Chapter 141 ตำรายานิรันดร.(หมื่นเม็ดยาบรรพกาล)
ระดับพลังฝึกตน
เขตแดนมนุษย์
• -โหวเทียน
เขตแดนผู้ฝึกตน
• -เซียนเทียน
• -แกนทอง
• -ก่อตั้งวิญญาณ.
• -หลอมกายธาตุ
เป่าเอ๋อที่ก้าวออกมาจากประตูกระท่อม พร้อมกับสะบัดมือเก็บธวัชขนาดเล็กกลับคืน.
ที่ด้านนอกกระท่อมนั้นม่านแสงสีแดงก็ค่อย ๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว.
เป่าเอ๋อปาดน้ำตา ก่อนที่จะก้าวออกมา.
ใบน้าของสามอาวุโสที่เต็มไปด้วยความกังวลจดจ้องไปยังเป่าเอ๋อ.
"อาจารย์ให้พวกท่านเข้าไปด้านใน."เป่าเอ๋อที่กล่าวออกมาทันที.
เหล่าอาวุโสชราพยักหน้าให้ แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวดทีเดียว.
พวกเขาทันทีที่เข้ามา คนทั้งสามที่เข้าล้อมรอบอาจารย์ของเป่าเอ๋ออย่างรวดเร็ว.
"ท่านประมุข."คนทั้งสามเอ่ยออกมา.
"อาวุโสทั้งสาม ข้าคงจะต้องลาจากไปแล้ว."หญิงชราที่นอนบนเตียงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวล.
อาวุโสชราทั้งสามที่ขมวดคิ้วไปมา บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างชัดเจน.
"เฮ้ เฮ้ ที่ข้าขอให้พวกท่านมาพบในวันนี้ ข้าเพียงแต่ต้องการให้พวกเจ้ามาเป็นพยาน."หญิงชราบนเตียงกล่าวออกมา.
สามอาวุโสที่ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง แต่ละคนที่สูดหายใจยาว เกี่ยวกับคำพูดของท่านประมุข พวกเขาสามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความจริงจัง.
"เป่าเอ๋อ คุกเข่า."หญิงชรากล่าว.
"อาจารย์."น้ำตาของเป่าเอ๋อที่ไหลออกมา คุกเข่าลงด้านหน้าของหญิงชรา.
หญิงชราที่แสดงใบหน้าท่าทางจริงจัง จ้องมองไปยังเป่าเอ๋ออย่างอ่อนโยน มือของนางที่ยื่นออกไปประทับที่หน้าผากนาง กดนิ้วออกไปเบา ๆ ปรากฏเป็นรูปหนังสือสัมฤทธิ์ ตำราเล่มหนึ่งที่ส่องประกายแสงออกมาเรื่อ ๆ ออกไป ดูเหมือนว่าจะมีขนาดเท่ากับนิ้วโป้งมือ.
ทันทีที่ตำราสัมฤทธิ์ถูกส่งออกไป ผมของหญิงชราถึงกับเปลี่ยนเป็นสีขาว ร่างกายที่เหี่ยวย่นมากขึ้น จนดูน่ากลัว.
อาวุโสทั้งสาม ตอนนี้ต่างก็จ้องเขม็งไปยังประกายแสงรูปตำราสัมฤทธิ์ แววตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง.
หญิงชราที่จ้องมองไปยังเป่าเอ๋อกล่าวออกมาด้วยความยากลำบาก "สำนักไท่ตานนั้นมีสมบัติวิเศษล้ำค่าสองอย่าง หนึ่งคือเตาจักรวาลในตำนาน และอีกหนึ่งคือตำรายานิรันดรหมื่นเม็ดยาบรรพกาล ซึ่งเป็นของวิเศษโครงสร้างของสำนัก ทั้งเตาจักรวาลและตำรายาหมื่นเม็ดยาบรรพกาล ต่างก็เป็นสมบัติตกทอด ที่ส่งต่อให้กับประมุขสำนักไท่ตาน วันนี้เจ้าจะได้รับสืบทอดเป็นประมุขสำนักไท่ตานคนที่ 72 แทนข้า เชวียนเป่าเอ๋อ นับจากวันนี้เจ้าคือประมุขไท่ตานรุ่นที่ 72 นับจากนี้อาวุโสทั้งสามพวกเจ้าต้องช่วยเหลือสนับสนุนประมุขคนใหม่อย่างเต็มที่ หากศิษย์คนในไม่ช่วยเหลือและเกียจคร้านฝึกฝน พวกเจ้าสามารถที่จะขับไล่ออกจากสำนักได้ในทันที."
"รับทราบ."อาวุโสทั้งสามที่ตอบรับในทันที.
หลังจากที่มอบตำราหมื่นเม็ดยาบรรพกาลผ่านให้ที่หน้าผากของเป่าเอ๋อแล้ว หญิงชราก็ถอนมือกลับ.
"อาจารย์."เป่าเอ๋อจับมือของหญิงชราไว้แน่นพร้อมกับสะอึกสะอื้น.
ยิ่งเวลาผ่านไป ใบหน้าของหญิงชราก็ยิ่งเหี่ยวย่นมากขึ้น ใบหน้าที่ซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่แสดงอาการเจ็บป่วยใกล้ตายออกมามากขึ้น.
หญิงชราที่จ้องมองด้วยความเอ็นดูไปยังเป่าเอ๋อ ก่อนที่จะหันหน้าไปมองอาวุโสทั้งสามเอ่ยปากออกมาว่า "เหย้ายวี เหย้าเฉิน เหย้าลู่."
อาวุโสทั้งสามที่เพ่งพิศ เพราะว่าคาดไม่ถึงเลยว่าอดีตประมุขจะเรียกชื่อพวกเขา ทั้งที่ก่อนหน้าเคยเรียกแต่อาวุโส.
"ครับ/ค่ะ"อาวุโสทั้งสามที่ตอบรับในทันที.
"อาวุโสของข้า พวกเจ้าตอนนี้ก็คืออาวุโสของเป่าเอ๋อ เป่าเอ๋อมีคุณสมบัติเพียงพอ พวกเจ้าน่าจะรับรู้ได้ดี และนางก็เป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรับสิ่งตกทอดตำราหมื่นเม็ดยาบรรพกาลได้ เป่าเอ๋อเติบโตพอแล้ว เกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ควรได้รับ ตามธรรมเนียมจะเป็นประมุขจะเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด ข้ามีพลังฝึกตนแค่ระดับก่อตั้งวิญญาณ จึงไม่สามารถช่วยเพิ่มพลังฝึกตนของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าไม่สามารถก้าวไปถึงระดับหลอมกายธาตุได้สักที ทว่า เป่าเอ๋อนั้นแตกต่าง นางมีพรสวรรค์ที่มากยิ่งกว่าข้า นางจะต้องเหนือกว่าข้าได้อย่างแน่นอน ชะตะกรรมของพวกเจ้าไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่กับเป่าเอ๋อแล้ว."หญิงชราที่ดวงตาแทบปิดแล้วจ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสาม.
ได้ยินคำพูดของหญิงชราสามอาวุโสที่หันหน้าไปมองเป่าเอ๋อทันที ก่อนที่จะตอบรับอย่างจริงจัง."ครับ/ค่ะ"
"เป่าเอ๋อ."หญิงชราที่จ้องมองไปยังเป่าเอ๋ออีกครั้ง.
"อาจารย์."น้ำตาของเป่าเอ๋อที่ยังคงไหลออกมา.
