ตอนที่แล้วChapter 146 ร่างโคลน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 148 ถ่ายทอด.

Chapter 147 เดิมพัน.


"กล่าวเพียงเล็กน้อยอย่างงั้นรึ?ฮึฮึ ข้ามาเกี่ยวกับกระจกบานเล็กนั่น."หนี่ปู่ซาที่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา.

ได้ยินคำพูดของหนีปู่ซาแล้วจงซานที่ขมวดคิ้วไปมา ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า"อาจารย์บอกกับข้าว่าข้าสามารถปฏิเสธได้ แต่ข้าเองก็อยากรู้ว่าอาวุโสต้องการทำลายกระจกบานนี้ทำไม?"

หนี่ปู่ซาที่จ้องมองไปยังจงซานก่อนที่จะเริ่มกล่าวออกมาว่า "เคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้น เป็นวิชาสวรรค์ชั้นยอด เจ้าคิดว่าสามารถฝึกฝนมันได้อย่างงั้นรึ?"

"เมื่อคืนนี้ข้าได้ศึกษาบ้างแล้ว."จงซานกล่าว.

"ดูแล้ว?ศึกษาแล้วอย่างไร ไม่มีใครสามารถเข้าใจมันได้แม้แต่ข้า เพราะว่าวิชานี้เป็นวิชาที่เคยเป็นวิชาตกทอดมายังตระกูลของข้ารุ่นหนึ่งก่อนหน้านี้ เป็นวิชาที่ยากจะฝึกฝน ไม่มีใครฝึกได้ เป็นวิชาที่ฝึกยากที่สุด คนที่ฝึกร่างกายจะเริ่มกลายเป็นร่างเงา ซึ่งทำให้มีจิตใจปนเปื้อนจนกลายเป็นเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆ  เจ้าน่าจะเห็นท่าทางของหยิงอู๋เซี่ยแล้วไม่ใช่รึ?"หนี่ปู่ซาเอ่ย

"เรื่องนี้ ข้าย่อมรู้ดี."จงซานไม่ได้กล่าวเรื่องที่จะทำให้กับหนี่ปู่ซาตื่นตะลึง ว่าร่างแยกเงาของเขาได้ฝึกฝนไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังฝึกฝนสำเร็จขั้นแรกแล้วด้วย สามารถแยกร่างโคลนออกมาเป็นสองร่าง.

"เฮ้เฮ้ เจ้าไม่รู้ถึงความน่าสำพรึงกลัวของมัน เคล็ดวิชาหมื่นเงาอสูร เป็นวิชามารร้อยเปอร์เซ็นต์ การฝึกฝนวิชานี้ จำเป็นต้องใช้แก่นโลหิตและเลือดเนื้อของทารกในครรภ์ของหญิงสาวเป็นส่วนประกอบ การฝึกฝนวิชา เป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณ เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถึงกับทำให้สุญเสียนิสัยที่แท้จริงไป ทำให้คนฝึกกลายเป็นปิศาจร้าย."หนี่ปู่ซาที่กล่าวเตือนเขาในทันที.

จงซานที่ขมวดคิ้วชำเลืองมองไปยังหนี่ปู่ซา หลังจากนั้นก็กล่าวออกมาว่า"อาวุโสโปรดวางใจ ตัวข้านั้นไม่ฝึกวิชานี้อย่างแน่นอน."

เขาที่จ้องมองไปยังจงซาน แน่นอนว่าหนี่ปู่ซาไม่เชื่อจงซาน เจ้าไม่ฝึก ไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นฝึกหรอกรึ?

หนีปู่ซาถอนหายใจยาวและกล่าวต่อ"เอาล่ะ ข้าพูดตามตรงนะ มันเป็นคำสั่งเสียของปรมาจารย์ข้า ปรมาจารย์ของข้านั้นได้กลายเป็นปิศาจร้ายในเวลานั้นเขาได้สังหารผู้บริสุทธิ์ไปนับล้าน หลังจากที่เขาธาตุไฟเข้าแทรก วิชานี้ไม่ต่างจากวิชามาร ทำให้ปรมาจารย์ได้สั่งเสียศิษย์ทุกคน ว่าหากเห็นใครฝึกฝนวิชานี้ ให้ทำลายมัน หากไม่เพราะว่าคำพูดของเทียนซวินจื่อ ข้าคงทำลายมันไปแล้ว พวกเราหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้."

ได้ยินคำพูดของหนี่ปู่ซาแล้ว จงซานที่หรี่ตาแคบลงและกล่าวว่า "การฝึกวิชานี้ จำเป็นต้องใช้กระจกนี้อย่างงั้นรึ แล้วที่ปรมาจารย์ของท่านธาตุไฟเข้าแทรก นั่นก็เป็นเพราะอยู่ในระหว่างการฝึกฝน ทำไมจะต้องสั่งเสียให้ทำลายกระจกนี้ด้วยล่ะ?"

"เพราะว่าความลับร่างโคลนไม่สามารถฝึกได้ ตามที่ท่านปรมาจารย์ได้กล่าว ความสามารถและเชาว์ปัญญานั้นได้ถูกเก็บรวบรวมเอาไว้ในกระจกบานนี้ ความสามารถของกระจกบานนี้นั้นมันสามารถช่วยผู้ฝึกแยกร่างโคนได้ ซึ่งภายในกระจกบานนี้มีความรู้ความเข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับวิชาถูกสะสมเอาไว้ในนี้ ตราบเท่าที่ทำลายกระจกนี้ไป เคล็ดวิชาที่เหลือก็ไม่ต่างจากเศษกระดาษที่ไร้ค่า ไม่ได้มีค่าใด ๆ เหลืออยู่ทั้งนั้น."หนี่ปู่ซากล่าว.

ได้ยินคำพูดของหนี่ปู่ซาแล้วจงซานที่ชำเลืองมองตาโต ร่างแยกเงาของเขาไม่จำเป็นต้องใช้กระจกบานนี้ด้วยซ้ำ? ไม่ใช่ว่าการจะสร้างร่างเงาจำเป็นต้องใช้กระจกบานนี้หรอกรึ?

"ท่านพูดจริง ๆ รึ?"จงซานที่สอบถามออกมาอีกครั้ง.

"ข้าไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน."หนี่ปู่ซาที่กล่าวออกมา.

จงซานที่จ้องมองไปยังหนีปู่ซา ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่.

"หากเจ้าทำลายกระจกบานนั้น ข้ายินดีที่จะสร้างค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดใหญ่ให้กับราชวงศ์ต้าเจิ้งของเจ้าได้ รับรองเลยว่าหนึ่งร้อยปีไม่มีถดถอย "หนี่ปู่ซาที่ใช้เหยื่อล่อ.

"ดูเหมือนว่าอาวุโสจะไม่เห็นราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งของข้าอยู่ในสายตา ทว่าข้าจะพยายาม ที่จริงข้าต้องการให้อาวุโสอยู่ช่วยข้า ช่วยให้ราชวงศ์ต้าเจิ้งเติบโต."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

หนี่ปู่ซาที่ส่ายหน้าไปมา พร้อมกับกล่าวออกมาว่า"ข้าจะเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ในทันที ข้าได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว เจ้ายังคิดจะกล่าวให้ข้าอยู่ช่วยเหลือราชวงศ์ต้าเจิ้งอีกรึ?"

"ไม่ใช่เช่นนั้น สักวันหนึ่ง ราชวงศ์ต้าเจิ้งจะต้องสามารถบุกเบิกไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ได้ เมื่อถึงวันนั้นพวกเราก็สามารถร่วมงานกันได้."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น.

หนี่ปู่ซาที่จ้องมองไปยังจงซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "ตราบเท่าที่ข้าซ่อนตัว ในโลกใบนี้จะไม่มีใครสามารถหาข้าเจอได้."

จงซานที่เห็นท่าทางที่มั่นใจอย่างที่สุด ทำให้จงซานขมวดคิ้วไปมา จงซานเองก็มั่นใจในตัวเองเช่นกัน เขาที่กำหมัดแน่นและกล่าวออกมาว่า"เช่นนี้ หากอาวุโสมั่นใจถึงเพียงนี้ พวกเรามาพนันกันหน่อยเป็นอย่างไร?"

"อย่างไร?"หนี่ปู่ซาจ้องมองไปยังจงซาน.

"หากถึงวันที่ข้าเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว หากข้าหาอาวุโสเจออีกครั้ง เมื่อนั้นอาวุโสต้องมาช่วยอาณาจักรต้าเจิ้งของข้า เป็นอย่างไร?"จงซานที่จ้องมองดวงตาเปล่งประกาย.

"เจ้ามั่นใจว่าจะหาข้าเจออย่างงั้นรึ?"หนี่ปู่ซาที่ส่ายหน้าไปมาขณะพูด.

"ตราบเท่าที่มีขุมทรัพย์ ข้าเชื่อว่าข้าจะหามันเจอในไม่ช้า ในเมื่อข้ามั่นใจว่าจะหาท่านเจอ ท่านเองก็มั่นใจด้วยเช่นกัน เช่นนั้นเรามาพนันกัน ข้าสามารถที่จะวางเดิมพัน จ่ายมันออกไปก่อนล่วงหน้าได้ โดยทำลายกระจกบานนี้ ส่วนการจะหาท่านเจอหรือไม่นั้น ให้มันเป็นประสงค์ของสวรรค์เป็นอย่างไร?"จงซานที่จ้องมองไปยังหนี่ปู่ซา.

หนี่ปู่ซาที่ชำเลืองมองไปยังจงซาน ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล "ประสงค์ของสวรรค์อย่างงั้นรึ?ดี ให้เป็นประสงค์ของสวรรค์ ตราบเท่าที่ข้าซ่อนตัวในทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว หากว่าเจ้าสามารถหาข้าเจอแล้วล่ะก็ ข้าจะเข้าร่วมอาณาจักรต้าเจิ้ง."

"ขอบคุณ อาวุโส."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

เกี่ยวกับตำพูดของหนี่ปู่ซานั้น จงซานไม่ได้กลัวว่าเขาจะกลับคำ เพราะว่าจงซานมั่นใจ และหนี่ปู่ซาเองก็มั่นใจ หนี่ปู่ซาย่อมเชื่อว่าจงซานไม่สามารถหาเขาเจอได้อย่างแน่นอน.

ด้วยการสะบัดมือขึ้นมาหนึ่งครั้ง จงซานที่นำกระจกบานเล็กออกมา กระจกบานเล็กนี้ไม่ได้มีประโยชน์กับเขาแล้ว เพราะว่าเขามีร่างแยกเงาที่ได้จดจำคัดลอกเคล็ดวิชานี้เอาไว้หมดแล้ว เขายังจำเป็นต้องใช้กระจกนี้อีกรึ? หากสามารถใช้กระจกใบนี้แลกเปลี่ยนกับตัวของหนี่ปู่ซา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิชานี้มา จงซานก็คิดว่ามันคุ้มค่ายิ่งกว่าคุ้ม.

"อาวุโส เชิญลงมือ."จงซานที่ส่งกระจกบานเล็กให้กับเขา.

หนี่ปู่ซาที่จ้องมองไปยังจงซาน ด้วยท่าทางประหลาดใจเหมือนกัน ทว่าสายตาของเขาจับจ้องมองไปยังกระจกบานเล็กนั่นในทันที เป็นกระจกเคล็ดวิชาของจริงแน่นอน.

เขาที่ใช้นิ้วกดลงไป หลังจากที่มั่นใจได้แล้วเป็นของจริง นิ้วของเขาที่บีบแน่นลงไปในกระจก.

หลังจากนั้นก็เกิดเป็นคลื่นอากาศที่บิดเบี้ยวกดเข้าไปในกระจก ผ่านไปชั่วครู่ กระจกบานนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นไปในทันที กองฝุ่นผงที่กองอยู่บนโต๊ะหิน เพียงแค่สะบัดมือครั้งหนึ่ง กองฝุ่นผงดังกล่าวนั้นก็กลายเป็นควันสีฟ้าหายไปในทันที.

"เช่นนั้น ข้าลาล่ะ."หนี่ปู่ซาที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.

"อาวุโส รักษาตัว."จงซานที่ลุกขึ้นและส่งเขา.

หนี่ปู่ซาพยักหน้าให้ ก่อนที่จะจากไป.

จงซานที่จ้องมองแผ่นหลังของหนี่ปู่ซา ภายในใจของเขาที่รู้สึกเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว.

......

ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง ที่ด้านนอกกำแพงตำหนัก บนอากาศ ในเวลานี้มีร่างกว่าสิบร่างที่ลอยอยู่บนอากาศ.

ผู้นำกลุ่ม เป่าเอ๋อที่กำลังครุ่นคิด ด้านหลังเป็นอาวุโสสามคนของสำนักไท่ตานและศิษย์ของพวกเขา.

"ท่านประมุข ที่นี่ล่ะ ข้ารู้สึกได้ แม้ว่าด้านนอกนั้นจะมีอะไรบางอย่างปกคลุมอยู่ ทว่าด้านในนั้นข้าสามารถสัมผัสถึงมันได้."อาวุโสเหย้ายวีที่ชี้ตรงเข้าไปในตำหนักวังหลวง ซึ่งดูเหมือนกับว่ามีองค์รักษ์มากมายปกคลุมป้องกันพื้นที่แห่งนี้เอาไว้.

เป่าเอ๋อไม่ได้สนใจอาวุโสเหย้ายวีแต่อย่างใด ทว่าร่างของนางกำลังสั่นเล็กน้อย ภายในใจที่เต็มไปด้วยความกังวล เป็นความกังเป็นอย่างมาก เพราะว่าที่นี่แตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก.

ที่นี่คือคฤหาสน์จง เมืองเสวียน เป็นเหมือนกับบ้านของนาง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?เหล่าเยว่? เหล่าเยว่คงจะไม่เป็นอะไรไปแล้วใช่ใหม?

นางที่กำหมัดเล็ก ๆ ของนาง เป่าเอ๋อที่เต็มไปด้วยความกังวลลอยตรงไปยังจัตุรัสพร้อมกับคนของนาง.

สถานที่แห่งนี้คือวิหารหมาป่า ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่หรี่เล็กลง ก่อนที่จะออกมาจากวิหาร พร้อมกับแหงนหน้าจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่ลอยอยู่บนฟ้า.

บนท้องฟ้าที่ด้านนอกของตำหนักตอนนี้มีกลุ่มของสำนักเซียนปรากฏขึ้นมาอย่างงั้นรึ?

เหล่าองค์รักษ์ที่ตระหนักได้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยิงหลานที่อยู่ใกล้ ๆ กับกำแพง.

หยิงหลานที่อยู่ในช่วงเตรียมพร้อม เพราะว่าอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ นางจะต้องนำกองกำลังออกไปพิชิตดินแดนทางตะวันตกของภาคใต้ แม้ว่าตอนนี้นางจะมีกองกำลังหมาป่า ทว่าการจะเดินทางไปพิชิตทั้งดินแดน ก็ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของกู่เหยี่ยเยี่ย เวลานี้นางจึงทำการปกป้องตำหนักอยู่นั่นเอง.

หยิงหลานที่วิ่งตรงผ่านกำแพงตำหนัก ทันใดนั้น เหล่าทหารองค์รักษ์ที่ดูหวาดหวั่น จ้องมองออกไป ซึ่งที่บนอากาศนั้นทำให้หยิงหลานต้องขมวดคิ้วไปมา.

ภายใต้การนำของเป่าเอ๋อและผู้สนับสนุนหลายคน นางก็มาปรากฏขึ้นที่ด้านบนตรงกันข้ามกับเตาจักรวาล ซึ่งมีเหล่าองค์รักษ์จำนวนไม่น้อยขวางทางอยู่ อาวุโสเหย้ายวีที่สะบัดมือออกไป ก่อนที่จะปรากฏเป็นปราณรูปเตาปรุงยาขนาดสิบจั้งขึ้นในทันที.

"ตูมมม" "ตูมมม" ........

หยิงหลานที่อยู่บนร่างของหมาป่ายักษ์ ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของจัตุรัสดังกล่าวอย่างรวดเร็ว.

"ใครผู้ใดกล้าบุกวังหลวง."หยิงหลานที่ตะโกนเสียงดัง พร้อมกับนำกองกำลังเข้ามา ซึ่งฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นกลุ่มคนของสำนักเซียน.

เหล่าคนของสำนักไท่ตานเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกเขาที่ชำเลืองมองไปยังเตาจักรวาลที่ถูกขโมยมา และยังมีคนของสำนักกว่าห้าสิบสามศพที่ตายไป จะไม่ให้พวกเราโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร.

ทุกคนที่จ้องมองออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ที่เห็นหยิงหลานชี้กระบี่มายังพวกเรา อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครลงมือ ตอนนี้กำลังรอการตัดสินใจของประมุขอยู่.

ทันทีที่เป่าเอ๋อจ้องมองไปยังหยิงหลาน ทว่าในเวลานั้นใบหน้าของหยิงหลานเปลี่ยนไป ชำเลืองมองไปยังเป่าเอ๋อตาโต.

ทุกคนของสำนักไท่ตานนั้นสามารถสังเกตุเห็นใบหน้าของหยิงหลานได้ พวกเขาที่คิดว่านางกำลังหวาดกลัว ทว่า แค่กลัวอย่างงั้นรึ?หนี้เลือดก็ต้องชำระด้วยเลือด!

"กู่ไหนไหน."หยิงหลานที่ร้องออกมาในทันที.

หยิงหลานที่ไม่ได้ตะโกนออกมาดังนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนตะลึงงันไปตาม ๆ กัน เหล่าองค์รักษ์ที่ยั้งมือ ส่วนคนอื่น ๆ ของสำนักไท่ตานตอนนี้กำลังงงงวย ศัตรูพวกเขาเวลานี้ พวกเขากำลังต้องการทำอะไรกัน?

คนของสำนักไท่ตานที่จ้องมองไปยังหยิงหลานเป็นสายตาเดียวกัน.

เป่าเอ๋อที่จ้องมองออกไปด้วยความสงสัย.

"กู่ไหนไหน ข้าเอง ข้าหยิงหลานไงล่ะ."หยิงหลานที่เก็บกระบี่พร้อมกับตะโกนออกไปในทันที.

"หยิงหลาน? เจ้าคือหยิงหลานอย่างงั้นึ?"เป่าเอ๋อที่นึกขึ้นมาได้ในทันที ต้องไม่ลืมว่าเมื่อตอนนางจากไปนั้น หยิงหลานยังเด็กอยู่.

ขณะที่ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่ออกมาจากวิหารหมาป่าเตรียมลงมือเข้าช่วยนั้น ทันใดก็จ้องมองไปยังภาพที่เปลี่ยนไป ภายในใจของเขาที่เกิดความสงสัยขึ้นมา เกิดอะไรขึ้น.

"เหล่าเยว่ ท่านมาหากู่เยี่ยเหยี่ยใช่ไหม?"หยิงหลานที่สอบถามออกมาในทันที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง.

"ท่านประมุข."อาวุโสต่างก็ขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับต้องการคำตอบ.

"เป่าเอ๋อ!!!"ที่ไกลออกไปนั้น ตำหนักเฉิงซ่าง ก็มีเสียงของจงซานที่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นในทันที.

สายตาของเป่าเอ๋อที่จ้องมองไปยังจงซานที่อยู่ไกลออกไป ที่กำลังวิ่งเข้ามา จงซาน เป่าเอ๋อจำได้ เหล่าเยว่ เขาคือเหล่าเยว่ของนาง.

"เหล่าเยว่!!!"เป่าเอ๋อที่ไม่สนใจคนที่อยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย นองที่ร่อนลงบนพื้น ก่อนที่จะวิ่งตรงไปเข้าหาจงซานทีกำลังวิ่งเข้ามาหานาง.

ในเวลานี้ เหล่าศิษย์ของสำนักไท่ตานที่นิ่งงัน สามอาวุโสที่นิ่งงัน ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่นิ่งงัน เหล่าองค์รักษ์ที่นิ่งงัน ทุก ๆ คนยืนงงงวยตะลึงงัน มีเพียงแค่หยิงหลานที่รู้สึกอิจฉากับภาพที่เกิดขึ้น.

กับภาพเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่พริบตาเดียว เรื่องราวที่พลิกคว่ำคะมำหงาย พวกเขาทั้งคู่ที่เป็นศัตรูกันพร้อมจะห้ำหั่นให้ตกตายไปอีกข้าง เพียงแค่พริบตาเดียวกันเท่านั้น ทุกคนที่ถูกทำให้ให้ชะงักงัน ราวกับถูกทิ้งให้เหลือเพียงแค่คนสองคนที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด