ตอนที่แล้วChapter 152 จื่อซวินปรากฏตัว.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 154 เป็นเจ้า!

Chapter 153 สิบปีพบอีกครั้ง.


"นับจากนี้เป็นต้นไป เสวียนซวินจื่อ คือประมุขเป็นรุ่นที่ 20 อย่างทางการของสำนักไคหยาง ศาลาเจ็ดดาว ส่งมอบกระบวยสงคราม."อาวุโสคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด พร้อมกับยื่นกระบวนสงครามออกไปให้กับเสวียนซวินจื่อ.

"ครับ ศิษย์จะปกปักษ์รักษาสำนักไคหยาง ดำรงไว้ด้วยชื่อเสียงและนำพาสำนักไปสู่ความรุ่งโรจน์."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวอย่างจริงจังพร้อมรับกระบวยสงครามมา.

"พิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว."ผู้พิทักษ์นิกายที่อยู่ด้านข้าง กล่าวออกมาในทันที.

"คารวะท่านประมุข."เหล่าศิษย์ทุกคนในลานไคหยางต่างก็กล่าวคารวะเสียงดัง.

เสวียนซวินจื่อที่รับกระบวยสงคราม พร้อมกับหันกลับมามองเหล่าศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ .

คนกลุ่มนี้เป็นรุ่นพี่และรุ่นน้อง แม้ว่าจะมีหลายคนที่เดินทางหรือประจำอยู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ ทว่าต่างก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน และเหล่าศิษย์ระดับแกนทอง อาจจะเรียกเขาเป็นอาจารย์อา.

"เอาล่ะ ท่านประมุข ถึงเวลาที่พวกเราจะเลือกคนแล้ว."อาวุโสผู้ทำพิธีส่งมอบกระบวนสงครามกล่าวต่อเสวียนซวินจื่อ.

"อืม."เสวียนซวินจื่อพยักหน้า ในเวลานี้ ท่าทางแสดงความเคารพเป็นอย่างมากก่อนนี้ได้หายไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอาวุโส ทว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นประมุขเต็มตัวแล้ว ผู้นำตอนนี้ ย่อมไม่สามารถแสดงท่าทางต่ำต้อยออกมาได้.

"ศิษย์พี่และศิษย์น้องก่อตั้งวิญญาณขอเชิญด้านนี้ ส่วนศิษย์ระดับแกนทอง ขอให้ยืนเข้าแถวประจำที่ให้อาวุโสเลือกตัว."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวต่อหน้าทุกคน.

"ครับ/ค่ะ"เหล่าศิษย์ไคหยางที่ตอบรับพร้อม ๆ กัน.

ผู้ฝึกตนก่อตั้งวิญญาณ ทุกคนที่เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังสามผู้อาวุโส รู้สึกเสียดาย แต่ก็ช่วยไม่ได้.

เหล่าศิษย์ระดับแกนทอง 500 คน ตอนนี้ยืนประจำที่แล้ว ศิษย์หลายคนที่เผยสีหน้าแววตาสงสัย ทว่าศิษย์บางคนก็เข้าใจเหตุผล ทว่าพวกเขายังคงเงียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าบรรดาเหล่าศิษย์ขั้นหนึ่งและต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่ขั้นสอง เทียนชา.

เทียนชาที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า สายลมที่พัดผ่านแขนเสื้อพริ้วไหวตามลม บุคลิกที่ดูสง่างามน่าเกรงขาม ในหมู่ของเหล่าผู้ฝึกตนระดับแกนทอง แน่นอนในศิษย์มากกว่า 500 คนนี้  เขาคือผู้ที่โดดเด่นที่สุด

ที่ด้านข้างเทียนชา มีชายหนึ่งคนในชุดขาวล้วนท่าทางเหมือนบัณฑิต บนมือถือพัดที่มีภาพของภูเขาและแม่น้ำอยู่ในมือ ด้วยการโบกสะบัดพัดไปมาทำให้ดูเกรงขามโดดเด่นไม่น้อย ใบหน้าที่ดูมั่นใจในตัวเองจ้องมองไปยังอาวุโสใหญ่ทั้งสามด้านหน้า เขาที่ยืนอยู่ด้านข้างเทียนชา นั่นก็แสดงทว่ามีพลังฝึกตนไม่ธรรมดา แน่นอนสถานะของเขาก็คือศิษย์ขั้นสองลำดับสอง ซึ่งเขาเองก็เพิ่งเดินทางกลับมาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง.

หนานป้าเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง กวาดตาจ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสามด้านหน้า เพราะว่าหนานป้าเทียนเองก็รับรู้ว่าเขาก็น่าจะมีโอกาสด้วยเช่นกัน.

หลังจากที่ทำการตรวจสอบเหล่าศิษย์กว่า 500 คนในระดับแกนทอง เสวียนซวินจื่อที่เอ่ยปากออกมาในทันที "สำนักไคหยางนั้นเป็นหนึ่งในเจ็ดพันธมิตรศาลาเจ็ดดาว ซึ่งศาลาเจ็ดดาวและราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลวได้มีข้อตกลงกันอยู่ สำหรับอาวุโสแต่ละคนนั้น ทุก ๆ  300 ปี จะทำการรับศิษย์ในระดับแกนทองเข้าสู่ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว พร้อมกับรับตำแหน่งขุนนางชั้นห้า พร้อมกับรับเงินเดือนเป็นศิลาวิญญาณ พร้อมกับได้รับวาสนาจากราชวงศ์สวรรค์ด้วย."

กับคำพูดของเสวียนซวินจื่อทำให้เหล่าศิษย์ที่ยังงงงวยอยู่ถึงกับอุทานออกมาในทันที.

ราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว?ตำแหน่งขุนนางระดับห้า? นี่มัน เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ? ระดับห้า ไม่เพียงแต่ได้เงินเดือนเป็นศิลาวิญญาณเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือวาสนา วาสนาของขุนนางระดับห้าที่จะได้รับจากราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว อย่างน้อยที่สุดอีกหนึ่งขั้นก็ได้รับวาสนาเป็นมรรคาระดับอ่อนนุ่มแล้ว โดยที่ตำแหน่งขุนนางระดับ 4 จะได้วาสนามรรคาอ่อนนุ่ม ซึ่งเทียบเท่ากับหวงของราชวงศ์จักรพรรดิเลย การได้รับตำแหน่งขุนนางระดับ 5 แม้ว่าจะไม่ได้รับวาสนามรรคาที่อ่อนนุ่มเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็ยังได้รับส่วนแบ่งของวาสนาเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว.

ศิษย์สำนักไคหยางทั้งหมดที่ยืนอยู่ตอนนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง แม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าศิษย์ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าจะได้รับโอกาสได้เข้าร่วมราชวงศ์วาสนา ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการได้เข้าร่วมวิธีนี้ดูเหมือนว่าจะมีศักดิ์ศรีมากกว่าวิธีปกติทั่วไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง.

เสวียนซวินจื่อที่ยื่นอยู่ด้านข้าง ปล่อยให้อาวุโสทั้งสามเฝ้ามองเหล่าศิษย์.

ศิษย์กว่า 500 คน ที่อยู่ในระดับแกนทอง เทียนชาคือคนที่มีพลังฝึกตนสูงที่สุด แกนทองระดับสิบ อีกเพียงนิดเดียวก็ก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณแล้ว เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ก็ทำให้เขาไม่สามารถรับโอกาสนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับการคัดเลือกก็ขึ้นอยู่กับเหล่าอาวุโส ไม่ว่าจะเลือกศิษย์เช่นใด สำนักไคหยางก็ไม่มีข้อโต้แย้ง ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาก็มักจะเลือกคนที่โดดเด่น ทว่าตอนนี้ เทียนชาก็นับว่าโดดเด่นที่สุดนั่นเอง.

ภายในลานตอนนี้อยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนต่างก็รอคอยโอกาสที่กำลังจะมาถึงพวกเขา.

เหล่าศิษย์แกนทองทั้งหมดในเวลานี้ต่างก็จ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสาม คาดหวังว่าอาวุโสทั้งสามจะเลือกพวกเขา.

อาวุโสชายที่เป็นคำทำพิธีมอบกระบวยสงครามให้เสวียนซวินจื่อ ที่เอ่ยออกมาทันที."สุ่ยอู๋เหิน!"

"ครับ "ชายที่อยู่ข้างเทียนชายชุดสีขาวเหมือนกับบัณฑิตก้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

สุ่ยอู๋เหิน เป็นศิษย์ขั้นสองลำดับสอง มีพลังฝึกตนรองจากเทียนชา เพราะว่าบิดาของเขาเป็นขุนนางของราชวงศ์ต้าโหลวอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวเลือกแรกที่ได้รับเลือก ซึ่งเป็นไปตามคาด เทียนชาเพียงแค่ขมวดคิ้วไปมาเท่านั้น ไม่ได้แสดงท่าทางโต้แย้งแต่อย่างใด.

สองโอกาส เหลือเพียงแค่อีกสองโอกาสสำหรับศิษย์ระดับแกนทอง.

ในเวลาเดียวกัน อาวุโสชายอีกคนที่กวาดกตามองไปยังทุกคน.

"ใครคือบุตรชายของหนานเหวิ่นเทียน."อาวุโสคนดังกล่าวกล่าวออกมาโดยตรง บุตรชายของหนานเหวิ่นเทียน?เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์กัน.

เทียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา รู้สึกรำคาญกับวิธีการคัดเลือกของอาวุโสกลุ่มนี้ ทว่าไม่ว่าเหล่าอาวุโสเหล่านี้จะคัดเลือกคนอย่างไร เขาก็ไม่สามารถที่จะแย้งได้ น่าจะกล่าวว่าไม่มีสิทธิ์พูดเลยด้วยซ้ำ.

ในเวลาเดียวกัน หนานป้าเทียนที่ก้าวออกมาด้วยความสงสัย.

"บิดาที่จากไปแล้วของข้าคือหนานเหวิ่นเทียน ศิษย์หนานป้าเทียน."หนานป้าเทียนที่กล่าวต่ออาวุโสด้วยความเคารพ.

อาวุโสมองไปยังหนานป้าเทียน ใบหน้าที่ดูจริงจังทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เห็นได้ชัดเจนว่าเขานั้นเป็นสหายเก่าของหนานเหวิ่นเทียนนั่นเอง ส่วนอาวุโสอีกสองคนก็มองหนานป้าเทียนด้วยความอ่อนโยนเช่นกัน.

"อืม เตรียมตัวเดินทางไปทวีปศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันกับข้า."อาวุโสคนดังกล่าวพูด.

"ขอบคุณอาวุโส."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาในทันที แววตาอาบไปด้วยความประหลาดใจ.

เช่นนั้น คนสองคนได้ถูกรับเลือกแล้ว ตอนนี้มีเหลือแค่ศิษย์คนเดียวเท่านั้น.

เหล่าศิษย์ทั้งหมดของสำนักไคหยางเวลานี้ต่างก็จับจ้องมองไปยังอาวุโสจื่อซวิน นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะได้รับเลือก.

เทียนชาเองก็จับจ้องมองไปยังอาวุโสคนดังกล่าว สายตาเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง.

อาวุโสจื่อซวินขมวดคิ้วไปมา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือบจ้องมองไปยังเหล่าศิษย์ของสำนักไคหยาง ท้ายที่สุดก็จับจ้องมองไปยังเทียนชา เป็นความจริง เทียนชาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด.

.......

ภายในโพรงวิญญาณของสำนักไคหยาง พลังวิญญาณทั้งหมดตอนนี้หายไปหมดแล้ว จงซานได้ก้าวไปถึงระดับแกนทองแล้ว ภายในใจรู้สึกมีความสุข เขาและหงหนิวตอนนี้ได้เดินตรงมายังปากทางเข้าของถ้ำแล้ว.

หงหนิวที่ลอบมองจงซาน เกี่ยวกับจงซานผู้นี้ หงหนิวเต็มไปด้วยความสงสัย จงซานผู้นี้เป็นใครมาจากใหนกัน?

ประตูทางเข้าขนาดใหญ่เวลานี้ยังถูกปิดผนึกอยู่ จงซานที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะยกดาบยักษ์"ฝันร้ายของเขาขึ้น"

ดาบยักษ์ฝันร้าย ในเวลานี้ ได้ยกระดับเป็นของวิเศษระดับสองแล้ว หลังจากหลายต่อหลายปีที่ถูกปรุงแต่งด้วยพลังของเขา.

ดาบยักษ์ที่ชี้ไปยังผนังทางเข้า ดวงตาที่เย็นเยือบ แกนแท้ที่ถูกจุด ปราณดาบขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยออกไปทันที ผนังประตูถ้ำระเบิดเสียงดังสนั่น ด้วยปราณดาบขนาดใหญ่ มีประกายสายฟ้าแปบ ๆ แฝงอยู่ในปราณของเขาด้วย.

"ตูมมมมมม!"

หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่น ผนังทางเขาที่ถูกผนึกก็ระเบิดออก ผนังหินที่ถูกตัดกระแทกกลายเป็นช่องปรากฏช่องทางออกไปด้านนอกทันที.

ฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจายไปทุกทิศทุกทาง แสงของดวงตะวันที่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้ หนึ่งปี หนึ่งปีเต็มที่พวกเขาเก็บตัวฝึกฝน อย่างไรก็ตามถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขามีระดับหนึ่งแกนทองแล้ว.

ส่วนร่างแยกเงาของเขาเวลานี้ จงซานเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ซึ่งตอนนี้ร่างแยกเงาเองก็มีระดับแกนทองขั้นหนึ่งเช่นกัน ส่วนวิชาบำเพ็ญนั้น ได้เลือกมาจากสำนักไท่ตาน แม้ว่าพวกเขาจะเชี่ยวชาญและมุ่งเน้นไปด้านการปรุงยาก็ตาม ทว่าก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่นำวิชาการต่อสู้มาแลกเปลี่ยนยาเมื่อครั้งในอดีตเช่นกัน ดังนั้นวิชาบำเพ็ญของพวกเขาจึงมีอยู่มากมายหลากหลาย ร่างแยกเงานั้นได้เลือกตำราวิชาที่มีชื่อว่า"เงาอสูรเก้ากำเนิด."

ร่างหลักของจงซานที่นำหงหนิวก้าวออกมาจากหมอกกลุ่มผงที่ฟุ้งกระจายช้า ๆ .

อาวุโสจื่อซวินที่ทำการตรวจสอบเหล่าศิษย์ระดับแกนทองอยู่นั้น ท้ายที่สุด สายตาของนางที่จับจ้องมองไปยังเทียนชา ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด.

ทว่าเทียนชาที่เห็นอาวุโสจื่อซวินจับจ้องมองมาที่เขา ก็บังเกิดความดีใจเป็นอย่างมาก.

ขณะที่อาวุโสจื่อซวินกำลังจะเอ่ยปากนั้น.

"ตูมมมม"

หุบเขาที่อยู่ข้าง ๆ ก็ระเบิดเสียงดังสนั่น ผนังของหุบเขาที่ระเบิดออกมา ก้อนศิลาเศษเล็กเศษน้อยที่พุ่งกระจาย หลายส่วนที่พุ่งกระเด็นลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยแรงอัดมหาศาล.

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีคนกำลังจะออกมา จากถ้ำล้ำค่าของสำนักไคหยาง โพรงวิญญาณนั่นเอง.

เสียงดังสนั่นขัดขวางการคัดเลือกของพวกเขา ทำให้เทียนชาขมวดคิ้วไปมา อาวุโสทั้งสามยังคงสุขุม สายตาของพวกเขาไม่ได้จ้องมองออกไปเหมือนทุกคน.

หมอกและฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว ก่อนที่จะมีร่างสองร่างค่อย ๆ เดินออกมา.

หนึ่งคนที่ถือดาบยักษ์ ก้าวออกมาเห็นเป็นรูปร่างของชายที่ดูกำยำ สายตาของทุกคนที่หรี่ตาจ้องมองไปยังพวกเขา.

เห็นคนทั้งสองที่ก้าวออกมา ใบหน้าของเสวียนซวินจื่อที่เผยยิ้มออกมา จงซานทะลวงผ่านระดับแล้ว เขาเองเป็นคนที่เข้าใจได้ถึงพลังฝึกตนของจงซานได้ดี การที่จงซานสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับแกนทองได้ ศิษย์พี่ของเขา คงจะนอนตายตาหลับบนสวรรค์แล้ว.

เทียนชาที่จ้องมองไปยังจงซาน สายตาที่หรี่เล็กลง แววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ กับมดแมลงที่ไร้พรสวรรค์ คาดไม่ถึงเลยว่าจะก้าวไปยังระดับแกนทองได้ เขาที่คิดถึงเรื่องอื่น ๆ  ทั้งเทียนหลิงเอ๋อและเป่ยชิงซือ ถูกจงซานแย่งเอาไป มันถูกสลักความเกลียดชังที่มีต่อจงซานอย่างล้ำลึกในใจของเขาเลยทีเดียว.

เขาไม่ดีตรงใหนกัน?เขาที่เป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ส่วนจงซานที่มีพลังฝึกตนต่ำ พรสวรรค์ที่ต่ำเตี้ย อนาคตนั้นมืดมนอย่างที่สุด กับคนเช่นนี้ ทั้งเทียนหลิงเอ๋อและเป่ยชิงซือกับชอบเขา แม้แต่อาจารย์ที่ตายไปแล้วยังให้ความสำคัญกับเขา ฮึ!

อาวุโสสองคนที่ขมวดคิ้วไปมาจ้องมองไปยังคงทั้งสอง รู้ดีว่าทำไมพวกเขาออกมาจากด้านใน ทว่าด้วยเสียงอึกทึกก็ทำให้รบกวนคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ทว่าอาวุโสชายทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา.

ส่วนอาวุโสจื่อซวินในเวลานี้ ร่างกายของนางที่หยุดนิ่งชะงักงันไปในทันที!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด