ตอนที่แล้วChapter 107 หนี่ปูซา.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 109 จงซาน ปะทะ หนานป้าเทียน.

Chapter 108 บินครั้งแรก.


"ราชวงศ์หยินเย่วอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นบาดแผลบนใบหน้าเจ้า เป็นผลมาจากกับการรบกับกองทัพราชวงศ์หยินเยว่อย่างงั้นรึ? "จงซานที่ขมวดคิ้วจ้องมองไปยังหนานป้าเทียน.ซึ่งมีรอยแผลเป็นลากยาวลงมา.

"ใช่แล้ว ราชวงศ์หยินเยว่นั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ข้าอยู่กองกำลังที่ 17 มีจำนวน 300 คน ขุนพลของพวกเราอยู่ในระดับแกนทอง แต่แล้วก็ยังพ่ายแพ้ ยกเว้นข้าคนเดียวที่โชคดี ทุกคนถูกจัดการไปทั้งหมด."ดวงตาของหนานป้าเทียนที่แสดงท่าทางโศกเศร้าเป็นอย่างมาก.

จงซานที่ถอนหายใจ พร้อมกับรินน้ำชาให้กับหนานป้าเทียน สงครามนั้นไร้จิตใจ มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ทุกคนที่ห้ำหั่นกันไม่มีความปราณีแน่นอน พวกเขาต่างสังหารกันอย่างบ้าคลั่ง เข้าสังหารอีกฝ่ายเพื่อให้ตกตายไปโดยไร้ซึ่งจิตใจ.

"เจ้ารอดมาก็ดีแล้ว หากว่าศิษย์พี่เช่นเจ้าตายจากไป ศิษย์รุ่นนี้จะเป็นอย่างไรกัน."จงซานกล่าว.

"อืม"ได้ยินคำปลอบใจของจงซานก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเช่นกัน.

"เช่นนั้นทิศตะวันออกล่ะ?"จงซานที่เอ่ยปากถาม.

"ทิศตะวันออกรึ? ทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกเรียกว่า ดินแดนหมาป่า สิบวันหลังจากนี้ คือสถานที่เจ้าต้องไป เป็นเหมือนชื่อ เกาะหมาป่าสวรรค์ กล่าวอีกอย่างหนึ่ง เกราะแห่งหนึ่ง คือดินแดนหมาป่าสวรรค์ โชควาสนาต่าง ๆ อยู่ทางตะวันออกของเกาะทางทิศตะวันออก ไม่มีสำนักใดกล้าไปตั้งสำนักที่นั่น ทางด้านทิศตะวันออกนั้น เป็นดินแดนหมาป่า แม้แต่ราชวงศ์หยินเยว่เองก็ยังไม่กล้าก้าวล่วงล้ำเข้าไป เพราะว่าอยู่ใต้การปกครองของหมาป่าที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นทวีปศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังหวั่นเกรงดินแดนหมาป่าสวรรค์ดังกล่าวด้วย."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"อย่างงั้นรึ?"จงซานที่แสดงท่าทางประหลาดใจ.

"ข้าเองก็ไม่รู้ชัดเจนนัก เรื่องของทิศตะวันออกนั้นมีน้อยมาก เป็นดินแดนหมาป่าที่ร้ายกายมาก และยังเป็นผู้ฝึกตนหมาป่าที่ทรงพลังไม่น้อย และยังมีหมาป่าที่มีพลังฝึกตนสูงจำนวนไม่น้อยเลย"หนานป้าเทียนกล่าว.

"มากขนาดนั้นเลยรึ?"เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าหมาป่าจะมีพลังฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณเป็นจำนวนไม่น้อย เป็นดินแดนหมาป่าที่น่าหวาดกลัวขนาดนั้นเลยรึ?

"อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ว่าแต่สองปีมานี้พลังฝึกตนของเจ้าเร็วมาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ในระดับหกเซียนเทียนแล้ว พวกเราไม่ได้ประลองกันมานานแล้ว ลองดูหน่อยเป็นไง?"หนานป้าเทียนกล่าวออกมาในทันที.

"ลองดู? เจ้ามีพลังฝึกตนเท่าไหร่แล้วรึ?"จงซานสอบถาม.

"ระดับเก้าเซียนเทียน อีกก้าวเดียวก็จะไปถึงระดับสิบเซียนเทียนแล้ว."หนานป้าเทียนที่กล่าวอย่างมั่นใจ.

"ดีเลย."จงซานที่รับคำ เขาเองก็ต้องการที่จะสู้ด้วยเหมือนกัน.

"พรุ่งนี้ตอนบ่ายที่ลานฝึก ยอดเขาไคหยางเป็นอย่างไร."หนานป้าเทียนกล่าว.

"เป็นไปตามนั้น."จงซานที่พยักหน้าตอบรับ.

จากนั้น หนานป้าเทียนก็จากไป ไม่ว่าจะเป็นจงซาน หรือหนานป้าเทียนย่อมไม่สามารถประมาทได้ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีระดับพลังต่างกัน ทว่าก่อนหนานี้หนานป้าเทียนต่างก็รับรู้ได้ว่าจงซานนั้นแข็งแกร่งมีทักษะมากมาย ยากที่จะเอาชนะได้ง่าย ๆ .

หนานป้าเทียนรับรู้ได้ด้วยว่าจงซานนั้นมีทักษะบางอย่างที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้ การประลองครั้งนี้ไม่สามารถบอกผลได้เลย.

เมื่อหนานป้าเทียนจากไปแล้ว จงซานนำแกนเมฆาที่ได้รับจากเทียนซวินจื่ออกมา.

แกนเมฆานั้น เป็นของวิเศษจากสวรรค์ เป็นสมบัติหายาก แน่นอนว่าหากไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณก็ยากที่จะสามารถหาสิ่งของเช่นนี้มาได้.

ผ้าแพรไหมแดงของเทียนหลิงเอ๋อ ทำไมถึงสามารถบินได้ นั่นก็เพราะว่าได้หลอมแกนเมฆาลงไปนั่นเอง ซึ่งนั่นจึงเป็นเหตุให้จ้าวโส่วเซี่ยงที่มีพลังฝึกตนเท่ากับนางแต่ไม่สามารถใช้หอกเหินบินได้นั่นเอง.

มีเพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับก่อตั้งวิญญาณ เมื่อมีจิตวิญญาณก่อเกิด จะสามารถโบยบินไปบนท้องฟ้าได้ ทว่าก็ยังมีระดับแกนทองที่สามารถใช้ของวิเศษเหินได้เช่นกัน.

ผู้เชี่ยวชาญระดับแกนทอง สามารถที่จะควบคุมกระบี่ให้ลอยออกไปสังหารเหล่าศัตรูได้ รวมทั้งควบคุมกระบี่ให้บินได้ ทว่าอย่างน้อยก็ต้องก้าวไปถึงแกนทองขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ยังไม่สามารถบินได้นานหรือระยะทางไกลเท่าใดนั้น นอกเสียจากว่าหลอมแกนเมฆาเข้ากับกระบี่เหิน ถึงจะทำให้พวกเขาสามารถบินไปมาได้อย่างอิสระ.

ก่อนหน้านี้จงซานเห็นวิธีการควบคุมกระบี่เหินของเหล่าผู้ฝึกตนระดับแกนทองมาแล้ว ที่จริงส่วนใหญ่ได้ผสานเข้ากับแกนเมฆามาทั้งนั้น.

แกนเมฆานั้นนับว่าเป็นของวิเศษที่หายากมาก ศิลาวิญญาณ 100,000 ยังไม่สามารถซื้อได้เลย ดังนั้นจึงถูกนับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งาน สามารถใช้บินได้เป็นเวลาแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น จากนั้นก็จะสลายไป.

จงซานที่นำดาบฝันร้ายอกมา ก่อนที่จะนำมันไปวางบนดาบฝันร้าย ดูเหมือนว่าแกนเมฆานั้นจะเป็นเหมือนกับของเหลวที่นุ่มนวล เวลานี้มันได้ซึมเข้าไปในตัวดาบช้า ๆ .

จงซานและดาบยักษ์นั้นเชื่อมต่อเข้าด้วยสัญญาโลหิต ทำให้แกนเมฆาผสานเข้ากับมันช้า ๆ  และจงซานสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดผ่านพันธสัญญาได้ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมได้ด้วย.

ด้วยการปล่อยมือ พร้อมกับควบคุมผ่านจิตใจ ดาบยักษ์ของเขาก็ลอยอยู่บนอากาศอย่างคาดไม่ถึง ลอยนิ่งงันไม่ขยับ.

ความรู้สึกที่ค่อนข้างประหลาดใจ เหมือนดังที่อาจารย์กล่าวเอาไว้ด้วยการใช้สัมผัสเทวะในการควบคุม ก็จะทำให้เขาสามารถควบคุมดาบยักษ์ของเขาได้ เหมือนดั่งเช่นชายชราในพิษเหมันต์ที่เขากับหลิงเอ๋อไปเจอมา เขามีสัมผัสเทวะที่แข็งแกร่งมาก สามารถควบคุมร่างของจงซานและหลิงเอ๋อได้ ดูหมือนว่าแกนเมฆา คือของวิเศษที่ทำให้สามารถใช้สัมผัสเทวะได้ดีขึ้น ทำให้เขาสามารถควบคุมดาบยักษ์ของเขาได้ ไม่จำเป็นต้องถือด้วยมือก็สามารถควบคุมมันได้.

ปรกติการจะใช้สัมผัสเทวะควบคุมสิ่งของให้ได้นั้นอย่างน้อยก็ต้องมีระดับก่อตั้งวิญญาณเท่านั้นถึงจะทำได้.

ดูเหมือนว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่ มีเรื่องที่แปลกประหลาดมากมาย โดยเฉพาะแกนเมฆาช่างเป็นอะไรที่ล้ำลึกเป็นอย่างมาก.

จงซานที่ก้าวขึ้นไปบนดาบยักษ์ของเขาเบา ๆ  ดูเหมือนว่ามันจะสามารถพยุงร่างกายของเขาได้ พร้อมที่จะบินแล้ว.

อัศจรรย์!ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ .

เขาสามารถที่จะควบคุมดาบยักษ์ ให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าได้.

ฟิ้ว!

จงซานที่เหิน ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาพยายามควบคุมร่างกายของเขาอย่างระมัดระวังไม่ให้หล่นลงมาจากดาบยักษ์ ดูเหมือนว่าการบินไปบนท้องฟ้าด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ .

"อ๋า!!"

การบินบนท้องฟ้า ช่างเป็นฝันที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ  เขาไม่คาดไม่คิดมาก่อนเลย? ใครจะรู้ว่าจะสามารถบินบนท้องฟ้าได้? จงซานสามารถบินได้แล้ว แม้ว่าเขาจะมีอายุแปดสิบสองปีแล้ว ทว่าในเวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นเหมือนกัน.

ด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทำให้จงซานบินตะลอนไปทั่วสำนักไคหยางด้วยความเร็ว ด้วยการรับรู้ของจงซาน ทำให้เขาสามารถบินไปมาด้วยความเร็วได้อย่างเชี่ยวชาญในเวลาเพียงไม่นาน ด้วยเวลาไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น เขาก็ได้ทดสอบวิธีการบินในท่วงท่าต่าง ๆ มากมาย จนชำนาญ ซึ่งเป็นความสามารถที่ยากที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้.

เขาที่บินไม่หยุดเลยตลอดสี่ชั่วโมง จงซานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะร่อนลงมายังติงสุ่ยเซี่ยของเขา เพื่อที่จะพักผ่อนเตรียมประลองในวันพรุ่งนี้.

ทว่าการบินของจงซานในสำนักไคหยางนั้น มีคนจ้องมองดูอยู่หลายคนเช่นกัน.

เทียนซวินจื่อที่อยู่บนยอดเขาไคหยาง จ้องมองระดับการเรียนรู้ของจงซานนั้นทรงพลังมาก ภายในใจของเขาได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับลูบเคราไปมา ภายใต้สายตาของเขาถือว่าน่าพึงพอใจเหมือนกัน.

เพียงแค่การบินครั้งแรก คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำได้ขนาดนี้?ด้วยการเคลื่อนไหวต่าง ๆ  ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีเชาว์ปัญญาที่เหนือจากคนอื่นทั่วไปมาก.

ยอดเขาเสี๋ยจู๋ เป่ยชิงซือที่ยืนอยู่ด้านหลังกู่ซ่างจื่อ จ้องมองจงซานที่อยู่ไกลออกไป ภายในสายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน.

ลึกเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่ง เนี่ยชิงชิงที่เห็นจงซานกำลังบินอยุ่ ในสายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ นางที่หยิบก้อนกวาดขึ้นมากำแน่น หลายต่อหลายครั้งนางต้องการที่จะปามันออกไป ทว่าท้ายที่สุดก็ทนเอาไว้ได้.

เทียนชาและศิษย์น้องคนอื่น ๆ ที่อยู่ในที่เดียวกัน เห็นการบินของจงซานแล้ว ภายในสายตาก็ประหลาดใจ และยังมีจิตสังหารแผ่ออกมาด้วย.

จงซานที่กลับมายังติงสุ่ยเซี่ย นั่งสมาธิและบำเพ็ญโคจรพลัง จงซานที่รู้มาก่อนแล้ว เขาไม่สามารถเอื่อยเฉื่อยปิดบังได้อีกต่อไป ด้วยครั้งนี้เขาสามารถบินได้ คนอื่นจะทนได้อย่างงั้นรึ?ดูเหมือนว่าในเวลานี้เขาควรที่จะต้องแสดงความแข็งแกร่งให้คนอื่น ๆ ได้เห็นบ้าง?

เช้าวันถัดมา ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าว การประลองของจงซานและหนานป้าเทียนที่ลานฝึกยอดเขาไคหยาง มีศิษย์ขั้นสามมากมายมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าการประลองนี้ศิษย์ขั้นสองระดับแกนทองจะไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ทว่าเหล่าศิษย์ขั้นสามแทบทุกคนต่างก็สนใจเป็นอย่างมาก หนานป้าเทียนนั้นเป็นศิษย์ขั้นสามลำดับที่สาม ทุกคนต่างก็รู้ดี นอกจากนี้ยังมีพลังฝึกตนระดับเก้าเซียนเทียน การประลองครั้งนี้ เขาจะทำการต่อสู้กับระดับหกเซียนเทียน ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นกันทั้งนั้น?

ศิษย์ใหม่ขั้นสามที่เข้ามาภายในสองปี ดูน่าสนใจมาก สามารถก้าวไปถึงระดับหกเซียนเทียนได้อย่างงั้นรึ?ก่อนหน้านี้เขาที่มีระดับสามสามารถล้มระดับสี่เซียนเทียนและได้รับมุกคงหลิงไป ตอนนี้กลับสามารถก้าวไปถึงระดับหกเซียนเทียนได้.

ทว่าในเวลานี้ พวกเขาต่างก็รับรู้ได้ดีว่าระดับของทั้งสองนั้นในการประลองครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงต่างกันระดับเดียวแล้ว แต่แตกแตกต่างกันมาก จงซานที่มีระดับหกจะสามารถต่อกรกับศิษย์พี่ระดับเก้าเซียนเทียนได้จริง ๆ รึ?

ดังนั้น ลานฝึกยอดเขาไคหยางตอนนี้จึงมีศิษย์ขั้นสามมากมายนับไม่ถ้วน กำลังยืนรอเฝ้าดูการประลองของทั้งคู่อยู่.

ดูเหมือนว่าข่าวนี้เทียนซวินจื่อและเสวียนซวินจื่อเองก็สนใจ พวกเขาที่ยืนอยู่บนยอดเขา กวาดตามองลงมา ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นศิษย์ของพวกเขา.

"ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าป้าเทียนจะชนะไหม?"เสวียนซวินจื่อที่สอบถามออกมาด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวล.

"ผลนั้นไม่สามารถบอกได้ แต่เจ้าก็มั่นใจว่าป้าเทียนจะชนะไม่ใช่รึ? ดุเหมือนว่าเจ้าจะไม่คิดว่าจงซานจะมีโอกาสชนะเลย?"เทียนซวินจื่อส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้มอย่างนุ่มนวล.

"ที่จริงแล้วข้าเห็นวิชาทักษะของจงซานที่เคยแสดงออกมา ค่อนข้างล้ำลึกและดูเหมือนว่าแกนแท้ของเขาเองก็แปลกประหลาดด้วย ทว่าป่าเทียนเองก็มีไม้ตายที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน.

"ป้าเทียนนั้นไม่เจอคนที่มีระดับเก้าเซียนเทียนที่พอจะเป็นคู่ฝึกให้กับเขาได้ แต่เขาก็ประเมินค่าของจงซานที่มีระดับหกเซียนเทียนว่ามีระดับเท่ากัน นอกจากนี้ข้าคิดว่าการที่เขาเข้าร่วมสงครามมา ทำให้เขาได้รับประโยชน์ ไม่เพียงแต่มีสายโลหิตที่ไม่ธรรมดา เวลานี้นับว่าแข็งแกร่งทีเดียว แต่ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ก็ยังยากที่จะคาดเดาได้."เทียนซวินจื่อที่พยักหน้าเผยยิ้มอย่างนุ่มนวล.

"จงซานยกเว้นพรสวรรค์ด้านร่างกายที่ย่ำแย่ ทว่าการเรียนรู้ของเขานั้นน่าหวาดกลัวมาก อาจนับได้ว่าเขาเป็นคนที่โดดเด่นเลยทีเดียว ในเมื่อหนานป้าเทียนเลือกเขา แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็ร้ายกาจพอที่จะเป็นคู่มือให้กันได้ เหล่าศิษย์ระดับสามเองก็ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจไม่น้อย และจะเป็นประสบการณ์ให้พวกเขาได้เรียนรู้ ต้องไม่ลืมว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมสำนักไคหยางของพวกเรา."เสวียนซวินจื่อพยักหน้า.

"อืม."เทียนซวินจื่อก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน.

การประลองในวันนี้ เทียนชาไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย หนำซ้ำเขายังดูแคลนการประลองในระดับเซียนเทียนอีกด้วย ทว่าเป่ยชิงซือนั้นได้แอบอยู่มุมหนึ่ง เนี่ยชิงชิงเองก็อยู่ในป่าสีเขียวจ้องมองมา สำหรับจงซานแล้ว เนี่ยชิงชิงไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย นางต้องการรู้ว่าคนผู้นี้พิเศษ หรือน่าสนใจตรงใหน หลิงเอ๋อถึงได้หลงหัวปักหัวปำ.

เวลาบ่ายก็มาถึง.

จงซานที่ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของฝูงชน.

รอบ ๆ ลานฝึกของสำนักไคหยางตอนนี้ มีศิษย์ขั้นสามมากมายรายล้อมไปหมด จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าเขาที่มารอที่ใจกลางลานแล้ว ตอนนี้กำลังยืนตระหง่าน โดยมีดาบยักษ์ปักเอาไว้ด้านหน้า หลับตารอคอยเวลา.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด