Chapter 106 ความยินดี.
"เจ้าเชื่อรึยังว่าข้ากำลังจะสังหารเจ้า"เสียงที่เย็นชาของเนี่ยชิงชิงกล่าวออกมา.
ได้ยินคำพูดของเนี่ยชิงชิง ดวงตาของจงซานที่หรี่เล็กลง ทว่าจงซานไม่เชื่อว่านางจะทำ หากเนี่ยชิงชิงมีเจตนาร้ายแล้วล่ะก็ นางคงจะไม่กล่าวสิ่งใด คงจะลงมือสังหารเขาไปแล้ว แต่นางกลับไม่ทำ อีกอย่างหนึ่งสถานที่แห่งนี้อยู่ในสำนักไคหยาง เรื่องเช่นนี้นางย่อมไม่สามารถปิดบังได้อยู่แล้ว หากนางต้องการสังหารเขาย่อมเป็นไปไม่ได้ เช่นนั้นการกระทำดังกล่าวจึงเป็นแค่เพียงการข่มขู่เท่านั้น.
อย่างไรก็ตาม จงซานก็เห็นท่าทางที่โกรธเกรี้ยวของนางได้ จึงได้กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า"ข้าเชื่อว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของข้าได้ เรื่องของข้า ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาคิดแทน ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตา หรือคนที่แข็งแกร่งกว่า เรื่องทุกอย่างของข้าจะจัดการมันเอง หากอาวุโสไม่ยอมรับล่ะก็ จะสังหาร ก็ลงมือเถอะ."
จากนั้น จงซานก็ลุกขึ้น ก่อนที่จะก้าวตรงไปยังหอตำราหายาก ไม่สนใจเนี่ยชิงชิงอีกต่อไป.
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำเช่นนี้กับนาง เดินหนีไปโดยไม่สนใจนางอย่างงั้นรึ?อยากฆ่าก็ฆ่าอย่างงั้นรึ? นี่คือคำพูดของคนที่มีพลังฝึกตนที่ต่ำเตี้ย นอกจากนี้ยังไร้ซึ่งพรสวรรค์ คนทั่วไปที่มีอยู่ดาษดื่น กับคนเช่นนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำเช่นนี้กับนาง?
จงซานที่หันหลังหันพร้อมเดินจากไป เพราะว่าแรงกดดันวิญญาณของนางนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก หากไม่ก้าวออกไปให้เร็วล่ะก็ อาจจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแน่ นอกจากนี้ จงซานยังรู้ดีว่านางได้ยินคำพูดของเขากับหลิงเอ๋อ การที่นางแสดงพลังออกมาเช่นนี้ คงต้องการที่จะกดดันให้เขาถอยออกไปเอง ซึ่งนางจะยิ่งข่มขู่ใช้พลังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาอาจจะได้รับอันตรายได้.
"หยุดตรงนั้น หากก้าวออกไปอีกก้าว ข้าสังหารเจ้าแน่."เนี่ยชิงชิงที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ.
ที่จริง จงซานก็หยุดในทันทีด้วยเช่นกัน.
เห็นจงซานหยุด ท่าทางเนี่ยชิงชิงรู้สึกดีใจขึ้นมาหน่อย ๆ .
ทันทีที่จงซานหยุดก้าวก็พูดออกมาในทันที"อาวุโสหวังว่าท่านควรจะเข้าใจ คนบางคนไม่ได้กลัวตาย เพราะว่าเขามีความคิดเป็นของตัวเองหรอกนะ."
จงซานได้กล่าวคำพูดที่ลึกลับยากแก่การเข้าใจออกมา จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในหอคอยสมบัติหายากทันที.
เนี่ยชิงชิงที่จ้องมองจงซานก้าวเข้าไปด้านใน นางที่พูดอะไรไม่ออก ก่อนหน้านี้ได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณมหาศาลออกมา ตอนนี้ได้เก็บมันกลับมาหมดแล้ว จงซานได้เข้าไปในหอตำราหายากไปแล้ว สายตาของเนี่ยชิงชิงยังคงจ้องมองจะกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่ ใบหน้าของนางที่บึ้งตึง สุดท้ายก็สะบัดกายจากไปด้วยเช่นกัน.
ทว่าจงซานที่อยู่ด้านใน ที่จริงหลังจากที่สัมผัสได้ว่าเนี่ยชิงชิงจากไปแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็เริ่มหยิบตำราและเริ่มอ่านอีกครั้ง.
ในเวลาเดียวกัน ภายหุบเขาแห่งหนึ่ง มีทะเลสาบขนาดเล็ก ซึ่งมีชายชราสองคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ซึ่งก็คือผู้พิทักษ์ขุนเขาและผู้พิทักษ์สำนักนั่นเอง คนทั้งสองที่จ้องมองกันและกัน พร้อมกับเผยสีหน้าประหลาดใจ ทว่าหลังจากนั้นก็เริ่มนั่งลงและเล่นหมากรุกต่อเช่นกัน.
เย็นวันหนึ่ง จงซานก็สามารถอ่านตำราทั้งหมด ไม่ น่าจะเรียกว่าร่างแยกเงาของเขา บันทึกรายระเอียดทั้งหมดของตำราสำนักไคหยางเอาไว้หมดแล้วนั่นเอง
ร่างหลักของจงซาน ที่เดินออกมาจากหอตำราหายากช้า ๆ ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องห่วงเกี่ยวกับหลิงเอ๋อแต่อย่างใด เพราะว่าตอนนี้นางกำลังปิดด่านบำเพ็ญเพียร ในห้องลับของสำนักไคหยาง หลายวันมาแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใหน.
หลังจากได้บันทึกรายระเอียดทั้งหมด จงซานก็พบเรื่องที่ประหลาดใจ ผลไม้อัคคีที่ด้านล่างน้ำพุร้อน คือชื่อจริงของมัน เป็นผลไม้อัคคีที่แท้จริง ความสามารถของมันสามารถดูดซับพลังปราณธรรมชาติ โดยเฉพาะพลังหยาง นับว่ามีพลังที่ล้ำลึกเป็นสุดยอดโชคลาภเลยทีเดียว มีพลังที่เทียบได้กับพลังของศิลาวิญญาณหยาง ทว่าพลังของมันนั้นบริสุทธิ์กว่าศิลาวิญญาณหยางมาก และยังเป็นผลไม้วิญญาณที่มีระดับห้า เป็นของวิเศษที่ยากจะหาเจอ.
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้จงซานยังไม่มีพลังพอที่จะดูดซับมันได้โดยตรง ตอนนี้ทำได้แค่ดูดซับกลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาเท่านั้น ตอนนี้นับว่ามันได้ช่วยส่งเสริมในการรวบรวมปราณแท้ เพื่อสร้างแกนแท้เป็นอย่างมาก.
ห้าเดือนมาแล้ว จงซานที่อยู่ภายในถ้ำผลไม้สวรรค์ เขาที่อยู่ด้านล่างของบ่อน้ำพุร้อนอยู่ตลอดเวลา.
จงซานที่นั่งบำเพ็ญเพียร ทั่วร่างของเขานั้นมีกลิ่นอายที่ล้ำลึกซ่อนเอาไว้อยู่อย่างชัดเจน และจงซานยังใช้ศิลาวิญญาณหยางเพื่อเพิ่มพลังฟ้าดิน ตลอดจนบริเวณรอบ ๆ ยังมีปราณวิญญาณของผลไม้หยางแผ่ออกมาเรื่อย ๆ อีกด้วย ในเวลานี้ทำให้เขาสามารถที่จะรวมรวมปราณแท้เพื่อที่จะสร้างแกนแท้ได้ง่ายขึ้น กลิ่นอายที่ทรงพลังร้ายกาจกำลังถูกสร้างล้อมรอบร่างกายของจงซานช้า ๆ ก่อนที่จะแผ่ซึมเข้ามาภายในร่างของเขา.
จงซานที่หลับตาแน่น พร้อมกับตั้งมั่นสมาธิ โคจรรวบรวมพลังให้มาสะสมในจุดตานเถียน.
ที่จุดตานเถียนเวลานี้ ปราณแท้ถูกสูบเข้ามาราวกับหลุมดำ มันกำลังหมุนวนอย่างช้า ๆ ดูเหมือนกับกลุ่มพายุเฮอลิเคน กำลังไหลเข้ามาในร่างพร้อมกับก่อตัวกันขึ้นมาอยู่ในร่างของเขา และมันกำลังเติบโตขึ้นช้า ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว.
ปราณแท้มากมายมหาศาลที่รวมตัวกันอยู่ตรงกลางเหมือนกับพายุหมุน มันกำลังหมุนวนบีบอัดกันเข้า สะสมอัดแน่นรวมตัวกันไม่หยุดหย่อน พร้อมกับดึงดูดปราณแท้ที่อยู่ด้านนอก ปราณแท้มากมายที่กำลังผสานเข้าไปกระทั่งกระจายไปทั่วร่างของเขา ภายในร่างตอนนี้ราวกับว่าเกิดช่องว่างขึ้น และมีปราณแท้มากมายกำลังถูกดูดจากด้านนอกไหลเข้ามาภายในร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา.
จงซานเวลานี้นั่งสมาธิบำเพ็ญติดต่อกันถึงสามวัน สามคืน โดยที่เขาไม่เคลื่อนไหวเลย ในเวลานี้เขากำลังรอคอยเพื่อที่จะทะลวงผ่านระดับ หากเป็นคนอื่นเมื่อไปถึงระดับห้าขั้นปลาย พวกเขาสามารถใช้เวลาชั่วขณะก็จะสามารถทะลวงผ่านระดับได้แล้ว ทว่าพรสวรรค์ทางร่างของของเขานั้นย่ำแย่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงทำได้แค่เพียงค่อย ๆ บีบอัดพลังดังกล่าวช้า ๆ และไม่หยุดเท่านั้น.
"ครืน ๆ ๆ "
ฐานพายุหมุน เวลานี้มีกระแสไฟฟ้าที่ลั่นแปบ ๆ ด้วยการบีบอัดปราณแท้อย่างไม่หยุดหย่อน เวลานี้มันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นของเหลวสีแดงม่วงแล้ว.
นับจากนั้น ราวกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ มันได้เชื่อมต่อกับปราณแท้มากมาย ปราณแท้ทั้งหมดได้กลายเป็นของเหลวสีแดงม่วงทั้งหมดอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้มากขึ้นและก็มากขึ้นเรื่อย ๆ และเพิ่มปริมาณเพิ่มเรื่อย ๆ .
แกนแท้ นี่คือแกนแท้ สำเร็จแล้ว ด้วยเวลาสามวันจงซานสามารถกลั่น แกนแท้ได้แล้ว.
เป็นเรื่องที่หายากมาก ๆ ที่ใช้เวลากลั่นแกนแท้ยาวนานขนาดนี้ สามวัน ใช้เวลาถึงสามวันเต็ม จงซานที่ไม่ยอมแพ้พยายามใช้ทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ ด้วยความอดทน เพราะว่าจงซานรู้ดี หากว่าในครั้งนี้ไม่สามารถทะลวงระดับสำเร็จ ครั้งต่อไปจะยิ่งยากกว่าเดิมมาก.
เหมือนว่าสวรรค์จะเห็นใจเขา ท้ายที่สุดก็ยอมให้เขาสำเร็จ แน่นอนว่า มีประกายสายฟ้าลั่นแปบ ๆ ไปทั่วปราณแท้ เป็นสายฟ้าที่ไม่สามารถลบออกได้ง่าย ๆ หากไม่มีประกายสายฟ้าที่วิ่งพล่านไปทั่วฐานพายุของปราณแท้ บางทีจงซานอาจจะต้องรออีกหลายวันถึงจะสามารถประสบความสำเร็จ ทว่าด้วยกระแสไฟฟ้ามากมายที่วิ่งพล่าน จึงทำให้เส้นทางของจงซานไม่ยาวมากนัก.
ประกายไฟฟ้าที่แล่นแปบ ๆ นั่น เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อหกเดือนที่แล้ว จากตัวเขาที่ถูกฝังเอาไว้ในโพรงไข่แมงป่องอสนี สายฟ้าดังกล่าวมันได้แทรกซึมซ่อนอยู่ในปราณแท้ของเขา เทียนซวินจื่อที่ได้ทำการปัดมันออกไปแล้ว ทว่าแน่นอนว่าไม่สามารถล้างมันออกไปได้หมด เทียนซวินจื่อก็เคยบอกว่ายิ่งพลังฝึกตนของเขามากขึ้น แกนแท้ของเขาก็จะยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นเช่นเดียวกัน และเมื่อนั้นมันก็จะค่อย ๆ จางไปเอง จงซานรับรู้เรื่องนี้ดี แต่คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะช่วยเขาในวันนี้.
หลังจากผ่านไปอีกสองชั่วโมง ภายในร่างกายของเขาปราณแท้ได้กลายเป็นแกนแท้ทั้งหมด แม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากนัก ทว่าเมื่อสามารถสร้างขึ้นมาได้แล้ว ย่อมสามารถที่จะเพิ่มขึ้นได้ในภายหลัง.
ในเวลานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิชากายาเทพอสูรช่วย จงซานก็สามารถปล่อยปราณดาบได้แล้ว.
ภายในจุดตานเถียนตอนนี้ ยังคงดูดซับพลังฟ้าดินเข้ามาสร้างของเหลว เพื่อสร้างแกนแท้ขึ้นมาไม่หยุด มันกำลังสะสมมากขึ้นกลั่นรวมตัวภายในร่างของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตลอดจนตอนนี้กำลังกลั่นร่างกายของเขาไปด้วย ซึ่งจะเพิ่มความสามารถของเขาขึ้นมาได้นั่นเอง.
หลังจากกินอะไรนิดหน่อย จงซานก็เริ่มบำเพ็ญควบคุมลมหายใจ ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นฟูร่างกายตัวเอง จนท้ายที่สุดตอนนี้ก็สะสมแกนแท้ได้เต็มแล้ว.
ห้าวันหลังจากนั้น ใบหน้าของจงซานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เตรียมตัวออกจากถ้ำด้านล่าง เขาที่ทำการเก็บศิลาวิญญาณมากมายเข้ามา ซึ่งเขาได้นำมันออกมาวางรอบ ๆ ร่างกายของเขานั่นเอง จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางไปยังตำหนักไคหยางเพื่อขอคำแนะนำจากอาจารย์ต่อไป ตลอดจนรายงานพลังฝึกตนของตัวเอง เพื่อวางแผนในการฝึกฝนต่อไป.
"พรึด ๆ ๆ "
จงซานออกมาจากปากถ้ำ.
ทว่าในเวลาเดียวกัน ที่ด้านบนบ่อน้ำนั้นก็ปรากฏใครคนหนึ่งอยู่เช่นกัน.
เป็นเป่ยชิงซือนั่นเอง เสื้อผ้าของนางเวลานี้เต็มไปด้วยฝุ่นและรอยเปอะเปื้อน เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางได้ผ่านการต่อสู้ที่รุนแรงมานั่นเอง.
ด้วยการสะบัดมือหนึ่งครั้ง ธวัชทั้งสิบหกก็ปรากฏไปรอบ ๆ ทิศทาง เป็นค่ายกลอย่างหนึ่งนั่นเอง ตอนนี้ปรากฏหมอกขึ้นทั่วทั้งหุบเขา ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ของบ่อน้ำร้อนแห่งนี้.
ด้วยค่ายกลหมอกขนาดใหญ่ สามารถที่จะปกคลุมปกปิดไปทั่วทั้งยอดเขาเลยทีเดียว ที่บนยอดเขานั้นมีเทียนชาที่ยืนอยู่ด้านนอกจ้องมองลงไปยังด้านล่าง สายตาของเขาที่กวาดตามอง เพ่งมองลงไปยังบ่อน้ำร้อน ทว่าก็เกิดหมอกขึ้นไปทั่วทั้งบ่อน้ำร้อน.
ทันทีที่หมอกปรากฏขึ้น เทียนชาก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน ว่าเกิดจากการกระทำของเป่ยชิงซือ เพื่อปิดบังพื้นที่ด้านใน ซึ่งนางกำลังจะเปลื้องผ้าอาบน้ำนั่นเอง.
