Chapter 123 หมาป่าน้อยปรากฏตัว.
หนีปูซ่าที่กำลังเอ่อล้นไปด้วยความโกรธที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นมาเรื่อย ๆ เหมือนกับสายน้ำก่อนหน้านี้ ใบหน้าที่ดุร้ายน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด.
"เทียนซวินจื่อ เจ้าสารเลว!"หนีปู่ซาที่จ้องมองขึ้นไปบนฟ้าพลางสบถออกมาด้วยความโกรธ.
หลังจากที่คำรามออกมาเสียงดัง หนีปู่ซาก็ก้าวไปด้านหน้า ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเป่ยชิงซือหรือจงซานราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่ เขาที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าหายไปลับตาต่อหน้าพวกเขาในทันที.
จงซานที่จ้องมองไปยังขอบฟ้าที่หนี่ปู่ซาจากไป พร้อมกับถอนหายใจยาว คนผู้นี้เป็นใครกัน?จงซานที่เคยเห็นเทียนซวินจื่อเต็มไปด้วยความกังวล จนต้องส่งจงซานออกมาเป็นตัวแทนเขา ท่าทางของหนีปู่ซานั้นเต็มไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์ หรือว่าเขาไปสังหารคนที่สังหารภรรยาอาจารย์แล้ว.
หนีปู่ซาจากไปแล้ว จงซานที่หันหน้ากลับไปมองเป่ยชิงซือ ที่ดูเหมือนว่านางจะหลบตาเขาไม่กล้าที่จะจ้องมองมายังจงซาน.
จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ "เจ้าต้องการจะไปเลยอย่างงันรึ?"
"อืม ข้าต้องเดินทางไปยังทะเลเหนือในทันที คงจะไม่กลับสำนักไคหยางแล้ว."เป่ยชิงซือพยักหน้า.
เห็นความตั้งใจของเป่ยชิงซือแล้ว จงซานก็กล่าวออกมาเบา ๆ "ข้าจะไปส่งเจ้าที่ชายฝั่ง."
"อืม."เป่ยชิงซือที่ตอบกลับอย่างนุ่มนวล.
คนทั้งสองที่เดินทางไปยังทิศเหนือ ตลอดเส้นทาง ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ห้าวันหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็มาถึงชายฝั่งทะเล ที่ด้านหน้าห่างออกไปเป็นทะเลที่สุดลูกหูลูกตา มองไม่เห็นขอบเลยแม้แต่น้อย.
ทั้งคู่ที่หยุดและยืนอยู่บนสายน้ำเส้นหนึ่งที่ไหลออกไปยังทะเล.
จงซานจ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ ทว่าเป่ยชิงซือนั้นไม่กล้าที่จะจ้องมองจงซาน.
"เจ้ารู้จักเส้นทางหรือไม่?"จงซานที่ไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมาเช่นกัน.
"ตั้งแต่ข้าก้าวไปถึงระดับแกนทอง ข้าเองก็เคยไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้ว่าจะเดินทางไปเช่นไร."เป่ยชิงซือกล่าวออกมาเบา ๆ .
เงียบ!
คนทั้งสองที่ไม่กล่าวสิ่งใด ภายในใจของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเศร้า ไม่สามารถที่จะเอ่ยออกมาได้ จึงทำได้แต่เงียบ.
เมื่อต่างคนต่างเงียบไปครู่หนึ่ง จงซานก็เอ่ยปากออกมาในทันที."ไม่ไปได้ไหม?"
จงซานที่พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเป็นครั้งสุดท้าย ต้องไม่ลืมว่าเส้นทางที่นางจะไปนั้นอันตรายมากจนเกินไป.
เป่ยชิงซือที่ได้ยินคำพูดของจงซาน ที่จริงภายในใจก็ต้องการที่จะละทิ้งทุกอย่างไป ในเวลานี้เป่ยชิงซือต้องการจะกล่าวออกมาว่า"ได้"อย่างที่สุด ทว่าการตายของบิดาและมารดาของนางมันยังคงก้องอยู่ในใจ จะไม่ให้นางไปตอนนี้ได้อย่างไร?
เห็นท่าทางของเป่ยชิงซือแล้ว จงซานสามารถที่จะคาดเดาคำตอบได้ จึงได้แต่ถอนใจเบา ๆ พร้อมกับกล่าวออกมาว่า"ให้ข้าล้างผมให้กับเจ้าอีกครั้ง."
ได้ยินคำพูดของจงซาน เป่ยชิงซือไม่กล้าที่จะมองจงซานเลย ก่อนที่จะค่อย ๆ มองไปที่เขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน มีแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าที่มันเอ่อล้นไหลท่วมภายในใจของนาง นางที่จ้องมองไปยังจงซาน ราวกับว่าจะสลักใบหน้าท่าทางของเขาเอาไว้ในหัวใจของนางเอาไว้.
"อืม."เป่ยชิงซือที่พยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น นางไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรมากนัก กลัวว่าหากพูดอะไรออกไปนางจะไม่สามารถทนไม่ให้ร้องไห้ออกมาได้.
ที่ข้างแม่น้ำ จงซานที่ทำการตัดหินก้อนใหญ่เหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้ เป่ยชิงซือที่นอนลง.
ที่จริงนางสามารถที่จะล้างผมของนางด้วยตัวเอง ทว่าการที่ให้จงซานล้างให้ก็จะสะดวกกว่า ทว่าเป่ยชิงซือก็ไม่ทำ นางต้องการให้จงซานทำให้.
ผมของนางที่ดูดกดำเงามันขลับยิ่งขึ้นกว่าเดิม จงซานที่ถอนหายใจยาว เขาไม่ได้ใช้ผ้าเช็ดตัว ตอนนี้ใช้มือของเขาเอง ด้วยการชโลมผมยาวของเป่ยชิงซือด้วยน้ำในแม่น้ำ พร้อมกับค่อย ๆ ล้างอย่างอ่อนโยน อีกครั้งและก็อีกครั้ง ระมัดระวังอย่างประณีตและนุ่มนวล.
เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังจงซานตลอดเวลา จงซานที่ค่อย ๆ ล้างผมของนางกว่าหนึ่งชั่วโมงด้วยความระมัดระวัง ดวงตาของนางที่ไม่จ้องมองไปใหนเลย.
ท้ายที่สุด ผมของนางก็ถูกล้างไปเป็นจำนวนสามรอบ จงซานที่นำผ้าเช็ดตัวออกมาเช็ดผมให้ ค่อย ๆ เช็ดมันช้า ๆ ซึ่งการทำให้ผมแห้งนั้นสามารถใช้แก่นแท้ทำให้มันระเหยออกไป สามารถทำให้ผมแห้งได้ในทันที ทว่าเป่ยชิงซือไม่ทำ ส่วนจงซานที่ทำเป็นเหมือนว่าลืม ยังคงทำการเช็ดผมของนางด้วยผ้าเช็ดตัวซ้ำ ค่อย ๆ เช็ดมันอย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม จนมันแห้งไปในที่สุด ก่อนที่จงซานจะเก็บผ้าเช็ดผมของนางไว้.
เขาที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ เขาทำได้แต่ถอนหายใจยาว เมื่อการจากลาได้มาถึงแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาต้องลา.
"ข้าไปนะ!"เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่อ่อนโยน.
"อืม."จงซานที่ตอบรับหนึ่งคำ.
กล่าวเสร็จ เป่ยชิงซือเร่งรีบกระโดดขึ้นกระบี่เหินของนางพร้อมกับพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว บินผ่านไปยังทะเล มุ่งไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พุ่งออกไปราวกับลูกศร แทบจะในทันทีก็หายไปลับตา เป่ยชิงซืออดทนมานานเหมือนกัน ขณะที่จงซานล้างผมให้กับนาง นางก็ทนมาตลอด ท้ายที่สุดเมื่อถึงคราวกล่าวลา ณ เวลานี้นางก็ทนไม่ได้แล้ว เสียงของนางสั่นเครือ นางที่เร่งรีบกระโจนออกมาด้วยน้ำตาคลอเบ้า นางกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว ดวงตาที่แดงกล่ำ นางบินออกไป ไม่กล้าแม้แต่หันกลับมามองด้านหลัง เป่ยชิงซือกลัวเหลือเกินว่าหากนางหันกลับไป นางจะไม่สามารถบินจากมาได้.
ที่ชายฝั่งของแม่น้ำ จงซานที่จ้องมองไปยังทิศที่เป่ยชิงซือจากไป ภายในใจของเขาหวั่นไหว ดวงตาของเขาที่หลับลงอยู่ชั่วครู่ ค่อย ๆ สะกดความเศร้าเอาไว้.
เป่ยชิงซือจากไปแล้ว ตัวเขาเองก็จะต้องพยายามให้หนักเช่นกัน เส้นทางที่เขาเลือกเดิน ไม่สามารถที่จะหวั่นไหวได้ ความรู้สึกเหล่านี้จะต้องเก็บมันให้ลึก เมื่อทางข้างหน้านั้นยากลำบาก เขาจะต้องพยายามให้มากกว่านี้.
จงซานที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ไม่มีความเศร้าเหลือเอาไว้แล้ว ตอนนี้มีแต่ความมั่นคงหนักแน่น
ขณะที่จงซานล้างผมให้กับเป่ยชิงซือนั้น ที่ไม่ไกลออกไปจากยอดเขามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่.
สายตาคู่นั้นส่องประกาย แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย มันไม่เข้าใจเลยว่า คนทั้งสองทำไมถึงได้ดูเศร้านัก ทำให้มันรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก.
ทำไมถึงได้เศร้าขนาดนั้น เพราะว่าเจ้าของสายตากลมโตนี้ ที่จริงเป็นหมาป่าน้อยสีขาวเงินความสูงสองฉื่อ(0.33 m) นั่นเอง.
สำนักไคหยาง ด้านนอกตำหนักไคหยาง.
เทียนชาที่อยู่บนกระบี่เหินที่กำลังบินตรงมายังทางเข้าของตำหนักไคหยาง เขาที่ขมวดคิ้วไปมา ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความเศร้า ก่อนหน้านี้เก้าเดือน นับตั้งเขาแยกจากจงซานก็ผ่านมาเก้าเดือนแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งคู่จะไม่กลับมาเลยรึ?
นับแต่แรกนั้น เทียนชาที่รู้สึกเกลียดคนผู้นี้เป็นพิเศษ จงซานที่เป็นอ่อนด้อยไม่ต่างจากแมลง ทำไมเขาถึงได้โชคดีอยู่ตลอดกัน?มีพรสวรรค์ที่ย่ำแย่ คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้เข้าสำนักไคหยาง?นอกจากนี้ยังมีโชคอีกหลายอย่าง แม้แต่อาจารย์ยังรับเขาเป็นศิษย์หลักอย่างคาดไม่ถึง ทั้งที่เขามีพลังฝึกตนระดับห้าเซียนเทียนเท่านั้น ถึงจะเป็นเขาในตอนนั้นก็คงไม่ได้รับโอกาสเช่นนั้นแน่.
และที่ทำให้เขาเกลียดที่สุด เป่ยชิงซือบัวหิมะน้ำแข็งแห่งสำนักไคหยาง ไม่ใช่ว่าถูกจงซานย่ำยี่ป่นปี้ไปหมดแล้วรึ?คาดไม่ถึงเลยว่านางจะชอบจงซาน หรือเขารู้แล้วว่านางมีร่างกายที่พิเศษ มีร่างสถิตธาตุน้ำ ทั้งที่เขาพยายามที่จะเอาใจใส่นางมาเป็นเวลานาน แต่นางก็ไม่เคยแลเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ นางกับไปชอบจงซานอย่างงั้นรึ?
ชายโฉดหญิงชั่ว ภายในใจของเทียนชาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย.
ก่อนที่เขาจะเข้ามาในตำหนักไคหยาง ก่อนที่เข้าจะก้าวเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังออกมาจากห้องโถงหลัก.
เป็นเสียงของเทียนซวินจื่อและเนี่ยชิงชิงนั่นเอง.
"ข้าจะพาหลิงเอ๋อไป นางจะต้องไปกับข้า."เนี่ยชิงชิงที่เอ่ยกับเทียนซวินจื่อ.
"ไม่ได้ หลิงเอ๋อไม่ต้องการไปกับเจ้า."เทียนซวินจื่อที่ปฏิเสธในทันที.
"ทำไมไม่ได้ อยู่กับเจ้าที่นี่ เจ้าสามารถให้อะไรนางได้กัน?นางเองตอนนี้ก็ก้าวไปถึงระดับแกนทองแล้ว เจ้าไม่เห็นอย่างงั้นรึ?นางมีร่างสถิตในตำนาน สามารถฝึกฝนได้อย่างง่ายดาย ให้นางอยู่ที่นี่มีแต่จะถ่วงพลังฝึกตนของหลิงเอ๋อ ข้าจะพานางไป มีเพียงแค่ตระกูลของพวกเรา นางถึงจะเติบโตได้ ข้าไม่คิดหรอกนะว่าเจ้าที่เป็นบิดาธรรมดา ๆ จะทำลายอนาคตบุตรสาวตัวเอง."เนี่ยชิงชิงที่โต้เถียงออกมาด้วยความโกรธ.
"ไม่ได้ ข้าบอกไม่ได้ก็คือไม่ได้."เทียนซวินจื่อที่กล่าวเสียงแข็ง.
"นี่เจ้าไม่ละอายใจต่อท่านพี่อย่างงั้นรึ?"เนี่ยชิงชิงยังคงกล่าวโต้เถียงไม่ยอมแพ้.
"ไม่ได้ หากอู๋โหยวยังอยู่ นางย่อมตัดสินใจเหมือนกับข้า ตระกูลของเจ้ามันซับซ้อนวุ่นวายมากเกินไป หลิงเอ๋อไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลเจ้าสนับสนุน พวกเราต้องการ แค่ให้หลิงเอ๋อมีความสุข ตราบใดที่นางมีความสุข ไม่ว่าเรื่องอะไร แค่นั้นก็พอแล้ว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหลิงเอ๋อ."เทียนซวินจื่อที่กล่าวโต้เถียง.
"เจ้า...."เนี่ยชิงชิงที่เต็มไปด้วยความโกรธชี้หน้าของเทียนซวินจื่อ แต่ไม่กล่าวอะไรออกมา.
ทว่าที่ด้านหน้าห้องโถงหลักนั้น เทียนชาที่ได้ยินคำพูดของเนี่ยชิงชิง ที่กล่าวว่าหลิงเอ๋อคือร่างสถิตในตำนาน ทำให้เขางงงวยไปเลยทีเดียว ดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และดีใจ ราวกับว่าเกิดความหวังบางอย่างขึ้นมา.
ภายในใจของเทียนชานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ถอนหายใจยาว และพยายามที่จะทำให้ตัวเองสงบลง.
"ที่ด้านนอกนั่น เทียนชาอย่างงันรึ?"เสียงของเทียนซวินจื่อที่กล่าวออกมา.
เทียนชาที่เดินข้าไปในทันที.
เทียนชาที่เห็นเทียนซวินจื่อก็กล่าวออกมาด้วยความเคารพ"ครับ เรื่องที่อาจารย์ได้สั่งการนั้น ข้าได้ทำเรียบร้อยแล้ว."
"อืม ดีมาก เจ้าไปพักได้."เทียนซวินจื่อพยักหน้า.
"ครับ."เทียนซวินจื่อที่ตอบกลับในทันที.จากนั้นเขาก็ออกจากห้องโถงหลักไป.
เทียนชาก็ออกจากห้องโถงไคหยางไปด้วยเช่นกัน เขาที่บินขึ้นไปยังยอดเขาไคหยาง.
ที่บนยอดเขานั้น หยุนเฉียนที่กำลังแนะนำการฝึกฝนให้กับศิษย์ของสำนักไคหยางอยู่.
"หยุนเฉียน."เทียนชาที่เอ่ยออกมาในทันที.
"หืม ศิษย์พี่ใหญ่อย่างงั้นรึ?"หยุนเฉียนที่จ้องมองไปยังเทียนชาทันที.
"เจ้าเห็นหลิงเอ๋อใหม?"เทียนชาที่สอบถามออกมาในทันที.
"หลิงเอ๋อย่างงั้นรึ?หลิงเอ๋อตอนนี้ น่าจะอยู่ที่ทางเข้าสำนักไคหยาง กับผู้พิทักษ์แห่งขุนเขา น่าจะใช่นะ."หยุนเฉียนที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง.
"จริง ๆ รึ?"เทียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา.
"ครับ ศิษย์พี่ใหญ่ มองหาหลิงเอ๋อ มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"หยุนเฉียนที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.
"ไม่มีอะไร ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว."เทียนชาที่ส่ายหน้าไปมา.
จากนั้น สายตาของหยุนเฉียนที่เต็มไปด้วยความสงสัย เทียนชาที่ขึ้นกระบี่เหิน พร้อมกับตรงไปยังทางเข้าสำนักไคหยางทันที.
ที่ทางเข้าสำนักไคหยาง.
ที่ด้านนอกของกระท่อมด้านหน้าของผู้พิทักษ์แห่งขุนเขา มีเก้าอี้ยาวสองตัว.
และยังมีโต๊ะที่มีหม้อน้ำชาด้วย ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาที่นอนอยู่อย่างเงียบ ๆ บนเก้าอี้ยาวจ้องมองออกไปยังร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังกวัดแกว่งแขนขาไปมา.
ซึ่งแน่นอนที่ด้านหน้าของผู้พิทักษ์แห่งขุนเขา เป็นเทียนหลิงเอ๋อที่คอยชะเง้อมองไปยังด้านนอกด้วยความหวัง จ้องมองไปยังที่พื้นที่ด้านหน้าที่ไกลออกไป.
"ซานเหยียเยี่ย ท่านว่าเมื่อไหร่จงซานจะกลับมา."เทียนหลิงเอ๋อที่โหยหวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล.
ขณะที่นางพูด นางที่ใช้ขาของนางที่เตะไปยังปลายโต๊ะเบา ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย.
“..”