Chapter 114 พบกับหลางเจียง
จ้าวโส่วเซี่ยงนั่งคุกเข่าต่อหน้าเฉียนอู๋ตี้ เหล่าศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ดวงตาของทุกคนตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา.
เขาที่จ้องมองไปยังจ้าวโส่วเซี่ยงและคนอื่น ๆ ใบหน้าของเฉียนอู๋ตี้นั้นซีดขาวเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมา"พวกเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของข้า ทว่าพวกเจ้าไม่สามารถรับสมบัติตกทอดไปจากข้าได้ ทว่าจ้าวโส่วเซี่ยงที่เข้ามาหลังพวกเจ้า ข้าได้สังเกตเขา ว่าเขาสามารถเดินไปบนวิถีแห่งหอกได้ สำนักทวนเหล็กนั้นจะต้องไม่มาจบสิ้นในมือของข้า ถึงแม้ว่าข้าจะรู้สึกอับอายกับเรื่องดังกล่าว ข้ารู้สึกเสียใจต่อบรรพบุรุษสำนักทวนเหล็กเป็นอย่างมาก ทว่าข้ารู้ดีว่าหากสำนักทวนเหล็กนั้นอยู่ในมือของจ้าวโส่วเซี่ยง จะต้องสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน ทว่าข้าก็ต้องการให้เขาเป็นประมุขในรุ่นต่อไปของสำนัก พวกเจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่? หากมีรีบกล่าวมาตอนนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะแต่งตั้งจ้าวโส่วเซี่ยงแล้ว."
"ศิษย์น้อมรับคำสั่งเสียของท่านอาจารย์."ศิษย์อีกแปดคนต่างก็คุกเข่าลงด้วยเช่นกัน.
เกี่ยวกับเจ้าโส่วเซี่ย หากก่อนหน้านี้ บางทีทุกคนคงไม่เห็นด้วยและโต้แย้ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำขอก่อนตายก็ตาม ทว่าเกี่ยวกับจ้าวโส่วเซี่ยงในตอนนี้ สามารถกล่าวได้ว่าเขามีส่วนสนับสนุนเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังฝึกตนในระดับเซียนเทียนก็ตามที.
เมื่อศิษย์ทุกคนเห็นด้วย บนใบหน้าของเฉียนอู๋ตี้ก็เผยยิ้มที่นุ่มนวลที่หายากมากออกมา พร้อมกับยื่นนิ้วมือขวาออกไป ก่อนที่จะประทับไปที่ตำแหน่งหน้าผากของจ้าวโส่วเซี่ยง.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่ไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด ยินยอมให้เฉียนอู๋ตี้ยื่นนิ้วเข้ามา.
เมื่อนิ้วมือประทับไปที่หน้าผากของจ้าวโส่วเซี่ยง เฉียนอู๋ตี้ก็เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากอยู่เล็กน้อย "นับจากวันนี้ จ้าวโส่วเซี่ยง เจ้าคือประมุขรุ่นที่ 16 ของสำนักทวนเหล็ก.
ระหว่างที่เขาพูดนั้น นิ้วของเฉียนอู๋ตี้ก็ปล่อยแสงสีเงินออกมาในทันที จงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดว่า มันเป็นเหมือนกับหอกยาวสีเงิน ตอนนี้มันกำลังปะทับเข้าไปที่หน้าผากของจ้าวโส่วเซี่ยงในทันที.
ทว่าผมของเฉียนอู๋ตี้ตอนนี้ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเทาทันที.
นี่คือหนึ่งสัญญาณที่เฉียนอู๋ตี้นั้นกำลังจะตาย ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูเหี่ยวย่น เป็นเหมือนกับชายชราที่พร้อมจะสิ้นลมทุกเมื่อ.
"เจ้าได้รับสืบทอดเจตจำนงหอกจากข้าแล้ว นับจากนี้ เจ้าคือผู้นำสำนักทวนเหล็กต่อจากข้า "เสียงของเฉียนอู๋ตี้ที่สั่นเครือ.
"ครับ."จ้าวโส่วเซี่ยงที่โขลกศีรษะลงให้เฉียนอู่ตี้สามครั้งอย่างหนักหน่วง.
"พวกเจ้าที่เหลือต้องช่วยเหลือเกื้อกูล ช่วยจ้าวโส่วเซี่ยง เดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ ที่นั่นคือที่พึ่งสุดท้ายของพวกเรา."เฉียนอู๋ตี้ที่กล่าวออกมา.
"ครับ อาจารย์."ศิษย์คนหนึ่งที่ปาดน้ำตาสะอึกสะอื้น.
เห็นแววตาของเหล่าศิษย์แล้ว เฉียนอู๋ตี้ก็เผยยิ้มออกมา เขาที่กล่าวอย่างอ่อนโยนยื่นมือออกไป "คนอื่น ๆ อาจจะยังไม่รู้เหมืองที่อยู่ในสำนักทวนเล็กของพวกเรานั้นมันกำลังจะแห้งเหือดในไม่ช้านี้ พวกเจ้าจะเร่งรีบไปเก็บเกี่ยวและรีบเดินทางจากไปให้เร็วที่สุด."
"อาจารย์ ก่อนหน้านี้ครึ่งเดือน ศิลาวิญญาณที่เหลือนั้นพวกเราได้เก็บเกี่ยวมาจนหมดแล้ว."ศิษย์คนหนึ่งที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย.
"ดีแล้ว ทำดีแล้ว."สองประโยคสุดท้าย ดวงตาของเขาก็ปิดลง ดูเหมือนว่าเขาจะพึงพอใจแล้ว.
"อาจารย์" "อาจารย์"
เหล่าศิษย์ต่างก็เศร้าสุดซึ้ง ครวญครางโหยหวนทีเดียว กับการตายของเฉียนอู๋ตี้ ทว่าทุกคนที่ได้รับมอบหมายคำสั่งเสียสุดท้ายแล้ว การตายครั้งนี้ของอาจารย์คงจะหมดห่วงได้.
เหล่าศิษย์ทุกคนที่ร้องไห้เสียใจ ก่อนที่จะหันหน้ามามองจ้าวโส่วเซี่ยง.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่จ้องมองไปยังประมุข สายตาของเขาที่เลื่อนมาจ้องมองอาจารย์อา ด้วยคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ จึงเอ่ยออกมาว่า"อาจารย์อา พวกเรานำศพของอาจารย์และศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักไปฝังในที่ปลอดภัยเถอะ."
"อืม."ทุกคนที่ปาดน้ำตาพร้อมกับรับคำสั่งในทันที.
จงซาน เทียนชาและเป่ยชิงซือที่ได้แต่มองข้าง ๆ พวกเขาทำอะไรไม่ได้ และไม่สามารถจัดการหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้.
เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือ ตอนนี้ได้ทำการเก็บศพ พร้อมกับนำมาฝั่งรวมกัน โดยพวกเขาใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เหล่าศพทั้งหมดก็ถูกนำมาฝัง.
ที่ด้านหน้าเป็นป้ายหลุมศพขนาดใหญ่ จ้าวโส่วเซี่ยงนำศิษย์คนอื่น ๆ อีกแปดคนเข้าไปคารวะศพครั้งสุดท้าย ความโศกเศร้าที่มีตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยความยึดมั่นและหนักแน่น.
"ท่านประมุข พวกเราต้องเตรียมตัวไปยังทวีปศักดิ์ทันทีเลยรึไม่?"ศิษย์สำนักทวนเหล็กคนหนึ่งที่เอ่ยออกมาทันที.
"อาจารย์อา ท่านไปเตรียมการได้เลย อีกสักพักพวกเราจะออกเดินทางทันที."จ้าวโส่วเซี่ยงพยักหน้า.
"ได้."คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าตอบรับ.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่เดินตรงมาหาจงซานข้า ๆ .
เห็นจ้าวโส่วเซี่ยงเดินข้ามา จงซานที่หันหน้ากลับไป"ศิษย์พี่ใหญ่ ชิงซือ ช่วยรอข้าสักครู่."
เทียนชาที่จ้องมองไปยังจงซาน พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าก็พยักหน้าให้ เป่ยชิงซือไม่ได้กล่าวสิ่งใด.
จงซานทีเดินเข้าไปหาจ้าวโส่วเซี่ยง คนทั้งสองที่พยักหน้าให้กัน พวกเขาทั้งคู่ที่ก้าวเข้าไปหากันคนละครึ่งทาง.
"จงซาน ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมาก."จ้าวโส่วเซี่ยงที่ยกมือคารวะให้กับจงซาน.
"เรื่องระหว่างพวกเรา ก็เหมือนกับพี่น้องที่ยื่นมือช่วยเหลือกันและกัน ทำไมจะต้องมากพิธีล่ะ?"จงซานที่เอ่ยออกมาทันที.
"ไม่ เรื่องในวันนี้ ข้าจ้าวโส่วเซี่ยงจะจดจำเอาไว้ตลอดชีวิต ไม่ว่าอย่างไร ก็ขอบคุณเจ้ามาก."จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
"อืม."จงซานพยักหน้าให้ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีก.
"พวกเรากำลังจะเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ในทันที ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของเจ้า เกาะหมาป่าสวรรค์คงจะแคบสำหรับเจ้าเช่นกัน ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะต้องไปยังทวีปศักดิ์แน่ พวกเราจะต้องไปเจอกันที่นั้นตอนนี้ข้าคงต้องล่วงหน้าไปก่อน."จ้าวโส่วเซี่ยงที่คิดใคร่ครวญและกล่าวออกมา.
"ได้ เจอกันที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ ไว้ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยมาพูดคุยดื่มสุรากันอีกครั้ง."จงซานที่กล่าวอย่างภาคภูมิ.
"ได้."จ้าวโส่วเซี่ยงพยักหน้า.
สำหรับลูกผู้ชายแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากนัก ความรู้สึกขอบคุณในตัวจงซานนั้น ไม่ต้องกล่าวออกมาด้วยคำพูดด้วยซ้ำ ทั้งคู่ต่างก็รับรู้สื่อถึงกันได้.
"อืม ข้ามีเรื่องบางอย่าง ที่ต้องบอกกับเจ้า."จงซานที่คิดครู่หนึ่งและกล่าวออกมา.
"เจ้ากล่าวมาได้เลย."จ้าวโส่วเซี่ยงที่กล่าวออกมาทันที.
"ข้าได้สนับสนุนหุ่นเชิดสร้างราชวงศ์กษัตริย์ขึ้นมา ข้าต้องการที่จะควบคุมหกอาณาจักร ทว่าหนึ่งในหกอาณาจักรนั้นเป็นเขตแดนของตระกูลจ้าว..."จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.
กล่าวยังไม่จบด้วยซ้ำ จ้าวโส่วเซี่ยงก็เข้าใจความหมายของจงซาน พร้อมกับสะบัดมือหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะนำตราสีม่วงออกมา พร้อมกับยื่นให้กับจงซาน "หากว่านำตราคำสั่งนี้ออกไป ตระกูลจ้าวก็จะเชื่อฟังเจ้าอย่างแน่นอน."
ด้วยตราสีม่วง หัวใจของจงซานที่สั่นไหวเล็กน้อย นี่คือตราบัญชาการของจ้าวโส่วเซี่ยง ที่สามารถตัดสิน เป็นตายตระกูลตายได้เลย การที่เขายอมส่งมาให้อย่างง่ายได้ ทำให้เขากล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล."โปรดวางใจ ตราบเท่าที่มีข้าอยู่ ตระกูลจ้าวจะคงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน."
จ้าวโส่วเซี่ยงที่จ้องมองไปยังจงซาน พร้อมกับพยักหน้าให้ "ขอบคุณ!"
จงซานและจ้าวโส่วเซี่ยงที่พูดคุยกันอยู่ชั่วขณะ.
ที่ไกลออกมานั้นมีคนรอพวกเขาอย่างใจเย็น.
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็แยกจากกัน.
จ้าวโส่วเซี่ยงที่นำคนของสำนักทวนเหล็กแปดคน มุ่งตรงไปยังทิศตะวันตก ทว่าจงซาน เป่ยชิงซือและเทียนชา พุ่งไปยังทิศตะวันออก ดินแดนหมาป่า.
ทว่าขณะที่พวกเขาบินไปไกลแล้ว สถานที่แห่งหนึ่งบนพื้นดิน มีคนสองคนในชุดสีแดงโผล่ออกมาช้า ๆ
และจ้องมองจ้องมองไปยังพวกเขาอย่างเฉยเมย "เจ้ากลับไปบอกต้าเหริน มีคนตระกูลเป่ยที่เหลือรอดปรากฏ ข้าจะทิ้งเครื่องหมายเอาไว้ระหว่างทาง รีบกลับเร็วที่สุด."
"ได้ "ชายชุดแดงอีกคนกล่าว.
พวกของจงซานที่บินต่อไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมง จงซานก็สามารถเห็นดินแดนที่เรียกว่าเขตแดนหมาป่าได้.
ที่ขอบเขตของดินแดนหมาป่านั้น มีสัญลักษณ์รูปหมาป่ามากมาย และยังมีภูเขาที่มีรูปสลักรูปหมาป่ายักษ์ที่ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ตั้งตระหง่านมองเห็นได้แต่ไกล.
"ที่ด้านหน้าเป็นเขตแดนหมาป่า อย่าออกห่างจากข้า."เป่ยชิงซือเอ่ยอย่างนุ่มนวล.
"อืม."จงซานและเทียนชาพยักหน้า คนทั้งสองตามไปทันที.
ขณะที่บินอยู่บนอากาศนั้น จงซานสามารถมองเห็นที่พื้นด้านล่าง มีหมาป่า ที่มีขนสีต่าง ๆ มากมาย หมาป่าสีขาว หมาป่าสีเทา หมาป่าสีดำและหมาป่าสีแดง ซึ่งมีขนาดต่าง ๆ กันเป็นจำนวนมาก.
ควรค่าแล้วที่เรียกว่าดินแดนหมาป่า สถานที่แห่งนี้มีหมาป่าทุกชนิดที่มารวมตัวกันในดินแดนแห่งนี้.
คนทั้งสามที่บินอยู่บนอากาศ ทว่าก็นับว่าโชคดีที่ไม่ได้เจอกับหมาป่าที่ทรงพลังเข้า พวกเขาที่มุ่งตรงไปยังภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีถนนที่ผ่านเข้าไปค่อนข้างขรุขระ มีต้นไม้ที่หนาแน่นไปจนถึงยอดเขา และยังเป็นภูเขาที่สูงชัน มีต้นไม้ที่มีอายุหลายร้อย หลายพันปีอยู่เป็นจำนวนมาก.
หากพวกเขาไม่บินอยู่บนอากาศละก็ คงยากที่จะผ่านไปได้ง่าย ๆ การจะข้ามภูเขาสูงลูกนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับรังหมาป่า ที่เต็มไปด้วยฝูงหมาป่ามากมายกระจายอยู่รอบ ๆ .
เมื่อเวลาผ่านไป จงซานที่สอบถามเป่ยชิงซือซึ่งนางจะตอบเขาราวกับว่าอยู่กันสองต่อสอง จนบางครั้งเทียนชารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ทั้งที่ทุกครั้งที่เขาถามนาง เป่ยชิงซือจะตอบเขาน้อยมาก และยังเป็นคำตอบสั้น ๆ ทว่าต่อหน้าจงซาน เป่ยชิงซือกลับตอบอธิบายเขามากมายและยังมีเสริมอีกหลายความเห็นอีกด้วย.
ภายในใจของเทียนชานั้นรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่าจะทำได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามตอนนี้เข้ามาในเขตแดนหมาป่าแล้ว สำหรับจงซานแล้ว สถานที่แห่งนี้นับว่ามีความเสี่ยงสูง เขาเองครั้งหนึ่งเคยมากับอาจารย์ เขามีความทรงจำที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว การมาที่นี่ในเขตแดนหมาป่า สำหรับจงซานก็ไม่ต่างจากแส่เข้ามาหาความตายเท่านั้น.
ลึกเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่ง หัวใจของเทียนชาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมหาญ ทันใดนั้นหมาป่ายักษ์ ที่มีขนทั่วร่างเป็นสีแดงเพลิง และมีความสูงห้าสิบเมตร ก้าวออกมาจากภูเขากระโดดออกมาปรากฏขึ้นในทันที อยู่บนเส้นทางภูเขาด้านหน้าที่ทั้งสามคนกำลังจะบินผ่าน.
หมาป่าห้าสิบเมตร จงใจเข้ามาขวางพวกเขาหรือไม่?
เห็นหมาป่ายักษ์ต้องการออกมาขวาง จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย เป่ยชิงซือที่ดูเป็นเรื่องปกติ ทว่าบนใบหน้าของเทียนชาก็เผยท่าทางมีความสุข.
หมาป่ายักษ์สีแดง ที่ยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา ศีรษะขนาดยักษ์ที่สะบัด ดูเหมือนว่ามันเพิ่งขยายร่างออกมานั่นเอง.
ได้รับสัญญาณจากเป่ยชิงซือ คนทั้งสามที่บินเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย.
"หยุดตรงนั้น!"หมาป่ายักษ์สีแดง ที่เอ่ยปากพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึงในทันที.
หมาป่าพูดได้? สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ด้วยรึ?
ได้ยินสียงของหมาป่ายักษ์ เทียนชาที่จ้องมองเขม็ง คิดว่าหมาป่ายักษ์ตนนี้แข็งแกร่ง ทว่าไม่คิดเลยว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตามคำบอกเล่าของอาจารย์ หากหมาป่าพูดภาษามนุษย์ได้ล่ะก็ มันจะต้องทรงพลังมากมายยิ่งกว่าอาจารย์ของเขาเทียนซวินจื่ออีก?
"สำนักไคหยางเป่ยชิงซือ คารวะหลางเจียง!"เป่ยชิงซือที่หยุด แสดงท่าทางเคารพหมาป่ายักษ์.
狼将(Láng jiàng) นายพลหมาป่า.
"สำนักไคหยาง เทียนชา คารวะหลางเจียง!"เทียนชาเองก็กล่าวอกมาด้วยความเคารพ.
"สำนักไคหยาง จงซาน คารวะหลางเจียง!"จงซานเองก็กระทำตามคนทั้งสอง.
"สองคนระดับแกนทอง หนึ่งคนระดับเซียนเทียน พวกเจ้าหาญกล้าเกินไปแล้ว พลังฝึกตนแค่นี้กล้าเข้ามาในเขตแดนหมาป่า?"ดวงตาของหลางเจียงที่จ้องมองเขม็งไปยังพวกเขา.
ได้ยินคำพูดของหลางเจียง คนทั้งสามถึงกับตื่นตระหนก สองคนแกนทอง?หลางเจียงที่มองเห็นพลังฝึกตนของเป่ยชิงซือและเทียนชาด้วยอย่างงั้นรึ? ระดับก่อตั้งวิญญาณไม่สามารถมองเห็นพลังฝึกตนของพวกเขาได้ เว้นแต่จะมีพลังเหนือกว่าสองเขตแดน เช่นนั้น ไม่คิดเลยว่าหลางเจียงจะทรงพลังขนาดนั้น?