Chapter 120 ลูกหลานเซียน.
เป่ยชิงซือยังคงนอนอยู่บนผ้าห่ม นางที่ถูร่างไปมาบนผ้าห่มเบา ๆ พร้อมกับยกมันขึ้นมาปิดหน้าของนาง แววตาของนางเวลานี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ทว่านางยังคงไม่ลุกไปใหน ยังคงนอนอยู่เช่นนั้น ภายในใจที่คิดอะไรมากมาย นึกถึงความรู้สึกอบอุ่นก่อนหน้านี้ ใบหน้างามที่กำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเอง.
ในตอนเย็น เป่ยชิงซือพบว่าจงซานไม่กลับเข้ามาในถ้ำที่พัก แม้ว่าจะถึงเทียงคืนแล้ว ทว่าด้วยการตรวจสอบด้วยสัมผัสของนาง นางบอกได้ว่าเขากำลังนั่นบำเพ็ญอยู่ด้านนอก.
ด้วยสัมผัสเทวะของนาง เป่ยชิงซือที่ดูดโสมที่อยู่ในปากของนาง สายตาของนางที่ขยับไปมา ที่มุมปากนั้นเผยอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน.
เป่ยชิงซือที่รู้ว่าจงซานนั้นไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงเห็นนางเปลือยกาย ต้องไม่ลืมว่าจงซานเองก็เคยเห็นมาก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น จงซานก็ยังไม่เคยที่จะคิดเอาเปรียบนางอย่างงั้นรึ? จงซานที่ไม่เข้ามาในถ้ำเพราะเขาต้องการฝึกฝนบำเพ็ญพลัง และอาจจะเกรงว่าจะรบกวนนาง ด้วยขณะโคจรพลังนั้นอาจจะเกิดเสียง ด้วยการพยายามทะลวงชีพจรตัวเอง และจงซานยังเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของนางด้วย.
ด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้นางรู้สึกนอนหลับสบาย ทว่าเอาเข้าจริง นางกับนอนไปได้ไม่ได้นาน หลังจากผ่านเที่ยงคืน เป่ยชิงซือที่ลุกขึ้นนั่ง.
ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เป่ยชิงซือก็รู้สึกตัวว่านางยังสวมชุดจงซานอยู่ ใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงระเรื่อ จากนั้นจึงจ้องมองไปยังเสื้อผ้าของนางที่อยู่ในกำไลเก็บของ ก่อนที่จะเปลี่ยนชุดเป็นชุดของนางในชุดสีขาวล้วน.
นางที่ม้วนพับเสื้อผ้าของจงซาน จ้องมองพร้อมกับนึกคิดว่านางได้สวมชุดนี้มาหนึ่งเดือนแล้ว ภายในแววตาที่รู้สึกไม่อยากทิ้งมันไป นางที่จับจ้องมองไปยังเสื้อผ้าของเขาเม้มริมฝีปากแน่น คิดใคร่ครวญไปมาก่อนที่จะนำมันใส่เข้าไปในกำไลเก็บของของนาง.
จากนั้น เป่ยชิงซือที่เริ่มนั่งสมาธิบำเพ็ญควบคุมลมหายใจตัวเอง ที่รอบ ๆ ร่างกายของนางนั้นมีศิลาวิญญาณมากมาย เป่ยชิงซือเองไม่ต้องการถามเช่นกันว่าทำไมจงซานถึงได้มีศิลาวิญญาณมากมายขนาดนี้ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้น.
ที่ด้านนอก จงซานที่เสร็จสิ้นจาการบำเพ็ญ เขาได้ไปยังทะเลสาบขนาดเล็กเพื่อล้างหน้าล้างตาและเตรียมปลาเพื่อทำอาหารในตอนเช้า จากนั้นเขาได้จุดไฟ ตั้งหม้อปรุงรส พร้อมกับทำอาหารให้สุก ขณะที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วเขาที่เดินทางกลับไปยังถ้ำ.
ขณะที่จงซานกำลังจะกลับเข้าไปข้างในนั้น เขาก็พบว่า เป่ยชิงซือที่ยืนเด่นเป็นสง่าที่หน้าปากถ้ำดังกล่าวแล้ว.
"ชิงซือ เจ้าตื่นแล้วรึ?"สายตาของจงซานที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดีใจ.
"อืม."เป่ยชิงซือพยักหน้า สายตาของนางที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน.
"เจ้าฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่รึ?"จงซานที่สอบถามออกมาอีกครั้งในทันที.
แน่นอนว่า จงซานถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น ทว่าเมื่อเป่ยชิงซือได้ยิน กลับทำให้นางใบหน้าแดงซ่าน ตื่นเมื่อไหร่รึ? เขาถามทำไมล่ะ?
"เพิ่งตื่น ขอบคุณ."เป่ยชิงซือที่ตอบกลับมาในทันที.
"เฮ้ เฮ้ เจ้าตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว เจ้าบอกก่อนหน้านี้ว่าจะต้องหลับร้อยวัน ดูมันจะเกินจริงไปหน่อย นี่แค่เพียงหนึ่งเดือน เจ้าก็ตื่นแล้ว จึงทำให้ข้าประหลาดใจ."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้มอย่างนุ่มนวล.
"ไม่ ไม่ เมาร้อยวันนั่นไม่ได้เกินจริงเลย หากเป็นคนทั่วไปย่อมต้องหลับไปหนึ่งร้อยวันจริง ๆ แต่นั่นเพราะว่าข้ามีสายโลหิตพิเศษ เช่นนั้นข้าจึงตื่นขึ้นก่อนเวลายังไงล่ะ เจ้าเองไม่เป็นไรอย่างงั้นรึ?"เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย.
"อืม? เข้าไปข้างในก่อนเถอะ."จงซานซึ่งถือหม้อซุปเดินเข้าไปด้านใน.
ด้วยเหตุผลที่พิเศษ บางทีคงเป็นเพลิงหงหลวนจากเคล็ดวิชาหงหลวนเทียน ทว่ามันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังนั้นจึงไม่อยากจะกล่าวออกมาในตอนนี้.
"อืม."เป่ยชิงซือที่พยักหน้าอย่างนุ่มนวล พร้อมกับเดินตามเขาเข้าไป.
จงซานที่วางหม้อซุปไว้ด้านหน้า ซึ่งเป็นโขดหินยาวที่ดูเหมือนกับโต๊ะ เป่ยชิงซือเองก็นั่งอยู่อีกข้างเช่นกัน จงซานที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก่อนที่จะทำการตักซุป ออกมาใส่ถ้วย ขณะที่พูดคุยกับนาง.
"สายโลหิตพิเศษ ทุกคนมีสายโลหิตสืบทอดกันหมดเลยรึ? หรือว่าเพียงแค่เพียงแค่ความสามารถยังไม่ตื่น?"จงซานที่สอบถามออกมาทันที.
เพราะว่าสายโลหิตตกทอดของนางนั้น จงซานสามารถบอกได้ว่าทรงพลังมาก หากว่าทุกคนต่างก็ได้รับการสืบทอด หากว่าสามารถปลุกมันขึ้นมาได้ล่ะก็ อาจจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึ?
"ไม่ใช่อย่างงั้น สายโลหิตตกทอดที่มีทักษะพิเศษนั้น มีน้อยมาก ข้าเองค่อนข้างพิเศษ หรืออาจจะเรียกว่าตระกูลเป่ยนั้นค่อนข้างพิเศษมากกว่า."เป่ยชิงซือที่ส่ายหน้าไปมาจ้องมองไปยังหม้อซุปที่อยู่ด้านหน้า.
"ทำไมล่ะ? ทำไมถึงได้มีเพียงแค่บางตระกูลที่มี? แล้วมีสายโลหิตตกทอดมาได้อย่างไร?หรือเพราะว่าคนผู้นั้นจะต้องมีพรสวรรค์ที่ลึกล้ำอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วสอบถามด้วยความสงสัย.
"ที่ข้ามีสายโลหิตตกทอดนั้น นั่นเป็นเพราะว่าบรรพบุรุษของข้า ครั้งหนึ่งเคยเป็นเซียนมาก่อน."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
"เซียนรึ?"จงซานที่ประหลาดใจตาโตเลยทีเดียว.
ก่อนหน้าที่ข้าจะเข้าสำนักไคหยาง เคยคิดว่าเซียนนั้นมีอยู่มากมาย ทว่าหลังจากที่เข้าสำนักไคหยางแล้ว ก็รับรู้ว่า ภายในโลกนี้การจะเป็นเซียนนั้นมีอยู่น้อยมาก ๆ และแน่นอนว่าลูกหลานของเหล่าเซียนก็หาได้ยากเช่นกัน เรื่องนี้จงซานเชื่อในคำพูดของเป่ยชิงซือแน่นอน การที่นางมีทักษะพลังที่คนอื่น ๆ ยากจะมีได้ มีเพียงแค่เหตุผลนี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายเรื่องนี้.
"เช่นนั้น ถ้าเป็นลูกหลานของเซียน จะทำให้ได้สืบทอดวิชาบางอย่างจากสายโลหิตอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามออกมา.
"อืม เท่าที่ข้ารู้ คนที่เป็นลูกหลานเซียนนั้น อาจจะไม่ได้รับสืบทอดทักษะบางอย่างทุกคนก็ได้ เพราะว่ามันจะตื่นขึ้นมาในบางรุ่นเท่านั้น ตระกูลของข้านั้นมีหลายรุ่นแล้วแต่ก็ไม่ได้รับทักษะใดมา จวบจนมาถึงรุ่นของข้า."เป่ยชิงซือที่พยักหน้าและกล่าวตอบ.
"อืม."จงซานที่พยักหน้าและถอนหายใจยาว แน่นอนว่าตัวเขาไม่มีโอกาสเช่นนั้นแน่นอน เพราะเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปที่ทำงานสอดคล้องกับความเป็นจริง.
"วันนั้นเกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?พวกเราถูกใครช่วยมา?"เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังจงซาน.
"เรื่องนั้น..."จงซนที่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้นางได้รับฟัง.
เป็นเรื่องที่เขาสร้างประกายแสงสว่างจ้าและหนีมาได้ ทว่าเป่ยชิงซือที่ได้ยินก็สั่นสะท้านทีเดียว เป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ๆ แต่ก็นับว่าจงซานเป็นคนที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมา เขาที่มีระดับเซียนเทียน กลับสามารถวิ่งหนีออกมาจากดงผู้ฝึกตนแกนทองร้อยคนได้อย่างคาดไม่ถึง แม้กระทั้งนำนางหนีออกมาได้ด้วย.
"ขอบคุณ!"เป่ยชิงซือที่รู้สึกซาบซึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก.
"อืม เรื่องมันผ่านไปแล้ว นี่สำหรับเจ้า เป็นซุปปลาที่ข้าทำเอง เจ้าลองชิมดู แม้ว่าเจ้าจะก้าวไปยังระดับแกนทองแล้ว สามารถดูดซับพลังฟ้าดินปราณวิญญาณไม่จำเป็นต้องกินอาหารก็ตาม ทว่าอย่างน้อยก็ควรที่จะลิ้มลองสัมผัสรสชาติของอาหารบ้าง."จงซานที่ส่งถ้วยซุปให้กับนาง.
"อืม."เป่ยชิงซือที่พยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด.
ถ้วยซุปที่จงซานส่งให้นางนั้น มีเนื้อปลาที่ถูกตัดแบ่งออกเป็นสามส่วน ซึ่งส่วนที่มอบให้นางเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ตรงกลาง ส่งให้เป่ยชิงซือพร้อมกับตะเกียบคู่หนึ่ง.
กับการดูแลเอาใจใส่ของจงซานนั้น ทำให้เป่ยชิงซือรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง มือทั้งสองข้างที่ยื่นออกไปรับ น้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ทว่าก่อนที่มันจะหยดออกมา นางก็ใช้แก่นแท้ของนางสลายไป.
"กินสิ."จงซานกล่าวด้วยรอยยิ้มที่นุ่นนวล.
"อืม."เป่ยชิงซือพยักหน้า นางที่ซดน้ำซุปเบา ๆ พร้อมกับใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาขึ้นมากิน ขณะที่กำลังเคี้ยวอย่างระมัดระวังนั้น.
จงซานที่คิดว่าเป่ยชิงซือช่างเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก แม้แต่ยามกิน ใบหน้าของนางก็ยังดูงดงาม.
"เจ้าไม่กินอย่างงั้นรึ?"เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมาทันที.
"อืม กินสิ!"จงซานที่เริ่มตักซุปใส่ถ้วยของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มซดน้ำซุป.
จงซานที่กินอย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจเดียวก็กินหมดหนึ่งชามแล้ว.
เขาวางมันลงบนโต๊ะโขดหิน ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเป่ยชิงซือที่ที่กำลังขมวดคิ้วไปมา พร้อมกับดื่มน้ำซุป เห็นใบหน้าท่าทางของจงซาน นางก็ถามออกมาด้วยความสงสัย "มีอะไรอย่างงั้นรึ?"
"ชิงซือ เจ้าอย่าเพิ่งแก้แค้นได้ไหม? อย่างน้อยก็อย่าเพิ่งไปตอนนี้เลย."จงซานที่คิดครู่หนึ่งและกล่าวมันออกมา.
ต้องไม่ลืมว่า กลุ่มคนในชุดสีแดงนั้นร้ายกาจมาก ๆ พวกเขาได้รับการฝึกฝันมาเป็นอย่างดี หนำซ้ำยังเชี่ยวชาญในการโจมตีระยะไกล เป็นศัตรูที่น่ากลัว พวกเขามีพลังที่น่าเกรงขาม หากเป่ยชิงซือไปในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการแส่ไปหาความตายหรอกรึ?
เห็นท่าทีเป็นห่วงของจงซานแล้ว เป่ยชิงซือรู้สึกอาบไปด้วยความอบอุ่นในใจของนาง นางที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน"อืม เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงว่าข้าจะกลับไปล้างแค้นให้เร็วที่สุด ที่จริงข้ายังมีนัดหมายกับใครคนหนึ่งที่อาจจะเดินทางร่วมกับข้า...."
นางที่กล่าวได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดในทันที.
"ใครอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามด้วยความสงสัย.
นางที่จ้องมองไปยังจงซาน ต้องการจะเอ่ยออกมา ทว่าในสายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความความลำบากใจที่จะกล่าวออกมา.
เห็นท่าทางที่เป่ยชิงซือรู้สึกยากลำบาก จงซานที่พยักหน้าให้ "อืม เช่นนั้น เจ้าต้องรักษาตัวให้ดี."
จงซานรู้ดีว่าไม่สามารถห้ามนางได้ ทำได้แค่ถอนหายใจเบา ๆ ทว่าเป่ยชิงซือที่เห็นจงซานถอนหายใจเล็กน้อย ภายในใจของนางที่รู้สึกบีบรัด นางที่ต้องการบอกกับจงซานเป็นอย่างมาก ทว่าด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ทำให้ไม่สามารถเอ่ยปากออกมาได้ ภายในแววตาของนางในเวลานี้ รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก.
นางที่จับจ้องมองไปยังจงซานที่กำลังเริ่มเก็บโต๊ะอาหารแล้ว เป่ยชิงซือที่กัดริมฝีปากแน่น ขณะที่เขากำลังทำความสะอาดเช็ดโต๊ะหิน เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมาทันที "พวกเราจะต้องรออีกสักพักก่อนที่จะออกไปอย่างงั้นรึ?"
จงซานที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือพลางพยักหน้า "คนเหล่านั้น แน่นอนว่าจะต้องรอพวกเราอยู่รอบ ๆ ทุกทิศทุกทาง พวกเราจะต้องรอก่อน อย่างน้อยก็ต้องเลยหนึ่งร้อยวันไปซะก่อน ภายในหนึ่งร้อยวันนี้คนเหล่านั้นต้องรอคอยพวกเราอยู่อย่างแน่นอน.จากนั้นก็ค่อยหาโอกาสออกไป"
เมื่อจงซานตัดสินใจแล้ว ดวงตาของนางที่เปล่งประกายพร้อมกับพยักหน้าให้.
"เอาล่ะ หลายวันมานี้ ข้าได้เตรียมบางอย่างเพื่อช่วยเหลือเจ้า."จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.
"อะไรรึ?"เป่ยชิงซือสอบถามด้วยความสงสัย.
จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย "ไปที่ทะเลสาบกันเถอะ ข้าจะทำอะไรให้เจ้าดู และจะสอนเจ้าทุกขั้นตอน."
"หืม?"เป่ยชิงซือที่เต็มไปด้วยความสงสัย ทว่านางก็ตามเขาออกไป ตรงไปยังทะเลสาบขนาดเล็กกับจงซาน.
เขาที่พาเป่ยชิงซือมานั่งอยู่บนโขดหินแห่งหนึ่ง จงซานที่นำพืชบางอย่างออกมา ซึ่งดูแล้วเป็นวัตถุดิบธรรมชาติทั่วไป วัตถุดิบเหล่านี้ไม่มีพลังวิญญาณแต่อย่างใด ทุกชนิดนั้นสามารถหาได้ทั่วไป ไม่รู้ว่าจงซานต้องการใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอะไร.
"เจ้าจงดูและจดจำวัตถุดิบเหล่านี้เอาไว้ให้ดี แม้ว่ามันจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก ทว่าบางครั้งก็สามารถใช้ประโยชน์บางอย่างได้ พืชเหล่านี้ เจ้ารู้จักใช่ไหม?"จงซานที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ
เป่ยชิงซือที่กวาดตามอง พร้อมกับพยักหน้า."ข้ารู้จัก แม้ว่าบางอย่างข้าจะไม่รู้จักชื่อแต่ว่าก็เคยเห็นมันมาก่อน."
"ดีแล้ว."จงซานพยักหน้าพร้อมกับเผยยิ้มให้กับนาง.
"ข้าจะเริ่มแล้ว."จงซานกล่าว.
ต่อจากนั้น จงซานก็ทำการสกัดวัตถุดิบเหล่านั้นให้เหลือแต่น้ำ ด้วยการกลั่นวัตถุดิบจากพืชทุกอย่างออกมา จากนั้นก็เริ่มผสมมันเข้ากัน ผสมลงไปในชามใบใหญ่ ซึ่งตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นของเหลวหนืดสีดำ.
เห็นของเหลวในชามดังกล่าวแล้ว เป่ยชิงซือขมวดคิ้วไปมา ไม่รู้ว่าจงซานต้องการทำอะไร.
ทว่าหลังจากนั้นเขาก็หยิบแผ่นรองออกมา ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาเป่ยชิงซือ.
"อย่าขยับ."จงซานกล่าว.
จากนั้นเขาก็ใช้แผ่นรอบปะไปรอบ ๆ หน้าผากและรอบคอของนาง.
เป่ยชิงซือที่ไม่ขยับ ทว่า ก็เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าจงซานต้องการทำอะไร.
"จะทำอะไรอย่างงั้นรึ?"เป่ยชิงซือที่ถามด้วยเสียงอ่อนโยน.
จงซานเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล พร้อมกับเตรียมแปรงหลายขนาดออกมา "ข้าจะสอนเจ้าย้อมผม."