Chapter 143 หากสวรรค์มีรัก ย่อมไร้ซึ่งนิรันดร
***สวรรค์นั้นเที่ยงธรรม ไม่มีความผูกพัน ไม่มีกิเลสมาผูกมัดเอาไว้ แต่ถ้าหากสวรรค์มีกิเลส มีความผูกพันขึ้นมาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็คงไม่ใช่สวรรค์หรือก็คือไร้ซึ่งนิรันดรนั่นเอง คนจีนถือว่าสวรรค์เป็นสิ่งนิรันดร์ เป็นตัวแทนของความยั่งยืน และมั่นคง ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ สวรรค์ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง อีกประโยคหนึ่งในสมัยใหม่ "หากสวรรค์มีใจเมตตา สวรรค์คงจะเปลี่ยนใจ เพื่อให้ได้รอดพ้นและสมหวังในรัก" คำนี้มีในภาพยนตร์ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ***
ขณะที่จงซานและเทียนซวินจื่อพูดคุยกันนั้น ที่ด้านล่างลานจัตุรัส ปิศาจร้ายและศิษย์ของสำนักโหยวหยิงปรากฏตัวออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังค่ายกล.
คนกลุ่มนี้รอคอยมากว่าสองชั่วโมง. ทันใดนั้นภายในค่ายกลสำนักไท่ตาน ร่างแยกตนแรกก็ออกมา ร่างกายของมันที่เปื้อนไปด้วยโลหิต.
ร่างแยกที่ไม่สนใจการมีอยู่ของค่ายกลแม่แต่น้อย มันได้ออกมาแล้ว พร้อมกับเข้ารวมร่างกับร่างต้น.
"พรึด!"
ร่างแยกและร่างหลักรวมตัวกัน ทิ้งคาบโลหิตทั้งหมดลงบนพื้นด้านล่างทันที.
จากนั้น ร่างแยกปิศาจก็ออกมาเรื่อย ๆ มากขึ้นและก็มากขึ้น เป็นร่างแยกที่ถูกส่งออกไปก่อนหน้านี้ กลับมารวมร่างกับร่างหลักอย่างรวดเร็ว.
จงซานที่จ้องมองเขม็ง ท้ายที่สุดจนถึงตอนนี้ จงซานก็รู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกผิดปรกติ ร่างโคลนและร่างร่างหลัก? ร่างหลักและร่างแยกเงา?ดูเหมือนว่าจะมีทักษะเดียวกัน ร่างแยกทั้งหนึ่งร้อยนั่น เป็นเหมือนกับร่างแยก นอกจากนี้จงซานยังเข้าใจชัดเจน ว่าร่างหลักมีได้เพียงหนึ่ง เป็นไปไม่ได้มีมากกว่านั้น.
ในเวลานี้ ที่ปากทางเข้าค่ายกล เหล่ากลุ่มร่างแยกปิศาจ ดูเหมือนว่าจะสำเร็จเป้าหมายของตัวเองแล้ว.
เตาปรุงยา ความสูงสิบจั้ง ความยาว 33 จั้ง เป็นเตาปรุงยาขนาดมหึมาราวกับตึกสิบชั้น เตาขนาดใหญ่ที่ถูกลากออกมา ด้านในมีปล่องไฟอยู่แปดแห่ง ดูเหมือนว่าด้านในจะมีไฟลุกไหม้อยู่.
เตาเผาขนาดใหญ่นั่นทำมาจากสัมฤทธิ์ รอบ ๆ เตาถูกสลักเอาไว้ด้วยอักษรรูปมากมาย พื้นที่รอบ ๆ เตาดูเหมือนทำให้อากาศรอบ ๆ บิดเบี้ยว คล้ายกับภาพลวงตา ทว่าด้วยการบำเพ็ญฝึกฝนพลังมาจงซานย่อมรับรู้ได้ว่าเป็นเพราะรอบ ๆ เตานั้นถูกคลุมด้วยพลังมิติ เป็นหนึ่งในปราณวิญญาณ ถูกส่งออกมาจากเตาปรุงยาขนาดใหญ่นั้น เตาปรุงยาขนาดใหญ่นี่สามารถที่จะดูดซับพลังวิญญาณได้อย่างงั้นรึ?
จงซานที่จ้องมองตาโต เตาเผานั้นส่องประกายแสง รอบ ๆ เตาเผามีอักษรรูนสี่ตัวที่ส่องสว่าง หมุนวนล้อมรอบเตาเผาอยู่.
สวรรค์ ปฐพี สีดำ สีเหลือง!
"นี่คือเตาเผาจักรวาล สำนักไท่ตาน เป็นเตาปรุงยาในตำนานจริง ๆ ."เทียนซวินจื่อที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"ครืนนนนน"
เตาเผาจักรวาลในตำนานถูกยกผ่านค่ายกลออกมา พร้อมกับวางลงบนพื้น จากนั้นร่างแยกทั้งหมดก็เข้าไปรวมกับร่างต้น แทบจะในทันทีที่รวมเป็นหนึ่งเดียว.
"ยกเตาเผาไป กลับสำนักพวกเรา."ปิศาจที่สั่งการออกมาอย่างขึงขัง.
"ครับ."เหล่าศิษย์ของสำนักโหยวหยิงที่ตอบรับพร้อมกัน.
จากนั้น ก็เห็นเตาปรุงยาที่มีความสูงสิบจั้ง ถูกยกขึ้น ซึ่งมีขนาดไม่ต่างจากภูเขาลูกย่อม ๆ เลย.
"ไป!"ปิศาจร้ายที่สั่งการออกมา.
เหล่าศิษย์สำนักโหยวหยิงที่ยกเนินเขาลูกย่อม ๆ ก่อนที่จะพุ่งตรงออกไปด้วยความเร็ว.
"อาจารย์?ทำไมพวกเขาไม่นำเตายักษ์นั่นใส่เข้าไปในกำไรเก็บของ?"จงซานที่สอบถามด้วยความสงสัย.
"เตาเผาจักรวาร เป็นสมบัติที่มีชีวิต มันมีวิญญาณสิงสถิตเหมือนกับคน สามารถดูดซับปราณพลังฟ้าดินได้ ไม่สามารถที่จะใส่เข้าไปในกำไรเก็บของ "เทียนซวินจื่อที่หรี่ตาเล็กลง จ้องมองไปยังทิศทางของอสูรที่กำลังเคลื่อนย้ายไป.
"ครับ อาจารย์ พวกเราจะเริ่มตอนใหน?"จงซานที่สอบถามออกมาอีกครั้ง.
"เร็ว ๆ นี้ สำนักโหยวหยินจะต้องทำการเฉลิมฉลองกันอย่างแน่นอน เมื่อเหล่าศิษย์สำนักโหยวหยิงเมามายและวุ่นวาย ในเวลานั้น..."เทียนซวินจื่อที่หรี่ตาจ้องมอง เต็มไปด้วยความเย็นชาที่ลึกล้ำ.
"ครับ."จงซานที่พยักหน้า จ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ แววตาที่แสดงท่าทางเป็นกังวล.
..........
คืนหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ป่าแห่งหนึ่งในเกาะหมาป่าสวรรค์.
เทียนซวินจื่อ หนีปูซา จงซาน กู่ซ่างจื่อและเสวียนซวินจื่อและศิษย์ที่น่าเคารพอีกมากมาย.
ที่ด้านหน้าของพวกเขานั้นเป็นค่ายคุ้มสำนัก และอักษรสลักไว้บนศิลาขนาดใหญ่ "สำนักโหยวหยิง"(สำนักซ่อนเงา)
"ศิษย์พี่ ท่านจะใช้ค่ายกลกระบวยใหญ่เจ็ดดาวจริง ๆ รึ?"กู่ซ่างจื่อที่จ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อด้วยความเป็นห่วง.
ทว่าในเวลานี้ เทียนซวินจื่อกับดูสุขุมเป็นอย่างมาก แววตาไม่ได้แผ่จิตสังหารออกมา.
"ใช่แล้ว มีเพียงค่ายกลกระบวยใหญ่เจ็ดดาวเท่านั้น ถึงจะสามารถทำลายสำนักโหยวหยิงได้ ศัตรูของอู๋โหยว ถึงเวลาที่พวกมันจะต้องชดใช้แล้ว ตอนนี้ข้าได้จัดเตรียมให้ทุกคนไปประจำที่ตำแหน่ง เทียนซู เทียนเสวียน เทียนจีและเทียนเฉียน ประจำเขตแดนตำแหน่งดาวต่าง ๆ ขอให้ศิษย์น้องทั้งสอง ไปประจำตำแหน่ง ตอนนี้เหลือตำแหน่งหยีเหิง ไคหยางและเหยวกวง ข้าจะเป็นคนควบคุมตำแหน่งไคหยางเอง."เทียนซวินจื่อที่กล่าวต่อกู่ซ่างจื่อ และเสวียนซวินจื่อ.
"ศิษย์พี่ ท่านคงจะจำได้ว่าท่านเคยรับปากอู๋โหยวเอาไว้ ว่าท่านจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ ออกไป."กู่ซ่างจื่อที่จ้องมองเทียนซวินจื่อด้วยความเป็นห่วง.
"ฮ่าฮ่า ศิษย์น้องเจ้าคิดมากเกินไป ข้าดูแลหลิงเอ๋อจนเติบใหญ่ ข้าเคยทำอะไรโง่ ๆ เหรอ เจ้าโปรดวางใจ ครั้งนี้ข้าต้องการแก้แค้นให้อู๋โหยว หลายปีแล้ว ข้ารอคอยมาหลายปีแล้ว ข้าจะต้องกำจัดสำนักโหยวหยิงให้สิ้นซาก มันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น."เทียนซวินจื่อที่หัวเราะออกมาอย่างนุ่มนวล.
อย่างไรก็ตาม เสียงหัวเราะของเทียนซวินจื่อในคราวนี้ราวกับเสแสร้ง รู้สึกผิดปรกติ กู่ซ่างจื่อและเสวียนซวินจื่อไม่สามารถวางใจได้เลย ทว่าก็ทำได้แค่พยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าจะเป็นกังวลแต่ก็มีแต่ต้องทำตาม พวกเขาบินไปยังตำแหน่งที่ต่าง ๆ กันในทันที.
เมื่อเสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อจากไปแล้ว สายตาของเทียนซวินจื่อที่เต็มไปด้วยความเย็นชา.
"อาจารย์."จงซานที่คุกเขาลง จ้องมองออกไปด้วยท่าทางหวาดหวั่น.
เห็นท่าทางของจงซานแล้ว เทียนซวินจื่อส่ายหน้าไปมา."จงซาน ไม่ต้องกล่าวอะไรแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร ไม่มีใครห้ามข้าได้ หลังจากที่ซือมู่ของเจ้าตายไปแล้ว หัวใจของข้ามันก็ตายไปแล้วเช่นกัน หากไม่มีหลิงเอ๋อและต้องการแก้แค้นให้กับอู๋โหยวข้าคงตามนางไปนานแล้ว หลิงเอ๋อต้องให้เจ้าช่วยดูแลแล้ว ความแค้นครั้งใหญ่นี้ข้ากำลังจะสะสางมัน เรื่องทุกอย่างในใจข้าก็จะสามารถปล่อยวางได้ หลายปีมานี้ ข้าไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่น้อย."
"อาจารย์ ท่านจะตายไป เพื่อระงับความโศกเศร้าอย่างงั้นรึ!"จงซานที่กล่าวเตือนออกมาอีกครั้ง.
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หากสวรรค์มีรัก ย่อมไร้ซึ่งนิรันดร ทุก ๆ คนต่างก็มีจุดหมายที่แตกต่าง ข้าไม่ได้ไล่ตามความเป็นอมตะ ไม่ได้ต้องการมีอายุที่ยืดยาว สิ่งที่ข้าไล่ตามนั้นคือการได้อยู่เคียงข้างกับอู๋โหยว ถึงแม้ว่าข้าตายไป ถึงแม้ว่าจะเป็นนรกภูมิข้าก็จะตามนางไป อู๋โหยวรอข้ามานานแล้ว อย่าได้กล่าวอะไรอีกเลย."เทียนซวินจื่อที่กล่าวต่อจงซานในทันที.
"โอ้ว เทียนซวินจื่อ ท้ายที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไมอู๋โหยวเลือกเจ้า ข้าคงไม่สามารถตามนางไปได้เช่นเจ้า."หนีปู่ซาถอนหายใจเบา ๆ .
จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ ถอนหายใจยาว ก่อนที่จะลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลัง ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้อีกต่อไป เพราะว่าจงซานสามารถตระหนักได้ถึงความรู้สึกของเทียนซวินจื่อแล้ว บางที่การตายไป ถึงจะเป็นจุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดของอาจารย์ ถึงแม้ว่าภายในใจของจงซานจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจหรือเยียวยาจิตใจของเทียนซวินจื่อได้.
เทียนซวินจื่อจ้องมองไปยังหนีปู่ซา สูดหายใจยาวแล้วกล่าวออกมาว่า"ร่างแยกของหยิงอู๋เซี่ยที่ออกมา เจ้าช่วยเก็บกวาดด้วย จงซานเจ้ารอดูข้าอยู่ตรงนี้พอ."
หนี่ปู่ซาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาหลับตาและพยักหน้าให้.
เมื่อเห็นหนีปู่ซาพยักหน้าให้ เทียนซวินจื่อที่สูดหายใจยาว ร่างกายที่ลอยออกไป ก่อนที่จะหยุดอยู่บนอากาศ.
มือของเขาที่ยื่นออกไป ในมือของเทียนซวินจื่อปรากฎกระบวยสีม่วงขนาดใหญ่.
บนอากาศ กระบวยสีม่วงในมือของเขา ก็ส่องประกายแสงสว่างจ้ากระจายออกมากลบร่างของเทียนซวินจื่อ แทบจะในเวลาเดียว ร่างของเทียนซวินจื่อราวกับว่าถูกคลุมไปด้วยดวงตะวันขนาดใหญ่ ปรากฏเป็นบอลแสงที่ไม่ธรรมดา พื้นที่รอบ ๆ ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงที่หนักหน่วง ส่องประกายแสงคลุมไปทั่วสารทิศ คืนเดือนมืด ทันใดนั้นพื้นที่รอบ ๆ ก็สว่างไสวราวกับกลายเป็นตอนกลางวัน.
บอลแสงขนาดหลายร้อยจั้งที่มีเทียนซวินจื่อเป็นศูนย์กลาง และในเวลาเดียวกัน จงซานไม่ได้เห็นเพียงแค่ตำแหน่งของเทียนซวินจื่อเท่านั้น ห่างออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ นอกจากฝั่งเทียนซวินจื่อแล้ว ยังมีบอลแสงอีกหกลูกปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน.
บอลแสงเจ็ดลูก เรียงตัวเหมือนกันเป็นกลุ่มดวงดาราเจ็ดดวง ส่องประกายแสงสว่างจ้า เรียงตัวเป็นรูปกระบวยขนาดใหญ่ จัดตำแหน่งเหมือนกับกลุ่มกระบวยใหญ่(กลุ่มดาวจระเข้.)
ทันทีที่บอลแสงทั้งเจ็ดปรากฏขึ้น ก็สร้างความสัมพันธ์ต่อกัน พร้อมกับเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็ว.
เป็นกระบวยขนาดใหญ่ที่ส่องประกายแสงสว่างจ้าเป็นอย่างมาก.
ทันใดนั้น ค่ายกลของสำนักโหยวหยิงก็ถูกปกคลุมด้วยแสงดังกล่าวทั้งหมด เกิดเป็นเหมือนโดมคริสตัลที่ปกคลุมค่ายกล จงซานสามารถมองเห็นกระบี่เหินมากมายที่พุ่งออกมาจากสำนักโหยวหยิง.
"ตูมมม ตูมมม ตูมมม...."
หลังจากที่พวกเขาโจมตีออกมานั้น กระบี่เหินของพวกเขาถึงกับลอยออกมากระเด็นกลับคืนไป มันถูกกำแพงคริสตัลสะท้อนกลับไปนั่นเอง.
ค่ายกลของสำนักโหยวหยิงถูกกำจัดออกไป ทุกคนในสำนักตอนนี้รับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีแล้ว ค่ายกลของพวกเขาถูกทำลาย เหล่าศิษย์มากมายของสำนักโหยวหยิงกำลังบ้าคลั่งบินออกมาด้านนอก ทว่า กับมีค่ายกลผนังคริสตัลปกคลุมอยู่ทำให้พวกเขาไม่สามารถหนีออกมาได้ ทุกคนต่างก็ถูกกระแทกกลับคืนไป.
จงซานที่ถอนหายใจยาว ค่ายกลกระบวยใหญ่อย่างงั้นรึ?ป้องกัน ต่อสู้ ปิดล้อมไปพร้อม ๆ กันรึ?
ขณะที่จงซานอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจอยู่นั่น บอลแสงขนาดใหญ่ฝั่งของเทียนซวินจื่อก็มีเสียงดังออกมา.
"ดาราสีฟ้าไคหยาง ด้วยอายุขัยของข้า ขอถวายแต่ดวงดาราทั้งเจ็ด จุดเปลวเพลิงดารา เผาผลาญปิศาจ."เทียนซวินจื่อที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.
"ไม่..."ที่ไกลออกไปนั้นเสียงของเสวียนซวินจื่อที่ดังออกมา.
"ศิษย์พี่!!"เสียงของกู่ซ่างจื่อที่เต็มไปด้วยความเศร้าปรากฏออกมาเช่นกัน.
จงซานที่สูดหายใจลึก จ้องมองไปยังหนี่ปู่ซาที่อยู่ด้านข้าง ๆ ที่หลับตาลงข้างหนึ่งพร้อมทอดถอนใจ.
"เจ้าพวกสารเลว!!!"ทันใดนั้นประมุขสำนักโหยวหยิงก็ร้องดังออกมาในทันที.
ชายในชุดสีดำที่โผล่ออกมาพร้อมกับพุ่งใส่ผนังคริสตัลของค่ายกลกระบวยใหญ่ทันที.
"ครืนนนน"
ผนังคริสตัลที่แตกร้าวกระจายออกไปทั่ว ทว่าในพริบตามเดียว มันก็ฟื้นฟูกลับมาและหนายิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก.
ในเวลานั้น จงซานที่มองเห็นเป็นเงาดำร่างหนึ่ง ทว่าดวงตาของเขาที่เบิกกว้างตาโตเลยทีเดียว.
แสงสว่างทั้งหมดที่สาดประกายออกไปนั้น ปกคุลมไปทั่วทุกบริเวณ นอกจากเงาดำร่างนั้น พื้นที่รอบ ๆ สว่างจ้าไปหมด.
ดวงดารากระบวยใหญ่ทั้งเจ็ด นี่คือกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ แม้ว่าจงซานจะไม่เข้าใจชัดเจน ทว่าจงซานก็สามารถบอกได้ว่าบนท้องฟ้าในเวลานี้ มีเพียงแค่ดวงดาวเจ็ดดวงเท่านั้นที่คงอยู่.
เหนือขึ้นบนบนดวงดาวทั้งเจ็ดของค่ายกลกระบวยใหญ่ที่เชื่อมต่อกันและกันนั้น ทันใดนั้นก็มีประกายแสงที่พุ่งออกไปจากดาวดวงหนึ่ง พุ่งตรงตั้งฉากเข้าไปในค่ายกลกระบวยใหญ่.
ทันใดนั้นค่ายกลก็ส่องประกายแสงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เป็นแสงจ้า ที่ทำให้จงซานไม่สามารถมองเห็นอะไรด้านในได้เลย มันสว่างจ้ามากจนเกินไป ราวกับเป็นแสงของดวงตะวันที่กำลังลอยอยู่ด้านใน.
เคลื่อนดวงดารากระบวยใหญ่? จงซานที่เบิกตากว้าง ค่ายกลนี่คืออะไร?ค่ายกลต่อสู้อย่างงั้นรึ? ค่ายกลตั้งรับ?แต่การเคลื่อนพลังของดวงดาวนี้? ดาวเหนือเคลื่อนดวงดาวคล้อย?
"อ๊ากกกก"
เกิดแสงสว่างจ้าเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรุนแรงปกคลุมไปทั่วภายในค่ายกล ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องโหยหวนมากมาย เสียงที่เจ็บปวดทรมาน จากการถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนสูงอยู่ด้านใน ความเจ็บปวดทรมานเสียงโหยหวนที่ดังออกมาไม่หยุดหย่อน.