ตอนที่แล้วChapter 106 ความยินดี.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 108 บินครั้งแรก.

Chapter 107 หนี่ปูซา.


"จงซาน!!!"เป่ยชิงซืออุทานออกมาเสียงดัง.

จงซานที่ประคองกายลุกขึ้น ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยท่าทางรู้สึกผิด "ครั้งนี้ ข้ามาก่อนจริง ๆ นะ."

จงซานไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไร ขณะที่มองชั่วครู่และเร่งรีบหันหน้าไปอีกข้างก็กล่าวออกไปก่อน เขาที่คิดว่านางคงโกรธและเกลียดเขา ไม่คิดเลยว่าใบหน้าของนางเวลานี้จะมีสีแดงระเรื่อ.

นางที่นำเสื้อผ้าออกมาจากกำไลเก็บของอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเร่งรีบสวมชุดของนาง นางที่รู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก.

"เอาล่ะ หันหน้ากลับมา."ใบหน้าของนางที่ขวยเขินพร้อมกับจ้องมองไปยังจงซาน.

ทว่าจงซานที่หันหน้ากลับมา เห็นแววตาของนางที่มีสายตาที่โกรธอยู่เหมือนกัน.

ทว่าจงซานก็รู้ว่าเป่ยชิงซือคงจะไม่สังหารเขา แต่ว่าใบหน้าของนางในเวลานี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก มันคือความผิดพลาดจริง ๆ  เขาไม่ได้ตั้งใจ.

"ข้าหวังว่าเจ้าจะมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล "เป่ยชิงซือจ้องมองไปยังจงซาน แม้ว่านาจะพูดไปเช่นนั้นก็ตาม ทว่าเป่ยชิงซือก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจของนางไม่ได้ต้องการตำหนิอะไรเขาเท่าใดนัก.

เห็นสายตาที่นางจ้องมองมายังเขาว่าต้องการคำอธิบาย ทั้งที่นี่เป็นเรื่องบังเอิญเขาจะอธิบายออกไปอย่างไรดี.

ค่อนข้างจะพูดไม่ออกเหมือนกัน จงซานจึงได้กล่าวออกไปว่า"หากข้าบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ เจ้าจะเชื่อwหม?"

เป่ยชิงซือ"....."

"แล้วเจ้ากลับมาเมื่อไหร่ล่ะ?"จงซานเปลี่ยนหัวข้อไปในทันที แม้ว่ามันจะดูน่าหงุดหงิด ทว่าจงซานรู้ดีว่าไม่ควรที่จะต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป.

เห็นท่าทางของจงซานแล้ว นางก็เข้าใจได้ดีว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เพราะว่านางที่เข้ามาในสำนักไคหยางนั้น ถึงจะรับรู้ว่านางเข้ามา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเข้ามาเตรียมตัวก่อนได้ และนางก็ตรงมายังบ่อน้ำร้อนเลย นอกจากนี้เป็นเรื่องที่ไม่งามนักที่หญิงสาวเช่นนางจะยังคงดึงดันพูดเรื่องเช่นนี้ต่อไป.

นางที่ถอนหายใจลึก และรู้สึกแปลกประหลาดในใจก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า"เพิ่งกลับมา."

ในเวลาเดียวกัน จงซานที่เห็นเสื้อผ้าของนางที่ถอดออกก่อนหน้า ซึ่งมีรอยฉีกขาด เปรอะเปื้อนไปหมด.

"เจ้าได้หลักฐานชิ้นที่สองแล้วอย่างงั้นรึ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะไปพบกับอันตรายกลับมา?"

"อืม ข้าได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทว่าหลักฐานชิ้นที่สามนั้น ข้าไม่สามารถที่จะไปในตอนนี้ได้ ข้าจำเป็นต้องมายืมสิ่งของบางอย่างจากท่านประมุข."เป่ยชิงซือที่พยักหน้า เรื่องดังกล่าวนี้นางไม่ต้องการเปิดเผยให้ใครรู้มากนัก ก่อนที่นางจะสะบัดมือเก็บชุดที่ขาดของนางกลับไปในทันที.

เห็นเป่ยชิงซือที่ขมวดคิ้วไปมา จงซานที่ก้าวเข้าไปหาช้า ๆ  ทว่าเป่ยชิงซือที่เห็นจงซานก้าวเขามา ใบหน้าของนางที่ตื่นตระหนกอยู่เล็ก ๆ  ทว่าก็ยังคงใจแข็งยืนอยู่จุดเดิม.

ขณะที่จงซานเดินเข้ามาใกล้ก็มองไปยังเป่ยชิงซือและเอ่ยปากออกมาอย่างนุ่มนวลว่า"การไปหาหลักฐานชิ้นที่สาม เจ้ามีแผนการจะไปเมื่อไหร่รึ?"

"ข้าจะต้องเร่งรีบเดินทางไปในทันที เพื่อที่จะลบล้างความผิดให้กับบิดาของข้า."เป่ยชิงซือที่กล่าวอย่างหนักแน่น.

"เจ้าไม่รอก่อนรึ?อย่างน้อยก็ควรที่จะก้าวไปให้ถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ."จงซานที่กล่าวด้วยท่าทางเป็นห่วง.

เห็นจงซานที่แสดงความเป็นห่วงภายในใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นเช่นกัน สายตาของนางที่ดูอ่อนโยนและกล่าวออกมาว่า"ข้าไม่สามารถรอได้ พ่อข้าได้กลายเป็นกระดูกไปแล้ว ทว่าคนร้ายก็ยังลอยนวล ข้าจะต้องจัดการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้."

เห็นความดื้อรั้นของเป่ยชิงซือ จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ  "ดี เช่นนั้นขอให้เจ้าโชคดี."

"อืม ขอบคุณ."เป่ยชิงซือพยักหน้าให้.

"เอิ่ม เจ้าอาบน้ำเถอะ ข้าขอออกไปก่อน."จงซานที่จ้องมองไปยังบ่อน้ำร้อนและกล่าวต่อเป่ยชิงซือ.

ได้ยินคำพูดของเป่ยชิงซือใบหน้าที่ขาวใสก็กลายเป็นสีแดงอีกครั้ง ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา "ไม่จำเป็น ข้าต้องการไปพบท่านประมุขในทันที และจากนั้นก็จะกล่าวลาอาจารย์ของข้าด้วย."

"อืม ข้าจะไปพบกับท่านอาจารย์เช่นกัน เหมือนว่าเจ้าก็จะไปที่เดียวกัน.

"เจ้า?อาจารย์?"เป่ยชิงซือที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

"ถูกแล้ว ตั้งแต่ข้ากลับมา ดูเหมือนว่าจะได้รับโชค ท่านประมุขรับข้าเป็นศิษย์ในนามแล้ว หลังจากนี้ข้าไม่ต้องเรียกเจ้าว่าอาจารย์อาอีกแล้ว."จงซานที่พยักหน้ากล่าวออกมา.

อาจารย์อา?เป่ยชิงซือที่ส่ายหน้าไปมา."ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าเรียกข้าว่าชิงซือเถอะ."

"อืม ชิงซือ."จงซานกล่าวออกมา.

เป่ยชิงซือไม่ได้กล่าวสิ่งใด ทว่าใบหน้าที่ดูเย็นชาตลอดเวลาของนาง ก็เผยยิ้มที่งดงามออกมาเหมือนกัน.

นางที่สะบัดมือออกไป ธวัชทั้งสิบหกก็ลอยกลับมาอยู่ในมือของนาง ก่อนที่นางจะเก็บเข้าไปในกำไลเก็บของ เมื่อค่ายกลถูกยกเลือก หมอกทั้งหมดก็หายไปในทันที.

ทว่าในเวลาเดียวกันบนยอดเขาสูงนั้น สายตาของเทียนชาจับจ้องมองไปยังบ่อน้ำพุร้อนในหุบเขา เมื่อค่ายกลถูกยกเลิก เทียนชาก็ถอนหายใจเข้าลึก พร้อมกับความรู้สึกยินดี ทว่าทันในนั้นใบหน้าของเขาก็ถึงกับแข็งค้าง ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แทบหยุดหายใจไปพร้อม ๆ กัน.

เป็นไปได้อย่างไร?มันจะเป็นไปได้อย่างไร?มีผู้ชายคนหนึ่งออกมาด้วย?

จงซาน? เขาอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ด้วยรึ?ทว่าเป่ยชิงซือเข้ามาอาบน้ำ? เป็นไปได้ว่าเขาเข้ามาอยู่ในบ่อน้ำร้อนนี้ก่อนแล้วรึ?เทียนชาที่หายใจลึก ร่างกายสั่นสะท้าน จับจ้องมองไปยังจงซาน ภายในสายตาที่เต็มไปด้วยความหดหู่ ก่อนที่จะปล่อยจิตสังหารออกมา.

ทว่า จงซานยังโกรธเกรี้ยวไม่สุดเลยด้วยซ้ำ เป่ยชิงซือที่ไม่เคยให้ชายใดบินคู่ไปพร้อมกับนาง ในเวลานี้กลับมีจงซานอยู่ด้านหลังอย่างงั้นรึ?

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?เทียนชารู้ดีว่า เป่ยชิงซือเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์ ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้กระบี่เหินของนาง แทบจะไม่เคยมีชายใดได้สัมผัส ใครก็ตามที่เข้าใกล้นางมีเพียงตายเท่านั้น ในเวลานี้มันเกิดอะไรขึ้น? นางให้จงซานขึ้นไปบนกระบี่เหินของนางอย่างงั้นรึ?

เทียนชากำหมัดแน่น จ้องมองคนทั้งคู่เหินข้ามหุบเขาออกไป ภายในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชามืดมน.

เป่ยชิงซือนำจงซานไปด้วย ตรงไปยังเทือกเขาไคหยาง เข้าไปยังห้องโถงไคหยาง.

บางทีจงซานและเป่ยชิงซือถือว่าโชคดีเหมือนกัน เมื่อเดินทางมาถึงตำหนักไคหยาง เทวียนซวินจื่อก็อยู่ในห้องโถงไคหยางแล้ว นอกจากนี้ยังมีเสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อ ที่อยู่ในตำหนักไคหยางแห่งนี้เช่นกัน.

จงซานที่เดินเข้าไปในห้องโถงหลัก ทว่าเขาก็เห็นคนอีกคน ไม่ใช่เนี่ยชิงชิง ทว่าเป็นชายหนุ่ม เป็นบุรุษที่ดูเหี้ยมหาญ ผิวกายสีคล้ำกำยำ ที่ใบหน้าของเขายังปรากฏรอยมีดปรากฏขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นแผลเป็นที่เลยห่างออกมาจากดวงตาซ้ายของเขายืดยาวไปจนถึงปาก.

หนานป่าเทียน!

หนานป่าเทียนกลับมาถึงแล้วอย่างงั้นรึ?

ก่อนหน้านี้เทียนหลิงเอ๋อและหนานป่าเทียน พวกเขายังดูไร้เดียงสาอยู่เลย ตอนนี้ดูเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะสีผิวและร่างกายที่กำยำ ตลอดจนแผลเป็นบนใบหน้า ทำให้ดูแล้วน่าเกรงขามไม่น้อย ในหนึ่งปีมานี้ หนานป่าเทียนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยรึ?

ตอนแรกใบหน้าของหนานป่าเทียนที่ดูจริงจัง ทว่าหลังจากที่จงซานเดินเข้ามายังห้องโถงหลัก ใบหน้าของเขาก็ดูอ่อนโยนเล็กน้อย.

"ศิษย์จงซาน คารวะอาจารย์ คารวะอาจารย์อาทั้งสอง."จงซานที่ก้าวออกไปและกล่าวออกมาทันที.

"ชิงซือคารวะอาจารย์ คารวะท่านประมุขและอาจารย์อา."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยเช่นกัน.

"ชิงซือ เจ้ากลับมาเมื่อไหร่กัน?"กู่ซ่างจื่อที่เผยสีหน้าดีใจเล็กน้อย.

"ศิษย์เพิ่งกลับมาถึงวันนี้."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาในทันที.

"ระดับหกเซียนเทียน จงซาน เจ้าทะลวงผ่านระดับแล้วอย่างงั้นรึ?"เสวียนซวินจื่อที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

ทว่าเทียนซวินจื่อที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าพอใจด้วยเช่นกัน.

"ครับ ข้าโชดดีที่ได้ท่านอาจารย์แนะนำ."จงซานที่กล่าวออกมาทันที.

"อืม ดี จงซาน ข้าได้ตรวจสอบเจ้าก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเจ้ามีสภาพร่างกายที่ดีขึ้น ข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้าแล้ว ต่อไปเจ้าจะต้องทะลวงจุดชีพจรทั่วร่าง เพื่อให้แกนแท้โคจรผ่านชีพจรทั้งหมดได้ เมื่อนั้นแกนแท้ของเจ้าก็จะสมบูรณ์."เทียนซวินจื่อที่กล่าวด้วยความพอใจ.

เสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อจ้องมองไปยังจงซานด้วยแววตาที่ตื่นตะลึงเช่นกัน ด้วยพรสวรรค์ของจงซานนั้น พวกเขาทั้งคู่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ด้วยร่างกายเช่นนั้น เพียงแค่สองปี คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถสร้างแกนแท้ได้? เป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย.

หนานป่าเทียนที่อยู่ใกล้ ๆ  ดวงตาที่ส่องประกายวับวาว แสดงท่าทางดีใจกับจงซานด้วย.

"ท่านประมุข ชิงซือกลับมาครั้งนี้ ต้องการตราสัญลักษณ์ดินแดนหมาป่าจากท่านประมุขเพื่อที่จะไปทำภารกิจต่อ."เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ ดวงตาสาดประกายด้วยความหวัง.

เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมา ทุกคนถึงกับนิ่งงันไปตาม ๆ กัน สายตาของทุกคนที่ขวดคิ้วไปมา.

"เจ้าเก็บหลักฐานได้สองชิ้นแล้วอย่างงั้นรึ?"กู่ซ่างจื่อที่กล่าวออกมาพลางถอนหายใจ.

"ค่ะ ท่านอาจารย์ ทว่าตอนนี้เหลือชิ้นสุดท้ายแล้ว."เป่ยชิงซือที่กล่าวอย่างเคารพ.

"อืม."กู่ซ่างจื่อถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมกับมองไปยังเทียนซวินจื่อ.

"เจ้าต้องการไปพบเขาอย่างงั้นรึ?"เทียนซวินจื่อที่ระลึกความทรงจำ ภายในสายตาที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดและถอนหายใจ.

"ค่ะ ท่านประมุข เขาคือคนที่มีหลักหลักฐานชิ้นสุดท้ายของท่านพ่อ และมันก็เป็นชิ้นที่สำคัญด้วย."เป่ยชิงซือพยักหน้าขณะพูด.

เพียงแค่สะบัดมือหนึ่งครั้ง เทียนซวินจื่อก็นำตราสีขาวออกมา บนตรานั่น มีรูปหัวหมาป่ายักษ์อยู่ ในเวลาเดียวกัน ก็มีกลิ่นอายลึกลับที่ไม่ธรรมดาแผ่ออกมาจากมันด้วย.

เมื่อส่งตราดังกล่าวออกไป เทียนซวินจือก็เงียบไปซักครู่ จ้องมองไปยังตราดังกล่าว พร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง.

"จงซาน."เทียนซวินจื่อกล่าวออกมาในทันที.

จงซานขมวดคิ้วไปมา ไม่รู้ว่าทำไมเทียนซวินจื่อจึงเรียกเขา ทว่าเขาก็ตอบอย่างเคารพ "ครับ อาจารย์."

"สิบวันหลังจากนี้ เจ้าจงเดินทางไปยังเขตแดนหมาป่าพร้อมกับชิงซือ."เทียนซวินจื่อที่ขมวดคิ้ว.

"หืม? อาจารย์..."จงซานที่จ้องมองด้วยความสงสัยจ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ.

"สถานที่นางจะไปนั้น ชิงซือจะพาเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ไปพบกับบุคคลผู้หนึ่ง นางไปหาหลักฐาน ส่วนเจ้า เป็นตัวแทนข้าไปขอโทษเขา ขอให้เขาเดินทางกลับมายังสำนักไคหยาง."เทียนซวินจื่อที่ถอนหายใจยาว สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสึกบางอย่างที่อัดอั้น.

"ศิษย์พี่ ท่านต้องการให้เขาเดินทางกลับมาจริง ๆ รึ?"กู่ซ่างจื่อที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

"อืม หลิงเอ๋อโตแล้ว ทว่าศัตรูของอู๋โหยวยังไม่รู้จนมาถึงตอนนี้ ข้าไม่รู้ว่าใครคือศัตรู แม้ว่าในอดีตนั้นอู๋โหยวจะไม่ได้เลือกเขา ทว่า ข้าคิดว่าเขายังสลักอู๋โหยวเอาไว้ในใจของเขา ข้าต้องการแก้แค้นให้กับอู๋โหยว หากว่าข้าไม่ทำเช่นนี้ข้าเกรงว่าข้าจะจากโลกนี้ไปก่อนจะได้แก้แค้น ดังนั้นข้าจึงต้องการความสามารถของเขา เพื่อค้นหา แน่นอนถึงข้าไปด้วยตัวเอง แต่ใช่ว่าเขาจะให้ข้าเจอเขา ดังนั้น จงซานจึงเป็นตัวแทนของข้าแทน "เทียนซวินจื่อที่กวาดสายตาไปยังจงซาน.

"ครับ."จงซานที่เอ่ยปากออกมาในทันที.

"จงซานก็เป็นศิษย์ของข้า เทียนชาก็เป็นศิษย์ของข้า การเดินทางครั้งนี้ เจ้าจงเดินทางไปพร้อมกับเขา และนำเขากลับมาที่นี่ให้ได้."เทียนซวินจื่อที่กล่าวอย่างขึงขัง.

"ครับ ท่านอาจารย์ ศิษย์จะทำสุดความสามารถ."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"อืม ข้าเชื่อใจเจ้า เรื่องสุดท้าย นี่คือแก่นเมฆา มอบให้กับเจ้า ดูแลตัวเองให้ดี."เทียนซวินจื่อที่สะบัดมือหนึ่งครั้ง ก็นำวัตถุที่มีขนาดเท่ากับหนึ่งกำปั้น ดูเหมือนกับก้อนเมฆก้อนหนึ่ง.

เห็นของวิเศษดังกล่าว ภายในใจของจงซานปรากฏความสุขอยู่ไม่น้อย ทว่าก็ยังคงใจเย็นรับสิ่งของดังกล่าวมา "ครับ ไม่ทราบว่าอาจารย์จะบอกนามของอาวุโสให้กับข้าได้ทราบได้หรือไม่?"

เมื่อรับแกนเมฆา เพียงแค่สะบัดมือหนึ่งครั้งก็เก็บเข้ามาในกำไลเก็บของ พร้อมกับจ้องมองไปยังเทียนซวินจื่อ.

"เขามีนามว่า หนี่ปูซา."เทียนซวินจื่อที่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย.

หนี่ปูซา? จงซานที่ครุ่นคิดไปมา ท้ายที่สุดก็พยักหน้า

"เจ้าและป้าเทียนออกไปก่อน ชิงซืออยู่ก่อน."เทียนซวินจื่อกล่าว.

"ครับ."จงซานที่ตอบรับในทันที.

"อาจารย์ ศิษย์ไม่รบกวนแล้ว."หนานป้าเทียนกล่าวต่อเสวียนซวินจื่อ.

"อืม."เสวียนซวินจื่อพยักหน้า.

จากนั้น จงซานและหนานป้าเทียนก็ออกมาจากห้องโถงหลัก.

"ป้าเทียน เจ้ากลับมาเมื่อไหร่กัน?"เมื่อออกมาด้านนอกห้องโถง จงซานก็สอบถามออกมาทันที บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความดีใจ.

"ข้ากลับมาสองเดือนแล้ว แต่ไม่เห็นเจ้าเลย."หนานป้าเทียนที่ตอบกลับในทันที.

"อ๋อ ข้ากำลังรวบรวมแกนแท้อยู่ ฝึกฝนอยู่ที่ยอดเขาเหยียนซาน ไปเถอะ ไปยังติงสุ่ยเซี่ยของข้าก็แล้วกัน."จงซานกล่าว.

"ได้."หนานป้าเทียนที่พยักหน้า พวกเขาไม่ได้เจอกันนาน แน่นอนว่ามีเรื่องมากมายที่ต้องพูดคุยกัน.

ที่ด้านนอกที่พักติงสุ่ยเซี่ยของจงซาน ข้าง ๆ สระลึกมีโต๊ะหินอยู่.

จงซานและหนานป้าเทียนที่เคยนั่งพูดคุยกันอยู่เป็นประจำ บนโต๊ะนั้นมีชามรกตหนึ่งกาและแก้วสองใบ.

"เจ้าบอกว่าปีที่ผ่านมานั้น เจ้าเข้าร่วมกองทัพมาอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วสอบถามด้วยความสงสัย.

เข้าร่วมกองทัพ? การกลายเป็นทหาร? หนานป้าเทียนที่เข้าร่วมกองทัพเพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนหรือไม่? แน่นอนอยู่แล้ว นี่ก็เพียงเพราะหนานป้าเทียนต้องการโชควาสนาที่จะได้จากราชวงศ์.

"อืม ที่ภาคใต้มีค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง เห่าซานและมังกรเขา เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ทว่าในเวลานั้นข้าได้เดินทางไปทางเหนือแล้ว ไม่สามารถเดินทางมาภาคใต้ได้ และอาจารย์ได้บอกกับข้ามาก่อนแล้ว และที่นั่น ข้าก็ได้เข้าร่วมราชวงศ์จักรพรรดิต้าหมิง เป็นทหารแนวหน้าเข้าสู่สงคราม แผลเป็นที่บนใบหน้าของข้าเอง ก็เป็นแผลที่ได้จากสงครามเมื่อห้าเดือนที่แล้ว."

"ราชวงศ์ต้าหมิง? เจ้าลองเล่าสถานการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับพื้นที่รอบ ๆ นี้ให้ข้าได้ฟังหรือไม่?"จงซานที่คิดชั่วครู่และกล่าวออกมา.

"อืม สถานที่พวกเราอาศัยอยู่นี่ ถูกเรียกว่า เกาะหมาป่าสวรรค์ ที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีทวีปศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ ซึ่งขวางกั้นด้วยทะเลขนาดใหญ่ ดินแดนของทวีปศักดิ์สิทธิ์นั้นข้าก็ไม่รู้มากมายนัก ทว่าเกาะหมาป่าสวรรค์นั้น ที่จริงข้าก็เพิ่งได้ยินมาจากอาจารย์เช่นกัน."หนานป่าเทียนที่ยกน้ำชาขึ้นจิบ.

จงซานที่นั่นฟังอย่างอดทน ต้องไม่ลืมว่าเขาเองก็ได้สร้างราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้งขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ต้องการเข้าใจสถานการณ์ดินแดนรอบ ๆ ให้ดี.

"พวกเราที่อาศัยอยู่นี่น่าจะเป็นทิศตะวันตกของเกาะหมาป่าสวรรค์ ที่ทิศใต้ของเกาะหมาป่าสวรรค์นั้น มีดินแดนปุถุชนสามดินแดน หนึ่งก็คือดินแดนที่เจ้าเคยอาศัยอยู่ก่อน ที่มีอาณาจักรต้าคุนเป็นหนึ่งในนั้น ดินแดนดังกล่าวแล้วสำหรับดินแดนของโลกปุถุชนก็นับว่าแข็งแกร่งที่เดียว แต่ก็สำหรับดินแดนปุถุชนอย่างไรก็ก็ดี พวกเขาอยู่ในภูมิประเทศที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงไม่ถูกกำจัดไป."หนานป้าเทียนที่คิดอยู่และกล่าวออกมา.

"มีทั้งหมดสามดินแดนเหรอ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"ใช่แล้ว มีสามดินแดน อาณาจักรต้าคุนของเจ้าเป็นหนึ่งในหกอาณาจักรของดินแดนภาคกลาง ทว่าดินแดนแห่งนั้นเต็มไปด้วยภูเขาสูงมากมาย เป็นดินแดนที่มีสภาพแวดล้อมที่น่าเกรงขามที่ซับซ้อนทีเดียว ซึ่งเป็นชัยภูมิของดินแดนภาคใต้ของเกาะหมาป่าสวรรค์ไปเลยทีเดียว ทว่าในดินแดนภาคเหนือ ที่จริงก็มีแค่ดินแดนเดียว นอกจากนี้ยังมีราชวงศ์จักรพรรดิที่น่าเกรงขามมาก."หนานป่าเทียนกล่าวออกมา.

"ราชวงศ์จักรพรรดิรึ?"จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา.

"อืม ดินแดนภาคเหนือนั้นใหญ่มาก ดินแดนทิศใต้สามดินแดนรวมกันยังไม่สามารถเทียบได้เลย มีสามราชวงศ์ที่ร่วมมือกัน และมีอีกหนึ่งราชวงศ์ที่นั่น ซึ่งก็คือราชวงศ์จักรพรรดิหยินเย่ หวงตี้ของราชวงศ์จักรพรรดิหยินเยว่นั้นมีความแข็งแกร่งระดับก่อตั้งวิญญาณทีเดียว ราชวงศ์ดังกล่าวมีพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักไคหยางเลย สามราชวงศ์จักรพรรดิได้ร่วมมือกันเข้าต่อต้านราชวงศ์หยิงเยว่ ทว่าก็ยังยากลำบากที่จัดการกับราชวงศ์หยินเยว่ได้ เจ้าก็ควรจะรู้ว่าราชวงศ์หยินเยว่นั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก."หนานป้าเทียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด