Chapter 134 พลิกผืนปฐพี.
ร่างหลักของจงซานตอนนี้กำลังเดินทางกลับต้าเจิ้งอย่างรวดเร็ว ส่วนร่างแยกเงาตอนนี้นั่งอยู่ในตำหนักเฉิงซ่าง ซึ่งมีการประชุมด่วนขึ้นมา.
ที่ด้านนอกปราสาทมีคนมากมายล้อมกรอบอยู่เต็มไปหมด ยกเว้นเหนือหัว ไม่มีใครกล้าเข้าไป.
ใบหน้าของจงซานนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาที่ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังสถานที่ เรียกว่า ตำหนักหมาป่า ที่ด้านหลังเขามีหลินเซียนและเหว่ยไท่จง หยิงหลานและจงเจิ้ง.
คนทั้งสี่เวลานี้เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย จ้องมองไปยังจ้องซานด้วยความสงสัย ทว่าก็ไม่มีใครที่กล้าสอบถาม ได้แต่ขมวดคิ้วไปมา สายตาของพวกเขารู้สึกอักอ่วน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฝ่าบาทถึงได้โกรธเกรี้ยวขนาดนี้กัน?
เหล่าองค์รักษ์ที่ยืนอยู่รอบ ๆ วิหารหมาป่า ต่างก็ประจำการอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าขวาง ในพระราชวัง ไม่ น่าจะบอกว่าทั้งราชวงศ์ต้าเจิ้งเวลานี้ ไม่มีใครห้ามอะไรจงซานได้.
วิหารหมาป่าที่ปิดประตูแน่น จนไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นมีใครอาศัยอยู่.
"ไท่จง ให้ทุกคนถอยออกไปให้หมด.
"รับด้วยเกล้า."เหว่ยไท่จงที่โค้งรับคำสั่งทันที จากนั้นก็สั่งการอย่างรวดเร็ว ให้เหล่าองค์รักษ์ออกไปจากลานกว้าง.
เมื่อเหล่าองค์รักษ์จากไปทั้งหมด เหว่ยไท่จงก็กลับมายืนอยู่ด้านหลัง จ้องมองไปยังจงซาน.
เขาที่ถอนหายใจยาว จงซานที่กำลังโกรธและเต็มไปด้วยความหดหู่ ก่อนที่เขาจะใช้มือผลักประตูวิหาร.
"ครืน ๆ ๆ ๆ "ประตูใหญ่เปิดออกช้า ๆ แสงตะวันที่สาดส่องเข้าไป.
คนทั้งสี่ที่จ้องมองเข้าไปด้วยความสงสัย ที่ด้านในนั้น เต็มไปด้วยศิลาวิญาณมากมาย ถูกจัดเรียงกันเป็นค่ายกลเหมือนกับใยแมงมุมหมุนวนล้อมรอบ ที่ด้านในตรงกลางนั้นมีชายกำยำในชุดสีเขียว ชายคนดังกล่าวนั้นดูไม่ต่างจากบุรุษทั่ว ๆ ไป ทว่าที่ใบหูของเขานั้นมีขนสีเขียวโผล่ขึ้นมานั่นเอง.
ทว่าเมื่อมองไปยังคนดังกล่าว คนทั้งสี่ที่อยู่หลังจงซานหัวใจบีบรัดเลยทีเดียว นี่มันอะไรกัน?ชายผู้นี้?เป็นอสูรอย่างงั้นรึ?
ที่ด้านในนั้น มีผู้พิทักษ์ของราชวงศ์ต้าเจิ้ง ชิงอวิ๋นหลางเจียงนั่นเอง.
เมื่อจงซานเปิดประตูเข้ามา ชิงอวิ๋นหลางเจียงก็ลืมตาขึ้นมาในทันที.
เขาที่ขมวดคิ้วและยืนขึ้น แสดงท่าทางประหลาดใจเมื่อเห็นจงซาน.
"เจ้าต้องการที่สร้างกองกำลังหมาป่าแล้วอย่างงั้นรึ?"ชิงอวิ๋นหลางเจียงกล่าว.
"ชิงอวิ๋น ข้ามีเรื่อง อยากขอให้ท่านช่วย."จงซานที่เอ่ยออกมาทันที.
"โอ้ว?"ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่จ้องมองไปยังจงซาน.
"ท่านช่วยใช้ทัพหมาป่า ค้นหาเหล่ยติงให้ข้า เขาคือคนที่ทำร้ายเซียนเซียนก่อนหน้านี้นั่นเอง."จงซานที่กำหมัดแน่นกล่าวออกมา.
"ค้นหาเขา?สังหารเขารึ?"ชิงอวิ๋นหรี่ตาจ้องมองจงซาน.
"ใช่แล้ว ข้าต้องการฉีกมันออกเป็นชิ้น ๆ ."จงซานที่ไม่ได้ปิดบังอะไร.
เห็นท่าทางจงซาน ชิงอวิ๋นหลางเจียงกล่าวอีกต่อไปว่า"จื่อจุ้นได้กล่าวมาแล้วว่า เรื่องที่ผ่านมาจะไม่สืบสาวอีก ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้.
ได้ยินชิงอวิ๋นหลางเจียงกล่าว คนทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังจงซานเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ทุกคนต่างก็จ้องเขม็งไปยังชิงอวิ๋นหลางเจียง ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา.
"ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือ ข้าต้องการตำแหน่งของเขาเท่านั้น ข้าจะสังหารเขาเอง."จงซานที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
"เจ้าต้องการสังหารเขารึ?ทำไม?"ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
จงซานที่จ้องมองไปยังชิงอวิ๋นหลางเจียง พร้อมถอนหายใจยาว "เขาเกือบที่จะสังหารคนใกล้ชิดของข้า เขาคือศัตรูที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ ข้าต้องการถามแค่เพียงแค่ว่า ท่านจะช่วยข้าหรือไม่?"
จงซานกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังชิงอวิ๋นหลางเจียง สายตาที่เต็มไปด้วยพลัง เขาที่ไม่เพียงแต่ให้เกียรติชิงอวิ๋นหลางเจียงเพื่อขอให้เขาช่วย หากชิงอวิ๋นหลางเจียงไม่ช่วย แน่นอนว่าเขายังมีวิธีที่จะบังคับ ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ชิงอวิ๋นหลางเจียงต้องการเห็นแน่นอน เขาจะยอมอย่างงั้นรึ?แน่นอนว่าสำหรับจงซานแล้วเป็นไปไม่ได้แน่นอน แม้ว่าพลังฝึกตนของเขาจะต่ำ ทว่าจงซานกลับสามารถสร้างพันธสัญญากับเผ่าหมาป่าได้ สถานะของเขานั้นเทียบได้กับจื่อจุ้นตี้เสวียนชา.
ทว่าตี้เสวียนชาจะนอบน้อมต่อชิงอวิ๋นหลางเจียงอย่างงั้นรึ?
ชิงอวิ๋นหลางเจียงจ้องมองจงซาน ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่สัมผัสได้ถึงพลัง แม้ว่าพลังฝึกตนของจงซานจะอยู่ในระดับเซียนเทียน ทว่าเขากลับดูมีอำนาจอย่างแปลกประหลาด มีเพียงเขาที่สามารถสัมผัสได้.
เขาที่ชำเลืองมองจงซานและเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ชิงอวิ๋นหลางเจียง ท้ายที่สุดก็กล่าวว่า "ข้าจะเจ้าเพียงแค่ค้นหา แต่ไม่ลงมือ."
"ขอบคุณ."จงซานกล่าว.
"อืม."ชิงอวิ๋นหลางเจียงพยักหน้าให้.
"ท่านได้ข่าวแล้ว ค่อนแจ้งต่อข้าก็แล้วกัน.
"ได้."ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่พยักหน้า.
"คนทั้งสี่ คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ข้าเชื่อใจ หมาป่ากลุ่มแรก จะเป็นพวกเขาที่จะทำพันธสัญญา."จงซานที่เอ่ยออกมา.
จงเจิ้ง หยิงหลาน เหว่ยไท่จงและหลินเซียน พวกเขาที่จ้องมองด้วยความสงสัย จ้องมองไปยังชายกำยำที่เหมือนอสูร.
ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่พยักหน้าให้เบา ๆ .
"นี่คือชิงอวิ๋นหลางเจียง."จงซานเอ่ยต่อคนทั้งสี่.
"จงเจิ้ง คารวะชิงอวิ๋นหลางเจียง."จงเจิ้งที่กล่าวออกมาทันที.
"หลินเซียว คารวะชิงอวิ๋นหลางเจียง."
"หยิงหลาน คารวะชิงอวิ๋นหลางเจียง."
"เหว่ยไท่จง คารวะชิงอวิ๋นหลางเจียง."
"อืม."ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่พยักหน้าให้.
จากนั้น จงซานก็นำคนทั้งสี่จากมา ตลอดทางนั้น จงซานที่ได้แต่เงียบ คนทั้งสี่เองก็ไม่กล่าวกล่าวอะไรออกมาเช่นกัน.
จวบจนมาถึงตำหนังเฉิงซ่าง จงซานที่นำตราสัญลักษณ์ ส่งให้หลินเซียว "หลินเซียน นี่คือตราสัญลักษณ์สูงสุดของตระกูลจ้าวรัฐต้าสง เจ้านำตรานี้ไปยังตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวจะอยู่ในการดูแลของเจ้า รวมทั้งกองทัพของพวกเขาด้วย ภายในหกเดือน ให้รวมต้าสงเข้ามา."
หลินเซียวที่จ้องมองตราในมือของจงซาน ดวงตาเป็นประกาย นี่คือตราบัญชาการของตระกูลจ้าวรัฐต้าสงอย่างงั้นรึ?กองกำลังตระกูลจ้าวนั้นถือว่ามีจำนวนหนึ่งในสามของอาณาจักรต้าสงเลยทีเดียว หากว่าตรานี้เป็นของจริงล่ะก็ การจะยึดครองต้าสงใยต้องใช้ถึงสองปีเลยรึ?แค่ครึ่งปีก็เกินพอแล้ว.
"รับด้วยเกล้า."หลินเซียวที่ตอบรับในทันที.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
"หยิงหลาน ค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง เจ้าฝึกฝนไปถึงใหนแล้ว?"จงซานเอ่ย.
"ตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว สามารถที่จะต้านกองกำลังทั่วหล้าโดยไม่เพลี้ยงพล้ำแล้ว."หยิงหลานที่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ.
"ดี ภายในหกเดือนพวกเราจะเข้ายึดอาณาจักรทั้งหก หากว่าเป็นไปด้วยดี อาณาจักรต้าเจิ้งของพวกเราจะต้องเป็นผู้ปกครองพื้นดินแดนแห่งนี้ หลังจากยึดครองได้แล้ว จากนั้นให้สร้างและฝึกฝนกองกำลังหมาป่าขึ้น เพื่อบุกเบิกรวมดินแดนทั้งสามของภาคใต้."จงซานที่กล่าวออกมา
"ค่ะ."หยิงหลานที่ตอบรับในทันที.
"จงเจิ้ง."จงซานที่เอ่ยออกมา.
"บุตรอยู่นี่แล้ว."จงเจิ้งที่ตอบรับในทันที.
"สร้างระบบขนส่งให้สมบูรณ์ ให้สามารถเชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ ในปกครองของพวกเรา เลือกตั้งผู้ปกครองเมืองต่าง ๆ ให้เหมาะสม ดูแลอย่างใกล้ชิด."จงซานกล่าว.
"ครับ."จงเจิ้งที่ตอบรับในทันที.
"ไทจง."จงซานที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"อยู่นี่แล้ว."เหว่ยไท่จงที่ตอบรับในทันที.
"หลังจากนี้เจ้าจงรับผิดชอบดูแลงานช่วยข้า และเตรียมล่าเหล่ยติง."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างดุร้าย.
"รับด้วยเกล้า."เหว่ยไท่จงที่ตอบรับในทันที.
"อืม."จงซานพยักหน้า.
จากนั้น ร่างหลักของจงซานที่ได้มาถึงอาณาจักรต้าเจิ้งแล้วได้ปิดตัวฝึกฝนพลังฝึกตนอยู่ในหมู่บ้านในหุบเขาแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขามีตัวช่วยมากมาย ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่ได้ส่งกองกำลังหมาป่าเป็นจำนวนมากออกไป ตราบเท่าแม่ทัพเหล่ยติงไม่ออกไปจากเกาะหมาป่าสวรรค์ หมาป่ามากมายจะต้องพบตัว อย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับแม่ทัพเหล่ยติงแต่อย่างใด.
เห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้แม่ทัพเหล่ยติงที่ได้รับบาดเจ็บหนัก จากฝ่ามือของผู้พิทักษ์แห่งขุนเขา แน่นอนว่ากำลังปิดตัวรักษาร่างกายตัวเองอยู่.
ส่วนที่ดินแดนภาคเหนือซึ่งมีราชวงศ์หยินเยว่อยู่ ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่ส่งเผ่าหมาป่าอยู่มากมายออกไปค้นหาเหล่ยติง แต่ก็ไม่สามารถพบเห็นได้เลย แน่นอนว่าเขากำลังเก็บตัวรักษาร่างกายอยู่ บางทีอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ใหนซักแห่งก็ได้.
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า อาการบาดเจ็บของแม่ทัพเหล่ยติงในเวลานี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าเขาคงยังไม่รู้ จงซานตอนนี้ได้วางแผนที่จะสังหารเขาแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีแบบทางโลกปุถุชน แต่เขามั่นใจว่าจะสามารถจัดการเหล่ยติงได้ นอกจากนี้เขายังสามารถอัญเชิญหมาป่าระดับแกนทองออกมาได้อีกด้วย.
หลากหลายพื้นที่ในหุบเขาลึก ที่กองกำลังปุถุชนไม่สามารถเข้าไปได้ ทว่าก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับกองกำลังหมาป่า.
ภายใต้การนำของหลินเซียวและหยินหลาง ราชวงศ์ต้าเจิ้งที่บุกไปทั่วทุกสารทิศ สังหารเหล่าศัตรูที่ขัดขวาง มีคนเป็นจำนวนมากที่ตายไป ทว่าก็ยิ่งทำให้อิทธิพลของจงซานนั้นเรื่องลือออกไปมากขึ้นและก็มากขึ้น.
ครึ่งปีผ่านไป อาณาจักรต้าเสวินและอาณาจักรต้าสง ถูกยึดครองโดยอาณาจักรต้าเจิ้ง อาณาจักรอื่น ๆ ไม่ใช่คู่มืออีกต่อไป ตอนนี้สามอาณาจักรที่เหลือได้รวมตัวสร้างพันธมิตรกันขึ้นมา.
ทว่าตอนนี้ ไม่มีอาณาจักรใหนกล้าส่งกองกำลังออกมาท้าทายกองกำลังอาณาจักรต้าเจิ้งอีกแล้ว.
ในเวลานี้ทำให้อาณาจักรต้าเจิ้งอยู่ในช่วงฝึกฝนกำลังทหาร ต้องไม่ลืมว่าการจะยึดครองดินแดนอื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การปกป้องดินแดนที่ยึดมาได้ยากยิ่งกว่า พวกเขาจำเป็นต้องสร้างปราการที่แข็งแกร่งขึ้นมา พร้อมกับสร้างการเมืองให้มั่นคง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อย.
ระหว่างนี้ หยิงหลาน หลินเซียว จงเจิ้งและแม้แต่เหว่ยไท่จง สามารถที่จะฝึกฝนหมาป่ายักษ์ให้เชื่อฟังได้แล้ว แม้แต่สามารถใช้มันเป็นพาหนะได้อีกด้วย.
หลินเซียว หยิงหลาน ตอนนี้ได้คัดเลือกเหล่านักรบที่มีความสามารถโดยเฉพาะ ให้พวกเขาสามารถฝึกฝนหมาป่าให้เชื่อง เพื่อที่จะฝึกสร้างกองกำลังหมาป่าที่เกรียงไกร.
ร่างแยกเงาจงซาน ที่เป็นผู้บัญชาการเหล่าทหารให้ค้นหาและบริหารเมืองเสวียน ส่วนร่างหลักเวลานี้ กำลังฝึกตนตัวเองอย่างหนัก เพื่อเปิดจุดชีพจร ซึ่งเขาอยู่ในระดับ 7 เซียนเทียนตอนนี้ ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตาทะลวงจุดชีพจรทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว.
นับตั้งแต่คัดลอกตำราหายากออกมาจากหอตำรามาได้ จงซานนับว่ามีความรู้เรื่องผลไม้วิญญาณภายใต้โลกใบนี้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับเริ่มเก็บผลไม้วิญญาณที่หาได้จากทั่วสารทิศ.
แม้ว่าจะไม่ใช่ผลไม้วิญญาณชั้นยอดที่สามารถหาได้ ทว่าด้วยการใช้ผลไม้วิญญาณจำนวนมากก็สร้างผลประโยชน์ให้กับจงซานไม่น้อย.
แม้ว่าจงซานจะมีพรสวรรค์ไม่ดี ทว่าด้วยจำนวนผลไม้วิญญาณจำนวนมาก ตลอดจนวาสนาของราชวงศ์กษัตริย์ที่หมุนวนในร่าง ภายในครึ่งปีมานี้ ทำให้เขาก้าวไปถึงระดับ 7 เซียนเทียนขั้นปลายแล้ว ทว่าก็ยังยากที่จะทะลวงผ่านขั้น หากสามารถเปิดจุดชีพจรได้อีกสองจุด ก็จะสามารถก้าวไปถึงระดับแปด ทว่าสองจุดที่ต้องเปิดนี้มีความเสี่ยงอาจทำให้สามารถตายได้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดชีพจรทั้งสอง.
เขาที่พยายามทะลวงจุดชีพจรมาหลายวัน ทว่ากลับไม่สามารถมองเห็นวี่แววว่าจะสำเร็จได้เลย ทำให้ร่างหลักจงซานที่ออกมาจากใต้ดิน ตรงมายังตำหนักหลวงของราชวงศ์ต้าเจิ้ง.
หลังจากที่ผสานเข้ากับร่างแยกเงา เขาก็เดินทางไปยังวิหารหมาป่า.
ครั้งนี้ จงซานที่ก้าวเข้าไปคนเดียว ภายในวิหารหมาป่า มีชิงอวิ๋นที่นั่งบำเพ็ญอยู่ด้านในคนเดียว เมื่อเขาเห็นจงซาน ก็จ้องมองออกมาด้วยความสงสัย.
"พบเหล่ยติงหรือยัง?"จงซานที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ยังไม่มีข่าวเลย."ชิงอวิ๋นที่ส่ายหน้าไปมา.
"ข้ามีเรื่องให้ท่านช่วย."จงซานกล่าว.
"หืม?"ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่เต็มไปด้วยท่าทางสงสัย.
"ช่วยใช้แรงกดดันวิญญาณของท่าน สร้างความกดดัน ช่วยให้ข้าทะลวงจุดชีพจรด้วย."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างขึงขัง.
"โอ้ว? ต้องการใช้แรงกดดันวิญญาณเพื่อทะลวงผ่านระดับอย่างงั้นรึ?"ชิงอวิ๋นที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ.
"ถูกแล้ว ข้าต้องการสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของยอดฝีมือ ข้าบอกได้ว่ามันช่วยข้าได้มาก."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง เขานึกได้ถึงตอนแรกกับแรงกดดันวิญญาณของเนี่ยชิงชิง จงซานต้องการบรรยากาศเช่นนั้น.
"ได้ ลองดู."ชิงอวิ๋นหลางเจียงที่เผยยิ้มออกมา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการจะเห็นว่าแรงกดดันวิญญาณจะสามารถช่วยคนทะลวงผ่านระดับได้อย่างงั้นรึ?
จากนั้นจงซานที่นั่งสมาธิลงอย่างรวดเร็ว ตลอดจนชิงอวิ๋นปลดปล่อยแรงกดดันวิญญาณออกมา โถมกระหน่ำใส่ร่างของจงซาน.
อีกฟากหนึ่งของเกาะหมาป่าสวรรค์ ที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง หมาป่าขนาดสองเมตรดวงตาสีเขียว ที่หรี่ตาจ้องมองออกไป ราวกับว่ามันได้พบอะไรบางอย่างที่สำคัญ ก่อนที่มันจะจากไปอย่างรวดเร็ว.
ทว่าในเวลาเดียวกันภายในหุบเขาแห่งนี้ มีคนสองคน หนึ่งคือแม่ทัพเหล่ยติงที่ได้รับบาดเจ็บหนักมาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้ได้หายดีกลับมาเป็นเหมือนเดียวแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่ง ก็คือ เซียนเซิงซือที่ลึกลับนั่นเอง.