ตอนที่แล้วChapter 15 รองเท้าขับวายุ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 17 เป่ยชิงซือ.

Chapter 16 ระดับ 2 เซียนเทียน.


จงซานทำความสะอาดเสื้อผ้าในน้ำพุร้อน และชำระร่างกายของเขา เขาพบว่าหินรอบ ๆ นี้เหมาะที่จะตากเสื้อผ้าของเขาซึ่งทำให้มันแห้งเร็วกว่าปกติ.

หินรอบ ๆ พื้นที่รอบ ๆ แห่งนี้แผ่ความร้อนออกมา อีกอย่างอากาศรอบ ๆ นี้ยังเป็นอากาศแห้ง ไม่มีความชื้นเลยแม้แต่น้อย.

ขณะที่เขาอยู่ในน้ำร้อนนั้น จงซานสามารถสัมผัสได้ถึงแหล่งพลังความร้อนที่ไม่สิ้นสุดแผ่ซึมเข้ามาภายในร่างกายของเขา ทันใดนั้นความร้อนเหล่านี้ได้กระตุ้นเขา ทำให้อยากรู้จนเขาดำลงไปยังด้านล่างของน้ำพุร้อนว่าจะมีอุณหภูมิสูงขนาดใหน.

สำหรับคนที่ก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนได้นั้น สามารถใช้พลังภายใน ทดแทนการหายใจได้ เช่นนั้นทำให้หายใจอยู่ในน้ำได้ นอกจากนี้ จงซานยังมีเคล็ดวิชาหายใจเต่า ทำให้เขาง่ายที่จะอาศัยอยู่ในน้ำได้สะดวกมากกว่าคนอื่น ๆ อีกด้วย.

เขาที่ว่ายน้ำช้า ๆ ดำลงไปในน้ำพุร้อนและเคลื่อนที่ตรงไปยังด้านล่าง ดำลึกลงไปเรื่อย ๆ  สุดท้ายจงซานก็พบเข้ากับพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง เขาพบเจอกับฟองน้ำเล็ก ๆ มากมายที่ผุดขึ้นมาจากด้านล่าง.

จงซานยังคงดำลึกลงไปเรื่อย ๆ  จนกระทั้งเขาสัมผัสได้ว่าพื้นที่ตรงนี้เทียบได้กับน้ำเดือด 100 องศาเซลเซียสแล้ว.

อย่างไรก็ตามจงซานที่ก้าวถึงระดับเซียนเทียน อีกอย่างหนึ่งยังคุ้นเคยในการฝึกฝนอยู่ในเตาอบ แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นปัญหาต่อเขา ตอนนี้ยังคงดำลงไปอีก เขาที่สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิของมันเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน.

ด้วยพลังปราณพลังความร้อน ที่กำลังแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย สามารถที่จะเผาไหม้สิ่งของทั่วไปได้เลย แม้ว่าผิวบางส่วนของเขาจะถูกไหม้ไปเหมือนกัน ทว่าจงซานก็ตัดสินใจที่จะดำลึกลงไปอีก.

ร่างกายของจงซานตอนนี้เริ่มรู้สึกเริงร่า เขาพบว่าตอนนี้อุณหภูมิดังกล่าวนั้นสูงยิ่งกว่าในเตาอบของเขาสะอีก ตอนนี้เขาสามารถที่จะทะลวงเพลงดาบสวรรค์กายสุริยันไปยังระดับที่สองได้แล้ว.

ขณะที่เขาดำลึกลงไปในสระด้านล่าง พลังงานจิตวิญญาณธาตุเปลวเพลิงที่ถูกดูดซับเข้าผ่านเข้ามาทางผิวหนัง ทุกรูขุมขนของเขาในเวลานี้เปิดเต็มที ดูดซับพลังดังกล่าวไม่หยุดหย่อน หากว่าเป็นเช่นนี้อีกไม่นานจะต้องเลื่อนระดับอย่างแน่นอน.

จงซานที่คิดกับตัวเอง คงจะดีกว่านี้หากว่าเจอห้องสักห้องที่นี่ เขาคงไม่สะดวกนักหากว่าฝึกฝนในสภาพเช่นนี้.

ขณะที่กำลังทอดถอนใจอยู่นั้น ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่าลึกลงไปข้างล่างนั้นมีถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ อีกอย่างเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ส่องประกายแสงสีแดงส่องประกายวับวาวออกมาจากถ้ำ.

จงซานเร่งรีบดำลึกลงไปในทันที ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ จงซ่านยิ่งเห็นแสงสีแดงมากขึ้นเท่านั้น.

จงซานที่จับจ้องมองไปยังแสงสีแดง พร้อมกับเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ ถ้ำแห่งนี้เป็นไปได้ว่าอาจจะมีใครได้ทำการสร้างมันขึ้นมาก็ได้.

จงซานที่ดำลงไปยังถ้ำดังกล่าวอย่างระมัดระวัง ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่พลังงานความร้อนก็ยิ่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น จงซานมีความสุขกับพลังงานความร้อนเป็นอย่างมาก.

จงซานที่รู้สึกตื่นเต้นกับสภาพพื้นที่ดังกล่าว ไม่ต่างจากสวรรค์เลย ถ้ำแห่งนี้เป็นดินแดนที่สมบูรณ์แบบเลยไม่ใช่รึ?

เขาที่ดำน้ำตรงลงไปเข้าไปในถ้ำดังกล่าว ติดตามประกายแสงสีแดงไป มีทางเดินเข้าไปข้างใน ภายในถ้ำแห่งนี้มีประกายแสงสีแดงที่อาบไปทั่วห้อง และยังมีทางเดินขึ้นไปด้านบน มีสิ่งใดอยู่ที่นั่นกัน?

จงซานที่ว่ายนำตรงไปยังทิศทางดังกล่าว หลังจากผ่านไปชั่วขณะก็มาปรากฏขึ้นบนพื้นที่แห่งหนึ่งบนผิวน้ำ.

"เอ๊ะ!"

จงซานที่โผล่หัวขึ้นไปบนผิวน้ำ.

เป็นถ้ำใต้น้ำพื้นที่รอบ ๆ นี้ถูกปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีแดง โดยสามารถมองเห็นตั้งแต่ทางเข้า จนเขาเข้ามาถึงตอนนี้ ในอีกฟากหนึ่งของถ้ำ เป็นพื้นที่ที่ต่างออกไป จงซานที่ค่อยปีนขึ้นไปบนถ้ำใต้น้ำ.

มีพืชเกิดขึ้นอยู่ด้านบน เห็นเป็นแง่งสีดำทมิฬ ใบสีม่วง และยังมีผลไม้สีแดงเท่ากับกำปั้น.

แน่นอนว่ากิ่งก้านของมันเป็นสีดำ ใบคู่สีม่วง และออกผลสีแดงแล้วเท่ากับกำปั้น.

ผลไม้สีแดงนั่นเป็นแหล่งพลังงานแสง มันส่องประกายแสงสีแดงส่องออกไปถึงข้างนอก และยังแผ่ความร้อนออกมาด้วย จงซานรับรู้ได้ทันทีว่ามันสามารถแผ่พลังงานความร้อนเป็นอย่างมากออกมา ไม่สงสัยเลยว่าพื้นที่รอบ ๆ นี้จะมีพลังงานความร้อนมากมายขนาดนี้.

จงซานที่พยายามกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้ว่าเขาได้พบเข้ากับสมบัติล้ำค่าแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่ามันคือผลอะไร ได้แต่แค่มอง ก็บอกได้แล้วว่ามันเป็นสิ่งของหายาก.

เก็บผลไม้ดังกล่าวมา? จงซานย่อมไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นแน่ นำมันมากิน? เขายิ่งไม่มีกล้าไปใหญ่.

มันได้แผ่พลังงานความร้อนมหาศาลออกมารอบ ๆ ถ้ำ เป็นพลังธาตุหยางที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.

จงซานนั่งสมาธิบนพื้นแห่งหนึ่งพร้อมกับเริ่มฝึกฝนวิชาดาบสวรรค์กายสุริยันทันที หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง เขาพบว่าความก้าวหน้าของเขานั้นมากกว่าเดิมสิบเท่า มากกว่าการที่เขาฝึกฝนในเตาอบ ที่แห่งนี้นับว่าเป็นพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมมาก เขาตัดสินใจที่จะฝึกฝนในถ้ำแห่งนี้ในทันที.

จงซานที่กระโดดลงน้ำต่อ ดำน้ำออกไปจากทางเดิมไปโผล่ที่สระน้ำพุร้อน.

พร้อมกันนี้ก็เก็บของทั้งหมดเสื้อผ้า รองเท้าขับวายุ ดาบ และอาหารที่มี ก่อนที่จะดำน้ำกลับไปยังถ้ำใต้น้ำ สถานที่ฝึกฝนชั้นเยี่ยมที่เขาเจอ.

จงซานตั้งชื่อให้มันเองว่า "ถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์."เขาได้ขยับหินขนาดใหญ่ยักษ์เพื่อปิดปากถ้ำเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แสงของมันส่องประกายออกไปด้วยนอก.

จากนั้น เก็บตัวฝึกฝนอยู่ด้านใน เมื่อหิวก็กินอาหารแห้งที่เตรียมมา และหยุดดื่มน้ำบ้างเป็นระยะ.

ประกายแสงสีแดงที่ส่องประกายออกมาจากผลไม้นั่น เป็นพลังธาตุไฟที่บริสุทธิ์ไม่มีแสงอื่น ๆ ผสม จงซานไม่คาดคิดเลยว่ากลิ่นอายที่มันส่องออกมานั้นจะหนาแน่นเช่นนี้ เขารู้สึกซาบซึ้งขอบคุณสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก.

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.

"อ๊ากก ๆ  ๆ "

จงซานที่คำรามออกมา พร้อมกับต่อยออกไปด้านหน้า แต่ละหมัดนั้นปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีแดง เป็นพลังที่ส่องประกายแสงสว่างเจิดจ้า.

ระดับ 2 เซียนเทียน.

ท้ายที่สุด หลังจากผ่านสองเดือน เขาก็สามารถก้าวไปถึงระดับสองได้แล้ว.

จงซานรู้สึกพึงพอใจกับความก้าวหน้าของตัวเองเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อไหร่ที่เขาคิดถึงเรื่องของไท่จู่เหล่ยเทียน เขาก็ขุ่นเคืองขึ้นมาทันที ไท่จู่เหล่ยเทียนนั้น น่าจะก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณไปนานแล้ว? เขาตอนนี้จะต้องฝึกฝนให้มากยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าเพื่อที่จะไล่ตามอีกฝ่าย.

ตอนนี้อาหารที่เขาเตรียมมาได้หมดลงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปหามาเพิ่มแล้ว.

จงซานมาออกจากถ้ำใต้น้ำ ก่อนที่จะเคลื่อนหินยักษ์ออกมา พร้อมกับว่ายน้ำตรงขึ้นไปบนผิวน้ำ.

เมื่อขึ้นจากบ่อน้ำร้อน เขาใช้ปราณแท้ทำให้ชุดของเขาแห้ง ดาบสะพายหลัง ก่อนที่จะเดินตรงกลับไปยังเส้นทางที่เขาจากมาเมื่อเดือนที่แล้ว.

ระหว่างทางกลับนั้น เขาที่พบเข้ากับสัตว์อสูรอยู่เหมือนกัน ทว่าเขาจะหลีกเลี่ยงเหล่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง โดยตอนนี้ได้เล็งไปยังแมวภูเขา ที่เขาสามารถกำราบได้ไม่อยากเย็น โดยครั้งนี้เขาจะไม่ใช้วิชาหงหลวนและวิชากายาเทพอสูรในการล้มแมวภูเขา ซึ่งก็เป็นไปอย่างราบรื่น เห็นได้ชัดเจนว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก.

สี่เดือน ด้วยเวลาสี่เดือน ท้ายที่สุดจงซานก็สามารถก้าวไปยังระดับ 2 เซียนเทียน.

ในเย็นวันนั้น เขาได้นำร่างของแมวภูเขากลับมายังลานบ้านของเขา.

บนลานบ้านของเขานั้นได้ทำการแขวนยาเม็ดขนาดเล็ก ติ่งสุ่ยเซี่ยเอาไว้.

หลังจากที่เขาวางร่างของแมวภูเขาลง เขาก็ทำการตรวจสอบแปลงข้าวและผักของเขา ซึ่งตอนนี้มันสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว.

จงซานที่ใช้เวลาทั้งวันในการเก็บเกี่ยวข้าวและผักเพื่อนำมาใช้เป็นอาหารสำรองในการฝึก.

ห้าวันหลังจากนั้น เขาก็ทำการหว่านเมล็ดข้าวและผักอีกครั้ง ตอนนี้เขาพร้อมที่จะกลับไปยังถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์อีกครั้งแล้ว หลังจากทำการจัดเตรียมเสบียงอาหารเสร็จ.

"จงซาน เจ้ากลับมาแล้วรึ?พวกเราไม่สามารถหาเจ้าเจอมาหลายวันแล้ว?"มีเสียงที่เจื้อยแจ้วของเทียนหลิงเอ๋อดังเข้ามา.

"เจ้าเก็บผักไปหมดแล้วรึ?ข้าว่าจะมาเก็บไปกินสักหน่อย."เสียงของหนานป่าเทียนกล่าวออกมาด้วยเช่นกัน.

จงซาน ขมวดคิ้ว เขาที่ได้ทำเป็นอาหารแห้งทั้งหมด และเตรียมออกจากบ้านแล้ว.

"หลิงเอ๋อ ป่าเทียน."จงซานที่ออกมาทักทายพวกเขา.

"หลายวันมานี้เจ้าไปใหนมากัน?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถาม.

"ข้าไปต่อสู้ฝึกฝนกับสัตว์อสูรบนภูเขาเพื่อฝึกวิชามานะ "จงซานที่กล่าวตอบ.

"ไม่แปลกใจเลยว่าไม่สามารถเห็นเจ้าทุกครั้งที่พวกเรามาหา ข้าตอนนี้อยู่ในระดับเก้าเซียนเทียนแล้วนะ เป็นศิษย์สูงสุดของลำดับสามของรุ่นที่สามแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"เฮ้ หนึ่งเดือนมานี้เจ้าเลื่อนระดับแล้วเหรอ?"หนานป่าเทียนที่จ้องมองไปยังจงซาน.

"ตอนนี้ข้าอยู่ระดับสองแล้ว."จงซานที่กล่าวออกมาโดยตรง.

"ยอดเยี่ยมเลย ไว้ข้ารอเจ้าก้าวไปถึงระดับหก พวกเรามาสู้กันอีกครั้งแล้วกัน คราวนี้ข้าจะได้ไม่ออมมือให้เจ้าแล้ว."หนานป่าเทียนที่หัวเราะออกมา.

"ขอบคุณ."จงซานกล่าวออกมาอย่างจริงใจ.

"อย่างไรก็ตาม จงซาน ถึงเจ้าจะฝึกฝนอย่างหนักก็ตาม ข้าได้ยินเตี่ยกล่าวว่าในรุ่นเจ้ามีคนก้าวไปถึงระดับสามแล้วนะ."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมา.

"ระดับสามอย่างงั้นรึ?"จงซานขมวดคิ้ว ใครกันถึงได้ร้ายกาจและรวดเร็วขนาดนั้น.

"อืม ไม่ธรรมดาเลย ทว่าระดับหนึ่งถึงห้าเซียนเทียนนั้นง่ายที่จะก้าวผ่าน ที่จริง ข้ามีความสามารถมากกว่าอีกข้านะ ข้าสามารพก้าวไปถึงระดับสามได้เพียงแค่สองเดือน เทียบได้กับศิษย์พี่ใหญ่เลย."เทียนหลิงเอ๋อกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ.

"ศิษย์พี่ใหญ่?"จงซานขมวดคิ้วจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ.

"ใช่แล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ เขามีความฉลาดมาก สามารถก้าวไปถึงระดับหกเซียนเทียนเพียงแค่ปีแรกหลังจากที่เขาเข้ามาในสำนักไคหยาง นับว่าเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ เขาใช้เวลาเพียงสามปีก็สามารถก้าวไปถึงระดับสิบ และอีกสองปีก็สามารถทะลวงไปยังระดับแกนทอง เตี่ยของข้านั้นให้เขาเป็นศิษย์เอก ตอนนี้เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับแกนทอง."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาอย่างภูมิใจ เล่ารายระเอียดเกี่ยวกับศิษย์พี่ใหญ่ของนางจนเกือบหมด.

"ไม่ ๆ  ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เป่ยชิงซือของภูเขาเสี๋ยจู๋ ต่างหากที่มีความเร็วที่สุด แม้ว่านางจะเข้ามาในสำนักไคหยางน้อยกับศิษย์พี่ใหญ่ห้าสิบปี ความเร็วของนางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์พี่ใหญ่เลย บางทีนางอาจจะสามารถก้าวไปถึงระดับวิญญาณก่อตั้งก่อนศิษย์พี่ใหญ่ก็ได้."หนานป่าเทียนกล่าว.

เทียนหลิงเอ๋อเอ่ยโต้แย้ง."ศิษย์พี่ชิงซือนั้นนับว่าแข็งแกร่ง ทว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องแข็งแกร่งกว่านางแน่นอน."

"บางทีนะ."หนานป่าเทียนที่ไม่อยากจะโต้แย้ง.

"พวกเจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าไปเจอชาชั้นดีที่ในภูเขา รสชาติดีมาก ข้าจะชงมาให้พวกเจ้า."จงซานกล่าว.

ฟังทั้งคู่โต้เถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระ ทำให้จงซานหัวเราะออกมาได้เช่นกัน บางทีอาจจะเพราะเขาเป็นคนที่มีอายุมากแล้วก็ได้.

จงซานที่ยกน้ำชาออกมายังหน้าบ้าน ซึ่งมีโต๊ะศิลาตั้งอยู่ ไม่ว่าอย่างไร คนทั้งคู่ก็มีบุญคุณกับเขา จงซานตัดสินใจที่จะหยุดพูดคุยกับพวกเขาทั้งคู่.

จากการพูดคุยของทั้งสองคน จงซานรับรู้ว่าเป่ยชิงซือนั้นเป็นศิษย์หลักของผู้นำขุนเขาเสี๋ยจู๋ กู่ซ่างจื่อ นางที่เป็นศิษย์ลำดับสามของรุ่นที่สอง นางนับว่าเป็นอัจฉริยะอีกหนึ่งคนที่ได้ก้าวไปถึงระดับแกนทองอย่างรวดเร็ว.

ศิษย์พี่ใหญ่ ซึ่งมีนามว่า เจ๋อเทียนซา เป็นศิษย์ลำดับหนึ่งของรุ่นที่สองที่ไปถึงระดับแกนทอง เทียนหลิงเอ๋อนั้นชื่นชมศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มาก ดูเหมือนว่าจะยกย่องจนออกนอกหน้า นางที่ชื่นชมเขา ทว่าศิษย์พี่ใหญ่กับเห็นว่านางนั้นเป็นเหมือนเด็กหญิงตัวน้อย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด