ตอนที่แล้วChapter 10 สำนักไคหยาง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 12 คัดเลือกตำรา.

Chapter 11 เมฆเหินหาว.


จงซานที่ถูกส่งลอยเข้าไปข้างในห้องโถง ซึ่งตอนนี้นอกจากอาวุโสทั้งสาม ภายในห้องโถงไคหยางแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีเพียงจงซานคนเดียว.

เมื่อเขาถูกส่งเข้ามาข้างใน พวกเขาทั้งสามคนก็จ้องมองมายังจงซาน พร้อมกับพินิจพิเคราะห์เขาอยู่.

"ผู้น้อย จงซาน ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบกับอาวุโสทั้งสาม"จงซานที่เป็นคนกล่าวออกมาก่อน.

"ข้าคือประมุขคนปัจจุบันสำนักไคหยาง เทียนซวินจื่อ ส่วนคนนี้คือซือเหม่ย ผู้นำขุนเขาเสวี๋ยจู๋ กู่ซ่างจื่อ และอีกคนคือซือตี้ ผู้นำขุนเขาเหยี่ยนซาน เสวียนซวินจื่อ เจ้าไปได้ชิ้นส่วนหยกมาจากที่ใหนรึ?"ชายชราในชุดนักพรตจ้องมองไปยังจงซานขณะถาม.

师弟 shīdì ศิษย์น้อง(ช) 师妹 shīmèi ศิษย์น้อง(ญ)

"เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านนั้น ปรากฏอาวุโสที่มีทักษะสูงคนหนึ่งได้เข้ามาหาข้าและขอร้องข้า ให้นำชิ้นส่วนหยกนี้มาส่งไปยังสำนักไคหยาง เขากล่าวว่าหากทำเสร็จ ประมุขจะรับฟังคำขอของข้าไม่ว่าข้าจะปรารถนาสิ่งใดก็ตาม "จงซานที่กล่าวและอธิบายสิ่งที่เขาได้เห็นทั้งหมด ด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง น้ำเสียงที่สัมพันธ์กันไม่ช้าไม่เร็ว ทุกวันที่เขาได้ประดิดประดอยและซ้อมพูดที่บ้านเป็นประจำ.

หลังจากที่กล่าวจบ อาวุโสทั้งสามล้วนเชื่อคำพูดของจงซาน พวกกับจ้องมองไปยังจงซาน จากนั้นก็จ้องมองกันและกัน ท้ายที่สุดทุกคนก็พร้อมใจจ้องมองไปยังจงซาน.

"เจ้ามีปรารถนาใดอย่างงั้นรึ?"เทียนซวินจื่อสอบถามออกไป.

จงซานที่คุกเข่าลงในทันทีหลังจากที่ได้ยินคำถามดังกล่าว."ความปรารถนาของจงซานนั้นขอแค่ได้เป็นศิษย์ของสำนักไคหยางและหวังว่าท่านประมุขจะเติมเติมความปรารถนาของข้าได้."

พวกเขาที่ราวกับรับรู้ความปรารถนาของจงซานตั้งแต่ยังไม่ได้กล่าวแล้ว และยืนยันได้เมื่อครั้นที่เขาคุกเข่าลง พวกเขาที่ใช้สัมผัสเทวะตรวจสอบร่างของจงซานอย่างระเอียด.

"เจ้าก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนด้วยการใช้ยาอย่างงั้นรึ?"เทียนซวินจื่อขมวดคิ้วและสอบถามออกไป.

"ครับ ข้าเพิ่งได้รับเม็ดยาโพวจวินเมื่อไม่นานมานี้ทำให้สามารถก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนได้."จงซานตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา.

คนทั้งสามจ้องมองหน้ากันไปมา เสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อที่พร้อมใจกันขมวดคิ้วไปมา แม้ว่าจงซานจะดูฉลาดเฉลียว ทว่ากลับไม่เหมาะที่นำมาฝึกฝนสักเท่าใดนัก.

เห็นท่าทางของซือตี้และซือเหม่ย เทียนซวินจื่อก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมเผยยิ้มและกล่าวออกมาว่า "หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็มาเป็นศิษย์ของข้าก็แล้วกัน ให้ศึกษาพร้อมกับเหล่าศิษย์ระดับเซียนเทียนคนอื่น ๆ เป็นศิษย์ขั้นสาม หากว่าเจ้าดีพอ คงจะมีใครรับเจ้าเป็นศิษย์หลัก."

"ขอบคุณ ท่านประมุข."จงซานกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น.

จงซานที่กำลังนั่งหลับตาบำเพ็ญเพียร.

ตอนนี้จงซานได้เป็นศิษย์ของสำนักไคหยางแล้ว ซึ่งสำนักไคหยางนั้นมีอยู่ด้วยกันสามขุนเขา ขุนเขาไคหยาง ขุนเขาเหยี่ยนซาน และขุนเขาเสี๋ยจู๋ กู่ซ่างจื่อที่เป็นผู้นำขุนเขาเสี๋ยจู่นั้นจะรับเพียงแค่ศิษย์ที่เป็นผู้หญิง ส่วนเสวียนซวินจื่อผู้นำขุนเขาเหยี่ยนซานนั้นจะรับเพียงศิษย์ชายเท่านั้น ส่วนประมุขเทียนซวินจื่อผู้นำขุนเขาไคหยางนั้น ส่วนมากจะรับศิษย์ชายทว่าบ่อยครั้งก็มีศิษย์หญิงด้วยเช่นกัน.

ภายในสำนักไคหยาง จะมีประมุขและสองผู้นำขุนเขาซึ่งเป็นผู้ฝึกตนที่ก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณแล้ว.

โดยพวกเขาเป็นศิษย์ขั้นหนึ่ง ส่วนศิษย์ขั้นสองนั้นก็คือคนที่ก้าวไปถึงขั้นแกนทอง และศิษย์ขั้นสามคือคนที่อยู่ในระดับเซียนเทียนนั่นเอง สำนักไคหยาง พลังฝึกตนคือตัวกำหนดสถานะ ตราบเท่าที่สามารถทะลวงผ่านระดับ ก็จะสามารถกลายเป็นศิษย์ขั้นสองหรือขั้นหนึ่งได้.

จงซานที่เป็นหนึ่งในศิษย์ระดับสาม ในหนึ่งเดือนนี้ จงซานฝึกฝนรอคอยให้การคัดเลือกศิษย์ของสำนักไคหยางเสร็จสิ้น.

มีการจัดประลองชุมนุมประตูมังกรอีกหลายที่เหมือนกับที่จงซานเคยไป สำนักไคหยางนั้นเดินทางไปทุกสถานที่เพื่อที่จะเสาะหาศิษย์ที่เหมาะสมจากสถานที่ต่าง ๆ เข้ามา.

ผ่านไปหนึ่งเดือนทุกคนก็กลับสำนักเรียบร้อยแล้ว.

เทพธิดาจื่อซวินเป็นสมาชิกของสำนักไคหยาง ทว่าจงซานย่อมไม่กล้าที่จะสอบถามรายระเอียดเกี่ยวกับนาง.

หลังจากเสร็จสิ้นการบำเพ็ญ จงซานก็แต่งตัว พร้อมกับเดินทางไปยังลานฝึกที่อยู่ไกลออกมา.

ลานขนาดใหญ่บนขุนเขาไคหยาง เหล่าสมาชิกใหม่ต่างก็มารวมตัวกันในวันนี้.

ขณะที่จงซานมาถึงนั้น มีคนระดับเซียนเทียน 20 คนที่ได้มารวมตัวกันอยู่แล้ว และยังมีคนที่ยังไปไม่ถึงระดับเซียนเทียนอีกจำนวนหนึ่ง โดยมีชายในชุดคลุมสีม่วงกำลังออกคำสั่งจัดระเบียบทุกคนอยู่.

"เจ้า มาตรงนี้ เข้าแถวตรงนั้น รอเดี๋ยว ซีปั๋วและซีชู มายืนตรงนี้."ชายหนุ่มชุดม่วงที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.

ศิษย์พี่ของอาจารย์(ทั้งชายและหญิง) เรียกว่า 师伯 [shībó]

ศิษย์น้องของอาจารย์(ทั้งชายและหญิง) เรียกว่า 师叔 (shīshū) หรือเรียกว่าอาจารย์อา

จงซานที่เร่งรีบมายังตำแหน่งของตน ที่มีอยู่ด้วยกัน 20 คนแล้ว ก่อนที่จะมีคนเพิ่มทีละคน ๆ.

ท้ายที่สุด จงซานที่ลองนับศิษย์ใหม่ มีทั้งหมด 56 คน หรือกล่าวได้ว่า ครั้งนี้สำนักไคหยางได้รับศิษย์ใหม่จำนวน 56 คน.

หลังจากที่ทุกคนเข้าแถวดีแล้ว ชายชุดม่วงก็เริ่มกล่าวออกมา "นับจากวันนี้ พวกเจ้าทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของสำนักไคหยาง ที่เหล่าอาจารย์ได้คัดเลือกพวกเจ้ามาจากการประลองประตูมังกร โปรดจำไว้ว่า พวกเจ้าคือศิษย์ขั้นสาม หากต้องการเป็นศิษย์อันดับสองหรืออันดับหนึ่ง เพียงแค่อย่างเดียวคือต้องบำเพ็ญเพียรให้หนัก เมื่อพวกเจ้าก้าวไปถึงเซียนเทียนขั้นที่หกได้ สามารถสร้างแก่นแท้ได้แล้ว ในเวลานั้นถึงจะมีโอกาสได้รับเรียกเป็นศิษย์หลักของเหล่าอาวุโส ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าจะต้องเป็นศิษย์ขั้นสามของสำนักไคหยางไปตลอดชีวิต."

"ครับ."ทุกคนที่ตอบรับอย่างหนักแน่น.

ชายชุดคลุมสีม่วงรู้สึกยินดีไม่น้อยเมื่อเห็นเหล่าสมาชิกใหม่ที่ให้ความร่วมมืออย่างดี.

"ข้าเองก็อยู่ในระดับเซียนเทียน ทว่าข้าได้ก้าวไปถึงระดับ 7 แล้ว เป็นศิษย์พี่ลำดับ 9 ของพวกเจ้า เรียกข้าว่าหนานป่าเทียน สำหนักไคหยางของพวกเรานั้น มีบ้านหลายหลัง ทุก ๆ คนสามารถใช้เป็นที่พักได้ พวกเจ้าจำเป็นต้องใช้มันเพื่อฝึกตนและทะลวงระดับขั้นให้เร็วที่สุด มองตรงนั้น พวกเจ้าเห็นหรือไม่ นั่นคือหอตำรา?"หนานป่าเทียนที่ชี้ไปยังตำหนักขนาดเล็กที่อยู่ไกลออกไป.

"ครับ."ทุก ๆ คนที่ตอบรับ.

"หอตำรานั้น มีเคล็ดวิชามากมายสำหรับระดับเซียนเทียนของสำนักเรา ทุกคนมีเวลาสิบวัน พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้คัดลอกมันออกมา ทว่าอนุญาตให้พวกเจ้าค้นหาและจดจำพวกมันเอาไว้ได้ พวกเจ้าจงไปเสาะหาวิชาที่เหมาะกับตัวเอง หลังจากผ่านไปสิบวัน พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปอีก หอตำรานั้นจะเปิดสิบวันในทุกปี จากนั้นพวกเจ้าถึงจะมีโอกาสเข้าไปใหม่เพื่อค้นหาวิชาที่เหมาะสมกับตัวเองอีกครั้ง เข้าใจหรือไม่?"หนานป่าเทียนกล่าว.

"เข้าใจ."เหล่าสมาชิกใหม่ขานรับเสียงดัง.

หนานป่าเทียนที่ค่อนข้างพอใจกับสมาชิกใหม่ทีเดียว.

"เสี่ยวหนานซือ ดูเหมือนว่าเจ้าจะบรรยายเหมือนกับบิดาข้าเลยนะ!"เสียง ๆ หนึ่งที่ก้าวเข้ามาเอ่ยขัดหนานป่าเทียนไปชั่วขณะ.

ทุกคนที่มองตามเสียงดังกล่าว ก่อนที่จะเห็นหญิงสาววัยรุ่น ในชุดสีแดงดูแทบจะไม่ต่างจากตุ๊กตา ริ้วของชายผ้าไหมที่โบกสะบัดไปกับสายลม นางจ้องมองไปรอบ ๆ เหล่าศิษย์ใหม่ที่หนานป่าเทียนกำลังจัดแจงอธิบายเรื่องต่าง ๆ อยู่.

"ซือเหม่ย....."ใบหน้าของหนานป่าเทียนเปลี่ยนไปในทันที.

"หืม?"สายตาข่มขู่ของสาวน้อยแก่นแก้วมองหาเรื่องหนานป่าเทียน.

"ซือ...ซื่อเจี่ย."หนานป่าเทียนที่เผยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น.

"อืม."สาวน้อยที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตาแสดงท่าทางภาคภูมิออกมา.

"หลิงเอ๋อ."ทันใดนั้นเสียงที่ดังก้องจากท้องฟ้าปรากฏขึ้น เข้ามาขวางนาง.

ทุก ๆ คนที่จ้องมองตามก่อนจะเห็นว่าเป็นประมุขและผู้นำทั้งสองที่อยู่บนก้อนเมฆ ด้านหลังของพวกเขานั้นมีคนกว่ายี่สิบคนที่เหินมาด้วยอาวุธวิเศษต่าง ๆ ซึ่งคนที่กล่าวออกมาเสียงดังก็คือเทียนซวินจื่อ.

"เตี่ย ก็ถูกแล้วไง เกี่ยวกับกฏของสำนักไคหยาง ใครที่มีพลังเหนือกว่าก็จะมีตำแหน่งสูงกว่า ข้ามีระดับ 8 เซียนเทียนแล้ว ผิดตรงใหนที่จะให้เขาเรียก ซือเจี่ย?"สาวน้อยที่เหมือนตุ๊กตากล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก.

"เอาล่ะ พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กัน เจ้าเงียบได้แล้ว "เทียนซวินจื่อที่ส่ายหน้าไปมา ราวกับว่าเขาไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับบุตรสาวของตัวเองได้เลย.

"หึ!"สาวน้อยแสนซนที่สะบัดหน้าพร้อมกับเดินไปอยู่ด้านข้างเทียนซวิงจื่อ.

เทียนหลิงเอ๋อ? ทุกคนต่างก็ชำเลืองมองไปยังสาวน้อยที่เหมือนตุ๊กตานั่น ตระหนักได้ว่าแท้จริงนางก็คือบุตรสาวของท่านประมุขนั่นเอง.

หลังจากที่ใคร่ครวญตรวจสอบศิษย์ทั้ง 56 คนแล้ว เทียนซวินจื่อก็กล่าวต่อ "หนานป่าเทียนเจ้าคงจะอธิบายไปหมดแล้วสินะ เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนจะมีโอกาสไปเลือกเคล็ดวิชาที่หอตำราสิบวัน จากนี้ต้องฝึกฝนด้วยตนเอง อีกหนึ่งปี พวกเราจะมาประเมินความก้าวหน้าของพวกเจ้าอีกครั้ง."

"ครับ."ทุก ๆ คนต่างตอบรับอย่างแข็งขัน.

"อืม."เทียนซวินจื่อพยักหน้า.

จากนั้น เทียนซวินจื่อ เสวียนซวินจื่อ กู่ซ่างจื่อ ก็จากไป จากนั้นเหล่าผู้ติดตามแต่ล่ะคนต่างก็ออกมาให้คำแนะนำเหล่าศิษย์ใหม่.

เป็นศิษย์ขั้นสองกลุ่มหนึ่งที่พยักหน้าให้กัน พวกเขาจ้องมองไปยังจงซานที่ยืนอยู่ห่างออกไป เห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขาได้เอ่ยถึงเกี่ยวกับเรื่องของชิ้นส่วนหยก.

สาวน้อยร่างตุ๊กตา เทียนหลิงเอ๋อและหนานป่าเทียนเองก็จ้องมองไปยังทิศทางของจงซานด้วยความใคร่รู้เช่นกัน.

ประมุขและผู้นำทั้งสองที่อยู่บนเมฆนั้นได้เหินไปยังทิศทางหนึ่ง ตามความทรงจำของจงซาน ทิศทางดังกล่าวนั้นเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับสำนักไคหยาง.

พวกเขากำลังออกไปนอกสำนักอย่างงั้นรึ?

สาวน้อยแก่นแก้ว เทียนหลิงเอ๋อ ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทว่าเทียนซวิงจื่อนั้นไม่บอกอะไรกับนางเลย นางที่ไม่ค่อยพอใจนักจากนั้นก็หันหน้าจ้องมองไปยังจงซานด้วยความอยากรู้.

"เอาล่ะ พวกเจ้าเดินทางไปยังหอคัมภีร์เพื่อเลือกวิชาที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว."เหล่าศิษย์ระดับสองขั้นแกนทองคนหนึ่งกล่าว.

"ครับ."ทุกคนต่างก็ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง.

หลังจากที่เหล่าศิษย์ระดับสองที่ออกมาทักทายกล่าวต่อทุกคน ทุกคนต่างก็เป็นศิษย์ที่พวกเขาได้คัดเลือกมาจากการประลองประตูมังกร หลังจากที่ให้คำแนะนำทุกคนก็ได้ปล่อยศิษย์ใหม่เดินทางไปยังหอตำรา.

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาได้ทำการแนะนำวิธีการเลือกวิชาต่าง ๆ สำหรับศิษย์ใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าศิษย์ใหม่เหล่านี้หากว่าสามารถที่จะทะลวงผ่านระดับไปได้ก็จะกลายเป็นหน้าเป็นตาให้กับพวกเขา

หลังจากที่ได้รับคำแนะนำต่าง ๆ เหล่าศิษย์ระดับสองขั้นแกนทอง ทุกคนก็บินจากไปทีละคน ๆ.

จงซานที่ได้แต่หัวเราะให้ตัวเองไม่มีใครที่ต้องการให้คำแนะนำกับเขาเลย ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจะให้คำแนะนำเฉพาะคนที่พวกเขาได้รับมาจากการคัดเลือกประตูมังกรเท่านั้น.

ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินทางตรงไปยังหอคัมภีร์เลย.

"เจ้าคือจงซานอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวหยุดเขาด้วยความอยากรู้.

เห็นสาวน้อยผู้งดงามเหมือนกับตุ๊กตา จงซานพยักหน้าตอบรับทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป.

"ข้าต้องการถามเจ้า เจ้ามอบหยกอะไรให้กับบิดาของข้า? สิ่งที่เจ้านำมานั้นทำให้บิดาข้าและอาจารย์อาปรึกษาพูดคุยกันนับเดือนก่อนที่จะตัดสินใจออกไปด้านนอก?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกไป.

"อืม?"จงซานที่จ้องมองเทียนหลิงเอ๋อด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"ข้าไม่รู้สิ่งใดเช่นกัน ข้าเพียงแต่ทำตามคำขอร้องของอาวุโสเท่านั้น เขาให้นำมันมาที่นี่."จงซานที่กล่าวออกไปตามจริง.

"หากเจ้าบอกกับข้านะ ข้าจะบอกความลับเกี่ยวกับหอตำราให้กับเจ้า.

"ความลับ?"จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อด้วยความประหลาดใจ.

"ใช่แล้ว ท่านอากูซ่างบอกกลับข้าเองเลย มันจะช่วยเจ้าค้นหาวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหลายพันวิชาในหอตำราได้.."เทียนหลิงเอ๋อที่กระซิบออกไปเบาๆ.

"หืม จริง ๆ รึ?"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

"ใช่แล้ว เป็นความจริงแน่ ข้าเคยบอกเสี่ยวหนานมาก่อน เจ้าดูซิ ตอนนี้พลังฝึกตนของเขาพัฒนารวดเร็วขนาดใหน ใช่ใหม่ เสี่ยวหนาน?"เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังคนอีกคนที่อยู่ห่างออกไป.

"ใช่แล้ว ซือเจี่ย."หนานป่าเทียนที่แสดงท่าทางกระอักกระอ่วนตอบกลับมา.

หลังจากที่ได้ยินคนทั้งสองกล่าว จงซานที่เริ่มครุ่นคิด เขารู้ว่าการการเลือกเคล็ดวิชานั้นมีความสำคัญต่อพัฒนาการมาก ซึ่งมันจะช่วยลดปัญหาความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูกได้ นอกจากนี้ เขาเองยังไม่มีใครแนะนำอะไรให้เลย การได้รับเคล็ดวิชาชั้นยอดจึงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็น.

ทว่า จงซานนั้นไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับหยกชิ้นนั้น เขาจะบอกคนเหล่านี้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้เสียเหล่าแนะ จงซานอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่แน่ใจว่าจะทำเช่นไร.

เห็นท่าทางอยากรู้ของคนทั้งสอง ดูเหมือนว่าเรื่องดังกล่าวนี้นอกจากท่านประมุขและผู้นำทั้งสอง คงไม่มีใครรู้เรื่องรายระเอียดอย่างแน่นอน เช่นนั้น บางทีเขาควรที่จะแต่งเรื่องบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับเคล็ดวิชาที่ดีที่สุด อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราวก่อน ไว้วันข้างหน้าเขาค่อยขออภัยและหาสิ่งทดแทนพวกเขาทีหลัง.

"สิ่งดังกล่าวนี้ พวกท่านต้องสัญญาด้วยนะว่าห้ามบอกใคร หากว่าข้ากล่าวออกไป."จงซานที่แสร้งแสดงท่าทางเป็นจริงเป็นจังดวงตาเป็นประกาย.

เห็นท่าทางลึกลับของจงซาน ดวงตาของเทียนหลิงเอ๋อที่เบิกกว้าง นางที่รู้ว่าเรื่องนี้จะต้องน่าอัศจรรย์ใจแน่นอน หนานป่าเทียนที่ยืนนิ่งแม้ว่าจะทำท่าทางไม่สนใจกับความลับดังกล่าว ทว่าสายตานั้นกลับปิดไม่มิด.

"เป็นอาวุธวิเศษ เป็นอาวุธวิเศษที่ทรงพลังมาก."จงซานที่จ้องมองไปยังคนทั้งสองพลางกระซิบบอก.

"โอ้ว?"ดวงตาของเทียนหลิงเอ๋อที่เปล่งประกายลุกวาวทันทีที่ได้ยินว่าอาวุธวิเศษ.

"อาวุธวิเศษนี้ถูกเรียกว่า "เมฆเหินหาว" ข้าได้ยินมาว่าหากว่ามีมันในครอบครองล่ะก็ เพียงแค่ตีลังกาครั้งเดียว สามารถเดินทางไปได้ไกลนับหมื่นลี้."จงซานนั้นมีวาทศิลป์ในการเจรจาทางการค้า ทั้งท่าทางและคำพูด ที่ยากจะมีคนสามารถแยกแยะได้.

เทียนหลิงเอ๋อที่อ้าปากหวอด้วยความอัศจรรย์ใจทีเดียว.

หนานป่าเทียนเองก็แสดงท่าทางไม่อยากเชื่อเช่นนั้น เมฆเหินหาว? ตีลังกาครั้งเดียวไปไกลนับหมื่นลี้เลยรึ?

"อืม ๆ ข้าเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก ข้าไม่เคยเห็นว่าแท้จริงในชิ้นส่วนหยกนั้นมีอะไรบ้าง ทว่านี่ก็แค่สิ่งที่ข้าได้ยินมาเท่านั้นและเรื่องที่ข้าได้กล่าวออกไปนี้ อย่าได้บอกใครเป็นอันขาด. "จงซานที่กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง.

"อืม ๆ "เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้าอย่างหนักแน่น.

หนานป่าเทียนที่จ้องมองจงซานด้วยความสงสัย.

"เช่นนั้น ข้าจะเลือกเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไร?"จงซานสอบถามเทียนหลิงเอ๋อ.

"วิชาชั้นยอดอย่างงั้นรึ? โอ้ว ใช่แล้ว หลังจากที่เจ้าเข้าไปในหอคัมภีร์แล้ว เคล็ดวิชาใหนที่เขียนด้วยลายมือสีขาวพื้นสีดำ นั่นคือวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุด "เทียนหลิงเอ๋อที่รักษาสัญญาของนาง.

"อืม ขอบคุณมาก."จงซานกล่าว จากนั้นเขาก็ลาคนทั้งสองก่อนที่จะเร่งรีบเดินทางไปยังหอคัมภีร์ในทันที.

ทิ้งให้คนทั้งสองกำลังงงงวย ประหลาดใจกับสมบัติวิเศษเมฆเหินหาวไป.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด