่างหนักนั่นต้องเป็นอี้เหยี่ยนอย่างแน่นอน ทว่าร่างกายดูเหมือนว่ากำลังฝืนตัวเองอยู่รึ?กับสถานการณ์เช่นนี้ คาดไม่ถึงเลยว่ากลับกำลังไอต่อเนื่องแทบไม่หยุดเลย.
ทว่าไม่ว่าจะรอคอยไออย่างยาวนานแต่ก็ไม่มีใครแสดงท่าทางรังเกียจ แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยและคนของเขายังเผยสีหน้าเป็นกังวลด้วยซ้ำและกลุ่มคนฝั่งของราชวงศ์สวรรค์เองก็ไม่มีใครแสดงใบหน้าเย้ยหยันแต่อย่างใด.
ด้วยเกียรติที่สูงศักดิ์นั้นเพียงพอที่จะทำให้กองทัพสามารถคอยได้.
ท้ายที่สุดหลังจากไอไปสักพักหนึ่ง เสียงดังกล่าวก็ค่อย ๆ ดีขึ้น.
สาวใช้ที่ค่อย ๆ เลื่อนม่านด้านในอีกชั้น อย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ค่อย ๆ พยุงร่างของชายชราที่ผอมบางขึ้นมา.
ใบหน้าของชายชราที่ดูซีดเผือด ทว่าดวงตายังเปล่งประกายส่องประกายคมกล้าเปี่ยมไปด้วยเชาว์ปัญญา ด้วยการประคองของสาวใช้ ประตูทางเข้าของเกี้ยวก็ถูกเลื่อนออกมา.
จงซานที่เห็นชายชราก็เผยสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาในทันที นี่คือผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ? ทำไมเขาถึงได้ดูอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้? ความชรานี้ คือสัญญาณแห่งความตายหรือไม่?เขาถึงได้ดูอ่อนแอและชรามากเช่นนี้กัน.
ประตูเกี้ยวที่สามารถยกขึ้นลงปรับระดับความสูงได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้อี้เหยียนสามารถก้าวเดินออกมาได้อย่างมั่นคง.
ในเวลาเดียวกัน ทันทีที่เขาก้าวออกมา แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่คุกเขาลงข้างหนึ่งพร้อมกับก้มหน้าให้กับอี้เหยี่ยนในทันที.
เห็นเหตุการณที่เกิดขึ้น ทำให้จงซานตื่นตะลึงหนัก แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย ผู้บัญชาการกองกำลังที่หนึ่งของอาณาจักรราชวงศ์ราชันย์ต้ายวี คาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่อาวุโสที่แทบจะนอนอยู่กับเตียงก้าวออกมา เขากับคุกเข่าลงทันที ไม่ ดูเหมือนว่าเขายินดี เป็นความยินดีที่จะเคารพเทิดทูนต่อผู้สูงเกียรติ ชายชราอี้เหยี่ยนที่ค่อย ๆ ก้าวออกมาช้า ๆ .
อี้เหยี่ยนที่ค่อยก้าวออกมา ทว่าดูเหมือนเหล่าสาวใช้จะดูอึกอักไม่กล้าก้าวผ่านแม่ทัพเถี่ยเสวี๋ย จงซานที่สามารถมองเห็นได้สาวใช้ที่ทำการพยุงร่างของอี้เหยี่ยนก็มีพลังฝึกตนอย่างน้อยก่อตั้งวิญญาณด้วยเช่นกัน.
อี้เหยี่ยนที่ก้าวออกมาจากเกี้ยวยักษ์ ก่อนที่จะค่อย ๆ พยุงกายขึ้น ร่างที่ผอมบาง พร้อมที่จะล้มทุกเมื่อ สาวใช้ที่ก้าวเข้าไปเพื่อพยุงอี้เหยี่ยน.
อี้เหยี่ยนยกมือขึ้นห้ามสาวใช้เอาไว้ ก่อนที่จะยืนโต้ลม กวาดตามองไปรอบ ๆ เขาที่ก้าวไปด้านหน้า ซึ่งมีเหล่าบริวารที่แสดงความเคารพ เหล่าสาวใช้ที่เห็นอี้เหยี่ยนสามารถประคองกายได้ จึงทำได้แค่ยืนอยู่ด้านหลัง.
แม่ทัพเถี่ยเสวี๋ยที่ยืนขึ้น จากนั้นก็ยกมือคารวะให้กับอี้เหยี่ยน "คารวะอุปราช."
"คารวะอุปราช."เหล่าขุนพลและทหารทุกคนที่กล่าวแสดงความเคารพพร้อม ๆ กัน กล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล.
ทว่าอี้เหยี่ยนทำได้แค่เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย.
เขาที่ก้าวตรงไปยังด้านหน้าซึ่งมีกลุ่มของกงจู่เฉียนโหยวและคนอื่นรออยู่.
"คารวะเซียนเซิงอี้เหยี่ยน."กงจู่เฉียนโหยวกล่าว.
"อืม กงจู่เฉียนโหยว ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาไม่น้อยเลย."อี้เหยี่ยนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.
"ผู้เยาว์มิกล้า การเจรจาขุนเขาในวันนี้ อาวุโสเดินทางมา ผู้เยาว์รู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ"กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"กงจูเฉียนโหยวสุภาพไปแล้ว เชิญ!"อี้เหยี่ยนกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล และผายมือเชื้อเชิญ.
"เชิญ!"กงจุเฉียนโหยวก็ตอบกลับในทันทีเช่นกัน.
จากนั้น กงจูเฉียนโหยวและอี้เหยี่ยนก็เดินนำกลุ่มคนทั้งสองฝั่ง.
อี้เหยี่ยนที่ก้าวช้า ๆ อย่างยากลำบาก ดูเหมือนว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้นับว่าเป็นความยากลำบากที่จะก้าวขึ้นไปบนภูเขาสี่เหลี่ยมอยู่เหมือนกัน และดูเหมือนว่าอี้เหยี่ยนจะปฏิเสธไม่ให้ใครพยุง เขาที่ก้าวขึ้นไปด้วยตนเอง ทว่าก็ไม่มีใครเผยสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างใด.
ภูเขาสีเหลี่ยมนั้นมีความสูงราว ๆ 300 เมตร ใช้เวลาพักหนึ่ง รอคอยคนทั้งสองฝั่งก้าวขึ้นไปด้านบน.
บนลานยอดเขาสี่เหลี่ยมนั้น ในมุมของจงซานไม่สามารถมองเห็นทุกคนได้ชัดเจน ทว่าภายในใจของจงซานนั้นสามารถสัมผัสความน่าเกรงขามได้.
อี้เหยี่ยน? คนผู้นี้เป็นใครกัน?
หนานป้าเทียนที่อยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเช่นกัน คนผู้นี้เป็นใคร? ดูน่าเกรงขามเกินไปแล้ว.
ภายในกระโจมของจงซาน ยังมีอีกกระโจมหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป.
ภายในกระโจมนั้นมีคนสามคนยืนอยู่ และมีคนหนึ่งนั่งคุกเข่า ซึ่งก็คือเสี่ยวซานผู้ใต้บังคับบัญชาของโม่เหยี่ยนปิงนั่นเอง.
โม่เหยียนปิงที่จ้องมองไปยังเสี่ยวซาน แววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความยินดี.
"เส้าเหยี่ย เป็นจงซานแน่นอน ก่อนหน้านี้ผู้น้อยเห็นเขาอย่างแน่นอน."เสี่ยวซานกล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
"ดี รอให้การเจรจาขุนเขาสำเร็จ เมื่อนั้นข้าจะไปคิดบัญชีกับมัน."โม่เหยี่ยนปิงที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"เส้าเหยี่ยน สุ่ยอู๋เหินจะให้พวกเราทำอย่างไร?จะต้องจัดการเขาด้วยอย่างงั้นรึ?"เสี่ยวซานที่เผยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล.
"จัดการแค่สองคนก็พอ."โม่เหยี่ยนปิงที่จ้องมองออกไปยังกลุ่มคนด้านข้าง.
"สหายโม่อย่าได้เกรงใจ พวกเราทั้งสอง แน่นอนว่าสามารถช่วยขวางสุ่ยอู๋เหินได้ เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรพวกเราได้แน่ ข้าและคนอื่น ๆ เพียงแค่อยากรู้ ว่าคนชื่อจงซานได้กระทำการล่วงเกินสหายโม่อย่างไร?"คนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ โม่เหยียนปิงกล่าวออกมาด้วยท่าทางสงสัย.
โม่เหยี่ยนปิงที่ขมวดคิ้วจ้องมองคนดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันน่าขายหน้าจนเกินไป จนเขาไม่อยากจะกล่าวออกมาเลย.
"สหาย เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ข้าไม่อยากจะเอ่ยถึงเลย."โม่เหยี่ยนปิงที่ส่ายหน้าไปมา.
เห็นท่าทางของโม่เหยี่ยนปิงแล้ว ทั้งคู่ก็รับรู้ว่าไม่ควรที่จะถามออกไป ก่อนที่จะพยักหน้าให้ และอีกคนกล่าวออกมา."สหายโม่โปรดวางใจ."