Chapter 146 ร่างโคลน.
สำนักไคหยาง หลุมศพอู๋โหยว ทุกคนในสำนักไคหยางที่มาร่วมกันไว้ทุกข์ ซึ่งเวลาเทียนซวินจื่อได้จากไปแล้ว และร่างของเขาถูกนำมาฝั่งรวมกับอู๋โหยวในสถานที่เดียวกัน.
ที่ด้านหน้าหลุมศพนั้นมีจงซานที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ซึ่งข้าง ๆ เองก็มีเหล่าศิษย์ของสำนักไคหยางมากมายที่กำลังมาไว้ทุกข์ให้กับเทียนซวินจื่อ.
เทียนซวินจื่อตายแล้ว ประมุขไคหยางตายแล้ว เหล่าศิษย์ทุกคนที่รับรู้ ทุกคนในสำนักต่างก็มาคารวะศพกัน.
เทียนชาที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ จงซาน จ้องมองไปยังหลุมศพ แววตาที่ดูว่างเปล่า พร้อมกับทอดถอนใจด้วยความเศร้า.
หลังจากมาไว้ทุกข์และคารวะศพ เหล่าศิษย์ทุกคนต่างก็เริ่มทยอยจากไป เสวียนซวินจื่อที่เป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างของสำนักต่อทั้งหมด.
ทว่าจวบจนถึงตอนนี้หน้าหลุมศพของเทียนซวินจื่อ ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงคุกเข่าไว้ทุกข์รวมทั้งจงซานและเทียนชา.
หลังจากไว้ทุกข์ไปสามวัน เทียนชาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางไม่พอใจนัก ทว่าเขาก็ลุกจากไป การไว้ทุกข์สามวัน ได้เสร็จสิ้นแล้ว ทว่าจงซานกลับยังคงนั่งคุกเข่าอยู่.
วันที่สี่ เสวียนซวินจื่อที่มีเรื่องสำคัญต้องจัดการในสำนักไคหยาง จึงได้นำกู่ซางจื่อจากไป ทว่าจงซานกลับยังคุกเข่าไม่ไปใหน คนทั้งสองต่างก็จ้องมองกันและกัน พร้อมกับทอดถอนใจออกมา.
"จงซาน การไว้ทุกข์สามวัน ถือว่าเป็นเรื่องราวที่เหมาะสมเพียงพอแล้ว เจ้าควรที่จะระงับความเศร้าได้แล้ว!"เสวียนซวินจื่อกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
"ข้าต้องการไว้ทุกข์ส่วนของหลิงเอ๋อด้วย."จงซานที่กล่าวออกมา.
เห็นท่าทางยืนกรานของจงซานที่จะไว้ทุกข์แล้ว เสวียนซวินจื่อก็ถอนหายใจเบา ๆ "จงซาน ศิษย์พี่ได้ฝากฝังข้า บอกข้าให้รับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?"
จงซานที่จ้องอมองไปยังเสวียนซวินจื่อ "ขอบคุณความปรารถนาดีของอาจารย์อา ทว่าข้าต้องการที่จะยึดถืออาจารย์ไปตลอดชีวิต และยังได้คำนับให้กับอาจารย์ไปแล้ว จะสามารถคำนับให้กับอาจารย์อาได้อีกครั้งได้อย่างไร."
เห็นท่าทางของจงซาน เสวียนซวินจื่อพยักหน้าให้ "ไม่จำเป็นต้องคำนับข้าก็ได้ หากว่าเจ้ามีปัญหาเรื่องการบำเพ็ญเพียร เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเวลา."
"ขอบคุณอาจารย์อา."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างไร้ซึ่งอารมณ์.
...
แผ่นดินทวีปศักดิ์สิทธิ์ ทิศเหนือ ราชวงศ์สวรรค์ต้าหลี่ ภายในตำหนักนั้นมีการตกแต่งที่โอ่อ่าอลังการเป็นอย่างมาก.
เทียนหลิงเอ๋อในเวลานี้อยู่ในชุดสีแดงเพลิง ร่างกายของนางที่ดูประณีตไร้ซึ่งริ้วรอยบาดแผลบนร่าง.
ที่ด้านหน้าเป็นโต๊ะขนาดเล็ก วิหคตัวเล็กสีแดงที่กำลังกินเมล็ดพันธ์สีแดงในชามอยู่.
"เสี่ยวหง ทำไมหัวใจของข้าถึงสั่นไหวไปมาเช่นนี้กันนะ? ทำไมข้าต้องคิดถึงท่านพ่อขึ้นมาด้วยล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ลูบไปที่หัวของวิหกตัวเล็กสีแดง.
นางที่ลูบไปที่หัวของวิหกตัวเล็กไปมา พร้อมกับก้มลงจ้องมองมัน ที่กำลังกินเมล็ดข้าวสีแดงเพลิงในชาม.
"เจ้าเอาแต่กินอยู่นั้นล่ะ กินอย่างเดียวเลย อะแฮ่ม ในตำหนักหงสานั้น มี วิหคเหมันต์ วิหคเพลิงและหงส์มรกต... ทุกตนต่างก็อยู่ในเผ่าหงสา แล้วเจ้าล่ะเป็นวิหคชนิดใด?แล้ววิหคทั่วไปไม่ให้เข้ามาด้านในจริง ๆ รึ? ที่จริง นอกจากกินแล้ว ข้าไม่เห็นเจ้าพูดได้เหมือนกับวิหคตนอื่นเลย."เทียนหลิงเอ๋อที่บ่นพึมพำ.
อย่างไรก็ตามวิหคสีแดงตัวน้อยราวกับไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกเศร้าของหลิงเอ๋อได้เลย มันยังคงส่งเสียง ชิ ชิ ชิ ชิ กินเมล็ดพันธ์ด้านหน้าของมัน.
"ท่านแม่จากข้าไปแล้วแล้ว ท่านพ่ออยู่สำนักไคหยาง เสียวหนานจื่อเองก็ไม่รู้เป็นอย่างไร เอ๊ะ! ข้ายังมีคนสำคัญอีกคนอย่างงั้นรึ? แต่ข้าคิดไม่ออก? ทำไม ข้าถึงจำไม่ได้ล่ะ?เขาควรจะเป็นคนสำคัญกับข้ามาก ข้าควรจะจำได้ ดาบยักษ์ ร่ายกาย ปกป้องข้า ปวดหัว ข้ารู้สึกปวดหัว คิดไม่ออกเลย? ขนมกุ้ยฮวา?ใช่แล้ว ขนนมกุ้ยฮวา คนผู้นั้นมีชื่อว่าขนมกุ้ยฮวาอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่ลูบผมของนางไปมา.
วิหคแดงตัวเล็กยังคงกินเม็ดข้าวในชาม ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจกับคำพูดพึมพำของเทียนหลิงเอ๋อแม้แต่น้อย.
"เจ้าไม่สนใจข้าเลย เจ้าเป็นแค่เด็ก เลยไม่พูดกับข้า เจ้าคงรู้จักแต่กิน ฮึ เจ้าไม่ฟังข้าเลย เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เจ้ากินนะ."เทียนหลิงเอ๋อที่ลูบไปที่หัวของวิหคสีแดงตัวเล็ก.
....
สำนักไท่ตาน เกาะหมาป่าสวรรค์.
เป่าเอ๋อนำอาวุโสใหญ่ทั้งสามมายืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ด้านนอกนั้น มีศพที่นอนเกลื่อนกราดกว่าห้าสิบสามศพ นอกจากนี้ยังมีศิษย์มากกว่าสิบคนที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า.
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน?"เหย้ายวีที่แค่นเสียงออกมา.
"อาวุโส พวกเรากลับมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว เหล่าศิษย์พี่และอาจารย์อาต่างก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว."ศิษย์สำนักไท่ตานคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย.
"ไม่มีผู้ใดกล้าข่มเหงสำนักไท่ตาน ไม่เคยมีใครกล้าสังหารคนของสำนักไท่ตานมากมายขนาดนี้ ท่านประมุข..."อาวุโสคนหนึ่งที่กำหมัดแน่นจ้องมองไปยังเชวียนเป่าเอ๋อ.
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจอย่างถึงที่สุด ทักษะการต่อสู้ของสำนักไท่ตานนั้นไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก ทว่าก็ไม่มีใครกล้าที่จะข่มเหงรังแกพวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขาติดประกาศออกไปเกี่ยวกับปัญหานี้ล่ะก็ รับรองได้ว่า สำนักเซียนกว่า 80 % ย่อมออกมาช่วยเหลือพวกเรา แม้แต่คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม ย่อมส่งคนมาที่นี่แน่ เกรงว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักสำนักไท่ตานแล้ว.
เป่าเอ๋อที่หรี่ตาจ้องมอง กวาดตาตรวจสอบศพทั้งห้าสิบสาม จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นเยือบ "อาวุโสเหย้ายวี."
"อยู่นี่แล้ว."อาวุโสเหย้ายวีรับคำ.
"ค่ายกลสำนักไม่ได้ถูกทำลาย เป็นไปได้ว่าจะเป็นคนภายในของสำนักไท่ตานเอง ทว่าเตาปรุงยาจักรวาลได้ถูกขโมยไปแล้ว ท่านมีวิธีในการตามหาหรือไม่?"เป่าเอ๋อที่สอบถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง.
"ด้วยพลังฝึกตนของพวกเราทั้งสาม เตาจักรวาลนั้นมีขนาดใหญ่ ทุกครั้งเมื่อหายใจสูดพลังฟ้าดินพวกเราสามารถสัมผัสได้ ตราบเท่าที่เตาจักรวาลยังอยู่ในเกาะหมาป่าสวรรค์ พวกเราย่อมสามารถค้นหาได้."อาวุโสเหย้าวีกล่าวออกมาในทันที.
"ดี พวกท่านไปค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของเตาจักรวาล.หากมีร่องรอยใด ให้มาแจ้งข้าในทันที."เป่าเอ๋อกล่าว.
"ทราบแล้ว."อาวุโสทั้งสามตอบรับในทันที.
"คนตายไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ทำพิธีศพให้พวกเขา ส่วนเรื่องศัตรู ค่อยแก้แค้น."เป่าเอ๋อกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นเยือบ.
"ครับ/ค่ะ ท่านประมุข."ศิษย์สำนักไท่ตานกว่าสิบคนที่รับคำในทันที.
สำนักไคหยาง.
งานศพของเทียนซวินจื่อ ได้ผ่านไปแล้วเจ็ดวัน.
จงซานตอนนี้ได้กลับมายังติงสุ่ยเซี่ยของเขาแล้ว เกี่ยวกับการตายของอาจารย์นั้น ภายในใจของจงซานที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เทียนซวินจื่อ แม้ว่าจะกระทำกับศัตรูคู่แค้นอย่างโหดร้ายไร้ปราณี ทว่ากลับคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเขานับว่าดีเยี่ยมมาก ทว่าในบรรดาศิษย์ เขาได้รับการดูแลดีกว่าคนอื่น บางทีเพราะว่าเขามีสัมพันธ์กับหลิงเอ๋อด้วยก็ได้ ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญกับจงซาน อย่างไรก็ดีเทียนซวินจื่อดูแลเขาอย่างดี นั่นคือเรื่องจริงและเขาเวลานี้ได้จากไปแล้ว.
จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะสะบัดมือหนึ่งครั้งนำกระจกบานเล็กออกมา.
กระจกบานเล็กที่มีรูปร่างแปดเหลี่ยม สะท้อนเงาทั้งสองด้าน ทั้งสองด้านต่างก็เรียบเนียนประณีต ด้านหนึ่งที่ปรากฏเงาหนึ่งอัน ส่วนอีกด้านปรากฏเงาขนาดเล็กขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน น่าจะมีจำนวนนับหมื่นเลยทีเดียว ทว่ากลับมีขนาดเล็กมาก.
นี่คือเคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์อย่างงั้นรึ?
หากเริ่มฝึกฝนวิชานี้ หลังจากที่ตรวจสอบเนื้อหาจดจำวิชาดังกล่าวนี้ได้แล้ว จงซานถึงกับต้องสูดหายใจยาวเลยทีเดียว.
วิชานี้มีสิบสองขั้นเหมือนวิชาหงหลวนเทียน หากฝึกฝนได้สำเร็จ จะสามารถสร้างร่างโคลนของตัวเองขึ้นมาได้ โดยร่างโคลนนั้นจะมีความแข็งแกร่งครึ่งหนึ่งของร่างต้น ร่างที่แยกออกไปนั้นเหมือนกับร่างแยกเงาธรรมดา สามารถอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งวัน หลังจากผ่านหนึ่งวันไปแล้วจะกลายเป็นหมอกหายไปในทันที.
สิบสองขั้น ขั้นแรกสามารถแยกเงาออกมาได้สองร่าง ขั้นที่สองสี่ร่าง และจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในแต่ละขั้น.
จงซานที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิชาดังกล่าวนี้ ทำให้เขาตื่นตะลึงเลยทีเดียว ในโลกนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีวิชาที่น่าตื่นตะลึงขนาดนี้?ร่างโคลนอย่างงั้นรึ? ข้อบกพร่อง เมื่อฝึกฝนวิชานี้แล้ว ร่างกายจะเริ่มกลายเป็นเงาช้า ๆ จะทำให้ร่างเนื้อหายไปเรื่อย ๆ มากขึ้นและก็มากขึ้น เหมือนดังหยิงอู๋เซี่ย ที่มีร่างกายผอมบางลงเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากแผ่นไม้ จนท้ายที่สุดร่างเนื้อก็จะกลายเป็นร่างเงาโดยสมบูรณ์.
ร่างเงาอย่างงั้นรึ?ดวงตาของจงซานที่เต็มไปด้วยท่าทางประหลาดใจ หากร่างเป็นร่างเงาอยู่แล้วล่ะ ร่างแยกเงาของเขาที่เป็นร่างเงาอยู่แล้ว จะเป็นอย่างไร?
ด้วยคำบรรยายของเคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้น นับว่ายากที่จะฝึกฝน ทว่าจงซานก็คิดว่าจะลองดู.
ร่างแยกเงาที่ราชวงศ์ต้าเจิ้ง เวลานี้กำลังนั่งบำเพ็ญฝึกวิชาดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เกี่ยวกับเคล็ดวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้น ร่างแยกเงาสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว.
เช้าวันต่อมา ไม่ว่าจะเป็นร่างหลักหรือร่างแยกเงาเวลานี้ถึงกับดวงตาเบิกกว้างเลยทีเดียว.
เพราะว่าภายในห้องโถงราชวงศ์ต้าเจิ้ง ร่างแยกเงาของจงซานในเวลานี้ ได้ปรากฏร่างโคลนสองร่างขึ้น ซึ่งดูเหมือนกับร่างแยกเงาเป็นอย่างมาก ร่างทั้งสองที่แยกกันไม่ออก ร่างโคลนดังกล่าวนั้น ทั้งร่างแยกเงาและร่างร่างต้นของเขาสามารถควบคุมได้ ตามที่ใจปรารถนา เป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกายที่แยกออกไป ร่างโคลนมองเห็นสิ่งใด จงซานก็สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้ด้วย.
ภายใต้การควบคุมร่างโคลนจากร่างแยกเงา เป็นเหมือนกับที่ได้บันทึกเอาไว้ในเคล็ดวิชาภายในกระจกนี้ไม่ผิดเพี้ยน.
ร่างโคลนที่แยกออกไปด้วยวิชาหมื่นเงาสวรรค์นั้นทำให้จงซานประหลาดใจเป็นอย่างมาก ใช้แกนแท้เพียงแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น สามารถสร้างร่างโคลนหุ่นเชิดได้สองร่าง?ร่างโคลนยังสามารถแยกย้ายกันไปตำแหน่งต่าง ๆ ได้ สามารถส่งออกไปสอดแนมแทนร่างต้น และเมื่อกลับคืนสู่ร่างต้นแกนแท้ที่หายไปก็กลับคืนมาอีกด้วย.
ร่างโคลนที่หายไปเมื่อกลับมารวมร่างกับร่างแยกเงาอย่างรวดเร็ว.
"อะไรกัน?วิชานี้เป็นวิชาที่ฝึกได้ยากมาก ๆ อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กำลังโต้แย้งกับตัวเองไปมา.
"ก๊อก ๆ ๆ ."ที่ด้านนอกของติงสุ่ยเซี่ยนั้น ได้ยินเสียงใครกำลังเคาะประตูของเขา.
จงซานที่เก็บกระจกบานเล็ก ก่อนที่จะเดินไปยังประตู ก้าวตรงไปยังลานบ้าน.
เป็นหนี่ปู่ซานั่นเอง เขาที่คลุมร่างทั่วร่างด้วยชุดคลุมสีดำ เพื่อปกปิดตุ่มหนองที่ลามไปทั่วใบหน้าของเขา จงซานที่เห็นเพียงด้านนอกก็สามารถจดจำเขาได้แล้ว.
"อาวุโส."จงซานที่ขมวดคิ้วจ้องมองไปยังหนี่ปู่ซา พร้อมกับคิดถึงการสั่งเสียของอาจารย์ขึ้นมาได้.
"จงซาน ข้ามีเรื่องต้องการพูดคุยกับเจ้า."หนี่ปู่ซาที่เป็นคนเริ่มเอ่ยออกมาก่อน.
"อาวุโสเชิญ ผู้เยาว์จะเตรียมน้ำชาให้."จงซานที่นำเขามายังโต๊ะศิลาที่อยู่ในลานบ้าน.
"อืม "หนี่ปู่ซาพยักหน้า ก่อนที่จะเดินมานั่งที่โต๊ะศิลา ทว่าจงซานกลับไปในบ้านเพื่อเตรียมน้ำชา.
คนทั้งสองที่นั่งอยู่บนโต๊ะศิลา จงซาที่รินน้ำชาให้กับหนี่ปู่ซา.
เขาที่ยกน้ำชาขึ้นดื่ม ก่อนที่จะค่อย ๆ วางมันลงช้า ๆ "จุดประสงค์ที่ข้ามาหาเจ้า ก่อนที่เทียนซวินจื่อตาย คงจะบอกกลับเจ้าแล้ว."
"อาจารย์กล่าวเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยถึงรายละเอียด หากว่าอาวุโสมีอะไรจะกล่าว เชิญกล่าวมาได้เลย."จงซานตอบ.