Chapter 142 ปิศาจร้ายที่น่าขนลุก.
คนทั้งสามเวลานี้กำลังรอคอยอยู่บนยอดเขาอย่างใจเย็น.
ที่จัตุรัสทิศตะวันตกนั้น มีป้ายหลุมศพขนาดใหญ่ และมีอักษรสลักเอาไว้ว่า "ประมุขไท่ตาน" ซึ่งทางด้านเหนือของสำนักไท่ตานนั้นมีหมอกปกคลุมไปทั่ว จนไม่สามารถเห็นภาพด้านในได้ชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่านี่คือผลของค่ายกล.
ทว่าจัตุรัสทางด้านทิศตะวันตกของสำนักไท่ตาน จงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน.
"อาจารย์ ปกติแล้วที่ทางเข้าศิษย์ของพวกเขาไม่ค่อยจะรวมตัวกัน ทว่าทำไมวันนี้ที่ทางเข้าถึงได้มีคนมากมายขนาดนี้?"จงซานที่ขมวดคิ้วและสอบถามเทียนซวินจื่อ.
"มันเป็นประเพณีของสำนักไท่ตาน สิบปีจะมีครั้งหนึ่ง พวกเขาจะต้องทำการบวงศวงฟ้าดิน อย่างน้อยหนึ่งเดือนพวกเขาจะต้องกลับคืนสู่สำนัก หากไม่มีประเพณีเช่นนี้ พวกเขาก็จะคลั่งไคล้กับการปรุงยา ไม่ออกและไม่เข้าสำนัก เช่นนั้นแล้วสำนักไท่ตานคงจะมีคนไม่ถึงห้าสิบคนเป็นแน่."เทียนซวินจื่อกล่าวพร้อมกับมองไปด้านล่าง.
"เช่นนั้นเจ้าปิศาจจึงได้เลือกวันนี้อย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย.
"ค่ายกลคุ้มสำนักไท่ตานนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักไคหยางเลย ต่อให้มีคนเช่นผู้พิทักษ์ขุนเขาห้าสิบคน ก็ยากที่จะทะลวงผ่านเข้าไปได้."เทียนซวินจื่อกล่าว.
ขณะที่เทียนซวินจื่อกล่าวอยู่ ทันใดนั้นก็ปรากฏชายในชุดดำที่มีรูปร่างแปลกประหลาดปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าสำนักไท่ตาน.
จงซานและเทียนซวินจื่อที่หยุดคุยกันในทันที ร่างที่แปลกประหลาด ดูแตกต่าง เป็นร่างสูงในชุดดำ.
จงซานเห็นร่างคนดังกล่าวแล้ว รู้สึกเหมือนไม่ใช่คน เพราะว่าเป็นร่างในชุดดำคลุมทั่วร่างแล้ว ยังดูผอมมาก ๆ .
ความกว้างระหว่างไหล่ทั้งสองข้างนั้นกว้างไม่ถึงฝ่ามือด้วยซ้ำ ศีรษะดูตรงและแบน มีความกว้างแค่นิ้วเดียว กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ระยะห่างระหว่างหูซ้ายและหูขวานั้น มีความยาวแค่นิ้วเดียว ร่างกายเองก็ดูเรียบแบนเป็นอย่างมาก ราวกับว่าจะปลิวไปตามลม จากมุมที่จ้องซานมองลงไปนั้นศีรษะของคนในชุดดำนั้น ดูเหมือนกับหัวปลา ดวงตาที่แยกข้างกันคนละฝั่ง กำลังจ้องมองออกไปยังค่ายกลด้านหน้า.
ยังเป็นคนอีกรึ?
ดวงตาของจงซานที่เบิกกว้าง มีคนรูปร่างเช่นนี้ด้วยอย่างงั้นรึ?
หากว่าไม่เห็นว่ามีสองแขนสองขา จงซานคงไม่คิดว่าเป็นคนอย่างแน่นอน กับรูปร่างเช่นนี้?ดูเหมือนกับท่อนไม้ที่ตั้งตรงขึ้นมามากกว่า.
จงซานที่กลืนน้ำลายเข้าช้า ๆ นี่คือปิศาจอย่างงั้นรึ?แปลกมาก น่ากลัวมาก ร่างกายที่ซวนเซเหมือนกับคนอดหลับอดนอนมาหลายสิบคืน นี่จะยังนับว่าเป็นคนอยู่อีกรึ?
"นี่คงจะเป็นหนึ่งในวิชามาร?"หนี่ปู่ซ่าที่อดไม่ได้ที่ได้แต่ถอนหายใจออกมา.
วิชามาร?ด้วยการฝึกวิชาดังกล่าวทำให้มีรูปร่างออกมาเช่นนี้นะรึ?
ทว่าเทียนซวินจื่อเวลานี้กำหมัดแน่น ร่างกายราวกับสั่นสะท้าน ดวงตาจ้องเขม็งไปยังร่างของคนที่เหมือนปิศาจนั่น.
จงซานที่ถอนหายใจยาว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นรูปร่างของคนที่ไม่ต่างจากปิศาจ.
ทว่า ในเวลาเดียวกัน ร่างของปิศาจนั่นก็ขยับเล็กน้อย.
"วูซซ."
จงซานถึงกับต้องขยี้ตาไปมา ใบหน้าไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย ร่างของปิศาจนั้น ปรากฏอีกร่างแยกออกมามาจากด้านหลัง เป็นร่างที่เหมือนกับร่างแรก มีปิศาจสองตนอย่างงั้นรึ?
จงซานที่จ้องเขม็ง เพราะว่าจงซานพบว่าร่างที่สองมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับร่างแรกอย่างแน่นอน และยังสวมผ้าคลุมเหมือนกันอีกด้วย ท่าทางใบหน้าทุกอย่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน.
เป็นไปได้อย่างไร?จงซานที่ขยี้ตาไปมาอีกครั้ง ปรากฏร่างที่สาม ที่เหมือนกับร่างแรก จงซานแทบตั้งสติไม่ได้ ตกใจกับร่างปิศาจที่เพิ่มขึ้นมา.
ร่างกาจของพวกมัน ที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จากสองไปสาม เพิ่มเรื่อย ๆ จนมีปิศาจอยู่หลายร้อยตน ร่างหลายร้อยตนนั้นดูเหมือนกันมาก ๆ เป็นเรื่องที่ประหลาดมาก ๆ เกิดจากคน ๆ เดียวอย่างงั้นรึ?
"นี่มัน คนกลุ่มนี้ดูเหมือนกันขนาดนั้นเลยรึ?"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก.
"ไม่ ทั้งกลุ่มนี่ เป็นเพียงแค่คน ๆ เดียว."หนีปู่ซาที่ตอบคำถาม.
ภายในค่ายกลที่พวกเขายืนอยู่ ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกไปด้านนอกอย่างแน่นอน.
"คนเดียว?เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีแค่เพียงคนเดียว?"จงซานที่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ.
"คนเดียว ทว่านี่คือวิชามาร คนเหล่านั้นคือร่างจำแลง ของวิชาหมื่นเงาสวรรค์ เป็นวิชามารที่ผิดปรกติ."หนี่ปู่ซาที่แค่นเสียงอยางเย็นชา.
เทียนซวินจื่อที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ดวงตาของเขายังคงจ้องเขม็งไปยังด้านหน้า.
สายาตาของมารร้าย ที่จ้องมองอย่างเย็นชาไปยังค่ายกล ที่ด้านหลังที่มีอีก 99 ร่าง พร้อมใจกันพุ่งตรงเข้าไปในค่ายกลสำนักไท่ตาน.
จงซานที่จับจ้องมองออกไป ร่างแยก 99 ร่าง ที่พุ่งตรงเข้าไปในค่ายกลคุ้มสำนัก ร่างของพวกมันที่กลายเป็นซีดจาง จากนั้นดูเหมือนว่าจะกลายเป็นควันสีเขียวแล้วหายไปในพริบตา.
"ทะลวงค่ายกลอย่างงั้นรึ?"หนี่ปูซาอุทานออกมา.
เป็นร่างปิศาจที่แปลกประหลาดมาก หลังจากที่แยกร่างออกมา 99 ร่าง คาดไม่ถึงเลยว่า 99 ร่างนั่นจะสามารถทะลวงผ่านเข้าไปในค่ายกลได้ ง่ายดายมาก สามารถที่จะผ่านเข้าไป ราวกับว่าไม่มีค่ายกลอยู่.
"ใช่ เป็นมัน เป็นมันแน่นอน ในวันนั้นไม่มีร่องรอยการบุกรุกเข้ามาในสำนักไคหยางเลย เป็นมันแน่."ใบหน้าของเทียนซวินจื่อที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ร่างกายที่สั่นสะท้าน เส้นโลหิตที่ปูดบวมไปทั่วร่าง.
ได้ยินคำพูดของเทียนซวินจื่อที่กล่าวออกมา ทำให้ดวงตาของหนี่ปูซาเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนที่จะสะบัดมือ ปรากฏเป็นเงาเข็มทิศขึ้นมา แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจ้องมองไปยังร่างต้นที่อยู่นอกค่ายกล ดูเหมือนว่าเขากำลังจะลงมือแล้ว.
ฝ่ามือหนึ่งที่ยกขึ้นมาขวางหนี่ปูซาไว้.
หนีปู่ซาที่จ้องมองออกไปด้วยความโกรธ หันหน้าไปมองเทียนซวินจื่อที่ขวางทางเขาเอาไว้ แม้ว่าสายตาของเทียนซวินจื่อจะแดงซานเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง ทว่าเขาก็ยังห้ามหนีปู่ซาเอาไว้.
หนีปู่ซาที่ยังคงรอเทียนซวินจื่อ ทว่าเทียนซวินจื่อก็ยังไม่ลงมือ.
"ทำไม?"หนี่ปู่ซาแค่นเสียงออกมาด้วยความโกรธ.
"ช้าก่อน ข้าจะกำจัดพวกมันทั้งตระกูล."เทียนซวินจื่อที่ยังคงอดทนแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.
กำจัดพวกมันทั้งตระกูล?จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา เทียนซวินจื่อนับว่าเป็นคนที่แค้นลึกมาก.
หนีปู่ซาที่เดิมทีกำลังโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำพูดของเทียนซวินจื่อ เขาที่ต้องการลงมือทำลายแผนการของอสูรตนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นด้วยในทันที เทียนซวินจื่อที่รอคอยให้เจ้าปิศาจนี้เผยข้อมูลออกมาให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะล้างแค้นให้กับอู๋โหยวมากที่สุด.
เทียนซวินจื่อที่กักเก็บความโกรธเอาไว้ หนีปู่ซาเองก็เช่นกัน กำลังจ้องมองลงไป.
นับตั้งแต่เห็นเจ้าปิศาจนั่น จงซานก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างแยกทั้งหนึ่งร้อยนั่น ในเวลานี้ จงซานที่รู้สึกเข้าใจได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้อาจารย์ได้ทำการบันทึกข้อมูลด้วยหยก บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากที่ไกลออกมา เพื่อรอคอยตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามอย่างระเอียดนั่นเอง.
ร่างปิศาจที่จ้องมองไปยังค่ายกลอยู่ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วไปมา ดูเหมือนว่าร่างแยกปิศาจของพวกมันจะยึดครองพื้นที่ได้แล้ว ตอนนี้มันได้ส่งเสียงร้องเตือนออกมา.
ร่างปิศาจที่จ้องมองออกไป ยังทิศทางที่ไกลออกไปด้านหลังซึ่งปรากฏอสรพิษสีดำโผล่ออกมา.
ด้วยการสะบัดนิ้วออกไป อสรพิษสีดำที่อยู่ไกลออกไปนั้นก็ระเบิดออก ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในอาคมของมัน จากนั้นเจ้าปิศาจก็หันกับไปมองค่ายกลอีกครั้ง.
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ไกลออกไป บนท้องฟ้า ก็มีร่างสี่ร่างที่บินออกมาในทันที.
คนทั้งสี่สวมชุดสีดำ ดูเหมือนว่าเหล่าปิศาจร้ายจะให้ความเคารพกับคนเหล่านี้เป็นอย่างมาก.
"สำนักโหยวหยิง?"
ได้ยินคำพูดของเทียนซวินจื่อ ที่กล่าวออกมา สายตาของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเย็นชา ปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา.
ได้ยินคำพูดของเทียนซวินจื่อ จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา สำนักโหยวหยิง? ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในห้าสำนักเซียนขนาดใหญ่?
บนเกาะหมาป่าสวรรค์นี้มีสำนักซ่างเซียนขนาดใหญ่ห้าแห่ง กล่าวได้ว่ายกเว้นสำนักไท่ตานและสำนักโหยวหยิง และอีกสองสำนัก หนึ่งคือสำนักบุตรอกตัญญูจงซือจิวและอีกหนึ่งคือบุตรจงซานของเขา ซึ่งรวมกับไคหยางก็ครบห้าสำนักใหญ่พอดี.
เกี่ยวกับข้อมูลที่ได้จากหนานป้าเทียนนั้น สำนักโหยวหยิงนั้นเพิ่งปรากฏขึ้นมาเมื่อพันปีที่แล้ว หลังจากประมุขรุ่นแรกลงจากตำแหน่ง ประมุขคนที่สองก็เข้ารับตำแหน่งเพิ่งผ่านมาแค่รุ่นเดียว แม้ว่าสำนักโหยวหยิงจะมีประวัติไม่นาน ทว่าก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พันปี ก็กลายเป็นสำนักซ่างเซียนได้แล้ว นอกจากนี้ต้นกำเนิดยังน่าเหลือชื่อ พวกเขาที่ได้ยึดครองสำนักครรลองปิศาจมา.
เทียนซวินจื่อที่ค่อย ๆ หลับตาช้า ๆ ไม่มองไปยังเจ้าปิศาจ เขาที่สูดหายใจลึก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง.
หนีปู่ซาที่จ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ ตอนแรกที่ค่อนข้างโกรธเกรี้ยวตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว ก่อนที่ทั้งสองเวลานี้เริ่มโกรธเกรี้ยวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เป็นความขุ่นเคืองจนน่าหวาดกลัว.
"อาจารย์."จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อด้วยท่าทางกังวล.
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น เทียนซวินจื่อก็ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล ความโกรธก่อนหน้านี้หายไปด้วยเช่นกัน.
"ไม่จำเป็นต้องกังวล."เทียนซวินจื่อที่กล่าวปลอบจงซาน.
เห็นท่าทางของอาจารย์ที่ดูสงบเงียบ ภายในใจของจงซานไม่ได้ผ่อนคลายแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ พร้อมกับจ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อและกล่าวว่า."อาจารย์ ท่านวางแผนที่จะกำจักสำนักโหยวหยินด้วยอย่างงั้นรึ?"
ได้ยินคำพูดของจงซานแล้วดวงตาของเทียนซวินจื่อเปล่งประกาย ประกายแสงจิตสังหารที่ระเบิดออกมา ความโกรธเกรี้ยวที่ลุกโชน จนทำให้อากาศรอบ ๆ เย็นลงในทันที.
สายตาที่จงซานจับจ้อง ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงแต่อย่างใด.
เทียนซวินจื่อที่สูดหายใจลึก ก่อนที่จะกลับมาเป็นปรกติ พร้อมกับกล่าวต่อจงซานว่า"เอาล่ะ เจ้าคอยดูอยู่ที่นี่ ข้าจะกำจัดเจ้าปิศาจนั่น และข้าจะกำจัดคนทั้งสำนักโหยวหยินด้วย ที่จริงเจ้าปิศาจนั่นก็คือประมุขคนใหม่ของสำนักโหยวหยิง หยิงอู๋เซี่ย ..."
แม้ว่าเทียนซวินจื่อจะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าจงซานกลับสามารถมองเห็นได้ว่ามันแฝงไปด้วยความเศร้าที่ไม่มีสิ้นสุดอยู่ด้วย.
เห็นท่าทางของอาจารย์แล้ว จงซานรู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมาก เพราะว่าจงซานรับรู้ความรู้สึกนี้ดี ยิ่งสองปีมานี้เขาที่ต้องเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้รู้สึกเป็นกังวลกับการต่อสู้ของอาจารย์เป็นอย่างมาก.
"อาจารย์ เมื่อท่านเดินทางไปถล่มสำนักโหยวหยิง ขอให้อาจารย์นำศิษย์ไปด้วย."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
เทียนซวินจื่อที่จ้องมองไปยังจงซาน แม้จะตระหนักได้ถึงความปรารถนาดีของจงซาน ทว่าเขาก็ส่ายหน้าไปมา "พลังฝึกตนของเจ้าน้อยเกินไป.
"ไม่ อาจารย์ สามปีมานี้ ศิษย์ได้ก้าวไปถึงระดับเก้าเซียนเทียนแล้ว หากว่ามีอันตรายเกิดขึ้น ศิษย์สามารถอัญเชิญหมาป่าระดับแกนทองออกมาได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถต้านได้ ทว่าก็สามารถหนีได้."จงซานที่กล่าวอย่างมั่นคง.
เทียนซวินจื่อที่จ้องมองไปยังจงซาน แววตาของเขาที่ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจเช่นกัน.
"ได้ เมื่อถึงเวลาข้าจะนำเจ้าไปด้วย."เทียนซวินจื่อที่ถอนหายใจยาว.
"ครับ."จงซานที่พยักหน้าตอบรับ แม้ว่าจะรู้ดีว่าอันตราย ทว่าจงซานก็ได้เลือกแล้ว ถึงเขาจะมีประโยชน์ไม่มากนัก ทว่าเขาก็ต้องการทำเพื่ออาจารย์ เพื่อบิดาของเทียนหลิงเอ๋อ เทียนซวินจื่อ.