Chapter 140 ร่องรอยของเป่าเอ๋อ.
ทั้งคู่ที่ยกแก้วสุราหมื่นเกสรเก้าจิตวิญญาณ พร้อมกับชนแก้วเบา ๆ ก่อนที่จะดื่มมันลงไป จงซานที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แผ่ซานไปทั่วร่าง.
จงซานนั่งสมาธิในทันที ดวงตาปิดแน่นควบคุมลมหายใจบำเพ็ญพลัง พร้อมกับโคจรพลังเพื่อทะลวงจุดชีพจรอย่างรวดเร็ว.
"ปัง" "ปัง."
หลังจากเริ่มโคจรพลัง ก็สามารถทะลวงจุดชีพจรได้ถึงสองจุด จงซานที่ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ จ้องมองไปยังหนานป้าเทียนด้วยท่าทางประหลาดใจ นี่คือสุราหมื่นเกสรเก้าจิตวิญญาณอย่างงั้นรึ?ร้ายกาจมาก?
"เป็นอย่างไรบ้าง?"หนานป้าเทียนเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.
"ร้ายกาจมาก."จงซานที่พยักหน้าให้.
"เป็นเครื่องดื่มที่ร้ายกาจ ข้าได้มาแค่ไหเดียว."หนานป้าเทียนที่เผยยิ้มออกมา.
หนานป้าเทียนที่รินสุราให้กับเขาอีก ก่อนที่ทั้งคู่จะชนแก้วกันอีกครั้ง ทว่าผลของมันในครั้งหลังนี้ดูเหมือนจะอ่อนลงไป ทว่าก็ช่วยเพิ่มแกนแท้เป็นอย่างมาก สุรานี้ช่วยบำรุงพลังวิญญาณไม่น้อยเลย.
"ป่าเทียน เจ้ารู้จักสำนักไท่ตานหรือไม่?"จงซานที่สอบถามหนานป้าเทียน.
"สำนักไท่ตาน ในเกาะหมาป่าสวรรค์ไม่มีใครไม่รู้จักสำนักใหญ่ทั้งห้า เจ้าไม่รู้อย่างงั้นรึ?"หนานป้าเทียนกล่าวออกมาในทันที.
"อย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังหนานป้าเทียน.
"สำนักไท่ตานนั้น นับว่าเป็นนิกายใหญ่หนึ่งในห้าที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในห้าสำนักที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ที่สุดเช่นเดียวกัน."หนานป้าเทียนกล่าว.
"ทำไม?"จงซานที่สอบถามออกไปด้วยความสงสัย.
"เพราะว่าสำนักไท่ตานนั้นเป็นสำนักที่เชี่ยวชาญในการปรุงยา พวกเขานับว่าเป็นสำนักที่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้มากที่สุด ถึงสำนักพวกเราจะมีคนปรุงยาได้บ้าง ทว่าด้วยวิชาปรุงยาแล้วยังด้อยกว่าสำนักไทตานไม่น้อย ถึงแม้ว่าพลังฝึกตนของพวกเขาจะมีจำกัด อายุขัยไม่ได้มากมายนัก แต่พวกเขาก็เป็นหนึ่งในสำนักที่เชี่ยวชาญเฉพาะ มีการทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องเม็ดยาโดยเฉพาะ โดยทำการแลกเปลี่ยนกับศิลาวิญญาณ."หนานป้าเทียนกล่าว.
"แล้วทำไมถึงไม่สามารถล่วงเกินได้ล่ะ?"จงซานพยักหน้า.
"คนของสำนักไท่ตานนั้น เกือบทุกคนเชี่ยวชาญในการปรุงยา พวกเขาทุกคนสามารถปรุงยาได้ทั้งหมด แน่นอนว่ามีคนมากมายที่ต้องการผลผลิตที่พวกเขาปรุงขึ้นมาได้ สำนักไท่ตานถึงแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ด้วยการสกัดกลั่นยาเป็นหลัก ทำให้พวกเขามีพันธมิตรมากมาย ทำให้ด้วยเหตุหนี้ จึงเป็นสำนักที่ไม่สามารถที่จะล่วงเกินได้นั่นเอง."หนานป้าเทียนกล่าวตอบ.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
"จงซาน เรื่องของหลิงเอ๋อ ข้าเองก็ได้ยินมา ไม่ว่าอย่างไร ข้าและหลิงเอ๋อก็เติบโตมาพร้อม ๆ กัน หลิงเอ๋อเลือกเจ้า ข้าก็รู้สึกวางใจ."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"ขอบคุณ."จงซานที่พยักหน้าให้พร้อมกับมองไปที่หนานป้าเทียน.
"อืม แม้ว่าหลิงเอ๋อจะเรียกข้าว่า เสี่ยวหนานจื่อ ทว่าข้ากับนางก็เหมือนกับพี่น้องกัน หลิงเอ๋อเลือกเจ้า ข้ารู้สึกดีกว่าที่นางเลือกศิษย์พี่ใหญ่."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"ศิษย์พี่ใหญ่อย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ถูกแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่นั้นถึงแม้ว่าจะดูน่าดึงดูดอย่างที่สุด เป็นคนที่มีพรสวรรค์หายาก ทว่าข้ารู้เขาเป็นคนที่ทระนงตัวสูงมาก หากว่านางเลือกเขา หลิงเอ๋อจะต้องเสียใจเป็นแน่ เป็นเรื่องที่ดีแล้วที่นางไม่ได้เลือกเขาในที่สุด."หนานป้าเทียนที่กล่าวพร้อมกับยกสุราขึ้นดื่ม.
จงซานที่จ้องมองไปยังหนานป้าเทียน พร้อมกับพยักหน้าให้ เทียนชานั้นภายนอกนับว่าดูสมบูรณ์แบบ หล่อเหล่า มีพรสวรรค์ที่หายากมาก ๆ แต่เขาก็หยิ่งผยองเกินไป พร้อมที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นได้ทุกเมื่อ.
"จงซานก่อนหน้าเจ้าช่วยข้าให้สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน จนทำให้ข้าสามารถเลื่อนระดับได้ ข้าต้องขอขอบคุณ จากนี้หนึ่งปี ข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝน ทุก ๆ สามวันที่สนามประลอง ข้าจะช่วยเจ้าฝึกกระตุ้นพลังของเจ้าให้."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาในทันที.
ได้ยินคำพูดของหนานป้าเทียน ทำให้จงซานชำเลืองมองออกไปด้วยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ ความซาบซึ้งของบุรุษไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจา ก็สามารถรับรู้ได้ด้วยใจ.
หลังจากวันนั้นมา จงซานที่ฝึกฝนบำเพ็ญพลัง เพื่อทะลวงชีพจรอย่างขะมักเขม้น พร้อมกับใช้วิชากายาเทพอสูรอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นในการเปิดจุดชีพจร และทุก ๆ สามวันจงซานก็เข้าต่อสู้จริงกับหนานป้าเทียน เป็นประจำ ทำให้พลังฝึกตนของจงซานก้าวหน้ามากกว่าเมื่อก่อน.
ในเวลาเดียวกัน อาณาจักรต้าเจิ้งหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากเผ่าหมาป่า กับชื่อเสียงและพลังของพวกเขาทำให้ประชาชนทั่วไปให้กับสนับสนุนเป็นอย่างมาก และกองกำลังหมาป่าเองก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นและก็มากขึ้น ทว่าพลังฝึกตนของนักรบกองกำลังหมาป่าเองยังไม่สูงมากนัก.
ราชวงศ์ต้าเจิ้งเวลานี้ หยิงหลาน จงเจิ้งและหลินเซียวได้ก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนแล้ว จงซานที่ทำการเลือกเคล็ดวิชาบำเพ็ญจากหอตำราสำนักไคหยาง เพื่อเพิ่มพลังฝึกตนของพวกเขา ทำให้พลังฝึกตนของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.
ทุกคนต่างก็รับรู้เป้าหมายของจงซานดี รู้ว่าเป้าหมายของเหนือหัวจะต้องก้าวเข้าไปในทวีปศักดิ์สิทธิ์ เป็นการบุกเบิกดินแดน เปิดโลกใบใหม่เพื่อสร้างราชวงศ์สวรรค์ขึ้นมา.
ร่างหลังของจงซานที่ได้อาศัยอยู่ในสำนักไคหยางรวมเป็นเวลาเกือบสามปีเต็มแล้ว ความแข็งแกร่งของอาณาจักรต้าเจิ้งเองก็ก้าวหน้าไปด้านหน้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาที่ทำการเปิดสงคราม กับสามรัฐที่เหลือที่ร่วมมือกัน ทว่าด้วยความแข็งแกร่งนักรบหมาป่าที่ทรงพลัง ฝ่ายตรงข้ามที่มีเพียงนักรบอาชาทั่วไป จึงไร้ซึ่งพลังต้านทาน พันธมิตรของรัฐทั้งสามก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด.
ด้วยการใช้เวลาเพียงแค่สามปีเท่านั้น รัฐทั้งสาม ก็พ่ายแพ้ ตระกูลราชวงศ์ยอมแพ้ ยอมตกอยู่ในอำนาจของต้าเจิ้ง.
ความแข็งแกร่งของอาณาจักรต้าเจิ้งนั้น พวกเขายากที่จะต้านทาน ถูกกำราบลงอย่างรวดเร็ว.
ตำหนักเฉิงซ่าง.
"องค์เหนือหัว หกรัฐรวมเป็นหนึ่ง ประชาชนทั่วไปต่างก็ให้การยอมรับ."หยิงหลานที่กล่าวอกมาด้วยความตื่นเต้นจ้องมองไปยังจงซานที่นั่งอยู่บนบัลลัง.
เหล่าข้าราชบริพารในท้องพระโรงต่างก็สรรเสริญออกมาเช่นเดียวกัน.
"ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่น ๆ ปี."
จงซานที่สามารถรวมหนึ่งเดียวของดินแดนแห่งนี้ได้ ก้าวแรกถือว่าประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะช้าอยู่ก็ตาม.
"จงเอ๋อ."จงซานที่กล่าวออกมาทันที.
"บุตรอยู่นี่แล้ว."จงเจิ้งที่ตอบรับในทันที.
"การก่อสร้างศิลามังกรเก้าร้อยจั้งเป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานที่เอ่ยปากสอบถาม.
"เรียนฟู่หวง การก่อสร้างแล้วเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งหนึ่งนั้นราว ๆ หนึ่งเดือนก็จะเสร็จสิ้น."จงเจิ้งตอบ.
"อืม เมื่อใดที่ศิลามังกรแล้วเสร็จ สองเดือนหลังจากนั้น ให้รวบรวมคนงานแบ่งออกเป็นสองส่วน บุกเบิกเจาะหิน สร้างเส้นทางขนาดใหญ่ให้สามารถเปิดเส้นทางไปยังดินแดนทั้งสองให้ได้."จงซานที่สั่งการ.
"รับด้วยเกล้า."จงเจิ้งที่ตอบหลับในทันที.
"หลินเซียว."จงซานที่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง.
"เหนือหัว."หลินเซียวที่ตอบรับในทันที.
"เจ้าฝึกฝนกองกำลังให้หนัก หนึ่งปีหลังจากนี้ เจ้าจะต้องนำกองกำลังที่หนึ่ง บุกดินแดนตะวันออกของภาคใต้ซึ่งมีดินแดนอยู่ด้วยกันเจ็ดรัฐ"จงซานที่กล่าวออกมาอย่างขึงขัง.
"รับบัญชาฝ่าบาท."หลินเซียวที่ตอบรับในทันทีเช่นกัน.
"หยิงหลาน."จงซานที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
"เหนือหัว."หยิงหลานที่ตอบรับในทันที.
"ฝึกฝนกองกำลังเจ้าให้ดี หนึ่งปีหลังจากนี้ เจ้าจะต้องนำกองกำลังที่สองของต้าเจิ้ง เข้ายึดครองดินแดนตะวันตกของภาคใต้ รวบรวมรัฐทั้งห้า."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
"รับด้วยเกล้า."หยิงหลานที่ตอบรับด้วยความดีใจ.
...
จงซานที่ทำการออกคำสั่งออกไปนับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ดูราบรื่นเป็นอย่างมาก ทำให้ราชวงศ์ต้าเจิ้งน่าเกรงขามขึ้นทุกวัน พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ .
ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ด้านหน้าของจงซานนั้น มีตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ที่ส่องประกายแสงอร่ามแวววับ ไม่เพียงแต่มันเชื่อมต่อกับจงซานอย่างลึกล้ำ มันยังเก็บรวบรวมวาสนาของอาณาจักรต้าเจิ้งอย่างรวดเร็ว วาสนาฟ้าดิน เพิ่มเกียรติยศชื่อเสียง.
......
มีที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่ง ข้ามผ่านไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหมาป่าสวรรค์ เหนือขึ้นไปบนทวีปศักดิ์สิทธิ์ ลึกเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่ง.
หุบเขาแห่งนี้มีลมพัดผ่าน และยังมีน้ำพุขนาดใหญ่ ดูเหมือนกับหม้อปรุงยาขนาดสิบจั้ง และมีกระท่อมมุงจากขนาดเล็กอยู่ด้านใน.
กระท่อมแห่งนี้มีประกายแสงสีแดงโอบอุ้ม ดูเหมือนว่าเป็นค่ายกลขนาดเล็กที่ตัดด้านในและด้านนอกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง.
ที่ด้านนอกนั้นมีกลุ่มชายชราสามคน สองบุรุษหนึ่งสตรี ผมที่ค่อนข้างขาวโพลน ใบหน้าที่เหี่ยวย่น กลุ่มคนชราที่จ้องมองเข้าไปด้านในกระท่อม พร้อมกับขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับทอดถอนใจ สายตาของพวกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเป็นกังวล.
ภายในกระท่อม บนเตียงในเวลานี้ มีหญิงชราคนหนึ่ง เป็นหญิงชราที่มีใบหน้าซีดเซียวผอมแห้ง จ้องมองออกมา หายใจแฮก ๆ ซึ่งที่ขอบเตียงมีหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังคุกเขาอยู่.
หญิงสาวที่งดงามคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหญิงชรา เส้นผมที่ม้วนเข้าหากัน รวบเข้าเป็นมวยผมพร้อมกับปักปิ่นปักผมไว้ แม้ว่าจะสวมชุดธรรมดา แต่ก็ยากที่จะปิดบังความงามของนางเอาไว้ได้ ดวงตาของนางนั้นดูสดใส แม้ว่าจะมีแววตาเศร้าจะแฝงเอาไว้อยู่ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเศร้าไปด้วย.
"อาจารย์."หญิงสาว ที่จ้องมองด้วยความเป็นกังวลจับจ้องมองไปยังหญิงชรา.
"เป่าเอ๋อ หลายปีมานี้ข้าไม่เคยให้เจ้าออกไปใหน เจ้าคงคิดว่ามีอาจารย์ที่แปลกประหลาด."หญิงชราที่กล่าวออกมาด้วยความลำบาก.
"ศิษย์ไม่กล้า."เป่าเอ๋อที่ส่ายหน้าไปมาในทันที.
"เจ้าไม่จำเป็นต้องหลอกข้า หลายปีมานี้ เจ้ายังรวบผมพร้อมกับปักปิ่นปักผมอันเดิม ตลอดเวลาในฝันเจ้าละเมอคำว่า"เหล่าเย"ในทุก ๆ วัน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยลืมเขา หลังจากนี้ไปอาจารย์ไม่สามารถควบคุมเจ้าได้อีกแล้ว."หญิงชราที่พูดออกมาด้วยความยากลำบาก.
老爷 (lǎo yé)เจ้านาย นาย คุณตา
"อาจารย์ ท่านต้องหายดี อย่าได้กล่าวอะไรเลย สำนักของพวกเรามี "เตาเผาจักรวาล. หากว่าพวกเราสามารถปรุงยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์ได้ล่ะก็ อาจารย์จะต้องก้าวขึ้นไปสู่อาณาจักรหลอมกายธาตุ.ตราบเท่าที่ปรุงมันขึ้นมาได้ อาจารย์จะต้องทะลวงผ่านระดับได้แน่นอน เมื่อนั้นอายุขัยของอาจารย์ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 800 ปี."เป่าเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.
"เด็กโง่ เจ้าไม่รู้หรือไงว่าอาจารย์ควรจะตายไปเมื่อร้อยปีที่แล้ว ด้วยการใช้ เม็ดยาผนึกวิญญาณ ทำให้ยับยั้งการตายเอาไว้ได้ การอยู่มาถึงตอนนี้ก็ถือว่าปาฏิหาริย์ แล้วเม็ดยาเทวะต้นกำเนิดสวรรค์จะมีประโยชน์อะไร? ร้อยปี ร้อยปีที่ข้าคงอยู่ ข้าได้ทำงานลุล่วงแล้ว เจ้าได้รับสืบทอดทุกอย่างของข้าไป ข้าตายตาหลับแล้ว."หญิงชราที่กล่าวออกมาอย่างขึงขัง.
"อาจารย์."ดวงตาของเป่าเอ๋อที่เต็มไปด้วยน้ำตา.
หญิงชราที่ยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาให้กับเป่าเอ๋อ.
"ที่ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์นั้น เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าเป็นหญิงสาวที่หาได้ยาก หนึ่งในร่างสถิตทั้งเก้า เจ้ามีร่างสถิตกายกลาง ทำให้เจ้าสามารถรับสิ่งตกทอดจากข้าได้ ยกเว้นข้าแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้."หญิงชราที่กล่าวออกมาต่อหญิงสาว.
"ฮือ ๆ ๆ ."เป่าเอ๋อที่ครวญครางน้ำตาไหลริน.
"ด้านนอกมีอาวุโสสามคน พลังฝึกตนของพวกเขาล้วนแล้วแต่ใกล้บรรลุไปยังระดับหลอมกายธาตุ เจ้าควรจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ข้าจะทำการส่งตำแหน่งประมุขให้กับเจ้า."หญิงชราที่จ้องมองไปยังเป่าเอ๋อด้วยความรัก.
"ค่ะ."เป่าเอ๋อที่เช็ดน้ำตา.
"ยื่นกำไลเก็บของเจ้ามา ข้าจะมอบสิ่งของ ๆ ข้า ส่งต่อให้เจ้าทั้งหมด."หญิงชรากล่าว.
"อาจารย์."น้ำตาของเป่าเอ๋อที่ไหลย้อนออกมา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้า.
"เร็วเข้า."หญิงชรากล่าวออกมาอีกครั้ง.
"ค่ะ."เป่าเอ๋อที่ยืนแขนที่เรียวขาวของนางออกไป.
หญิงชราที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะนำกำไลเก็บของนาง แตะส่งผ่านสิ่งของทุกอย่างเข้าไปในกำไลเก็บของของเป่าเอ๋อ.
หญิงชราจ้องมองเป่าเอ๋อด้วยความพอใจ เผยยิ้มอย่างอ่อนโยน "ประมุขสำนักไท่ตาน ข้ามอบให้เจ้า สิ่งของเหล่านี้มีเพียงประมุขที่รับรู้ เจ้าจะต้องฟื้นฟูความรุ่งโรจของสำนัก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ข้าไม่ต้องการอะไร ขอแค่เพียงสำนักไท่ตานรุ่งโรจน์ก็เพียงพอ."
"อาจารย์ ท่านอย่าเพิ่งจากไป."เป่าเอ๋อที่กุมแขนของนางเอาไว้ น้ำตาที่ไหลอาบเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์.
"หึหึ เด็กไง่ ถึงเจ้าไม่อยากให้อาจารย์จากไป แต่ก็ไม่สามารถที่จะห้ามลิขิตสวรรค์ได้ เจ้าไปเรียกอาวุโสทั้งสามเข้ามา ข้าต้องการที่จะฝากฝั่งเจ้าอีกครั้ง."หญิงชราที่ลูบไปมาที่ศีรษะของเป่าเอ๋อขณะพูด.
"ค่ะ."น้ำตาของเป่าเอ๋อที่ไหลไม่หยุด นางที่สูดหายใจเข้าอย่างแรงเพื่อตอบรับคำหญิงชรา.