ตอนที่แล้วChapter 150 ความทะเยอทะยานของหงหนิว.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 152 จื่อซวินปรากฏตัว.

Chapter 151 ทะลวงระดับในโพรงวิญญาณ.


ด้านล่างยอดเขาไคหยาง หุบเขาแห่งหนึ่ง ในถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อมต่อกับหุบเขาไคหยางนั้น.

ที่หุบเขาแห่งนี้นั้น มีคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเมื่อแปดปีที่แล้วเขาเคยเข้าแข่งขันชิงมุกคงหลิง และพ่ายแพ้จงซานกลับมา หงหนิวนั่นเอง อีกคนหนึ่งก็คือศิษย์ที่มีระดับแกนทอง เป็นคนที่นำหงหนิวเข้ามายังสำนักแห่งนี้.

"อาจารย์."หงหนิวที่กล่าวกับหลิงเหรินเต๋า.

"เฮ้เฮ้ หลังจากนี้เจ้าต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่แล้ว."หลิงเหรินเต๋ากล่าวเอ่ยออกมา.

"ไม่ว่าอย่างไร หงหนิวก็ต้องขอบคุณอาจารย์ที่ดูแล ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่สามารถก้าวมาถึงวันนี้ได้."หงหนิวที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"สำนักไคหยางแห่งนี้ ทุกคนต่างก็บำเพ็ญฝึกฝนด้วยตัวเอง แน่นอนพรสวรรค์ของเจ้านั้นโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ที่เจ้ามาได้ถึงตรงนี้เป็นเพราะเจ้าต่างหาก."หลิงเหรินเต๋าเผยยิ้มออกมา.

"อาจารย์อย่าได้ถ่อมตัวเลย หลายปีมานี้ภายในใจหงหนิวซาบซึ้งใจยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างก็เกิดจากอาจารย์ทั้งนั้น."หงหนิวกล่าว.

"เอาล่ะ!หงหนิว ครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดี ตอนนี้โพงวิญญาณขาขึ้นใกล้เข้ามาแล้ว เจ้าที่ก้าวไปยังระดับสิบเซียนเทียนอย่างคาดไม่ถึง หนำซ้ำในเวลานี้ คนที่ก้าวไปถึงระดับสิบมีเพียงแค่สองคน เจ้าจะต้องใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุด ทะลวงผ่านระดับแกนทองให้ได้."หลิงเหรินเต๋าพูด.

"อาจารย์โปรดวางใจศิษย์จะทำสุดความสามารถ."หงหนิวกล่าว.

"อืม อืม หลายปีมานี้ เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่มีสิ่งใดมอบให้เจ้าเลย ยาเม็ดนี้จะสามารถช่วยให้เจ้าทะลวงผ่านระดับได้ง่ายขึ้น "หลิงเหรินเต๋ากล่าวพร้อมกับนำขวดยาออกมาจากกำไลเก็บของและส่งขวดยาเล็ก ๆ ให้กับหงหนิว.

หงหนิวรับมาด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเปิดจุกจ้องมองด้านในก่อนที่จะชำเลืองมองดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยินดี "อาจารย์ เม็ดยายกระดับอย่างงั้นรึ?"

หลิงเหรินเต๋าเอ่ย."ถูกแล้ว เม็ดยายกระดับ เจ้าควรจะรู้ว่ามันล้ำค่าขนาดใหน.

"ครับ หงหนิวทราบดี เม็ดยายกระดับ แม้ว่าจะเป็นเพียงเม็ดยาระดับสาม ทว่าก็เทียบได้กับเม็ดยาระดับสี่ได้เลย หรือแม้แต่เม็ดยาระดับห้า กล่าวได้ว่าเป็นของล้ำค่า แม้แต่สำนักไคหยางก็ยังยากที่จะหาเจอ."หงหนิวที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"ดี มันเป็นเรื่องที่บังเอิญประจวบเหมาะเป็นอย่างมาก หลายปีมานี้ข้าเดินทางไปมาหลายที และได้ช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่งไว้ เขาได้มอบเม็ดยายกระดับนี้ให้กับข้า เจ้าจะต้องทะลวงผ่านระดับให้ได้ ไม่ว่าอย่างไร เพื่อให้หนึ่งปีสามารถทะลวงผ่านระดับได้ ให้ใช้เม็ดยายกระดับนี้."หลิงเหรินเต่ากล่าวด้วยความจริงจัง.

"อาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์ทราบแล้ว."หงหนิวที่กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง.

"ไปได้แล้ว ตอนนี้รักษาการประมุขคงจะกำลังมาปิดผนึกโพรงวิญญาณแล้ว."หลิวเหรินเต๋ากล่าว.

"ครับ ท่านอาจารย์ "หงหนิวที่พยักหน้าก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำด้านในของยอดเขาไคหยาง.

แววตาของหงหนิวนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หมัดที่กำแน่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นคง จะต้องเหนือกว่าจงซาน จะต้องเหนือกว่าจงซานให้ได้.

หลังจากที่หงหนิวเข้าไปในถ้ำแล้ว เสวียนซวินจื่อได้นำกู่ซวินจื่อเหินลงมายังหุบเขาดังกล่าว.

"คารวะรักษาการประมุข คารวะรักษาการประมุขหญิง."หลิงเหรินเต่าที่แสดงความเคารพในทันที.

หลายปีมานี้ คาดไม่ถึงเลยว่ากู่ซ่างจื่อและเสวียนซวินจื่อจะกลายเป็นคู่บำเพ็ญไปแล้ว บางทีหลังจากที่ได้ยินคำสั่งเสียของเทียนซวินจื่อ ทั้งสองคนคงจะตระหนักได้ถึงความสุข.

"พวกเขาเข้าไปแล้วรึ?"กู่ซางจื่อที่สอบถามออกมา.

"หงหนิวเข้าไปแล้ว แต่ข้ายังไม่เห็นจงซานเลย ทว่าศิษย์พี่บอกว่าเขาได้เดินทางกลับมาแล้ว."หลินเหรินเต่ากล่าว.

"จงซานอยู่ด้านในแล้ว อย่าได้เป็นกังวล ข้าจะปิดผนึกเดียวนี้."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดเจนว่าเขาได้ใช้สัมผัสเทวะกวาดตามองเข้าไปด้านในแล้ว.

"อืม."กู่ซ่างจื่อพยักหน้า.

ด้วยการสะบัดมือหนึ่งครั้ง ศิลาขนาดยักษ์ที่เคลื่อนที่มาปิดโพรงวิญญาณ ซึ่งทั้งคู่ได้เข้าไปแล้วนั่นเอง ก่อนที่เขาจะล้วงยันต์สีทองออกมาปิดผนึกถ้ำ ทันทีที่ยันต์ถูกประทับลงไป พลังของมันที่แผ่ออกมา ทำให้ร่องรอยของปากถ้ำหายไปทั้งหมด ผนังถ้ำที่ราบเรียบเป็นเนื้อเดียวกัน.

"ไปกันได้แล้ว."เสวียนซวินจื่อที่กล่าว.

"อืม."กู่ซ่างจื่อพยักหน้า.

หงหนิวที่ก้าวลึกเข้าไปด้านใน ลึกเข้าไปในโพรงแห่งนี้ มีเส้นทางที่มีแสงส่องประกายเป็นทาง หงหนิวที่เดินตรงไปด้านหน้าไม่เร็วไม่ช้า.

เมื่อเขาเดินตามทางเดิน ท้ายที่สุดหงหนิวก็เข้ามาถึงด้านในสุดและสามารถมองเห็นพื้นที่ด้านในได้อย่างชัดเจน.

ที่ด้านในสุดนั้น เป็นใจกลางของยอดเขาไคหยางนั่นเอง สถานที่แห่งนี้มีพื้นที่รัศมีหลายร้อยเมตร ผนังด้านนอกนั้นมีไข่มุกประดับส่องประกายแสงวับวาว นับว่าเป็นโพรงที่มีขนาดใหญ่มาก และลึกลงไปด้านล่างมีความลึกกว่าห้าร้อยเมตร ทว่ามีบันไดที่หมุนวนลงไปด้านหน้า และดูเหมือนว่าจะมีเส้นทางสองเส้นอยู่ด้านข้างของผนัง มีความสูงราว ๆ สิบเมตร.

และที่ตรงกลางนั้นมีเสาที่ยกสูงขึ้นมาสองแห่ง เสาทั้งสองแท่งนั้นมีแท่นเหยียบที่มีขนาดสิบเมตรวางอยู่ด้านบน.

ยกเว้นเส้นทางที่เขาเข้ามา สองช่องทางนั้นหงหนิวรู้ดี เป็นเส้นทางที่เชื่อมมาจากขุนเขาเหยี่ยนซานและขุนเขาเสวี๋ยจู๋นั่นเอง.

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องที่สำคัญก็คือแท่นบนเสาสูงนั่นต่างหาก หงหนิวที่เห็นใครคนหนึ่ง เป็นคนที่เขารู้จัก จงซานอย่างงั้นรึ?

จงซานที่นั่งสมาธิอยู่บนแท่นเสาต้นหนึ่ง ดวงตาที่ปิดแน่น มือทั้งสองข้างวางไว้ที่หน้าท้องน้อย นิ้วที่ประสานกัน ดวงตาปิดแน่นบำเพ็ญควบคุมลมหายใจ.

ศิษย์อีกคนก็คือจงซานอย่างงั้นรึ? เขาก้าวไปถึงระดับสิบเซียนเทียนแล้วอย่างงั้นึ? จงซานก้าวเข้ามาเท่ากับเขาแล้ว เขามีพรสวรรค์ทางร่างกายไม่ดีไม่ใช่รึไง?

หงหนิวที่ขมวดคิ้วไปมา ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เขาที่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เป็นจังหวะดีเขาจะต้องก้าวไปถึงระดับแกนทองให้ได้ก่อนจงซานให้ได้.

หงหนิวที่ก้าวเข้าไป ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนแท่นเสาหินอีกต้น พร้อมกับนั่งบำเพ็ญเหมือนดั่งเช่นจงซาน.

ในเวลาเดียวกัน จงซานที่ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองออกไปคนที่เข้าร่วมทะลวงระดับกับเขา เป็นหงหนิวนั่นเอง จงซานที่พยักหน้าเพื่อทักทายเขาเล็กน้อย หงหนิวเองก็พยักหน้าให้กับเขาเช่นกัน.

จากนั้นคนทั้งสองก็ไม่กล่าวอะไรต่อกันอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขากำลังรอการมาถึงพลังวิญญาณขาขึ้น.

หลังจากที่รอคอยอยู่ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ท้ายที่สุดก็ถึงเวลา.

จากช่องทางอุโมงค์จากยอดเขาเหยี่ยนซานและอีกเส้นจากยอดเขาเสี๋ยจู่ ตอนนี้เอ่อล้นไปด้วยพลังวิญญาณที่โถมกระหน่ำ รวบรวมมาอยู่ที่ใจกลาง.

ไม่ใช่กระแสลมทั่วไป แต่เป็นพลังวิญญาณ พลังวิญญาณมากมายจากขุนเขาเหยี่ยนซานและขุนเขาเสี๋ยจู่ เป็นพลังหยางและหยินที่ถูกส่งเข้ามานั่นเอง.

กระแสพลังวิญญาณที่เอ่อล้นขึ้นมาในทันที ซัดกลิ้งไปทั่วบริเวณ จงซานและหงหนิวสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่หมุนวนขึ้นด้านบน.

พลังวิญญาณ เป็นพลังวิญญาณที่หนาแน่นเป็นอย่างมาก เป็นกระแสของพลังวิญญาณที่หนาแน่นมากมายขนาดนี้เลยรึ? ต้องรู้ด้วยว่าพลังวิญญาณนั้นเป็นสิ่งว่างเปล่าไม่มีรูปร่าง เป็นเหมือนกับพรจากฟ้าดิน ที่ไม่สามารถจับต้องได้.

กระแสงพลังวิญญาณที่เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ  เวลานี้เริ่มที่จะเห็นว่ามันเปลี่ยนเป็นเมฆสีแดงเรื่อ ๆ  และอีกฝั่งหนึ่งก็กลายเป็นเมฆสีน้ำเงินเรื่อ ๆ  หนึ่งเพลิง หนึ่งหิมะ ตอนนี้กำลังกระแทกเข้ามายังจุดศูนย์กลาง.

ทว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด พลังวิญญาณทั้งสองนั้นไม่ได้ปะทะกัน แต่กำลังเคลื่อนที่ผสานกันอย่างนุ่มนวล.

ศิลาวิญญาณมากมายด้านล่างถูกรวบรวมตัวขึ้นเรื่อย ๆ  กองพะเนินขึ้นเรื่อย ๆ  อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนยังคงนั่งสมาธิรวบรวมพลังหยินหยางอย่างต่อเนื่อง พวกเขาทั้งสองที่เป็นเหมือนกับปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเล มันกำลังไหลเข้ามาภายในร่างกายไม่หยุดหย่อน.

พลังวิญญาณ เป็นพลังวิญญาณที่น่าพรั่นพรึงมาก คนทั้งสองสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณมากมายที่ถูกกระแทกเข้ามาในร่างอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่ามันจะสามารถทะลวงผ่านเข้ามาในจุดชีพจรทั้งหมดของพวกเขาอย่างรวดเร็ว.

พลังวิญญาณที่จำเป็นต้องสกัดกลั่น คนทั้งสองที่กำลังแผ่พุ่งพลังสกัดกลั่นจุดชีพจรของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ดูดซับพลังวิญญาณที่มีอยู่มากมาย โพลงวิญญาณขาขึ้น หากว่าฝึกฝนบำเพ็ญเพียรในสถานที่นี้ได้ตลอด จะทำให้พลังฝึกตนเพิ่มขึ้นรวดเร็วขนาดใหนกัน.

สถานที่พิเศษของสำนักไคหยางนี้ ด้วยเหตุการณ์โพรงวิญญาณขาขึ้นนี้ ไม่เพียงแต่สามารถใช้ในการทะลวงผ่านไปยังระดับแกนทอง ยังเหมาะที่จะใช้ในการทะลวงผ่านไปยังระดับก่อตั้งวิญญาณอีกด้วย สถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นขุมทรัพย์ที่หายากเลยทีเดียว.

ด้วยพลังวิญญาณมากมายที่ใช้ในการหล่อเลี้ยง เป็นพลังที่เกินจำเป็น คนทั้งสองเวลานี้จำเป็นต้องทะลวงผ่านระดับอย่างเต็มที หนึ่งปี พวกเขาจะต้องฉวยโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้.

หกเดือนหลังจากนั้น หงหนิวที่ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ  พื้นที่รอบ ๆ นั้นยังเต็มไปด้วยพลังวิญญาณมากมาย หงหนิวที่เริ่มลังเล เพราะว่าหนึ่งเดือนที่แล้ว หงหนิวที่เริ่มก้าวเข้าใกล้ระดับแกนทองก้าวหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านมาหนึ่งเดือน เขาก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านระดับได้ หากเป็นเช่นนี้อาจจะต้องใช้เวลาอีกถึงหกเดือนถึงจะสามารถทะลวงผ่านระดับแกนทองได้ หากว่าเขาใช้เม็ดยายกระดับในเวลานี้ สิบวันหลังจากนี้เขาอาจจะทะลวงผ่านระดับก็ได้ หากว่าเป็นเช่นนั้น ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เมื่อเขาทะลวงผ่านระดับได้แล้ว อาจจะสามารถก้าวไปถึงระดับหนึ่งแกนทอง ไม่ อาจจะเป็นระดับสองแกนทองได้เลย.

หงหนิวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย คิดใคร่ครวญก่อนที่จะจ้องมองไปยังฝั่งของจงซาน.

ขณะที่หงหนิวขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นั้น ที่ไกลออกไปนั้นจงซานเองดูเหมือนว่าจะตื่นขึ้นมาเช่นกัน ทว่าจงซานไม่ได้มองมายังฝั่งของหงหนิว เขาที่สะบัดมือหนึ่งครั้ง นำขวดยาขนาดเล็กออกมา กับการกระทำเช่นนั้นทำให้ดวงตาของหงหนิวเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย คาดไม่ถึงขวดยานั่น เม็ดยายกระดับอย่างงั้นรึ?

เม็ดยายกระดับหรือไม่?เป็นไปได้อย่างไร เขาเองก็มีอย่างงั้นรึ?

จงซานที่ไม่สนใจหงหนิว หลังจากกินเม็ดยายกระดับไปแล้วก็นั่งบำเพ็ญเพียรต่อ หงหนิวที่จ้องมองออกไปด้วยความหวั่นเกรง.

วันถัดมา หวงหนิวที่ยังไม่ตัดสินใจที่จะใช้ เขาที่ยังคงเฝ้ามองผลว่าจงซานจะทะลวงระดับผ่านหรือไม่ เขาที่จับจ้องมองไปยังจงซานอีกครั้ง ดวงตาของเขาแทบถลนออกมา จงซานที่นำขวดยาขนาดเล็กออกมาอีกครั้ง เป็นเม็ดยายกระดับอย่างงั้นรึ?

ดวงตาของหงหนิวที่จ้องมองกลมโต จงซานใช้เม็ดยายกระดับ สองเม็ดเลยรึ?

วันที่สาม ขณะที่หงหนิวเฝ้ามอง จงซานก็ยังนำเม็ดยายกระดับขึ้นมากินอีกครั้ง หงหนิวในเวลานี้กลายเป็นว่างเปล่าราวกับว่าเขากำลังมองเห็นภาพลวงตา.

สามเดือนถัดมา หงหนิวที่เฝ้ามองจงซาน ดวงตาที่เบิกกว้างชะงักงัน เม็ดยายกระดับ? จงซานผู้นี้ ไปได้เม็ดยายกระดับจากใหนกัน? มีเม็ดยายกระดับมากมายขนาดนี้เลยรึ? เขาได้ไปปล้นสำนักปรุงยามาก่อนรึเปล่า?

หงหนิวสะบัดมือเบา ๆ พร้อมกับนำขวดยาขนาดเล็กออกมาจากกำไลเก็บของ เขาที่จ้องมองไปยังเม็ดยาในมือ ความฮึกเหิมที่มีอยู่ในใจ ผ่านมาแค่ครึ่งปี เขาก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นความห่อเหี่ยวใจ เม็ดยายกระดับ เม็ดยายกระดับเป็นของล้ำค่าจริง ๆ รึ?

ในเวลานี้ หงหนิวเลือกที่จะใช้เม็ดยายกระดับแล้ว เพราะว่าสามเดือนมานี้เขาเห็นจงซานใช้เม็ดยาเป็นจำนวนไม่น้อย จงซานทำให้เขาตื่นตะลึงอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว เขาจะต้องเร่งรีบทะลวงผ่านระดับให้เร็วที่สุด เขาไม่สามารถที่จะลากเวลาต่อไปได้อีกแล้ว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด