Chapter 161 ทุกคนล้วนแต่หวาดผวา
"ข้าและสุ่ยอู๋เหินมีความสัมพันธ์อย่างไรไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือ เจ้าไม่สามารถล่วงเกินข้าได้!"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ.
ได้ยินคำพูดของจงซานแล้ว คนทั้งหกถึงกับเปลี่ยนเป็นโง่งม สายตาของโม่เหยียนปิงเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจและไม่แน่ใจ คนผู้นี้เป็นใคร? สุ่ยอู๋เหินเองก็เปลี่ยนเป็นงงงวย ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าเล่นไปตามบทอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน ที่จริงเขาเผยยิ้มให้กับหนานป้าเทียนเล็กน้อย สายตาของจงซานนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทว่ากับคำพูดที่ใหญ่โตนั่น ทำให้หนานป้าเทียนแทบอดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน.
เถ้าแก่อ้วนที่อยู่ข้าง ๆ เองก็แสดงท่าทางประหลาดเช่นกัน จ้องมองไปยังจงซานด้วยความอัศจรรย์ใจ เขาคนนี้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่อย่างงั้นรึ? ทว่าก่อนหน้านี้ เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของวิเศษเลย!อย่างไรก็ตามเถ้าแก่อ้วนแน่นอนว่าไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาอย่างแน่นอน.
จงซานที่จ้องมองไปยังโม่เหยี่ยนปิง ตอนนี้จงซานที่ต้องการสะกดข่มโม่เหยียนปิง ให้เขาคิดว่าเขานั้นเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา.
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะจงซานจะกล่าวไร้สาระ เจ้าไม่สามารถยุแหย่ข้าได้ เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทว่า เพื่อไม่ให้มันเกิดความวุ่นวายยุ่งเหยิง จงซานมีแต่ต้องพูดเท่านั้น อย่างแรก อาวุโสจื่อซวินนั้นแม้ว่าจะไม่รู้ว่ายืนอยู่ฝั่งหนานเฉิงตง แต่ก็อธิบายว่าสำนักไคหยางทั้งหมดอยู่ฝั่งหนานเฉิงตง ไม่ว่าหลังจากนี้เขาจะเป็นขุนนางหรือไม่ก็ตาม ตัวเขาย่อมยืนอยู่ฝั่งหนานเฉิงตง เช่นนั้นการที่จะล่วงเกินฝ่ายเป่ยเฉิงตงนั้น ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเกิดขึ้น.
ข้อถัดมา หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งขุนนางขั้นห้าของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวแล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวต่อแผนร้ายของโม่เหยียนปิงอีกต่อไป หากว่าขุนนางระดับห้าของราชวงศ์ต้าโหลวถูกสังหารไปอย่างง่าย ๆ แล้วล่ะก็ คงจะไม่ถูกเรียกว่าราชวงศ์สวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ในทวีปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โม่เหยียนปิงก็ย่อมหวั่นเกรงสถานะของเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่สามารถจัดการโม่เหยี่ยนปิงได้ ทว่าโม่เหยี่ยนปิงก็ไม่กล้าหาเรื่องจงซานได้เช่นกัน.
ท้ายที่สุด การข่มขู่โม่เหยียนปิงในเวลานี้ ดูเหมือนว่าจะได้ผลเช่นกัน.
จงซานที่จ้องมองไปยังโม่เหยียนปิง จากนั้นก็เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็หันหน้าไปยังเถ้าแก่อ้วนพร้อมกับกล่าวต่อไปว่า"15,000 ศิลาวิญญาณระดับสูง."
แม้ว่าโม่เหยียนปิงจะรู้สึกอ่อนไหวกับคำพูดของจงซาน ทว่าเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้เช่นกัน."16,000 "
"20,000 ศิลาวิญญาณระดับสูง."จงซานที่เพิ่มราคาขึ้นทันทีไปถึง 20,000
ได้ยินคำพูดของจงซาน โม่เหยียนปิงสายตาที่จ้องเขม็ง เขาที่คิดว่าตัวเองมือเติบแล้ว ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นกับดูมือเติบยิ่งกว่าเขาซะอีก คนผู้นี้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ อย่างงั้นรึ? ทว่าโม่เหยียนปิงยังคงกัดฟันกล่าวออกมาอีกครั้ง." 21,000 "
จงซานที่จ้องมองด้วยความเย็นชาไปยังโม่เหยียนปิง " 25,000 "
กับราคาที่จงซานเพิ่มขึ้นทีละ 5000 ทำให้หัวใจของโม่เหยียนปิงถูกกระแทกอย่างแรง.
ขณะที่โม่เหยียนปิงกำลังที่จะเพิ่มราคาขึ้นไปอีกนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาของโม่เหยียนปิงก็กล่าวออกมาทันที "เส้าเหยีย ศิลาวิญญาณของพวกเรา...."
ศิลาวิญญาณของพวกเขาไม่พอซะแล้ว มันไม่พอให้โม่เหยียนปิงใช้จ่าย.
ได้ยินคำพูดของคนของโม่เหยียนปิง จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.
"ศิลาวิญญาณไม่พอ ก็เอาเม็ดยา ไปแลกศิลาวิญญาณที่ร้านถัดไปมา..."โม่เหยียนปิงที่รู้สึกโกรธเกรี้ยว เพราะว่าสถานะของจงซานที่คลุมเครือ เลยทำให้เขารู้สึกถูกคุกคาม ตอนนี้ศิลาวิญญาณไม่พออีก ยิ่งทำให้โม่เหยียนปิงโกรธเกรี้ยว.
"พรึบบบ!"
โม่เหยียนปิงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดผู้ใต้บังคับบัญชา จงซานที่ลงมือในทันที ทุกคนที่ไม่อยากเชื่อเลยว่า จงซานจะทำเช่นนี้.
ดาบยักษ์ฝันร้ายถูกชักออกมาทันที พร้อมกับชี้ไปยังโม่เหยียนปิง พร้อมกับวางไปยังศีรษะของโม่เหยียนปิงพร้อม ๆ กัน.
เหตุการณ์ทีเกิดขึ้นในทันทีทันใด ไม่คิดเลยว่าจงซานจะลงมือเช่นนี้ สุ่ยอู๋เหินที่อยู่ข้าง ๆ ค่อนข้างกังวลเลยทีเดียว ศิษย์น้อง เขาต้องการทำสิ่งใด ไม่ใช่ว่าเขาต้องการสังหารโม่เหยียนปิงหรอกนะ? แม้แต่ตัวเขาเองแม้ว่าจะขัดแย้งกับโม่เหยียนปิงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่กล้าที่จะสังหารเขาแน่นอน.
ศิษย์น้องประมาทไปหรือไม่?
หนานป้าเทียนที่อยู่ข้าง ๆ เองก็เผยยิ้มด้วยความเคร่งขรึม จ้องมองอย่างเย็นเยือบไปยังยังจงซานและมู่เหยียนปิง.
ดาบยักษ์ของจงซานนั้นเร็วมาก อีกอย่างหนึ่งโม่เหยียนปิงที่กำลังตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ระวังตัว เผลอพริบตาเดียวดาบก็มาอยู่ที่ศีรษะของเขาแล้ว.
โม่เหยียนปิงรู้สึกขนทั่วร่างตั้งชัน สายตาที่ไม่อยากเชื่อกับดาบที่มาจ่อที่ศีรษะของเขาแล้ว ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดผวาขึ้นมาทันที.
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองของโม่เหยียนปิงเร่งรีบชักกระบี่ออกมา สายตาจ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยวไปยังจงซาน ทว่าก็ยังหวาดหวั่นว่าจะทำให้เส้าเหยียนตัวเองได้รับบาดเจ็บ.
ส่วนเถ้าแก่อ้วนในเวลานี้ ถึงกับอ้าปากค้าง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยืนสั่นอยู่ข้าง ๆ .
คนผู้นี้ โชคดีแล้วก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้กล่าวอะไรที่เป็นปฏิปักษ์.
เห็นท่าทางของโม่เหยียนปิงที่กำลังหวาดกลัวด้วยความงงงวยอยู่นั้น จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา "ความอดทนของข้ามันมีจำกัด เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถสังหารเจ้าได้ นอกจากนี้ยังไม่มีใครที่จะกล้าถามความรับผิดชอบให้เจ้าด้วย."
จงซานที่สวมบทบาทเกินจริงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าคราวนี้ เขาถึงกับขู่เอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามเลยทีเดียว.
โม่เหยียนปิงที่จ้องมองไปยังดาบยักษ์ แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกมาได้ ทว่าภายในใจเขากับรู้สึกหวาดกลัว ภายในใจของโม่เหยียนปิงในเวลานี้ เริ่มมั่นใจในสถานะของจงซานว่าจะต้องยิ่งใหญ่จนไม่สามารถล่วงเกินได้ และเขายังสามารถสังหารคนได้อย่างไม่กระพริบตา.
จงซานที่เห็นความหวาดกลัวในแววตาของโม่เหยียนปิงแล้ว เขาที่ลดดาบลงเรื่อย ๆ สายตาที่หรี่เล็ก ท่าทางที่บ่งบอกว่าเจ้ารนหาที่ตายอย่างงั้นรึ?
เห็นจงซานที่ค่อย ๆ ลดดาบลงช้า ๆ แล้ว โม่เหยียนปิงที่หัวใจบีบรัด สูดหายใจลึก จ้องมองไปยังจงซาน สายตาตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง.
ใบหน้าที่ซีดเผือด ขณะที่เขาค่อย ๆ ถอยห่างออกมาเรื่อย ๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ใบหน้าเขาดูไม่ดีนัก ไม่มีหน้าที่จะอยู่ที่แห่งนี้อีกต่อไปแล้ว.
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองของโม่เหยียนปิงก็เร่งรีบตามไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อจ้องมองมายังจงซาน ก่อนที่จะเร่งรีบถอยไปอย่างรวดเร็ว.
เห็นโม่เหยียนปิงที่วิ่งหนีหากจุกตูดไปแล้ว จงซานก็เก็บดาบยักษ์ของเขาไปในทันที.
ไม่เพียงแต่จงซานที่จะทำให้ทุกคนได้รับรู้ไปทั่ว แต่จงใจที่จะให้รู้กันไปทั่ว เพราะว่าจงซานสามารถที่จะเข้าใจได้ในตำแหน่งของตัวเองเป็นอย่างดี เกี่ยวกับโม่เหยียนปิงแล้ว หลังจากที่เขาเป็นขุนนางระดับห้าอย่างเป็นทางการแล้ว เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกสำหรับจงซานเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้อีก นอกจากนี้ เกี่ยวกับธวัชค่ายกลหมอกเทวะอำพราง ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจอีกด้วย.
สิ่งที่ทำเขาได้กระทำกับโม่เหยียนปิงนั้นเป็นการแสดงอำนาจการกดขี่ เพื่อทำให้เขาเกิดความหวาดกลัว เป็นการปลูกเมล็ดพันธ์แห่งความกลัวเอาไว้ นี่เป็นหนึ่งในวิธีในการฝึกทหาร ถึงแม้ว่าการฝึกทหารจะไม่ได้ใช้เรื่องความเป็นความตายมาข่มขู่ แต่ก็เป็นหนึ่งในการสร้างความน่าเกรงขามให้ประทับลงในจิตใจฝ่ายตรงข้าม แสดงแรงกดข่มที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง ทำให้โม่เหยียนปิงไม่แม้แต่จะโต้แย้ง ที่จริงจงซานได้คาดการเอาไว้แล้ว ด้วยปัญญาของเขาย่อมรู้ว่าโม่เหยียนปิงเป็นคนเช่นใด.
สุ่ยอู๋เหินที่รู้เรื่องราวของจงซานแค่ผิวเผินเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถถึงกับข่มขู่มู่เหยี่ยนปิงเด็กเอาแต่ใจของเมืองอู๋ซวังให้วิ่งหนีได้เลยรึ?
สุ่ยอู๋เหินที่ชำเลืองมองตาโต กลืนน้ำลายคำโต ตอนแรกที่เขาเห็นจงซานทำให้เทียนชาธาตุไฟเข้าแทรกได้ สุ่ยอู๋เหินก็สัมผัสได้ว่าจงซานนั้นไม่ธรรมดา ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เห็นว่าจงซานดูสุภาพเรียบร้อยเป็นกันเอง ไม่คิดเลยว่าเขากลับไปคนที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ ภายในใจของสุ่ยอู๋เหินนั้นไม่สามารถที่จะประมาทจงซานได้เลย เรื่องนี้ทำให้สุ่ยอู๋เหินตกตะลึงเป็นอย่างมาก.
เถ้าแก่อ้วนที่เห็นการกระทำของจงซานนั้น เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะจบเช่นนี้ เขาคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้แค่รอคอยจงซานเอ่ยปากออกมาก่อนเท่านั้น.
ส่วนหนานป้าเทียนนั้นก็ค่อนข้างประหลาดใจกับจงซานเหมือนกัน เมื่อเห็นจงซานสามารถไล่โม่เหยียนปิงไปได้ ภายในใจเขาก็รู้สึกโล่งเช่นกัน.
"เถ้าแก่ นี่คือ "เม็ดยารวมวิญญาณ" ก่อนหน้านี้ที่ร้านยา ข้าเห็นมันรับซื้อในราคา 25,000 ศิลาวิญญาณระดับสูง ข้าขอใช้มันแลกเปลี่ยนกับธวัชค่ายกลหมอกเทวะอำพราง."จงซานที่ได้นำขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากำไลเก็บของ.
เกี่ยวกับร้านค้าย่านนี้นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครบอกจงซานก็สามารถรู้ได้ว่า เม็ดยาสามารถที่จะใช้เป็นเงินตราในการแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน.
"ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ข้าได้แจ้งว่า 10,000 ก่อนหน้านี้ เพียงแค่ 10,000 ข้าก็พอใจแล้ว."เถ้าแก่อ้วนเร่งรีบกล่าวออกมาทันที เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะค้ากำไรเกินควร.
"ไม่ ข้าจงซาน ไม่เคยผิดคำพูด ข้าบอกว่า 25,000 ข้าก็ต้องจ่าย 25,000 ไม่ต้องเอ่ยอะไรแล้ว."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"ได้ ๆ ."เถ้าแก่อ้วนที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางหวาดหวั่น.
จากนั้น เถ้าแก่อ้วนก็มอบธวัชให้กับจงซาน พร้อมกับหยกความทรงจำ บันทึกเกี่ยวกับวิธีใช้ค่ายกลหมอกเทวะอำพราง ทั้งหมด.
จงซานที่จ้องมองและพยักหน้าให้ แม้เถ้าแก่อ้วนกล่าวว่าจะรับแค่ 10,000 ก็ตาม ทว่าจงซานก็ยังยืนกรานที่จะจ่าย 25,000 นี่ไม่ใช่เพราะว่าจงซานโง่เง่าแต่อย่างใด ทว่าจงซานรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้ย่อมจะมีเรื่องราวอื่นตามมาอย่างแน่นอน ด้วยเรื่องในครั้งนี้ย่อมจะทำให้เถ้าแก่อ้วนนี้รู้สึกเป็นหนี้เขา 25,000 ที่เขาจ่ายก็เป็นเหมือนกับสร้างข้อตกลงไว้ กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่ามันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การค้าของจงซาน.
ภายนอกร้าน โม่เหยียนปิงเดินออกมา ใบหน้าของเขาที่แดงซ่านไปหมด แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาเสียงดัง.
"เสี่ยวซาน."โม่เหยียนปิงที่เอ่ยออกมาในทันที.
"เส้าเหยี่ย."ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบรับในทันที.
"ไปสืบมา เจ้าคนพวกนั้น ทำไมถึงได้มาอยู่ที่เดียวกับสุ่ยอู๋เหิน."โม่เหยียนปิงที่สูดหายใจยาวกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.
"เส้าเหยี่ย ต้องการ..."ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กลืนน้ำลายคนโต สอบถามออกมา.
"ไปสืบข้อมูลมา."โม่เหยียนปิงที่หรี่ตาจ้องมอง.
แม้ว่าโม่เหยียนปิงจะเป็นเด็กเอาแต่ใจ ทว่าเขาก็ไม่ได้โง่งมขนาดไปหาเรื่องกับคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้เช่นกัน.
"ครับ."ผู้ใต้บังคับบัญชาที่รับคำของเขาในทันที.
...
ด้านนอกร้านธวัช.
"จงซาน เจ้าช่างกล้าจริง ๆ เจ้าเด็กนั่นหวาดกลัวถึงกับวิ่งหนีหางจุกตูดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า."หนานป้าเทียนหัวเราะชอบใจ.
"ใช่แล้ว โม่เหยียนปิง ในเมืองอู๋ซวังแห่งนี้เป็นเหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ คงคาดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าข่มขู่."สุ่ยอู๋เหินเองก็กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"เฮ้เฮ้ ก็แค่โชคดีเท่านั้น ข้าไม่ได้จริงจังนัก ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะกลัว และขี้ขลาดหนีไปก่อน."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม.
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หนานป้าเทียนและสุ่ยอู๋เหินไม่เชื่อว่าโม่เหยียนปิงจะเป็นเช่นนั้น สุ่ยอู๋เหินรู้ดียิ่งกว่าใคร โม่เหยี่ยนปิงเป็นคนที่ชอบเล่นนอกกฎ กับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ สุ่ยอู๋เหินคิดว่าจะบอกกล่าวกับบิดาไว้ก่อน เกี่ยวกับคนเช่นนี้คงไม่ยอมง่าย ๆ แน่ ๆ จากนี้คงจะมีเรื่องอีกหลายอย่างตามมา.
ส่วนเม็ดยารวมวิญญาณ คนทั้งสองไม่มีใครเอ่ยถาม และก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเอ่ยถามด้วย.
"อืม หวังหว่าโม่เหยียนปิงคงจะไม่มาหาเรื่องเราอีกหรอกนะ?"หนานป้าเทียนที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ไม่กล้า อย่างน้อยก็ไม่กล้าในตอนนี้ เขาจะต้องสืบเรื่องของพวกเราก่อน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็กลายเป็นขุนนางระดับห้าราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวไปแล้ว ใยต้องหวาดกลัวเขาอีกรึ? ไปเถอะ ไปดูร้านอื่นดีกว่า."จงซานที่เผยยิ้มกล่าวปลอบหนานป้าเทียน.
"อืม."หนานป้าเทียนพยักหน้า เห็นด้วย.
ลำดับขั้นของขุนนางจีนมีลำดับเป็นตัวเลข ต่ำสุดคือขั้น 9 ขั้นสูงสุดคือขั้น 1
ลองเทียบกับเรื่องเปาบุ้นจิ้นจะได้มองออก.
ท่านเปาเป็นขุนนางขั้น 2
เดิมจั่นเจาเป็นขุนนางขั้น 4 แต่ได้เลื่อนเป็นขั้น 3
ส่วน หวังเฉา หม่าฮั่น จางหลง เจ้าหู่ คือขุนนางระดับ 5.
ขุนขั้น 4 เทียบได้กับเจ้าเมืองย่อย.
ดูได้จากเครื่องแต่งตัว แบ่งชั้นยศกันที่ยอดหมวก
• ระดับ 1 เป็น รัตนชาตสีแดง
• ระดับ 2 เป็น กัลปังหา
• ระดับ 3 เป็น รัตนชาติสีน้ำเงิน
• ระดับ 4 เป็น รัตนชาติสีเขียว
• ระดับ 5 เป็น แก้วผลึก
• ระดับ 6 เป็น เปลือกหอยสังข์
• ระดับ 7 เป็น ทองเกลี้ยระดับ
• ระดับ 8 เป็นทองสลักลาย
• ระดับ 9 เป็น ทองฉลุลาย