สายตาของเทียนชาที่กวาดตามองไปรอบ ๆ หวังว่าจะเห็นเป่ยชิงซือ หวังไว้ว่าค่ายกลนี้จะมีจุดอ่อน.
เทียนชาที่ยืนอยู่บนอากาศรอคอยอย่างอดทน ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก.
ที่ด้านบนของบ่อน้ำ ขณะที่เตรียมการทุกอย่างเสร็จ นางก็เตรียมตัวที่จะเปลื้องผ้า สายตาสีเงินที่ขมวดคิ้วไปมา คิดถึงเรื่องหน้าอายที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ในช่วงเวลาก่อนนี้ ทำให้ตอนนี้นางไม่ประมาท.
เป่ยชิงซือที่ใช้สัมผัสเทวะกวาดไปทั่วบ่อน้ำร้อน.
ในขอบเขตสัมผัสเทวะของนาง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด.
นางที่เป่าลมออกไป เพื่อปัดเป่าฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของนาง.
ขณะที่นางเปลื้องผ้าด้านนอกออก เผยให้เห็นชุดชั้นในซึ่งมีกลิ่นอายของน้ำแข็งแผ่ออกมา ทันใดนั้นที่ใจกลางของบ่อน้ำร้อน ฟองน้ำมากมายที่พ่นผุด ๆ เป็นระลอกคลื่น.
เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เป่ยชิงซือที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงท่าทางประหลาดใจ หัวใจของนางที่รู้สึกแปลกประหลาดมาขึ้นเรื่อย ๆ ในทันที มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นรึ?
"ครืน ๆ ๆ "
จงซานที่กำลังดีใจ พุ่งขึ้นมาด้วยความเร็วสูง พุ่งทะยานขึ้นมาจากก้นบ่อ.
เขาที่พุ่งขึ้นมาบนบ่อน้ำร้อน ด้วยตอนนี้มีพลังฝึกตนระดับหกเซียนเทียน ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว.
ทว่าขณะที่เขาพุ่งขึ้นมาบนผิวบ่อน้ำร้อน ก็ปรากฏเห็นหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว ใบหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที ตระหนักได้ถึงเรื่องที่ไม่ดีแล้ว ขณะที่เขาหันหน้าออกไป ก็เห็นเป่ยชิงซือที่ไม่ได้เห็นมาพักหนึ่งแล้ว.
เป่ยชิงซือที่ถอดชุดออกมาแล้ว เหลือเพียงแค่ชุดชั้นใน เผยให้เห็นรูปร่างที่สมส่วนแนบติดกายของนาง ไหล่ที่ขาวสลวยราวกับหยกสลักสายตาของนางที่จับจ้องมองไปยังจงซาน เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทว่าในเวลานี้นางยังคงสวมชุดชั้นใน เทียบกับครั้งก่อนกับครั้งนี้ ก็ทำให้เลือดสูบฉีดได้เช่นกัน.
เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยความงุนงง ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้อีกล่ะ? หรือว่า เขาตั้งใจอย่างงั้นรึ? วันนี้นางกลับมายังสำนักไคหยาง แม้แต่อาจารย์ยังไม่รู้เลย แล้วจงซาน เขาจะรู้ได้อย่างไรล่ะ? หรือว่าเขามารอที่นี่ทุกวันเลย?
จงซานที่แสดงท่าทางเคร่งขรึม ที่หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเยือบจ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ เขารู้ดีว่าพลังฝึกตนของเขาเพิ่งจะทะลวงผ่าน ทว่าไม่ควรเลยที่จะดีใจจนเกินไปจนประมาทเช่นนี้.
เป็นเหตุการณ์ที่บรรยากาศนิ่งงันไปทันที เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าเป่ยชิงซือจะตอบสนองเช่นไร เป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ทว่าจงซานก็เบี่ยงร่างไปอีกฝั่ง เป็นความรู้สึกที่เขาก็พูดไม่ออกเช่นกัน.
"ครืนนนน!"
จงซานที่ล่วงหล่นลงพื้น เกิดเสียงดังสนั่น ก่อนที่จะปลุกเป่ยชิงซือจากอาการตื่นตะลึง.