มือขวาของหญิงชราที่ยื่นออกไปอย่างยากลำบากเช็ดน้ำตาให้กับเป่าเอ๋อ นางเผยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน "เป่าเอ๋อ เพื่อที่จะเป็นอาจารย์ของจ้า ข้าได้ใช้เม็ดยากักวิญญาณหนึ่งร้อยปีเพื่อเป็นอาจารย์ของเจ้า แม้ว่าร่างเนื้อจะไม่เจริญเติบโต ทว่าก็มีเม็ดยาเทวะที่หลงเหลือสะสมในร่างกาย หลังจากที่ข้าจากไปแล้ว นำร่างเนื้อของข้าไปชำระล้างด้วยหม้อเพลิงปรุงยาแปดหู เพื่อป้องกันอสูรเทวะเข้ามาสิงร่าง ก่อนที่จะนำเถ้ากระดูกของเข้าไปเก็บในสุสานบรรพชน."
จากนั้นมือของหญิงชราที่อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ก่อนที่มันจะไม่ขยับ ใบหน้าของหญิงชราที่มีแสงสีเงินอ่อน ๆ ปกคลุมไปทั่วใบหน้า.
"อาจารย์!"
เป่าเอ๋อที่ร้องครวญครางโหยหวน ทว่า อาจารย์ของนางในเวลานี้ไม่ฟื้นกลับมาแล้ว.
เป่าเอ๋อที่กอดร่างของหญิงชราร้องให้กว่าสองชั่วโมง ก่อนที่อาวุโสทั้งสามจะถอนหายใจออกมาช้า ๆ อาวุโสหญิงที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล "ท่านประมุข ประมุขชราได้จากไปแล้ว พวกเราควรจะทำตามคำสั่งเสียของท่าน ด้วยการเผาร่างของนางให้มอดไหม้สลายไปโดยเร็ว เพื่อไม่ให้อสูรสวรรค์เข้ามาสิ่งร่างของท่านได้."
เป่าเอ๋อที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทว่ายังคงสะอึกสะอื้นอยู่ หลังจากร้องไห้มาเป็นเวลานี้ ก่อนที่จะค่อย ๆ เบาเสียงลง พร้อมนำศพอาจารย์ออกจากกระท่อมแห่งนี้ไป นำร่างของอาจารย์ใส่เข้าไปในหม้อปรุงยาขนาดใหญ่อันหนึ่ง.
หลังจากติดเตาเผาอาจารย์ เป่าเอ๋อก็ยังคงมีน้ำตาไหลอออกมา แม้ว่าหลายสิบปีมานี้นางไม่เคยอนุญาตให้นางออกไปใหนเลย ทว่าเป่าเอ๋อก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก เป่าเอ๋อที่ได้รับการดูแลเหมือนกับมารดาดูแลบุตร ด้วยความอบอุ่นนั่น ทำให้ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้า.
นางที่คุกเขาอยู่ด้านหน้าเตาเผาขนาดใหญ่ พร้อมกับควบคุมเปลวเพลิงให้เผาไหม้ร่างของอาจารย์พร้อมกับอาวุโสทั้งสาม ตลอดจนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ภายในใจเต็มไปด้วยความเศร้า.
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์อาวุโสทั้งสามก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เป่าเอ๋อ.
"ท่านประมุข."อาวุโสทั้งสามเอ่ยออกมา.
เป่าเอ๋อที่ปาดน้ำตาจ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสาม รู้สึกเจ็บปวดเมื่อมองเห็นเตาผาด้านหน้า ก่อนที่จะเริ่มเก็บเถ้ากระดูกใส่ลงในโถอัฐิขนาดเล็ก นางที่จ้องมองโถกระดูก ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความทรงจำมากมายนับไม่ถ้วน.
"อาวุโสเหย้ายวี."เป่าเอ๋อที่กล่าวออกมากับอาวุโสคนหนึ่ง.
"ท่านประมุข."อาวุโสคนดังกล่าวก้าวออกมาในทันที.
"เตาเผานี้ใช้เผ่าร่างอาจารย์ข้า ไม่ควรที่จะนำมาใช้งานอีกต่อไป ทำลายมันซะ."เป่าเอ๋อที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
กับคำพูดที่เป่าเอ๋อกล่าวออกมานั้นทำให้สามอาวุโสหัวใจบีบรัดเลยทีเดียว เตาเผ่าปรุงยาแปดหูนั้น เป็นเตาปรุงยาระดับห้าเลยทีเดียว กับสมบัติที่ล้ำค่า ประมุขคนใหม่กับสั่งให้ทำลายมันอย่างงั้นรึ? นอกจากนี้เหตุผล ที่ต้องทำลายมันเพราะว่าใช้เผาร่างของประมุขคนก่อนเท่านั้น?
อย่างไรก็ดี ด้วยจิตใจที่แน่วแน่อาวุโสทั้งสามก็เห็นด้วย การกระทำของประมุขคนใหม่นั้น แม้ว่านางจะเป็นคนที่อ่อนโยน ดูสดใสนุ่มนวล ทว่าหากต่อหน้าศัตรูของนางแล้ว ก็ไม่มีปราณีเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับประมุขชรา ถึงแม้ว่าจะเป็นสตรี ก็พร้อมที่จะต่อต้านสำนักขนาดใหญ่.
"ทราบแล้ว."อาวุโสเหย้ายวีที่ตอบรับในทันที.
"ท่านประมุข พวกเรามีแผนการอย่างไรในเวลานี้?"อาวุโสอีกคนที่กล่าวออกมาในทันที.
"เตรียมตัวให้พร้อม บ่ายนี้พวกเราจะออกจากทวีปศักดิ์สิทธิ์ เดินทางไปยังเกาะหมาป่าสวรรค์ กลับสำนัก นำอัฐิอาจารย์กลับสุสานบรรพชน "เป่าเอ๋อกล่าว.
"รับทราบ."อาวุโสทั้งสามที่รับคำสั่งในทันที.
เป่าเอ๋อถือโถอัฐิอยู่ในมือก่อนที่จะเดินกลับเข้ากระท่อม เตรียมจัดเก็บสิ่งของ นางที่จ้องมองไปยังโถอัฐิ หัวใจก็สั่นไหว ก่อนที่จะเก็บเข้าไปในกำไลเก็บของ มีสิ่งของมากมายที่อาจารย์ได้ทิ้งเอาไว้ให้ นางที่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า มียาเม็ดมากมายที่อาจารย์ของนางทิ้งเอาไว้.
นางที่สำรวจสิ่งของอื่น ๆ ช้า ๆ ในกำไลเก็บของ ก่อนที่จะมองเห็นช่อดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งไปนานแล้ว บนใบหน้าของนางก็เผยยิ้มบาง ๆ ที่หายากออกมา.
นางที่นำมันออกมา จ้องมองดอกไม้แห้ง จ้องมองอยู่นานแสนนาน คิดอะไรมากมายอยู่ในใจ"เหล่าเยว่ เป่าเอ๋อกำลังจะกลับไปแล้ว ท่านคงจะมีอายุ 87 ปีแล้ว จะยังรอเป่าเอ๋ออยู่หรือไม่ เป่าเอ๋อกำลังกลับไป ท่านต้องมีชีวิตอยู่ ต้องมี ต้องอยู่..."
...
บนยอดเขาทางทิศเหนือของเมืองเสวียน ราชวงศ์ต้าเจิ้ง ในเวลานี้ชายในชุดดำคนหนึ่งสวมหมวกไม้ไผ่จ้องมองไปยังเมืองหลวงของเมืองเสวียน.
บนยอดเขาแห่งนี้ ชายในชุดดำที่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ .
"ฟู่อี้ ซือจิวกำลังจะไปทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว บุตรอกตัญญูผู้นี้คงต้องไปแล้ว ราชวงศ์ต้าเจิ้ง ฮึ ฮึ ราชวงศ์ต้าเจิ้ง."ชายในชุดดำที่บนพึมพำ ใบหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความอับอาย มีอารมณ์ที่มืดมน.
ขณะที่ชายในชุดดำกำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น ที่ขอบฟ้าก็มีคนที่อยู่บนกระบี่เหินปรากฏตัวขึ้นมา.เป็นชายชราผมขาว.
"ไปได้แล้ว."ชายชรากล่าว.
"ครับ อาจารย์"ชายในชุดดำพยักหน้า ก่อนที่จะก้าวขึ้นกระบี่เหิน.
ชายชรา ที่ควบคุมกระบี่เหินนำชายชุดดำตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว.
.....
เกาะหมาป่าสวรรค์ บนจุดสิ้นสุดของแนวเขา มียอดเขาสูงลูกหนึ่ง.
บนยอดเขานั้น ในเวลานี้มีคนสามคน จงซาน เทียนซวินจื่อและหนี่ปูซา.
คนทั้งสามที่ยืนอยู่บนศิลายักษ์ก้อนหนึ่ง บนศิลายักษ์นั้นถูกสลักด้วยอักขระสีทองและสีดำมากมาย มีอักษรรูนที่แปลกประหลาด ที่ส่องประกายแสงวับวาว และบางตัวก็เริ่มหมองลงและเริ่มจางหายไปทีละตัว ๆ .
"อาวุโส ท่านลบอักษรรูนเหล่านี้ออกไป พวกเขาจะมองไม่เห็นพวกเราอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกไปด้วยความสงสัย.
"ที่พวกเราอยู่ คือเส้นโลหิตมังกร เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นโลหิตมังกร ทว่าสำหรับเจ้า มีกลิ่นอายจักรพรรดิมนุษย์ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกลิ่นอายมังกรได้ ทำให้ข้าสามารถนำกลิ่นอายมังกรนั่นมาใช้และด้วยการใช้กลิ่นอายมังกรนั่นแทนสัญลักษณ์ จึงทำให้สามารถแทรกเข้ามาภายในค่ายกลได้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากกลิ่นอายมังกรสามารถผสานเข้ากับสรรพสิ่ง คนภายนอกนั้นไม่สามารถมองเห็นสัญลักษณ์ภายในได้ และไม่สามารถสัมผัสได้ด้วย."หนี่ปูซากล่าว.
"ไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายได้อย่างงั้นรึ?"เทียนซวินจื่อที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
"เจ้าไม่เชื่อก็ลองดู."หนี่ปู่ซากล่าวออกมา.
เทียนซวินจื่อที่บินออกไปด้านนอก ก่อนที่จะจ้องมองไปยังตำแหน่งของจงซาน จ้องมองออกไปด้วยท่าทางสนใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะนำหยกบันทึกภาพ จากนั้นก็บินกลับไปยังตำแหน่งเดิม.
"อาจารย์ มองไม่เห็นจริง ๆ รึ?"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.
หนี่ปู่ซาที่ส่ายหน้าเย้ยหยัน เขาแสดงความมั่นใจเป็นอย่างมาก เทียนซวินจื่อที่นำหยกบันทึกส่งให้กับจงซาน.
"หยกบันทึก ข้าได้บันทึกเหตุการณ์ที่ด้านนอกเอาไว้ เจ้าลองดู."เทียนซวินจื่อกล่าว.
"ครับ."จงซานที่รับมา หยกบันทึก นับว่าเป็นวัตถุที่ใช้บันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ในตำราหายาก.
จงซานที่ใช้แกนแท่แผ่ลงไป จ้องมองไปยังภาพที่เทียนซวินจื่อที่ได้บันทึกเอาไว้ บนยอดเขาแห่งนี้ ไม่สามารถมองเห็นภาพของใครได้เลย.
ในเวลานี้ จงซานเชื่อแล้วว่า ผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ย?เป็นวิชาที่ลึกล้ำจริง ๆ .
"เอาล่ะ ตอนนี้แค่รอเจ้าปิศาจนั่นมาเยือนสำนักไท่ตาน."หนี่ปู่ซาที่กล่าวออกมาในทันที.
"อืม."ทุกคนที่พยักหน้ารับ ก่อนที่จะนั่งรอคอย เฝ้ามองจากตำแหน่งดังกล่าวซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก.