ตอนที่แล้วChapter 14 บุรุษที่ร้ายกาจ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 16 ระดับ 2 เซียนเทียน.

Chapter 15 รองเท้าขับวายุ.


"เอาล่ะ เจ้าฝึกฝนวิชาอะไรอยู่อย่างงั้นรึ?"หนานป่าเทียนสอบถาม.

"ดาบสวรรค์กายสุริยัน."จงซานตอบ.

แม้ว่าพอจะคาดเดาได้อย่างถูกต้อง ทว่าหนานเป่ยเทียนคิดว่ามันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ ดาบสวรรค์กายสุริยันร้ายกาจเพียงนี้เลยรึ? แต่อย่างหนึ่งที่เขาสามารถยืนยันได้ จงซานนั้นร้ายกาจจริง ๆ .

"ต้องของคุณ เทียนหลิงเอ๋อเรื่องนี้ด้วย."จงซานกล่าว เป็นเพราะเคล็ดลับจากนาง ทำให้เขาสามารถเลือกวิชาที่ดีที่สุดได้

"อย่าได้เกรงใจ ด้วยเรื่องที่ข้าทำหุ่นไม้ของเจ้าแตกหัก ขอให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็พอแล้ว โปรดจำไว้ว่าในสำนักไคหยาง หากมีคนหาเรื่องเจ้า สามารถบอกข้าได้."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาอย่างอหังการ.

ตอนนี้นางดูสนิทกับจงซานขึ้นมาทันที นางกลับมามีอารมณ์ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว.

จงซานเผยยิ้ม ทว่าก็ไม่ได้ตอบอะไร ภายในใจของเขานั้น ไม่ค่อยต้องการเช่นนั้น จะให้ผู้หญิงเป็นคนปกป้องบุรุษได้อย่างไร.

"ข้าได้ยินบิดากล่าวว่าเจ้ามีพรสวรรค์ไม่ดีนัก ทว่าดูเหมือนว่าเจ้าจะพัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้เลยรึ?"

"อืม."จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อและรู้สึกห่อเหี่ยวไปพร้อมกัน.

"ใช่แล้ว เจ้าพัฒนาเร็วมาก แม้ว่าจะไม่ใช่ที่สุด ทว่า ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ๆ เลย."หนานป่าเทียนที่แสดงท่าทางอยากรู้.

จงซานที่ชี้ไปยังเตาอบและบอกกับทุกคนว่าเขาฝึกฝนอย่างไร.

เทียนหลิงเอ๋อที่รู้สึกประหลาดใจกับวิธีการของจงซานมาก ราวกับว่านางก็ต้องการที่จะลองวิธีดังกล่าวบ้าง.

"อย่างไรก็ตาม ถึงจะฝึกหนักเท่าไหร่ก็คงไม่สามารถก้าวผ่านระดับสองได้ เตาอบของข้ามันไม่ดีพอแล้ว."จงซานกล่าว.

"เคล็ดวิชาดาบสวรรค์กายสุริยันนั้นเดิมทีเป็นของขุนเขาเหยี่ยนซาน หากว่าต้องการฝึกฝนก็ต้องไปที่นั่น สถานที่ดังกล่าวนั่นมีความร้อนมากยิ่งกว่าเตาอบของเจ้ามาก ทว่าไม่จำเป็นต้องกังวล เจ้าสามารถเดินทางไปฝึกที่นั่นในอนาคตได้ มันจะช่วยเจ้าได้เป็นอย่างมาก."หนานป่าเทียนกล่าว.

"ยอดเขาเหยี่ยนซาน?"จงซานที่จ้องมองออกไป ที่ยอดเขานั้นบนท้องฟ้ามีเมฆสีแดงปกคลุมอยู่.

"ถูกแล้ว ข้าเคยฝึกฝนที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่นั่น บนยอดเขาเหยี่ยนซานนั้น ที่จริงมีภูเขาไฟขนาดใหญ่อยู่ มีอุณหภูมิจากพื้นดินที่ร้อนมาก หากว่าเจ้าได้ฝึกที่นั่นจะต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นได้อย่างแน่นอน."หนานป่าเทียนอธิบาย.

