Chapter 154 เป็นเจ้า!
เป็นเขาอย่างงั้นรึ?อาวุโสจื่อซวินที่ชำเลืองมองตาโตจับจ้องไปยังจงซาน สิบปี แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ใบหน้านี้นางไม่เคยลืม สิบปีมานี้ ไม่เพียงแค่ใบหน้านี้ยังจำได้เท่านั้น มันยังเป็นเหมือนกับฝันร้ายของนาง เพียงแค่เวลาไม่นานกับถูกสลักเอาไว้ในจิตใจของนางอย่างแน่นหนา.
คืนนั้น แม้ว่านางจะอยู่ในสภาวะสับสน ทว่าใบหน้าของเขา อาวุโสจื่อซวินก็ไม่เคยลืม แม้ว่าตอนนี้เขาจะหนุ่มขึ้นกว่าเดิม ทว่าเป็นเขา เป็นชายผู้นี้นั่นเอง แม้ว่าชื่อของเขานางจะไม่รู้ด้วยซ้ำ.
นางที่คิดอยู่ตลอดเวลาอีกไม่นาน บางทีอีกไม่กี่ปีนางคงจะสามารถลืมเขาได้อย่างสมบูรณ์!
เป็นไปได้อย่างไรที่สวรรค์จะเล่นตลกเช่นนี้? ทำไม ทำไมเขายังปรากฏตัวออกมาล่ะ?
อาวุโสจื่อซวินที่หลับตาลง คิดว่านางคงตาลาย หวังว่าลืมตาขึ้นมาร่างของคนผู้นี้จะหายไป ทว่า หลังจากที่ลืมตาขึ้นมา ก็ยังเห็นเป็นเขาจริง ๆ .
ทำไมเป็นเขาล่ะ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? สำนักไคหยางอย่างงั้นรึ? สิบปี? ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายเช่นนั้น สิบปีสามารถก้าวไปถึงระดับแกนทองอย่างงั้นรึ?
จงซานที่เดินนำหงหนิวผ่าหมอกควันก้าวออกมา ขณะที่ก้าวออกมา ทันใดนั้นร่างของจงซานถึงกับชะงักงันเท้าติดหนึบไปกับพื้นเช่นกัน ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
ในเวลานี้ที่ลานยอดเขาไคหยาง มีคนหลายร้อยคนที่ยืนประจำทีเข้าแถวอยู่.
เทียนชา หนานป้าเทียน เสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อ....
อีกหนึ่งร่างเป็นหญิงงามที่เขายังจำได้แม่นยำ ดวงตาของเขาที่หดเกร็ง เป็นนางเองรึ?
สิบปี ท้ายที่สุดก็เห็นนางในสำนักไคหยาง เทพธิดาจื่อซวิน.
อย่างไรก็ตาม จงซานและเทพธิดาจื่อซวินนั้นก็เพียงแค่ศิษย์คนละรุ่นเท่านั้น กับสายาตาของเขาที่จ้องมองไปที่นางก็เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ เรื่องในวันนั้น หากนึกดูแล้ว มันเป็นเพียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสภาพไร้สติ เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ต่างจากความรักชั่วข้ามคืนเลย.
อย่างไรก็ตามมันกลับยากที่จะลืมได้เช่นกัน.
ดังคำกล่าวที่ว่า"แม้เพียงข้ามคืน กลับสลักลึกตรึงใจ"
แน่นอน ว่าเรื่องนี้จงซานย่อมเก็บมันเอาไว้ในใจ ไม่มีทางที่จะเผยเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาได้ หากว่าเทพธิดาจื่อซวินต้องการจะปกป้องศักดิ์ศรีของนางนางในวันนั้น จงซานก็ยากที่จะรอดพ้นจากคมกระบี่ เรื่องนี้มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น จงซานไม่ควรที่จะแสดงท่าทีอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นออกมา.
จงซานที่เก็บดาบยักษ์ของเขาในทันที พร้อมกับจ้องมองออกไปด้วยความสงสัยที่มีคนมากมายกว่า 500 คนมาชุมนุมในสถานะที่แห่งนี้ ประมุขเสวียนซวินจื่อที่เดินตรงมายังทิศทางของจงซานในทันที.
อาวุโสจื่อซวินที่จ้องมองไปยังจงซาน พร้อมกับขมวดคิ้วไปมา คล้ายว่าสนใจจงซานเป็นพิเศษ ดังนั้นจงซานที่จ้องมองกลับ สายตาของทั้งคู่ที่ประสานกัน ทว่าด้วยมีคนอยู่มากมายกำลังมองเขาอยู่ ทำให้เขาหลบสายตาของนางในทันที.
จื่อซวินรู้ว่าเขาจำนางได้ พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในป่า ทำให้นางรู้สึกเขินอายใบหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นสายตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา จับจ้องมองไปยังจงซานที่หลบสายตานาง ก่อนที่จะถอนสายตากลับมา.
ภายในใจของจื่อซวินตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวาย เต้นไปมาไม่เป็นจังหวะ นางที่สูดหายใจยาว เพื่อที่จะสะกดข่มหัวใจที่เต้นระส่ำนี้ จากนั้นความเย็นชาที่จ้องมองจงซาน ก็หายไปในทันที ถูกแทนที่ด้วยความเย็นยะเยือบ ทว่าความเย็นนี้กลับดูแปลกประหลาด ทุกคนสามารถเห็นได้ว่า อาวุโสจื่อซวินนั้นจ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางแปลกประหลาด.
เสวียนซวินจื่อที่เดินเข้ามาหาทั้งสองคน และกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.
"อาวุโส ท่านพูดจริง ๆ รึ?"จงซานที่จ้องมองด้วยความประหลาดใจจ้องมองไปยังเสวียนซวินจื่อ.
"อืม พวกเจ้าก็ไปเข้าแถวได้แล้ว อย่าล่าช้าให้อาวุโสได้คัดเลือก."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวออกมาในทันที.
"ครับ."หงหนิวที่ตอบรับในทันที.
จงซานเองก็พยักหน้ารับคำก่อนที่จะเดินไปเข้าแถวซึ่งอยู่แถวสุดท้ายของเหล่าศิษย์ระดับแกนทอง อย่างไรก็ตามตามความเห็นของเสวียนซวินจื่อแล้วถึงแม้อาวุโสทั้งสาม ไม่สิ เหลือเพียงแค่อาวุโสจื่อซวินที่ต้องเลือก.
นางไม่มีทางเลือกจงซานและหงหนิวแน่นอน ต้องไม่ลืมว่าทั้งสองคน เพิ่งมีระดับแกนทอง หรือเพิ่งทะลวงผ่านระดับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจงซาน ที่มีพรสวรรค์ทางร่างกายที่ย่ำแย่ ดูแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจเลย กับคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้อาวุโสจื่อซวินจะเลือกอย่างงั้นรึ? ท้ายที่สุดเรื่องที่ขัดขวางการเลือกก็จบแล้ว เหล่าศิษย์หลายร้อยคนตอนนี้ก็กำลังรอคอยอย่างคาดหวัง.
จงซานที่เดินข้าแถวท้ายสุด สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังด้านหน้า หนานป้าเทียน และชายอีกคนหนึ่ง ที่ได้รับเลือกแล้ว ดูเหมือนโอกาสสุดท้ายนั่นจะเหลือแค่เทพธิดาจื่อซวิน.
นางจะเลือกใครกัน?
จงซานคงไม่คาดหวังว่าด้วยความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนนั้น จะทำให้จื่อซวินให้สิทธิ์พิเศษอะไรกับเขา ต้องไม่ลืมว่า ในวันนั้นเป็นควรที่จะเป็นคืนที่น่าลืมที่สุด แน่นอนว่าไม่ควรที่จะเอามาใส่ใจหรือคาดหวัง อีกทั้งตำแหน่งขุนนางระดับห้าของราชวงศ์สวรรค์ เป็นอะไรที่น่าดึงดูดไม่น้อย.
จงซานเองไม่เพียงแค่ต้องการเพิ่มวาสนาให้กับร่างกาย แต่ก็คิดที่จะร่วมกับราชวงศ์สวรรค์สักแห่ง ภายในโพรงวิญญาณเอง จงซานก็คิดเรื่องดังกล่าวนี้เช่นกัน หลังจากที่ทะลวงผ่านไปยังระดับแกนทองแล้ว เขาเองก็ต้องการที่จะเดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย เหตุผลหนึ่งก็เพื่อเพิ่มพลังฝึกตนตลอดจนเพิ่มพูนประสบการณ์ อีกเหตุผลหนึ่งก็ต้องการหาสถานที่สร้างราชวงศ์วาสนาในทวีปศักดิ์สิทธิ์.
เพราะว่าจงซานรู้ดี ราชวงศ์วาสนายิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งยากที่จะควบคุม จงซานจำต้องเรียนรู้และเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ภายใต้โลกใบนี้ มีรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ที่ควรค่าที่จะศึกษา ร่างแยกเงาของเขาที่กำลังสร้างราชวงศ์ต้าเจิ้ง ส่วนร่างหลักนั้นจำเป็นต้องเฝ้าสังเกตและศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ของราชวงศ์วาสนาอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะสามารถช่วยยกระดับราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว.
ตำแหน่งขุนนางระดับห้าของราชวงศ์สวรรค์ ถือว่าเป็นทางลัดที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังทำให้สามารถช่วยเพิ่มวาสนาให้กับร่างกาย จะทำให้พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.
ซึ่งจงซานที่กำลังขมวดคิ้วไปมา สายตาของเขาจ้องมองตรงไปยังศิษย์พี่ใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความสนใจจากอาวุโสจื่อซวิน ทว่าในสายตาของนางเวลานี้ดูเหมือนว่าจะดูลังเล ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะเลือกเขาด้วยเรื่องที่เคยเกิดขึ้น.
"อาวุโสจื่อซวิน เมื่อสักครู่นี้เป็นศิษย์ที่เพิ่งออกมาจากโพรงวิญญาณ ท่านดำเนินการต่อเถอะ."เสวียนซวินจื่อที่เอ่ยปากกล่าวต่ออาวุโสจื่อซวิน.
อาวุโสอีกสองคนเองก็พยักหน้าให้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้สนใจ และอาวุโสจื่อซวินก็พยักหน้าให้ด้วยเช่นกัน.
อาวุโสจื่อซวินที่ยืนอยู่ด้านหน้าเหล่าศิษย์ระดับแกนทองกว่าห้าร้อยคน สูดหายใจลึก เหล่าศิษย์แกนทองทุกคน ต่างก็จ้องมองด้วยความคาดหวังมายังนาง ก่อนหน้านี้ นางไม่ได้สนใจอะไรนัก ต้องไม่ลืมว่า ทุกคนที่มองมานั้น ไม่มีใครอยู่ในสายตานางอยู่แล้ว.
ทว่า ด้วยสายตาที่จับจ้องมองมาเป็นจำนวนมากนั้น มีสายตาคู่หนึ่ง เป็นสายตาคู่เดียวที่ทำให้นางร้อนรุ่มขึ้นมา มันดูส่องประกายสุกใส แอบซ่อนอยู่ในกลุ่มสายตามากมายนั่น.
ในกลุ่มศิษย์ระดับแกนทองนั้น แน่นอนว่าเป็นเขานั่นเอง!
เทียนชาที่ยืนอยู่ด้านหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกเกิดลางสังหรณ์ใจไม่ดีนัก เพราะว่าอาวุโสจื่อซวินหลังจากคนสองคนออกมา ดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว สายตาของนางที่เหมือนกับเปลี่ยนไปยังทิศทางอื่น.
เกิดปัญหาอะไรขึ้นกัน?
เทียนชาที่ขมวดคิ้วไปมาจดจ้องมองไปยังอาวุโสจื่อซวิน แววตาของเขานั้นปรากฏท่าทางกระวนกระวายใจขึ้นมา.
"อาวุโส ท่านจะเลือกใครอย่างงั้นรึ?"เสวียนซวินจื่อที่จ้องมองไปยังอาวุโสจื่อซวิน.
อาวุโสจื่อซวินที่จ้องมองไปยังเหล่าศิษย์แกนทองมากมายอย่างเฉยเมย จ้องมองไปยังจงซานอย่างไม่แยแส ทว่าไม่รู้ทำไมว่าเกิดอะไรขึ้น นางที่สูดหายใจลึกเข้ามา ก่อนที่จะชี้ไปยังจงซาน."คนที่ถือดาบใหญ่ก่อนหน้านี้."
คนที่ถือดาบใหญ่ก่อนหน้านี้!
ทันทีที่อาวุโสจื่อซวินกล่าวจบ เหล่าศิษย์ระดับแกนทองมากมายถึงกับส่งเสียงดังอื้ออึ้งไปเลยทีเดียว แน่นอนว่าที่พวกเขาส่งเสียงอื้ออึ้งนั้นเป็นเพราะว่าตื่นตะลึงนั่นเอง ก่อนที่จะทุกคนจะเงียบลง ทว่าใบหน้าของพวกเขายังไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นจดจ้องมองตรงไปยังจงซาน.
"จงซาน เจ้าออกมา."เสวียนซวินจื่อเองก็ค่อนข้างตื่นเต้นดีใจเผยยิ้มออกมาเช่นกัน.
เกี่ยวกับจงซานนั้น เขาเองก็รู้สึกมีความผูกพันเหมือนกับเป็นศิษย์ของเขาเอง เพราะว่าเขาคือศิษย์ของเทียนซวินจื่อ เป็นนวี่ซวี่ของเทียนซวินจื่อ เป็นคนที่เทียนซวินจื่อให้การยอมรับ ทำให้เสวียนซวินจื่อตื่นเต้นไปด้วย เมื่อเห็นว่าจงซานมีความสุข ภายในใจก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เทียนซวินจื่อไปพร้อม ๆ กันด้วย.
จงซาน? เขามีนามว่าจงซานอย่างงั้นรึ? อาวุโสจื่อซวินที่จ้องมองไปยังจงซานที่อยู่ไกลออกไปพลางคิดอยู่ในใจ.
จงซานที่ตื่นตะลึงจ้องมองไปยังอาวุโสจื่อซวิน ไม่อยากเชื่อเช่นกันว่านางจะเลือกเขา อาวุโสจื่อซวินมีแผนการอะไรหรือไม่?ทำไมถึงเป็นเขา จากผู้ฝึกตนแกนทองทั้งห้าร้อย เขาคือคนที่อ่อนแอที่สุด?
ด้วยความสงสัยภายในใจ สายตาของเขาที่กวาดไปมาก่อนที่จะค่อย ๆ เดินออกไปด้านหน้า.
จงซานไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมอาวุโสจื่อซวินถึงได้เลือกเขา ทว่าในเมื่อนางได้ให้โอกาสเขาเช่นนี้ จงซานไม่มีทางที่จะทิ้งโอกาสอย่างแน่นอน.
จงซานที่ค่อย ๆ เดินตรงไปยังด้านหน้า.
ใบหน้าของหนานป้าเทียนที่จ้องมองมายังจงซานด้วยความยินดี ในสำนักไคหยางนั้น หนานป้าเทียนมีสหายเพียงแค่สองคน นั่นก็คือเทียนหลิงเอ๋อและจงซานนั่นเอง เทียนหลิงเอ๋อตอนนี้ไม่รู้เช่นกันว่าอยู่ที่ใหน เกี่ยวกับจงซาน หนานป้าเทียนแอบคาดหวังเล็กน้อยหากเป็นเขาคงจะยอดเยี่ยมที่สุด.
เหล่าศิษย์ทุกคนตอนนี้เผยสีหน้าผิดหวังไปตาม ๆ กัน หลาย ๆ คนที่เผยสีหน้าอิจฉาเป็นอย่างมาก แม้แต่สายตาที่เกลียดชังด้วย.
สายตาของเทียนชาในเวลานี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวของจงซาน เขาที่เห็นจงซานได้รับเลือก ทั้งที่สิทธิ์นั่นควรจะเป็นของเขา สุดท้ายกับถูกฉกฉวยไปหน้าด้าน ๆ .
เจ้าขโมย เจ้าหัวโมย!!!
ดวงตาของเทียนชาที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาที่จ้องมองไปยังจงซานอีกครั้งและก็อีกครั้ง "อีกครั้งแล้ว"กับสิ่งที่เขาต้องการ เทียนชาที่ราวกับว่าไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่มันถูกสะสมมาเรื่อย ๆ จวบจนเวลานี้มันได้หมักหมมพร้อมจะปะทุออกมาแล้ว.
ดวงตาของเทียนชาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงซ่าน ลามไปถึงหน้าผากที่กำลังแดงขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ราวกับว่ามันกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง หน้าผากของเขาที่สีแดงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ .
ดวงตาที่แดงกล่ำ เสียงหึ่ง ๆ ที่ดังอยู่ในหูของเขา ราวกับว่ากำลังถูกธาตุไฟเข้าแทรก.
"เป็นเจ้า เป็นเจ้า!!! ทำไมต้องมาหาแย่งของ ๆ ข้า!เป็นเจ้าทุกครั้ง ที่แย่งของ ๆ ข้าไป!เจ้าขยะ เจ้าหัวขโมย!"เทียนชาที่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น.
เสียงคำรามตะโกนลั่นที่ทำให้ทุกคนถึงกับหันมามอง แทบจะในทันที ที่ทุกคนจับจ้องมองไปยังเทียนชา ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยท่าทางตื่นตกใจหวาดผวากับท่าทางของเทียนชา ศิษย์พี่ใหญ่กำลังจะทำอะไร? เขาเป็นอะไรไป?
จงซานที่ก้าวมาอยู่ข้าง ๆ หนานป้าเทียน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามดังลั่นจากด้านหลัง หัวใจที่บีบรัด ขนทั่วร่างลุกตั้งชูชัน สัมผัสได้ถึงอันตราย ไม่ได้การแล้ว เทียนชาต้องการที่จะสังหารเขา.
เหล่าศิษย์มากมายที่อยู่ที่นี่ อาวุโสทั้งสามและประมุขอีกด้วย เขากล้าลงมืออย่างงั้นรึ?
เขาที่หันหน้ากลับไปในทันที จงซานที่เห็นดวงตาสีแดงที่จดจ้อง แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร บนหน้าผากของเทียนชาที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้ เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายอย่างถึงที่สุด.
จงซานไม่เพียงแต่สัมผัสได้ถึงลางร้าย แต่เป็นอันตรายที่แท้จริง เทียนชาที่กุมมือไปที่กระบี่ที่เอวของเขา ท่าทางที่ผิดปรกติของเขาแสดงท่าทางที่จะใช้กระบวนท่าเพลงกระบี่ออกมา.
เพลงกระบี่ตัดสวรรค์กลืนนภา!
เทียนชาที่กำลังจะใช้เพลงกระบี่ตัดสวรรค์กลืนนภาอย่างงั้นรึ?
"ฟรึบ!!!"
จงซานที่ไร้ซึ่งลังเล นำกระบี่ยักษ์ฝันร้ายออกมา พร้อมกับชี้คมกระบี่ไปยังเทียนชา.
เทียนชาที่ธาตุไฟเข้าแทรก ตอนนี้กุมกระบี่แน่น เตรียมใช้เพลิงกระบี่เพลงกระบี่ตัดสวรรค์กลืนนภา เพื่อตัดสินเป็นตาย.