"ภูเขาไฟอย่างงั้นรึ? แล้วเทือกเขาเสี๋ยจู๋ล่ะ?"จงซานที่ชี้ไปยังขุนเขาอีกลูกหนึ่งที่ไกลออกไป สถานที่แห่งนั้นมีหิมะปกคลุมยอดเขาอยู่ตลอดเวลา.

"ที่แห่งนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นภูเขาน้ำแข็ง ยอดเขาของสำนักไคหยางนั้น มีร้อนที่สุดและเย็นที่สุด นับว่าเป็นสำนักที่น่าอัศจรรย์ใจมาก."หนานป่าเทียนที่หัวเราะออกมา.

"คงจะไม่ได้การ ข้าคงอยู่ได้แต่ในขุนเขาไคหยางเท่านั้น ข้าไม่สามารถที่จะเดินทางไปยังยอดเขาเหยี่ยนซานได้เลย มีสัตว์อสูรมากมายเกินไประหว่างทาง ข้าไม่สามารถผ่านไปได้."จงซานขมวดคิ้วแสดงท่าทางเป็นกังวล.

"โอ้ว เช่นนั้น รอเดี๋ยวข้าจะกลับมา."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.

นางที่ก้าวผ่านผ้าแพรไหมสีแดง ลอยหายไปไปยังยอดเขาไคหยาง.

ไม่นานหลังจากนั้น นางก็กลับมาด้วยรองเท้าสีขาวบริสุทธิ์ในมือนาง.

"เตี่ยของข้านั้นได้มอบมันให้กับข้าก่อนหน้านี้ รองเท้าขับวายุ เมื่อสวมสิ่งนี้แล้ว หากฉีดปราณแท้ลงไป รับรองว่าไม่มีสัตว์อสูรตนใดสามารถไล่จับเจ้าได้ "เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.

"สัตว์อสูรบนสำนักไคหยางนั้นทีจริงเป็นสัตว์อสูรที่มีไว้เพื่อให้เหล่าศิษย์ใหม่ได้ฝึกฝนในสำนัก เป็นเรื่องปรกติธรรมดา หากเจ้าก้าวไปถึงระดับ 6 เซียนเทียนแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวมันอีกต่อไป ส่วนตอนนี้ เจ้าไม่สามารถที่จะจัดการมันได้ ทว่าด้วยรองเท้าขับวายุนี้ไม่มีทางที่พวกมันจะสามารถไล่ตามเจ้าได้ เจ้าสามารรถที่จะผ่านขึ้นไปยังยอดเขาอื่น ๆ ได้."หนานป่าเทียนกล่าว.

"อืม ขอบคุณเจ้ามาก."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"เจ้ามอบหุ่นไม้ให้กับข้าและข้ามอบรองเท้าขับวายุให้กับเจ้า ตอนนี้พวกเราหายกันแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

จงซานพยักหน้า ไม่มีอะไรที่จะกล่าวออกมา เขารู้ดีอยู่แก่ใจเพียงแค่หุ่นสลักไม้ ไม่สามารถเอามาเทียบได้กับร้องเท้าขับวายุได้ ไม่ว่าอย่างไรในอนาคตเขาจะต้องตอบแทนนางเมื่อมีโอกาส.

"เออ ใช่ จงซาน ข้าได้ยินมาว่า เตี่ยบอกว่าเจ้าไม่หนุ่มอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่?"เทียนหลิงเอ๋อสอบถาม.

"แปดสิบปี."จงซานบอกกล่าวความจริงให้ทั้งสองรับรู้.

"แปดสิบปี? งั้นเจ้าก็แก่กว่าเสี่ยวหนานสื่อและข้าอีกสินะ? เจ้าต้องฝึกให้หนัก ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าอาจจะสิ้นอายุไขก่อนที่เจ้าจะก้าวไปถึงระดับขั้นแกนทองได้."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"สิ้นอายุขัยก่อนอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วและจ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ.

"แน่นอน เจ้าได้ก้าวไปถึงระดับเซียนจะมีอายุขัยสองร้อยปี หากเจ้าก้าวไปถึงระดับแกนทองได้ อายุเจ้าก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า 400 ปี และเมื่อเจ้าก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ ก็จะมีอายุ 800 ปี ทุก ๆ ครั้งที่ก้าวข้ามไปยังระดับขั้นต่าง ๆ  อายุขัยก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตอนนี้เจ้ามีอายุ 80 ปีแล้ว ซึ่งอยู่ในระดับขั้นเซียนเทียน ดังนั้นจึงมีเวลาอยู่อีก 120 ปี เจ้าจะต้องฝึกฝนเอาไว้ให้หนัก."เทียนหลิงเอ๋อตอบ.

"อืม."จงซานพยักหน้า.

อมตะ?เส้นทางเส้นนี้ยังอีกยาวนาน เป็นเส้นทางที่ยาวไกลที่เขาจะต้องก้าวไปให้ถึง.

"ทำไมเจ้าถึงใช้เวลาตั้ง 80 ปีถึงจะก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนล่ะ? เออ ใช่ ข้าจำได้แล้ว เตี่ยบอกว่าเจ้าอยู่ในดินแดนที่ไม่มีพลังจิตวิญญาณดังนั้นจึงทำให้พัฒนาการช้า."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาพลางครุ่นคิด.

จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ จงซานที่ส่ายหน้าไปมาฝืนยิ้ม แม้ว่าพัฒนาการของเทียนหลิงเอ๋อนั้นจะรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทว่านางกับไร้เดียงสายิ่งนัก.

"เออ ใช่แล้ว!"ทันใดนั้นดวงตาของเทียนหลิงเอ๋อก็ส่องประกายกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"หนานป่าเทียนสอบถามออกไป.

"ศิษย์พี่ใหญ่จะกลับมาวันนี้."เทียนหลิงเอ๋อที่ดูตื่นเต้นและเป็นกังวลไปพร้อม ๆ กัน.

"ศิษย์พี่ใหญ่? ศิษย์พี่ใหญ่เป็นศิษย์ขั้นสามอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถามออกไป.

"ไม่ ๆ  เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ระดับสองแล้ว หลิงเอ๋อนั้นเทิดทูนเขายิ่งนัก."หนานป่าเทียนหัวเราะ.

"หึ เสี่ยวหนาน เจ้าอย่าได้พูดอะไรไร้สาระ ข้าขอตัวก่อนแล้วกัน "เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังทั้งคู่ ก่อนที่จะเร่งรีบเหินจากไปอย่างรวดเร็ว.

"ศิษย์พี่ใหญ่ของรุ่นที่สองอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ดูสับสน.

"ใช่แล้ว เขาเป็นศิษย์เอกของท่านประมุข หลิงเอ๋อและข้าเป็นศิษย์ระดับสาม ที่นางเรียกเขาว่าศิษย์พี่ใหญ่เพราะนางเป็นลูกสาวของท่านประมุขล่ะนะ."หนานป่าเทียนอธิบาย.

"อ๋อ."จงซานพยักหน้า.

"เอาล่ะ ข้าเองก็คงต้องไปเหมือนกัน เวลานี้ ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่ใหญ่ขั้นสองกลับมาก ยังมีคนอีกหลายคนที่กลับมาพร้อม ๆ กัน แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้คงจะคึกคักไม่เบา ข้าคงจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าฝึกฝนให้ดีก็แล้วกัน."หนานป่าเทียนกล่าว.

"ตกลง."จงซานพยักหน้า.

หลังจากที่หนานป่าเทียนจากไปแล้ว จงซานก็นั่งสมาธิบำเพ็ญทันที เขาจำเป็นต้องฟื้นฟูกำลังกายหลังจากใช้วิชากายาเทพอสูรให้ฟื้นฟูกลับมาให้เร็วที่สุด.

วันถัดมา จงซานก็สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาแข็งแกร่งได้เหมือนเดิม.

จงซานที่สวมใส่รองเท้าขับวายุ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถปรับเปลี่ยนขนาดให้พอเหมาะกับเท้าของเขาได้ นับเป็นอาวุธวิเศษที่ยอดเยี่ยมทีเดียว หลังจากแผ่พุ่งปราณแท้เข้าไปในรองเท้า เพียงแค่ก้าวเบา ๆ ก็ทำให้เขาเคลื่อนที่ออกไปไกล มากกว่าสิบเมตร ตรวจสอบระยะทางการเคลื่อนที่โดยละเอียดแล้ว จงซานสามารถบอกได้ว่ามันเพิ่มความเร็วให้กับเขามากกว่าแต่ก่อนห้าเท่า.

ด้วยการมีรองเท้านี่ จงซานไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวสัตว์อสูรอื่น ๆ อีกต่อไป.

จงซานที่ตระหนักได้ในทันทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนเพลงดาบอีกต่อไป ทว่าเขาสามารถเข้าต่อสู้เพื่อหาประสบการจริงได้เลย หากว่าไม่สามารถสู้กับสัตว์อสูรได้ เขาก็สามารถวิ่งหนีได้ทุกเมื่อด้วยรองเท้าขับวายุ.

อย่างไรก็ตามท่วงท่าเพลงดาบนั้นเป็นแค่กระบวนท่าและทักษะภายนอกเท่านั้น เวลานี้เขาจำเป็นต้องฝึกฝนวิชาภายในของวิชาดาบสวรรค์กายสุริยันให้ทรงพลังสะก่อน.

ดาบที่สะพายอยู่ด้านหลัง จงซานที่วิ่งด้วยใช้รองเท้าขับวายุมุ่งตรงไปยังยอดเขาเหยี่ยนซานที่ไกลออกไป.

จงซานเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมาก เขาแทบจะไม่ต้องสัมผัสต้นไม้ใบหญ้าด้วยซ้ำ ร่างกายที่เหมือนกับวิ่งบนอากาศพุ่งตรงไปยังด้านหน้าไม่หยุด.

เย็นวันนั้น จงซานก็มาถึงชายป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่าสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างจากพื้นที่สำนักไคหยางเป็นอย่างมาก ในสวนที่พักของเขา อากาศจะดูอบอุ่นสบาย ๆ  ทว่าสถานะที่แห่งนี้ กลับมีคลื่นความร้อนสูงที่เกินกว่าฤดูร้อนด้วยซ้ำ และยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น.

สถานที่แห่งนี้เหมาะสมที่จะใช้ในการฝึกฝนวิชาของเขาเป็นอย่างมาก.

หลังจากพักกินอาหารแห้งเสร็จแล้ว จงซานก็มุ่งตรงลึกเข้าไป ในเวลานั้น แมวภูเขาอีกตนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นไม่ไกลจากเขานัก.

เห็นแมวภูเขาอีกครั้ง จงซานเผยยิ้มให้ตัวเอง ถึงเวลาทดสอบอีกครั้งแล้ว.

เขาชักดาบที่สะพายออกมา พร้อมกับเคลื่อนที่มุ่งตรงไปยังแมวภูเขาทันที.

"ตูมมมมมมมม"

หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง โลหิตของแมวภูเขาก็อาบไปทั่วร่างกาย ด้วยการใช้วิชากายาเทพอสูร ทำให้แมวภูเขาตัวใหญ่นอนกองอยู่บนพื้น.

เขาที่จ้องมองตรงไปยังยอดเขาห่างออกไปนั้นมีเส้นทางเข้าไปด้านใน.

จงซานที่คิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนนำแกนอสูรออกมาจากแมวภูเขา และเดินทางตรงไปยังยอดเขาเหยี่ยนซาน แม้ว่าหลังจากนั้นสองชั่วโมง ร่างกายของเขาจะอ่อนแอลง ทว่าจงซานก็ยังมีพลังเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีรองเท้าขับวายุ ตราบเท่าที่ไม่เข้าไปหาเรื่องสัตว์อสูร แน่นอนว่าไม่มีสัตว์อสูรตนไหนไล่เขาได้ทันแน่.

เช้าวันหนึ่ง จงซานก็เข้ามาถึงสถานที่เงียบสงบบนภูเขาเหยี่ยนซาน และยังมีสระน้ำอยู่ด้านในหุบเขาด้วย.

ด้วยโลหิตแมวภูเขาอาบไปทั่วร่าง เมื่อเห็นบ่อน้ำทำให้เขาเร่งรีบตรงเข้าไปทันที ท้ายที่สุดก็พบสระน้ำร้อน ที่แผ่ความร้อนออกมา.

จงซานที่เห็นเช่นนั้นทำให้ภายในใจเต็มไปด้วยความดีใจพร้อมกับถอดเสื้อผ้า และกระโดดลงบ่อน้ำร้อน เพื่อชำระล้างร่างกายในทันที.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด